ตีต่อหน้าผู้คนมากมายงั้นหรือ?
หึ หนานกงเยวี่ยต้องมาเห็นลูกสาวสุดที่รักของตัวเองถูกเฆี่ยนตีสามสิบทีด้วยตาของตนเอง การเฆี่ยนตีเหนียนอีหลานกับการเฆี่ยนหนานกงเยวี่ยมีสิ่งใดแตกต่างกันด้วยหรือ?
ผู้คนมากมายอยากชมดูงิ้วของหนานกงเยวี่ยอย่างมาก งิ้วที่แสดงในยามนี้ ยิ่งทำให้พวกนางตั้งตารอคอย พวกนางหันไปจ้องมองหนานกงเยวี่ยเป็สายตาเดียวโดยมิได้นัดหมาย นึกไม่ถึงเลยว่า สีหน้าของหนานกงเยวี่ยจะบูดเบี้ยวไม่น่ามองได้ถึงเพียงนี้ นางคิดอยากวอนขอความเมตตาเพื่อปกป้องเหนียนอีหลาน ทว่ากลับมิกล้า
ท่าทีอดกลั้นนั้นอยู่ในสายตาของเหนียนยวี่และจ้าวอิ้งเสวี่ย ดวงตาทั้งคู่ฉายแววเย้ยหยันอย่างอดไม่ได้
หนานกงเยวี่ย นางปกป้องบุตรสาวบุตรชายทั้งสองปานนี้ จะมียามที่นางปกป้องไว้ไม่ได้หรือไม่?
ฮองเฮาอวี่เหวินตรัสสั่งออกมา นางไม่ได้พาทหารองครักษ์มาด้วย ทว่าข้ารับใช้ในจวนเหนียนจะหาญกล้าไม่ทำตามรับสั่งของนางได้อย่างไร
แม้ว่าในใจจะหวาดกลัวฐานะของคุณหนูใหญ่เหนียนอีหลานแห่งสกุลเหนียน ทว่าก็ต้องทำตามรับสั่งของฮองเฮาอวี่เหวิน โดยการเข้ามาในห้องและพาตัวเหนียนอีหลานออกไปที่ลานเรือน
ทุกคนเดินตามออกไป เพียงครู่เดียว เหนียนอีหลานถูกจับให้นอนลงบนม้านั่งตัวยาว ฝั่งซ้ายและขวา ทั้งสองข้างขนาบด้วยคนถือกระบอง ไม่ไกลนัก มีฮองเฮาอวี่เหวิน องค์หญิงใหญ่ชิงเหอ รวมถึงฉางไทเฮานั่งอยู่บนเก้าอี้ คนที่เหลือต่างพากันยืนมุงอยู่ด้านข้าง
เหนียนยวี่อยู่ตำแหน่งที่ใกล้กับองค์หญิงใหญ่ชิงเหอที่สุด มากพอที่จะเห็นเหนียนอีหลานบนตั่งยาว รวมถึงตระกูลหนานกงที่ยืนอยู่ด้านข้าง และทุกคนในจวนเหนียนล้วนอยู่ในสายตา
ฮูหยินผู้เฒ่าเหนียนแขนขาไร้เรี่ยวแรง ตัวอ่อนปวกเปียกอยู่ในอ้อมแขนของเหนียนเย่า หากมิได้ฝืนยืนหยัด เกรงว่าคงจะเป็ลมล้มพับไปเสียแล้ว
ด้านข้างของฮูหยินผู้เฒ่าหนานกง หนานกงจื้อใบหน้าเคร่งขรึม ขมวดคิ้วทั้งสอง พร้อมกับกำหมัดแน่นใต้แขนเสื้อ ดูเหมือนกำลังอดกลั้นอะไรบางอย่าง
ทุกคนจ้องมองเหนียนอีหลานที่นอนอยู่บนตั่งตัวยาว ใบหน้านางอัดแน่นไปด้วยความหวาดกลัว สายตาผู้คนพากันจับจ้องด้วยสีหน้าแตกต่างกัน
“เริ่มกันเถิด” ฮองเฮาอวี่เหวินเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงเบาบางสงบนิ่ง ทว่ากลับทำให้จิตใจของบางคนที่ได้ฟังรู้สึกตึงเครียดและหวาดกลัวสุดขีด
ครั้นฮองเฮาอวี่เหวินเอ่ยออกไป ไม้กระบองในมือของข้ารับใช้ยกสูงขึ้น ไม้กระบองตีลงบนตัวเหนียนอีหลาน ดังเพี๊ยะ เสียงกระทบของไม้ที่ตีลงบนตัว ดังกระทบเข้าหูของผู้คน ในที่สุดฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ท้ายที่สุดก็ให้คนของจวนเหนียนลงโทษ สุดท้ายก็ยังกังวลเื่ฐานะของอีหลาน ไม้กระบองที่ตีลงไป มิได้ตีลงสุดแรง หากเป็เช่นนี้ อีหลานน่าจะเจ็บตัวน้อยลง
ทว่าคำพูดต่อมาของฮองเฮาอวี่เหวิน กลับทำให้ในใจนางพลันชะงักแข็งค้าง
“อะไรกัน? พวกเ้ากินอาหารของจวนเหนียนแล้วไม่มีแรงกันเลยหรืออย่างไร” ความไม่พอใจฉายวาบในดวงตาของฮองเฮาอวี่เหวิน
ความหมายในคำพูดตำหนินั้นชัดเจนอย่างมาก ข้ารับใช้ที่ตีไม้กระบองลงไปเมื่อครู่ รีบคุกเข่าลงกับพื้นอย่างตื่นตระหนกทันที “บ่าวสมควรตาย บ่าว...”
“พอเถิด เ้าไม่สมควรตาย” องค์หญิงใหญ่ชิงเหอเอ่ยตัดบทข้ารับใช้คนนั้น จากนั้นเบนสายตาเหลือบมองฮองเฮาอวี่เหวิน “เสด็จพี่ หากสุดท้ายกินข้าวจวนเหนียนแล้วไม่มีแรงก็สมเหตุสมผลนะเพคะ”
“เช่นนั้นหากกินข้าวในวังเล่า?” ฮองเฮาอวี่เหวินเอ่ยอย่างเ็า สายตาปราดมองเหนียนเย่าที่ยืนอยู่ด้านข้าง “เหนียนเย่า วันนี้เปิ่นกงขอบ่าวสองคนนี้มา เ้าคงไม่ลังเลเสียดายใช่หรือไม่?
เหนียนเย่าชะงักไป หันมองฮองเฮาอวี่เหวินอย่างเกรงกลัว เขาเข้าใจดีว่าเป้าหมายของฮองเฮาอวี่เหวินคือ้าลงโทษอีหลานอย่างรุนแรง ทว่ายามนี้ เขาจะขัดขืนความปรารถนาของฮองเฮาได้อย่างไร?
ถึงตอนนี้ หากนางยังพาลใส่จวนเหนียนอีก เช่นนั้นหนทางการเป็ขุนนางของเขาและอนาคตของตระกูลเหนียน คงต้องปีนข้ามหินก้อนใหญ่ขึ้นไป
“ไม่แน่นอนพ่ะย่ะค่ะ ั้แ่นี้เป็ต้นไป ข้ารับใช้สองคนนี้จะกลายเป็คนของฮองเฮาพ่ะย่ะค่ะ” เหนียนเย่าคุกเข่าลงบนพื้น ตัดสินใจโดยไม่แม้แต่จะคิด
“ท่าน...” หนานกงเยวี่ยเข้าใจความหมายที่แฝงอยู่ในประโยคนั้นเช่นกัน เหนียนเย่า...เขาจะเพิกเฉยต่ออีหลานเช่นนี้ได้อย่างไร นางเป็บุตรสาวของเขานะ!
ทว่าทันทีที่นางเอ่ยออกไปได้คำเดียว ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงที่อยู่ด้านข้างรีบจับมือนาง เพื่อป้องกันมิให้นางเอ่ยต่อ
ในใจหนานกงเยวี่ยรู้สึกโกรธเคือง ใบหน้ายิ่งซีดเผือดประหนึ่งเืหมดตัว
ท่าทีตอบสนองเล็กๆ น้อยๆ นี้อยู่ในสายตาของผู้คนรอบข้าง ั์ตาเหนียนยวี่ฉายประกายดูถูก ทั้งฮองเฮาอวี่เหวินยังยกยิ้มมุมปาก "เช่นนั้นก็ขอบใจเ้าแล้ว ต่อจากนี้ไปพวกเ้าสองคนกินข้าวของราชสำนักแล้ว จะมีแรงแค่นี้ไม่ได้”
สองข้ารับใช้ชะงักงงงันไปเล็กน้อย พวกเขาไม่แม้แต่จะคาดคิดว่าเื่ราวจะมาถึงตรงนี้
ข้าวของราชสำนักงั้นหรือ? เช่นนั้นก็หมายความว่า ต่อจากนี้พวกเขาต้องเข้าไปทำงานในวังหลวงหรือ?
ในใจของพวกเขายากจะปกปิดความดีใจ ในวังหลวงต้องยิ่งใหญ่อลังการยิ่งกว่าจวนเหนียนแน่
ข้ารับใช้อีกคนรีบคุกเข่าลงบนพื้นทันที ทั้งสองก้มหัวขอบพระทัยความเมตตาของฮองเฮา ยามที่ในมือถือไม้แล้วลุกขึ้นมาอีกครั้งนั้น ในใจของพวกเขาก็ไม่ใส่ใจสิ่งใดต่อไปแล้ว
เสียง “พั๊วะ” ของไม้ที่ดังกระทบกายดังขึ้นพร้อมกับเสียงร้องอันเ็ปของหญิงสาว...
"อ๊า…"
แท่งไม้ตีกระทบลงบนตัวเหนียนอีหลานอีกครั้ง ครั้งนี้แม้เหนียนอีหลานจะฝืนทนต่อความเ็ปของไม้ที่ตีกระทบลงมาอย่างหนัก ทว่าก็มิอาจอดกลั้นที่จะไม่ร้องออกมาได้
เพียงได้ยินเสียงร้องนั้น ก็เพียงพอแล้วที่จะจินตนาการถึงความเ็ปที่ได้รับว่าเป็เช่นไร
ฮองเฮาอวี่เหวินพึงพอใจ รอยยิ้มสายหนึ่งฉายขึ้นบนใบหน้านาง แอบแฝงไว้ซึ่งความเย้ยหยันและดูถูก
ทว่าสำหรับบางคนแล้ว กลับเป็ความรู้สึกที่แตกต่าง
กระบองไม้กระทบกายของเหนียนอีหลานครั้งแล้วครั้งเล่า เสียงกรีดร้องเ็ป ฟังดูน่าเวทนามากขึ้นเรื่อยๆ ราวกับเป็เข็มทิ่มแทงใจของใครบางคน
หนานกงเยวี่ยกำผ้าเช็ดหน้าลายปักแน่น ฝืนอดทนต่อความเ็ปในใจสุดฤทธิ์ ครั้นเห็นเหงื่อไคลทั่วใบหน้าเหนียนอีหลาน ผนวกกับเืสดไหลอาบมุมปาก ในใจนางพลันยิ่งตื่นตระหนก
ไม่ จะตีเช่นนี้ต่อไปไม่ได้ หากยังตีต่อไปเช่นนี้ มันจะต้องพรากชีวิตของอีหลานไปแน่!
ทว่าเวลานี้ ผู้ใดจะกล้าวอนขอ ผู้ใดจะกล้าบังอาจวิงวอน
ดวงตาหนานกงเยวี่ยลุกวาว ทันใดนั้นพลันนึกคิดอะไรบางสิ่งได้ นางหันไปมองฉางไทเฮาที่นั่งอยู่เคียงข้างฮองเฮาอวี่เหวินโดยไม่รู้ตัว เห็นเพียงนางที่กำลังเหลือบมองเหนียนอีหลาน และหลับตาทั้งสองข้างลง
นี่มัน...หมายความว่าอย่างไร?
ความหวังที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันในหัวใจของหนานกงเยวี่ยพลันแตกสลายในทันใด ฉางไทเฮานาง...นางก็ไม่สนใจเื่นี้งั้นหรือ?
เสียงไม้กระทบเนื้อดังก้องทั่วลาน ฟังดูน่าหวาดกลัวผิดปกติ ยามที่เฆี่ยนตีถึงครั้งที่ยี่สิบ ในที่สุดเหนียนอีหลานดูเหมือนจะทนรับไม่ไหวอีกต่อไป เสียงกรีดร้องอันเ็ปนั้นเงียบงันลงไปอย่างกะทันหัน
“ฮองเฮาเพคะ อีหลานนาง...ฮองเฮาเพคะ พระนางทรงตรัสว่า ละเว้นโทษปะาได้นี่เพคะ!” หนานกงเยวี่ยก้มลงมองเหนียนอีหลาน นางไม่สนใจสิ่งใดต่อไป รีบผุดลุกขึ้น พุ่งตรงไปปกป้องเหนียนอีหลานข้างหน้าทันที พลางสำรวจสภาพของเหนียนอีหลานไปด้วย คำนับให้ฮองเฮาอวี่เหวินไปด้วย
ฮองเฮาอวี่เหวินเหลือบมองเหนียนอีหลาน พลางขมวดคิ้ว "นางก็แค่เป็ลมหมดสติเท่านั้น มีอะไรน่ากลัวกันเล่า? ไปเอาน้ำเย็นมาสาดสักถัง นางก็ตื่นแล้ว”
ความหมายของประโยคนี้คือ รู้สึกตัวแล้วให้ลงมือต่อ!
หนานกงเยวี่ยเข้าใจความหมายนี้ ทว่ากลับยิ่งไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร ทันใดนั้น หนานกงจื้อคุกเข่าบนพื้น “ฮองเฮาพ่ะย่ะค่ะ อีหลานเป็สตรี เกรงว่าคงจะทนรับโทษครานี้ไม่ไหว กระหม่อมบังอาจขอพระเสาวนีย์ ขอให้ฮองเฮาทรงอนุญาตให้กระหม่อมรับโทษโดนตีอีกสิบทีแทนน้องอีหลานด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
ครั้นคำพูดนี้ถูกเอ่ยออกไป ทุกคนต่างรู้สึกประหลาดใจ
ใต้เท้าผู้นี้้ารับโทษแทนเหนียนอีหลานงั้นหรือ?
แม้นเขาจะ้า ทว่าฮองเฮาจะทรงยอมอนุญาตงั้นหรือ?
ทุกคนหันไปจ้องมองฮองเฮาอวี่เหวิน รอคอยคำตัดสินจากฮองเฮาอย่างกลั้นใจ
เหนียนยวี่เห็นประกายไฟแห่งความหวังที่ถูกจุดขึ้นในดวงตาของหนานกงเยวี่ย ประกายสายตาแปลกประหลาดแวบผ่านเข้ามาในดวงตานาง จากนั้นนางก้าวเดินออกมาจากด้านข้างองค์หญิงใหญ่ชิงเหออย่างไม่ช้าไม่เร็ว เดินตรงไปหยุดยืนต่อหน้าฝูงชน และคุกเข่าลงให้ฮองเฮาอวี่เหวิน