“แน่ใจ!” หลงไซ้หนานพยักหน้าอย่างแข็งขัน สายตามองไปทางทุกคนอีกครั้ง
“ฮ่าๆ ฆ่าได้ดี พวกเผ่าปีศาจและเผ่าคนเถื่อนถูกัดำจัดการหมดยิ่งดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งหมันก้านและเยาขาข่าถูกฆ่าตายไปด้วยยิ่งดีที่สุด” ผู้นำกองกำลังหน่วยหนึ่งหลังจากที่ได้รับการยืนยันจากหลงไซ้หนานพลันพูดและหัวเราะเสียงยาวออกมาด้วยความสะใจ
“ฆ่าได้ดีมาก!”
“เ้าัดำตัวนี้ช่างประเสริฐจริงๆ! ฆ่าเยอะๆ หน่อยยิ่งดี!”
“…”
ทุกคนต่างหัวเราะแสดงความปีติยินดีออกมาพร้อมกัน อารมณ์อึดอัดกลัดกลุ้มที่รู้ว่าเผ่าปีศาจและเผ่าคนเถื่อนร่วมมือกันเมื่อหลายวันก่อน ตอนนี้ถูกข่าวน่ายินดีที่ได้ยินขจัดทิ้งไปหมดสิ้น ผู้นำกองกำลังที่อยู่ทางด้านซ้ายมือผู้หนึ่งลุกขึ้นยืน ดวงตาเปล่งประกายแสงแหลมคมพร้อมกับพูดขึ้น “ถูกต้อง ัดำตัวนี้ทำได้ไม่เลว อืม...ตอนนี้พวกเราไปไล่ตีสุนัขตกน้ำกันดีหรือไม่? สังหารพวกมันให้สูญสิ้นไปเลยเป็อย่างไร?”
“เื่นี้...”
ข้อเสนอที่ดังขึ้นมาทำให้ทุกคนที่กำลังพูดกันด้วยอารมณ์เบิกบานพลันหยุดชะงักลงในทันที จากนั้นสายตาทุกคู่มองไปยังหลงไซ้หนาน
หลงไซ้หนานหันหน้าไปยิ้มให้ผู้ที่พูดข้อเสนอขึ้นมา จากนั้นหันหน้ามองไปยังทุกคนยกมือขึ้นครั้งหนึ่งก่อนจะกล่าวออกมา “เหอะๆ! ความจริงวันนี้ที่ข้าเรียกทุกท่านมาอย่างเร่งด่วนก็เพื่อจะปรึกษาหารือกันในเื่นี้ แม้พวกเราจะไม่รู้ว่าสาเหตุที่แท้จริงที่เผ่าปีศาจและเผ่าคนเถื่อนร่วมมือกันนั้นเพราะอะไร แต่ในเมื่อมันเป็ความจริงขึ้นมาแล้ว ศึกที่พวกเราจะต้องสู้รบกับทั้งสองเผ่านี้ย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้ ในเมื่อไม่ช้าก็เร็วพวกเราจะต้องสู้รบกับพวกมันที่ร่วมมือกันอยู่แล้ว ถ้าอย่างนั้นก็ถือโอกาสอันดีนี้ ในขณะที่พวกมันขวัญกระเจิงจากการถูกัดำไล่ฆ่า พวกเราออกไปดักสกัดโจมตีซ้ำเข้าไปให้พวกมันไม่มีเวลาได้ทันตั้งตัว โดยเฉพาะนักรบระดับหัวกะทิของพวกมันควรจะสังหารให้ได้มากที่สุด เพื่อศึกใหญ่ตัดสินสุดท้ายที่จะมาถึง พวกเราจะได้เปรียบมากยิ่งขึ้น ทุกท่านเห็นว่าอย่างไร?”
“แม่นางหลงพูดได้ดี ถือโอกาสตอนที่ศัตรูพลาดพลั้งโจมตีซ้ำออกไปให้ถึงตาย และเพื่อเป็การล้างแค้นให้เหล่านักรบเขตปกครองเทพาทั้งหลายที่ตายไปด้วย!” หลงสุ่ยหลิวที่นั่งอยู่ข้างกายของหลงไซ้หนานสะบัดผมที่หยิกงอของตนเอง จากนั้นเอ่ยสำทับคำของหลงไซ้หนานขึ้นก่อนใคร พร้อมกับใบหน้าหล่อเหลาที่เต็มไปด้วยความเดือดดาล
“ข้อเสนอนี้ฟังดูดีอยู่ เพียงแต่ว่าทั้งเผ่าปีศาจและเผ่าคนเถื่อนคนมากอานุภาพก็ยิ่งใหญ่มหาศาล หากยังไม่ตรวจสอบให้แน่ชัดแล้วพวกเราบุ่มบ่ามออกไปแบบนี้ กลัวว่าจะตกหลุมพรางเข้าได้ อาจจะเสียหายย่อยยับทั้งหมดก็ไม่แน่!”
“อืม เวลานี้ต้องวางแผนพูดคุยกันให้ดีๆ อย่าเพิ่งบุ่มบ่ามเลยจะดีกว่า เดี๋ยวจะตกหลุมพรางของศัตรูเข้าได้!”
“ข้าเห็นด้วยกับข้อเสนอของแม่นางหลง!”
“กองกำลังของข้าเสียหายค่อนข้างมากจากการต่อสู้ครั้งที่แล้ว คงต้องหยุดพักรักษาตัวสักระยะ!”
“…”
ทุกคนนิ่งเงียบไปสักพัก จากนั้นต่างแสดงความคิดเห็นของตนเองออกมา กองกำลังสิบกว่าหน่วยมีครึ่งหนึ่งที่แสดงความคิดเห็น เห็นด้วยบ้างไม่เห็นด้วยบ้างอย่างละเท่าๆ กัน ส่วนอีกครึ่งหนึ่งมองดูทิศทางลมอยู่เงียบๆ
“นายน้อยเสว่ เ้าเห็นว่าอย่างไร?” หลงไซ้หนานไม่ได้ใส่ใจ แต่สายตามองไปที่เสว่อู๋เหิน นางรู้ดีว่ากองกำลังสิบกว่าหน่วยที่อยู่ที่นี่ล้วนเป็บริวารที่อยู่ในการปกครองของทั้งห้าตระกูลใหญ่และเมืองั กองกำลังของเมืองัไม่ต้องพูดถึงเพราะอย่างไรก็คล้อยตามนางอยู่แล้ว ส่วนผู้นำกองกำลังที่อยู่ภายใต้ตระกูลอื่นๆ ตอนนี้พวกนายน้อยและคุณหนูไม่อยู่จึงทำเพียงมองดูสถานการณ์โดยยังไม่ได้แสดงความเห็นใดๆ
ตอนนี้ที่สำคัญที่สุดคือความเห็นของเสว่อู๋เหิน เขานำกองกำลังมาสองหน่วยบวกกับกองกำลังอื่นที่อยู่ภายใต้การปกครองของตระกูลเสว่อีกสี่ห้าหน่วย ถ้าหากเขาตัดสินใจไปด้วยละก็พวกที่เหลือที่กำลังรอดูทิศทางลมอยู่ก็คงตามไปด้วย เื่นี้ก็เป็อันกระทำได้สำเร็จ
“เหอะๆ!” เสว่อู๋เหินเห็นทุกคนส่งสายตามองมายังตนเอง เขายิ้มออกมาพร้อมกับลุกขึ้นประสานมือไปยังทุกคนทั่วทั้งสี่ทิศ สะบัดเก็บพัดที่อยู่ในมือแล้วพูดออกมาอย่างอ่อนโยน “ต้องขออภัยด้วยแม่นางหลง! เื่นี้จุดน่าสงสัยมีเยอะมากเกินไป สถานการณ์ก็ยังไม่ชัดเจน ตระกูลเสว่คงไม่ขอเข้าร่วมด้วย อีกทั้งข้าคำนึงถึงชีวิตของเหล่านักรบทั้งพันกว่าคนที่อยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของข้า! แน่นอนว่าข้าจะนั่งรักษาการณ์ให้หากมีเผ่าปีศาจและเผ่าคนเถื่อนบุกมาท้าทายถึงที่นี่ อู๋เหินจะพยายามสู้ปกป้องอย่างสุดชีวิตโดยไม่เสียดายปราณพลังรบที่มีในร่างกายเลยแม้แต่น้อย!”
คำพูดของเสว่อู๋เหินนั้นฟังดูสวยงาม เหตุและผลถูกต้องชัดเจนวาทะเต็มไปด้วยหลักสัจธรรม
พูดเป็เล่น! จะให้ตนเองไปสู้รบกับเยาขาข่าและหมันก้าน? ถ้าหากพวกมันจนมุมแล้วคายความลับเื่ที่ตนเองร่วมมือกับพวกมันโอบล้อมฆ่ากองกำลังของสี่ตระกูลออกมา ถ้าเป็อย่างนั้นละก็ทั่วทั้งเขตปกครองเทพาคงไม่มีที่ให้ตนยืนอีกต่อไปแล้ว ดังนั้นจึงต้องปฏิเสธ ปฏิเสธอย่างมีเหตุผลและมีคุณธรรม!
“คนขี้ขลาดอย่างเขาแน่นอนว่าไม่กล้าไปแน่ ใครเป็ลูกผู้ชายตัวจริงก็ตามข้าไป!”
ผู้นำกองกำลังที่รอดูทิศทางลมทั้งหลายต่างพยักหน้าด้วยความรู้สึกว่าสิ่งที่เสว่อู๋เหินพูดออกมานั้นมีเหตุและผลที่น่าฟัง เพียงแต่ยังไม่ทันที่พวกเขาจะพูดอะไรออกมา ภายนอกถ้ำพลันมีเสียงพูดที่ทุ้มใหญ่ดังลอยมา ทำเอาทุกคนที่อยู่ภายในถ้ำสะดุ้งใไปตามๆ กัน จากนั้นต่างพากันสาดสายตามองไปยังปากถ้ำเพื่ออยากจะดูว่าเป็ใครที่มีความกล้าถึงขนาดด่าทอนายน้อยของตระกูลเสว่ออกมาอย่างโจ่งแจ้งถึงเพียงนี้?
เมื่อได้ยินเสียงที่ดังลอยมา สีหน้าของหลงไซ้หนานและหลงสุ่ยหลิวแสดงความยินดีออกมาแล้วรีบลุกขึ้นในทันที ส่วนเสว่อู๋เหินที่อยู่ข้างๆ ใบหน้าเริ่มดำคล้ำชายตาเอียงไปมองยังปากถ้ำเช่นเดียวกัน
ภายใต้สายตาที่จับจ้องของทุกคน เงาร่างสูงใหญ่ของคนผู้หนึ่งปรากฏขึ้นที่ปากถ้ำ ทั่วทั้งร่างเต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อที่ราวกับอัดแน่นไปด้วยพลังงานพร้อมที่จะะเิออกมาได้ทุกเมื่อ ที่ด้านหลังสะพายกระบี่ใหญ่สีดำเล่มหนึ่ง
“เฟิงจื่อ ในที่สุดเ้าก็กลับมาจนได้! ข้าคิดไว้อยู่ว่าไอ้ตัวหายนะอย่างเ้าคงไม่ตายง่ายๆ แน่นอน อย่างน้อยต้องอยู่เป็ตัวหายนะสักพันปีถึงจะตาย!” ผู้ที่ชิงพูดขึ้นก่อนคือหลงสุ่ยหลิว ใบหน้าที่หล่อเหลาเต็มไปด้วยน้ำใสใจจริง หลงสุ่ยหลิวและเฟิงจื่อคบหากันเป็เพื่อนอย่างสนิทใจ ส่วนผู้คนที่อยู่ข้างๆ ที่รู้จักกับเฟิงจื่อต่างพากันเอ่ยกล่าวทักทายกับเขา มีเพียงเสว่อู๋เหินเท่านั้นที่ยืนสีหน้าดำคล้ำอยู่เงียบๆ ด้านข้าง
“ฮ่าๆ ถ้าเ้ายังไม่ตายข้าจะมีหน้าไปก่อนเ้าได้อย่างไรกัน คารวะแม่นางหลง! ยินดีที่ได้พบทุกท่านอีกครั้ง!” เฟิงจื่อหัวเราะฮ่าๆ ออกมา กระแทกหมัดไปที่หลงสุ่ยหลิวทีหนึ่ง จากนั้นโบกมือทักทายแก่ทุกคนแล้วหันมาประสานมือแก่หลงไซ้หนาน
“อืม กลับมาก็ดีแล้ว แล้วพวกเขาที่เหลือเล่า?” หลงไซ้หนานอมยิ้มพยักหน้าตอบรับ แล้วเอ่ยถามขึ้น
“คารวะแม่นางหลงและทุกๆ ท่าน ข้าฮวาเฉ่ากลับมาแล้วและอย่างปลอดภัย” หลงไซ้หนานเพิ่งจะพูดจบ ปากถ้ำพลันมีเสียงพูดอ่อนโยนดังลอยมา จากนั้นไม่นานปรากฏเงาร่างของฮวาเฉ่าขึ้น
“แม่นางหลง เยว่ชิงเฉิงก็กลับมาแล้วเช่นกัน!” ปากถ้ำมีเสียงดังที่ไพเราะราวกับเสียงร้องของนกขมิ้นดังขึ้นอีก เยว่ชิงเฉิงในชุดสีเขียว เดินบิดร่างที่อ้อนแอ้นอรชรตรงเข้ามาจากปากถ้ำพร้อมกับกลิ่นหอมที่โชยมา
คิ้วรูปกระบี่ของหลงไซ้หนานกระดกขึ้น ใบหน้ายิ้มอย่างอ่อนหวานออกมา เดินหน้าออกไปอย่างรวดเร็วหลายก้าว จากนั้นประคองมือน้อยๆ ของเยว่ชิงเฉิงขึ้นแล้วพูดออกมาอย่างร้อนรน “อืม! ชิงเฉิงเ้าปลอดภัยกลับมาก็ดีแล้ว พี่สาวเป็ห่วงเ้าแทบแย่!”
“คารวะแม่นางหลง!” กลุ่มสุดท้ายที่เดินผ่านปากถ้ำเข้ามาคือพวกฮวาซิน เฟิงเิและเยว่เซียนกู ทั้งหมดหันไปพยักหน้าให้ลงไซ้หนานแล้วไปหยุดยืนอยู่ข้างๆ ไม่ได้พูดจาสิ่งใดต่อ
“หืม? เย่ชิงหาน เย่ชิงอู่อยู่ที่ไหน?” หลงไซ้หนานอมยิ้มแล้วพยักหน้า จากนั้นคล้ายกับว่านึกอะไรขึ้นมาได้จึงหันหน้าไปยังเยว่ชิงเฉิงแล้วเอ่ยถามขึ้นด้วยความแปลกใจ
“ยังไม่ได้ข่าว!” คำถามของหลงไซ้หนานทำให้สีหน้าของทุกคนเศร้าหมองลงในทันที แม้ว่าพวกเขาจะถูกเคลื่อนย้ายไปยังสถานที่ที่แตกต่างกัน แต่สุดท้ายก็ไปรวมตัวกันยังจุดที่เคยพูดคุยกันไว้ กองกำลังของทั้งสี่ตระกูลโดยส่วนมากก็ล้วนมาถึงกันแล้ว เหลือแค่พวกเย่ชิงหานทั้งสี่เท่านั้นที่ไม่มีข่าวคราวใดๆ เลย
หลังจากที่หยุดรออยู่วันหนึ่งพวกเขาจึงจำใจต้องเดินทางออกมาก่อน เดินทางมายังเขตพื้นที่รวมพลชั่วคราวภายในสนามรบตะลุมบอนแห่งนี้ แต่เมื่อมาถึงที่นี่ก็ยังไม่มีข่าวสารใดๆ เกี่ยวกับทั้งสี่คนเลยแม้แต่น้อย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้