“เร็วเข้า กล่องพวกนี้ต้องย้ายไปที่รถม้าสำหรับลงเขาก่อนฟ้ามืด”
“อันนี้ด้วย อันนั้น ของพวกนี้อีก เร็วเข้า”
“อย่าอู้นะ รีบทำงานเร็วเข้า”
......
เสียงสั่งของซูเหอดังขึ้นท่ามกลางเสียงของพวกโจรป่าอยู่ตลอด
เวินซีมองไปทางต้นเสียงก็เห็นนางยืนอยู่บนหินก้อนั์ที่มองเห็นได้ชัดเจน นางกำลังชี้นิ้วออกคำสั่งอยู่ ข้างๆ มีบุรุษชราผมขาวกำลังพูดคุยกับนางด้วยสีหน้าไม่สู้ดี
“คุณหนูซู” เวินซีเดินเลี่ยงกลุ่มคน เมื่อไปถึงหินที่ซูเหอยืนอยู่ก็เอ่ยปาก
เมื่อซูเหอได้ยินเสียงของนาง ดวงตาก็เป็ประกาย หรี่ตาลงพลันะโลงมาจากก้อนหิน
“พี่สะใภ้ ตื่นแล้วหรือเ้าคะ? เมื่อคืนนอนหลับสบายหรือไม่เ้าคะ?”
“ก็ดี คนพวกนี้กำลัง...” เวินซีถามพร้อมกับมองดูพวกโจร
“เรามิได้จะลงเขาไปหรือเ้าคะ? นี่เป็ครั้งแรกในรอบหลายปีที่ข้าจะลงเขาไป จึงคิดอยากจะพกของติดตัวไปหน่อยน่ะเ้าค่ะ” ซูเหอตอบด้วยรอยยิ้ม
“นี่...เรียกหน่อยหรือ?” เวินซีมองไปยังกล่องที่กองสูงราวกับูเาแล้วพูดไม่ออก
หากต้องนำกล่องพวกนี้ไปด้วยจริงๆ เกรงว่ารถม้าสิบคันคงยังไม่พอ หากต้องนำมันไปที่เมืองซู่เหอ ด้วยสัมภาระเหล่านี้คงเป็ที่สังเกตเห็นแน่
“มากไปหรือเ้าคะ? สิ่งที่ข้าเอาไปด้วยล้วนจำเป็ อาหาร หญ้าม้า ผ้า ทอง เครื่องประดับ…”
“เอาอาหารกับเงินไปก็พอ ที่นี่อยู่ไม่ห่างจากเมืองซู่เหอ รอให้เราปักหลักอยู่ที่นั่นได้แล้ว หากเ้าคิดจะเอาของพวกนี้ไปด้วย เราค่อยกลับมาเอา” เวินซีพูดนิ่งๆ
ซูเหอมองไปที่พวกโจรก็คิดในใจ
“รองหัวหน้า ท่านฟังคุณหนูท่านนี้เถิดขอรับ ของพวกนี้ที่ท่านย้ายออกมา ทำให้คลังของเราหายไปกว่าครึ่ง พี่น้องเรายังต้องทานต้องใช้นะขอรับ” บุรุษชราเดินมาหยุดที่หน้าซูเหอ และเอ่ยในเวลาที่เหมาะสมพอดี
“เช่นนั้น...พี่สะใภ้ไปช่วยข้าเลือกหน่อยนะเ้าคะ ข้าเติบโตมาในค่ายทหาร ระยะให้หลังก็อยู่บนเขา มิได้มีปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์มากนัก เื่พวกนี้ข้าไม่ค่อยรู้น่ะเ้าค่ะ” ซูเหอหันไปมองเวินซี
“ได้สิ มากับข้าเถิด” เวินซีตกลง แล้วพาซูเหอเดินเข้าไปในกลุ่มคน
เมื่อบุรุษชราให้สัญญาณ ทุกคนก็นำกล่องวางลงบนพื้นแล้วเปิดออกทั้งหมด สายตาของพวกเขามองไปที่ทั้งสามคน
เวินซีมองดูแต่ละกล่อง รู้สึกสนใจเป็อย่างยิ่ง
“อันนี้ ถือไว้” จู่ๆ นางก็เอื้อมมือหยิบผ้าไหมออกมาจากกล่องแล้วยื่นให้ซูเหอ
ซูเหอรับมาแล้วโยนให้บุรุษชรา
เมื่อัักับผ้าไหมเนื้อนิ่ม แววตาของบุรุษชราก็เต็มไปด้วยความเสียดาย หัวใจของเขาราวกับโดนมีดแทง
ทั้งสามคนยังคงเดินต่อไป
ไม่นานนัก เวินซีก็หยุดลงอีกครั้งแล้วหยิบปิ่นปักผมหยกออกมา “ถือไว้”
นางพูดพลันมอบปิ่นปักผมให้ซูเหอ
ซูเหอมองดูมันครู่หนึ่งก็โยนให้บุรุษชรา
เมื่อเห็นปิ่นปักผม รอยยิ้มบนใบหน้าของบุรุษชราก็แทบจะทนฝืนไว้ไม่ได้
“รองหัวหน้า ของพวกนี้ล้ำค่า เอาไปเท่านี้พอหรือไม่ขอรับ?” เขาแกล้งถาม
ทั้งสองคนมิได้สนใจเขา เขาจึงถอนหายใจแรง ทำได้เพียงเดินตาม
“อักษรวิจิตรผืนนี้เป็ของผู้ใดกัน?” เวินซีหยิบอักษรวิจิตรขึ้นมาถาม
“คุณหนู มันเป็ฝีมือของบุรุษที่งามที่สุดในใต้หล้า คุณชายต้วนจิงเย่ขอรับ”
“คุณชายต้วนไม่ชอบวาดภาพ อักษรวิจิตรของเขาที่ออกมาใน่หลายปีมานี้นั้นน้อยยิ่งนัก ผลงานชิ้นนี้นับว่าล้ำค่ามาก มีราคาไม่น้อยเลยขอรับ”
“คุณหนู จะให้เอาภาพนี้ไปหรือไม่ขอรับ?” บุรุษชราก้าวไปข้างหน้าหยิบภาพอักษรวิจิตรขึ้นมา
“ไม่ต้องหรอก” เวินซีพูดเบาๆ พลันวางภาพอักษรวิจิตรกลับลงไป
นางไม่คิดเลยว่าต้วนจิงเย่จะเป็ดั่งเครื่องมือสร้างเงินที่เคลื่อนที่ได้ ในอนาคตหากมีโอกาสจะต้องหลอกให้เขาเขียนอักษรวิจิตรให้สักสองสามผืนเสียแล้ว
“ขอรับ คุณหนู” ในที่สุดนางก็เหลือของมีค่าไว้บ้างแล้ว บุรุษชราจึงรีบเอ่ยปากอย่างกระตือรือร้น
ทั้งสามคนเดินดูของอีกสักพัก เมื่อผ่านไปได้ประมาณครึ่งชั่วยาม ของมีค่าทุกอย่างก็ถูกนำออกมา ในที่สุดเวินซีก็พาซูเหอเดินออกไป และให้พวกโจรป่านำของกลับเข้าคลัง
บุรุษชรามองดูของมีค่าที่เหลือในมือก็รู้สึกราวกับมีเืออกในใจ
คนกลุ่มนี้ต่างหากที่เป็โจร ทั้งยังเป็โจรที่รอบรู้อีกด้วย เลือกแต่ของมีค่าไป แต่เขาเสียของพวกนี้ไปไม่กี่อย่างก็ยังดีกว่าให้รองหัวหน้านำของทั้งหมดออกจากคลัง
เมื่อคิดได้เช่นนั้น เขาก็ให้คนนำของไปใส่รถม้า
เมื่อเห็นซูเหอมีความสุขมาก เขาก็ก้มหน้าลง ก้าวไปข้างหน้าและพูดกับนาง
“รองหัวหน้า หัวหน้าใหญ่กับหัวหน้าสามตายหมดแล้ว ท่านออกไปแล้ว ผู้ใดจะดูแลที่นี่ล่ะขอรับ?”
“เ้าก็แล้วกัน ผู้เฒ่าสวี่ ข้าไม่วางใจให้ผู้อื่นดูแลที่นี่” ซูเหอยิ้ม
“ข้าหรือขอรับ? รองหัวหน้า ข้าอายุเกินห้าสิบเข้าไปแล้ว มิได้นะขอรับ” ผู้เฒ่าสวี่ปฏิเสธอย่างกลัวๆ
“มานี่สิ ข้าขอคุยกับเ้าหน่อย” ซูเหอคว้าคอของเขาไปข้างๆ
ทั้งสองพูดคุยกันเสียงเบา
เมื่อเห็นดังนั้นเวินซีก็ไม่รบกวน นางเดินออกไปทางยอดเขาด้วยความอยากรู้อยากเห็น ในขณะที่หรานอิ่งชุนทำตัวไม่ให้เป็ที่สังเกตแล้วเดินตามนางไป
“พี่สะใภ้ บนยอดเขานั้นเป็คุกขังสตรีที่ลักพาตัวมาได้” ซูเหอเงยหน้าขึ้นมองเมื่อเห็นว่าเวินซีกำลังจะเดินขึ้นไป แต่ไม่นานนางก็พูดเสริมว่า “คนพวกนั้นเป็สตรีที่หัวหน้าใหญ่กับหัวหน้าสามจับมาเป็ภรรยา ยามนี้ทั้งสองก็ตายไปแล้ว ปล่อยพวกนางไปเถิดเ้าค่ะ พี่สะใภ้ กุญแจแขวนอยู่ที่กำแพงบนเขานั่น”
“ได้” เวินซีตอบรับพลันเร่งฝีเท้าเดินขึ้นไป
ไม่นานนักนางก็ไปถึงยอดเขา สายตาพลันมองไปที่คุก
คุกที่ว่านั้นเป็เพียงถ้ำเก่าแก่ทรุดโทรมที่ใช้ไม้หนักๆ กั้นปากทางไว้เท่านั้น ต้องใช้แรงของบุรุษสองสามคนสามารถจึงจะสามารถเปิดมันออกได้อย่างง่ายดาย แต่สำหรับสตรีร่างบางแล้วถือเป็เื่ที่ยากเกินไป
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของคนเดินเข้ามาด้านใน พวกคุณหนูที่อยู่ในคุกก็พากันเดินออกมาที่หน้ากรงขัง
“เ้าคือผู้ใด?”
“เหตุใดเ้าจึงไม่ถูกจับขัง? หรือว่าเ้ากลัวพวกเขาจนยอมเป็พวกโจรป่าหรือ?”
“เ้ามาทำอันใดที่นี่? หากโจรป่าสองคนนั่นเห็นว่าเ้ามาที่นี่จะต้องฆ่าเ้าแน่ รีบหนีไปเถิด”
......
คุณหนูหลายคนเห็นสตรีที่มิเคยได้พบมาก่อน พวกนางพากันคาดเดาและเป็กังวลกับผู้ที่มาใหม่
เวินซีมองพวกนางอย่างสงบนิ่ง กวาดสายตามองที่กำแพงก็เจอกุญแจอย่างรวดเร็ว
นางขยับตัวไปหยิบกุญแจลงมาพลันเดินไปใกล้ห้องขัง
“เ้ามาช่วยพวกเราหรือ? คนจากทางการทำลายหมู่บ้านโจรป่าได้แล้วหรือ?” คุณหนูคนหนึ่งพูดอย่างตื่นเต้น
“มิใช่เ้าค่ะ” เวินซีตอบ พลางไขกลอนประตูออก
คุณหนูหลายคนมองหน้ากัน ไม่มีผู้ใดกล้าก้าวออกจากห้องขัง
“ไม่ออกไปหรือ?” เวินซีมองพวกนางด้วยความประหลาดใจ
“หัวหน้าใหญ่กับหัวหน้าสามให้เ้ามาทดสอบเราใช่หรือไม่? พวกเราไม่ไป พวกเราจะอยู่ที่นี่”
“ใช่ พวกเรายอมอยู่ที่นี่”
“ใช่ ข้าไม่ไปหรอก”
......
คุณหนูหลายคนพูดอย่างสั่นเทา
“หัวหน้าใหญ่กับหัวหน้าสามตายแล้ว พวกเ้าออกไปเถิด ไม่มีผู้ใดจับพวกเ้าแล้ว” เวินซีมองดูพวกนางพลางอธิบายด้วยรอยยิ้ม
“จริงหรือ?”
“จริงเ้าค่ะ รีบออกไปเถิด มิเช่นนั้นข้าจะเปลี่ยนใจแล้วนะ” เวินซีจงใจขู่พวกนาง
“ไป พวกเราจะไปเ้าค่ะ ขอบคุณคุณหนูมากที่ช่วยพวกเรา ขอบคุณเ้าค่ะ” คุณหนูสามคนจับมือกันแล้วพากันวิ่งออกไป
เวินซีโยนกลอนประตูลงบนพื้นพลันคิดจะกลับลงไป แต่ทันใดนั้นนางก็ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวดังออกมาจากส่วนลึกภายในห้องขัง
นางขมวดคิ้วพลันมองหน้าหรานอิ่งชุน
“คุณหนูเวิน ข้ากลัว พวกเรารีบออกไปเถิดเ้าค่ะ” หรานอิ่งชุนเอ่ยด้วยเสียงสั่น นางก้มหน้าก้มตาแล้วบีบมือเวินซีแน่น
“เข้าไปดูกันเถิด” เวินซีกลัวว่าจะมีคนอยู่ข้างในและยังไม่ทราบเื่
นางจูงมือหรานอิ่งชุนเดินเข้าไปในถ้ำ