ตอนที่ 8: รสชาติของเงินและเื
แปดสิบหยวน...
สำหรับหลินเฟยในชาติก่อน มันอาจเป็แค่ค่าอาหารมื้อเดียวที่ไม่ได้หรูหราอะไรนัก แต่สำหรับหลินเฟยในชาตินี้...มันคือสมบัติล้ำค่าที่หนักอึ้งอยู่ในอกเสื้อของนาง มันคือความหวัง คืออนาคต คืออิสรภาพของทั้งครอบครัว
นางเดินออกจากตัวอำเภอด้วยฝีเท้าที่เร่งรีบกว่าขามาหลายเท่า หัวใจเต้นระรัวด้วยความตื่นเต้นระคนหวาดระแวง นางคอยสอดส่ายสายตามองไปรอบตัวอยู่ตลอดเวลา กลัวว่าจะมีใครสังเกตเห็นความมั่งคั่งที่นางซ่อนไว้ แม้จะพยายามทำตัวให้เป็ปกติที่สุด แต่ความสุขและความกังวลที่ฉายชัดอยู่ในแววตานั้น ก็ไม่อาจปิดบังคนที่มีสายตาแหลมคมได้
และนางก็ไม่รู้ตัวเลยว่า...สายตาคู่หนึ่งได้จับจ้องนางมาั้แ่ที่นางเดินออกมาจากตรอกของโรงรับจำนำถงซุ่นแล้ว
เส้นทางกลับหมู่บ้านใน่บ่ายนั้นค่อนข้างเงียบสงบ ชาวบ้านส่วนใหญ่ยังคงทำงานอยู่ในไร่นา มีเพียงเสียงลมพัดผ่านทุ่งหญ้าและเสียงจักจั่นที่ร้องระงมเท่านั้นที่อยู่เป็เพื่อนนาง หลินเฟยเดินไปได้ราวครึ่งทาง เมื่อมาถึง่ที่เป็ป่าละเมาะรกทึบและปลอดคนที่สุด...สัญชาตญาณบางอย่างก็ร้องเตือนขึ้นมา
นางรู้สึกได้ถึงสายตาที่จ้องมองมาจากในพุ่มไม้...ไม่ใช่สายตาของสัตว์ป่า แต่เป็สายตาที่เต็มไปด้วยความมุ่งร้ายของมนุษย์!
หลินเฟยชะลอฝีเท้าลงเล็กน้อย มือข้างหนึ่งกำด้ามมีดพร้าที่เหน็บไว้ข้างเอวแน่นขึ้น ขณะที่สมองของศัลยแพทย์ผู้คุ้นเคยกับสถานการณ์ฉุกเฉินเริ่มประเมินสถานการณ์อย่างรวดเร็ว...ทางหนี...อาวุธ...จุดอ่อนของศัตรู...
ยังไม่ทันที่นางจะได้เตรียมใจให้พร้อมดีนัก! ร่างของชายฉกรรจ์สามคนก็กระโจนออกมาจากพุ่มไม้มายืนขวางทางนางไว้
ชายคนแรกที่ดูเหมือนจะเป็หัวหน้า มีรอยแผลเป็พาดผ่านใบหน้า ดวงตาขุ่นมัวและเต็มไปด้วยความโลภ สองคนข้าง ๆ ก็มีท่าทางไม่ต่างกันนัก พวกเขาทั้งสามคนสวมเสื้อผ้าเก่า ๆ แต่ร่างกายกลับดูแข็งแรงบึกบึนกว่าชาวนาทั่วไป เห็นได้ชัดว่าไม่ได้หาเลี้ยงชีพด้วยการทำนาแน่นอน
“ส่งเงินมาให้หมด!” ชายหน้าบากตะคอกเสียงดัง มือของเขาชี้มาที่อกเสื้อของหลินเฟยอย่างแม่นยำ “ฉันเห็นนะว่าแกเพิ่งจะออกมาจากโรงรับจำนำของเถ้าแก่เฉียน...ได้มาไม่น้อยเลยสินะ! ส่งมาซะดี ๆ แล้วพวกฉันจะไว้ชีวิตที่ไร้ค่าอย่างเด็กผู้หญิงอย่างแก!”
หัวใจของหลินเฟยดิ่งวูบ...นางประมาทเกินไป! ความดีใจทำให้นางลดการป้องกันตัวลงจนถูกสะกดรอยตามมาได้
แต่ความกลัวนั้นอยู่กับนางเพียงชั่วครู่เดียวเท่านั้น มันถูกแทนที่ด้วยความโกรธที่พวยพุ่งขึ้นมาอย่างรวดเร็ว! เงินก้อนนี้...นางต้องเสี่ยงชีวิตขึ้นเขาไปขุดสมบัติ ต้องใช้สติปัญญาทั้งหมดที่มีเพื่อต่อรองกับจิ้งจอกเฒ่าอย่างเถ้าแก่เฉียน...แล้วจะให้นางยอมส่งมันให้เดนมนุษย์สามคนนี้ไปง่าย ๆ อย่างนั้นหรือ?
ฝันไปเถอะ!
“พวกสหาย...เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าคะ?” หลินเฟยแสร้งทำเป็หวาดกลัวจนตัวสั่น เสียงของนางติด ๆ ขัด ๆ “ฉันเป็แค่เด็กสาวชาวบ้าน...จะไปมีเงินมากมายมาจากไหนกันคะ?”
ชายคนหนึ่งหัวเราะออกมาอย่างหยาบคาย “อย่ามาตีหน้าซื่อเลยนังหนู! เถ้าแก่เฉียนไม่จ่ายเงินให้ใครฟรี ๆ หรอก ถ้าไม่มีของดีไปขาย! ส่งมา!”
มันตรงเข้ามาหมายจะกระชากถุงเงินจากอกเสื้อของนาง
วินาทีนั้นเอง! แววตาที่หวาดกลัวของหลินเฟยก็เปลี่ยนเป็เย็นเยียบและเฉียบคมในพริบตา!
นางเบี่ยงตัวหลบการคว้าของมันได้อย่างหวุดหวิด พร้อมกับชักมีดพร้าที่เหน็บอยู่ออกมาตวัดสวนกลับไปทันที!
ฉัวะ!
ปลายมีดที่แม้จะขึ้นสนิมแต่ก็ยังมีความคมอยู่ กรีดเข้าที่แขนของชายคนนั้นเป็ทางยาว เืสีแดงสดสาดกระเซ็นออกมา!
“โอ๊ย! นังเด็กสารเลว! กล้าทำร้ายกูงั้นรึ!” ชายคนนั้นร้องลั่นด้วยความเ็ปและใ ไม่คิดว่าเด็กสาวที่ดูบอบบางจะกล้าต่อสู้
การกระทำของหลินเฟยทำให้ชายอีกสองคนที่เหลือตกตะลึงไปเช่นกัน ก่อนที่ความตกตะลึงจะเปลี่ยนเป็ความโมโหร้าย
“จับมันไว้! วันนี้กูจะสั่งสอนให้มันรู้ว่านรกมีจริง!” ชายหน้าบากคำรามลั่น ทั้งสามคนกรูเข้ามาหานางพร้อมกัน
หลินเฟยรู้ดีว่าหากสู้กันตรง ๆ นางไม่มีทางชนะชายฉกรรจ์สามคนได้เลย ร่างกายนี้ยังอ่อนแอเกินไป แต่ในชาติก่อน...นางไม่ได้เป็แค่ศัลยแพทย์ นางยังเคยเข้าคอร์สเรียนศิลปะการป้องกันตัวขั้นพื้นฐาน ทั้งยูโดและไอคิโด เพื่อรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินในโรงพยาบาล!
นางอาจจะไม่มีพละกำลัง แต่ทักษะและหลักการใช้แรงของคู่ต่อสู้ให้เป็ประโยชน์นั้นยังคงฝังแน่นอยู่ในสมอง!
ชายคนแรกพุ่งเข้ามาหมายจะเตะตัดขา นางจึงรีบย่อตัวลงต่ำ ใช้มีดพร้าฟันเข้าที่ข้อเท้าของมันอย่างจัง! ขณะเดียวกันก็ใช้แรงส่งจากการย่อตัว ทุ่มร่างของชายคนที่สองที่ตามเข้ามาจนเสียหลักล้มลงไปกองกับพื้น!
“อ๊ากกก!”
เสียงร้องโหยหวนดังขึ้นพร้อมกันสองเสียง
เหลือเพียงชายหน้าบากที่ยังยืนอยู่ เขาใกับทักษะการต่อสู้ที่ดูแปลกประหลาดของหลินเฟย แต่ความโลภก็เอาชนะความกลัว เขากระชับมีดสั้นในมือแน่นแล้วพุ่งเข้าใส่หมายจะปลิดชีวิตนางในทีเดียว!
หลินเฟยรู้ว่านี่คือการโจมตีที่อันตรายที่สุด นางไม่มีเวลาคิดมากอีกต่อไป นางตัดสินใจทิ้งมีดพร้าที่เกะกะ แล้วใช้ทักษะยูโดที่เรียนมา...เมื่อมีดสั้นของชายหน้าบากแทงเข้ามา นางไม่ได้ปัดป้อง แต่กลับใช้สองมือจับเข้าที่แขนข้างที่ถือมีดของมันอย่างมั่นคง!
จากนั้น...นางก็ใช้แรงทั้งหมดที่มีอยู่ ทิ้งตัวลงไปด้านหลังพร้อมกับใช้เท้าถีบเข้าที่ท้องของมันอย่างจัง!
มันคือท่าทุ่ม "โทโมเอะ นาเกะ" (Tomoe Nage) หรือท่าทุ่มวงล้อ!
ร่างสูงใหญ่ของชายหน้าบากถูกเหวี่ยงข้ามหัวของหลินเฟยไปอย่างที่เขาไม่ทันได้ตั้งตัว ก่อนจะกระแทกลงกับพื้นดินอย่างแรงจนจุกและอาวุธหลุดมือ!
หลินเฟยรีบลุกขึ้นยืน หอบหายใจอย่างหนักหน่วง การต่อสู้เมื่อครู่นี้สูบพลังงานของนางไปจนเกือบหมด กล้ามเนื้อทั่วร่างเริ่มสั่นเทาและส่งเสียงประท้วง
แต่ายังไม่จบ...
ชายสองคนที่ล้มลงไปก่อนหน้านี้กำลังพยายามจะยันตัวลุกขึ้นมา พวกมันาเ็แต่ยังไม่สิ้นฤทธิ์
หลินเฟยรู้ว่านางไม่มีแรงจะสู้ต่ออีกแล้ว นางต้องจบเื่นี้ให้เร็วที่สุด! นางเหลือบไปเห็นมีดสั้นของชายหน้าบากที่ตกอยู่บนพื้น จึงรีบวิ่งไปคว้ามันมาถือไว้
“ใครเข้ามาอีก...ฉันแทงจริง ๆ ด้วย!” นางะโขู่เสียงดัง แววตาของนางในตอนนี้เต็มไปด้วยจิตสังหารที่เย็นเยียบ มันคือแววตาของศัลยแพทย์ที่คุ้นเคยกับการใช้ของมีคมและไม่เคยลังเลที่จะกรีดลงบนเนื้อหนังของมนุษย์
จิตสังหารที่แท้จริงนั้นน่ากลัวกว่าความโเี้ทั่วไป มันทำให้นักเลงทั้งสามที่แม้จะเคยผ่านการต่อสู้มานับครั้งไม่ถ้วนถึงกับชะงักงัน พวกมันมองหน้ากันอย่างลังเล...เงินที่จะได้อาจไม่คุ้มค่าที่จะต้องมาเสี่ยงชีวิตกับเด็กผู้หญิงที่ดูเหมือนปีศาจในตอนนี้
“ถะ...ถอยก่อน!” ชายหน้าบากตัดสินใจได้เป็คนแรก เขาพยุงร่างที่บอบช้ำของตัวเองลุกขึ้น “นังเด็กนี่มันไม่ใช่คน! ไป!”
พูดจบทั้งสามคนก็พยุงกันวิ่งหนีเตลิดเปิดเปิงหายเข้าไปในป่าละเมาะ ทิ้งไว้เพียงรอยเืและความพ่ายแพ้
เมื่อเห็นว่าศัตรูหนีไปแล้ว ความเข้มแข็งทั้งหมดที่หลินเฟยสร้างขึ้นมาก็พังทลายลงทันที นางทรุดตัวลงนั่งกับพื้นอย่างหมดแรง มีดสั้นในมือหลุดร่วงลงข้างตัว อะดรีนาลีนที่เคยพลุ่งพล่านได้จางหายไป เหลือเพียงความเ็ปที่แล่นไปทั่วร่าง
นางก้มลงมองตัวเอง...แขนมีรอยถลอกจากการล้ม ข้อเท้าเคล็ดเล็กน้อย และที่สำคัญคือมีรอยกรีดตื้น ๆ จากคมมีดที่สีข้าง ซึ่งนางไม่รู้ตัวเลยว่าโดนเข้าไปตอนไหน เืสีแดงสดกำลังซึมออกมาจากรอยขาดของเสื้อ
นางมองรอยเืบนตัว...มองรอยเืบนพื้น...แล้วมองไปที่เงินและตั๋วแลกอาหารที่ยังคงอยู่ในอกเสื้ออย่างปลอดภัย...
นางหัวเราะออกมาเบา ๆ...เป็เสียงหัวเราะที่สมเพชตัวเอง
นี่สินะ...รสชาติของเงินในโลกใบนี้...มันคือรสชาติเค็มปร่าของหยาดเหงื่อ...และรสคาวคลุ้งของเื
บทเรียนในวันนี้สอนนางอย่างเ็ปว่า สติปัญญาและไหวพริบอาจจะทำให้นางได้เงินมา...แต่สิ่งเดียวที่จะรักษามันเอาไว้ได้...คือ "ความแข็งแกร่ง" ที่แท้จริง
นางต้องแข็งแกร่งขึ้น...แข็งแกร่งกว่านี้...แข็งแกร่งจนไม่มีใครหน้าไหนกล้ามาแตะต้องนางและครอบครัวของนางได้อีก!
หลินเฟยค่อย ๆ พยุงตัวเองลุกขึ้นยืน ฉีกชายเสื้อของตัวเองออกมาพันแผลที่สีข้างอย่างลวก ๆ แล้วเก็บมีดสั้นของคนร้ายมาเหน็บไว้ที่เอวแทนมีดพร้าเล่มเก่า...มันคือของที่ระลึกจากบทเรียนราคาแพงในวันนี้
นางก้าวเดินต่อไปบนเส้นทางกลับบ้าน...แม้จะาเ็และทุลักทุเล...แต่แววตาของนางกลับแน่วแน่และแข็งกร้าวยิ่งกว่าเดิม
เพราะนางรู้แล้วว่า...ในโลกที่โหดร้ายใบนี้...ความเมตตาคือสิ่งฟุ่มเฟือย...และอำนาจที่แท้จริง...ไม่ได้มาจากเงินตรา...แต่มาจากกำปั้นและคมมีดเท่านั้น
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้