“แท้จริงแล้วเป็หุ่นเชิดิญญามีระดับที่เหนือกว่าหุ่นเชิดเกราะทองนี่เอง ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดถึงได้ทรงพลังเช่นนี้ กล่าวกันว่าพลังของหุ่นเชิดิญญานั้นแข็งแกร่งกว่ายอดฝีมือระดับหยวนตานเสียอีก”
ข่งย่วนกล่าวด้วยความใ ส่วนคนอื่นๆ ต่างก็มองไปยังร่างของเด็กสาวในอ้อมแขนของมู่เฟิงอย่างอิจฉา
นี่ไม่ได้หมายความว่าต่อไปมู่เฟิงจะได้รับการคุ้มครองจากผู้แข็งแกร่งที่สะพรึงน่ากลัวหรอกหรือ?
ในความเป็จริงพวกเขาไม่รู้เลยว่าด้วยวรยุทธ์ของมู่เฟิงในตอนนี้ อีกฝ่ายยังไม่สามารถควบคุมหุ่นเชิดซู่เหลียนให้แสดงความแข็งแกร่งที่แท้จริงออกมาได้ อย่างมากที่สุดที่จะทำได้ก็มีเพียงแค่การะเิพลังระดับหนิงกังออกมาเท่านั้น
แน่นอนว่านั่นย่อมต้องแตกต่างจากซีเยว่
“น้องเฟิงเย่ เ้าได้รับสมบัติจากพระราชวังใต้ดินนั่นมาจริงหรือ?”
หูเถี่ยหนิ่วเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ
มู่เฟิงพยักหน้า หูเถี่ยหนิ่วและซานเหล่าเอ้อต่างก็หันไปมองหน้ากัน พวกเขาเผยอปากอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็พูดอะไรไม่ออก
เนื่องจากเสี่ยวเทียนได้รับาเ็ ดังนั้นมันจึงไม่อาจบินได้นานนัก หลังจากผ่านอาณาเขตของเมืองจิ่วซานไปแล้ว มันก็บินร่อนลงไปยังูเาสีเขียวขจีลูกหนึ่ง ทุกคนจึงพักผ่อนกันในป่า
ภายในเขตป่าหินของวังโบราณจิ่วซาน ศิษย์ตระกูลอินต่างเก็บร่างไร้ิญญาของคนของตัวเองและจากไปด้วยความอับอาย
“เราจะอธิบายต่อท่านผู้นำตระกูลว่าอย่างไรดี?”
ผู้าุโคนหนึ่งกล่าวขึ้นด้วยสีหน้าอัปลักษณ์
“รายงานไปตามความจริง เด็กสาวผู้นั้นช่างแปลกนัก ก่อนหน้านี้ข้าเห็นชัดเจนว่านางเป็เพียงหุ่นเชิด แต่นางกลับสามารถพูดคุยได้เหมือนมนุษย์ทั่วไป ยิ่งไปกว่านั้นความแข็งแกร่งของนางยังแปลกประหลาดมาก”
เมื่อหวนนึกถึงความน่าสะพรึงกลัวของซู่เหลียน ผู้าุโอีกคนก็รู้สึกสั่นสะท้านขึ้นมาทันที
“หรือบางทีนางอาจจะไม่ใช่หุ่นเชิด ไม่แน่ว่าอาจจะเป็การปลอมตัวของยอดฝีมือระดับหยวนตานก็ได้”
“นั่นก็ไม่แน่ เฮ้อ...”
กลุ่มคนตระกูลอินจากไปด้วยความหดหู่ใจ แต่พวกเว่ยอี้อวิ๋น หยางฉานและคนอื่นๆ ต่างมีสีหน้าแปลกประหลาด
สีหน้าของโหวโซ่วนั้นมืดครึ้มจนไม่น่ามอง คิดไม่ถึงว่ามู่เฟิงจะมียอดฝีมือระดับนั้นคอยปกป้อง คาดว่าอีกฝ่ายคงจะได้รับสมบัติจากซากพระราชวังแล้วอย่างแน่นอน
เวลานี้เขาอยากจะตบตัวเองสักสองที เหตุใดก่อนหน้านี้เขาถึงไม่ยอมออกหน้าช่วยมู่เฟิงกันนะ ไม่อย่างนั้นเขาอาจจะยังสามารถขอให้อีกฝ่ายแบ่งปันผลประโยชน์บางส่วรให้ได้
แต่จะมานึกเสียใจตอนนี้ก็สายเกินไปแล้ว
“จะทำอย่างไรกันดี?”
หยางฉานและโจวเหวินเฉวียนหันไปมองทางเว่ยอี้อวิ๋น ในฐานะหัวหน้าภารกิจข่งย่วนได้ตามมู่เฟิงออกไปแล้ว ดังนั้นหน้าที่การตัดสินใจจึงตกเป็ของเว่ยอี้อวิ๋นแทน
“กลับ รายงานไปตามจริง”
เว่ยอี้อวิ๋นกล่าวอย่างเฉยเมย
“แล้วเื่ซือถูคงเล่า?”
พวกเขามองไปยังร่างไร้ศีรษะของซือถูคง
“แน่นอนว่าต้องรายงานไปตามจริง”
เว่ยอี้อวิ๋นยังคงกล่าวอย่างเ็า...
ดวงอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าไปตามเส้นขอบของูเา เพียงไม่นานดวงจันทร์ก็ปรากฏขึ้นมาแทนที่ และประกายแสงจากดวงดาวก็ช่วยส่องสว่างในความมืดยามค่ำคืน
กลางป่าลึก พวกมู่เฟิงทำการก่อกองไฟและนั่งล้อมวงกัน
เวลานี้เด็กหนุ่มกำลังนั่งหลับตาทำสมาธิเพื่อรักษาอาการาเ็ของตัวเอง ทางด้านข่งย่วนเองก็เช่นกัน นางกำลังฟื้นฟูอาการาเ็จากการถูกการโจมตีก่อนหน้านี้ของาาค้างคาวใต้พิภพ แม้แต่เสี่ยวเทียนเองก็ยังต้องนอนพักอยู่ด้านข้างเพื่อฟื้นตัวจากอาการาเ็เช่นกัน
ข่งเซวียนเอ๋อร์ใช้กิ่งไม้เขี่ยกองไฟด้วยความเบื่อหน่าย มือข้างหนึ่งของนางยกประคองแก้มตัวเองเอาไว้ นางจ้องมองไปทางมู่เฟิงที่กำลังหลับตารักษาอาการาเ็อย่างงุนงง
ภายใต้แสงสะท้อนจากกองไฟยิ่งขับให้กรอบหน้าอันคมชัดของเด็กหนุ่มดูเด็ดเดี่ยวมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะรอยบากระหว่างคิ้วของเขา นี่นับเป็ครั้งแรกที่นางรู้สึกว่ามู่เฟิงช่างดูดีเหลือเกิน
หูเถี่ยหนิ่วถือส้อมเหล็กขนาดใหญ่ไว้ในมือ เขากำลังย่างเนื้อสัตว์อสูรขนาดใหญ่ตัวหนึ่ง กลิ่นหอมของมันตลบอบอวลลอยฟุ้งไปในอากาศ ส่วนซานเหล่าเอ้อกำลังนั่งพิงต้นไม้ใหญ่อยู่ในระยะที่ไกลออกไป เขาคอยระมัดระวังทุกการเคลื่อนไหวที่อยู่รอบตัว
ภายใต้การหล่อเลี้ยงของพลังเืจากหยกเทพชูร่าทำให้อาการาเ็ของมู่เฟิงนั้นฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว
มู่เฟิงลืมตาขึ้น เมื่อเขาเห็นว่าข่งเซวียนเอ๋อร์กำลังมองมาทางเขาอย่างมึนงง เด็กหนุ่มก็เอ่ยถามด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าหน้าตาดีขนาดนั้นเชียว?”
“หา?"
ข่งเซวียนเอ๋อร์ผงะไปครู่หนึ่ง ทันใดนั้นนางก็พลันได้สติขึ้นมา แก้มของนางแดงระเรื่อเล็กน้อย ก่อนจะรีบปฏิเสธว่า “ใครกำลังมองเ้ากัน หลงตัวเอง”
“น้องชาย อาการาเ็ของเ้าเป็อย่างไรบ้าง?”
หูเถี่ยหนิ่วเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม
“ข้าไม่เป็อะไรแล้ว”
มู่เฟิงส่ายหน้า จากนั้นซานเหล่าเอ้อก็เดินเข้ามา เขาเหลือบมองไปทางหุ่นเชิดซู่เหลียนที่อยู่ด้านข้างมู่เฟิงด้วยความหวาดหวั่น
“ครั้งนี้ต้องขอบคุณพี่ใหญ่หูและพี่ใหญ่ซาน มู่เฟิงรู้สึกขอบคุณพวกท่านยิ่งนัก”
มู่เฟิงหยัดกายลุกขึ้น ก่อนจะประสานหมัดไปทางคนทั้งสอง
“เฮ้ มันเป็เื่ที่ข้าสมควรทำ ไม่ใช่ว่าเ้าเองก็เคยช่วยชีวิตพวกเราหรอกหรือ”
หูเถี่ยหนิ่วยังคงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ถูกต้องแล้ว ข้าซานเหล่าเอ้อไม่ชอบติดหนี้บุญคุณใคร คราวนี้ถือว่าข้าชดใช้คืนให้เ้าแล้ว”
ซานเหล่าเอ้อกล่าวด้วยรอยยิ้มเช่นกัน
ทันใดนั้นพลันมีแสงหนึ่งส่องสว่างขึ้นบนฝ่ามือของมู่เฟิง มันคือขวดหยกขนาดเล็กสองขวด เด็กหนุ่มมอบมันให้หูเถี่ยหนิ่วและซานเหล่าเอ้อคนละขวด
“น้องชาย นี่คือ...?”
หูเถี่ยหนิ่วถามอย่างสงสัย
“ภายในขวดนี้เป็ยาควบหยวนตานที่ข้าค้นพบด้านใน ข้ามอบมันให้พวกท่าน”
มู่เฟิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“ว่าอย่างไรนะ ยาควบหยวนตาน!”
เมื่อได้ยินดังนั้นคนทั้งสองต่างก็ตื่นใ จากนั้นพวกเขาก็มองขวดหยกในมือด้วยความยินดี
ซานเหล่าเอ้อรีบเปิดมันออกอย่างรวดเร็ว ยิ่งได้สูดดมกลิ่มของมันใบหน้าของเขายิ่งเผยแววตื่นเต้นยินดี
ร่างของคนทั้งสองสั่นเทาเล็กน้อย เหตุผลที่พวกเขายอมเสี่ยงเข้าไปในวังโบราณจิ่วซานก็ไม่ใช่เพื่อเ้าสิ่งนี้หรอกหรือ?
“น้องชาย ขะ ของสิ่งนี้มันล้ำค่ามา เอ่อ...”
หูเถี่ยหนิ่วรู้สึกตื่นเต้นมากจนพูดไม่รู้เื่ นี่คือของวิเศษที่จะช่วยให้เขาควบแน่นหยวนตานขึ้นมาได้
“ฮ่าๆ พวกท่านสมควรได้รับมันแล้ว ความสัมพันธ์ฉันท์พี่น้องที่ผ่านความเป็ความตายมาด้วยกัน เพียงยาควบหยวนตานหนึ่งขวดจะนับเป็อะไรได้?”
มู่เฟิงกล่าวอย่างใจกว้าง
“เอาละ ข้าหูเถี่ยหนิ่ว จากนี้ความเป็ตายของข้าขอมอบให้เ้าแล้ว”
หูเถี่ยหนิ่วหัวเราะออกมาเสียงดัง
“ว่าแต่พวกท่านสองคนวางแผนจะทำอย่างไรต่อไปหรือ?”
มู่เฟิงเอ่ยถามอีกครั้ง
“ตอนนี้พวกเราได้ล่วงเกินตระกูลอินไปแล้ว ดังนั้นพวกเราจึงไม่สามารถกลับไปยังเมืองจิ่วซานได้อีก เกรงว่าเราคงต้องไปตั้งรกรากที่อื่นแทน”
หูเถี่ยหนิ่วเอ่ยตอบ ส่วนซานเหล่าเอ้อก็พยักหน้าเช่นกัน
“ไม่ขอปิดบังทั้งสองท่าน ข้าเป็นายน้อยจากตระกูลหนึ่ง พวกท่านเคยได้ยินเื่ของตระกูลมู่แห่งอาณาจักรหนานหลิงมาบ้างหรือไม่?”
มู่เฟิงเอ่ยถาม
“ตระกูลมู่แห่งหนานหลิง...เหมือนข้าจะเคยได้ยิน ตระกูลมู่ของมู่เทียนใช่หรือไม่? เขานับเป็ผู้แข็งแกร่งระดับหยวนตานที่มีชื่อเสียงผู้หนึ่งเลยทีเดียว”
หูเถี่ยหนิ่วพยายามครุ่นคิด
“ไม่ขอปิดบัง คนผู้นั้นคือบิดาของข้าเอง แต่บิดาของข้าได้เสียชีวิตลงในสนามรบแล้ว”
เสียงของมู่เฟิงเบาลง จากนั้นเขาก็กล่าวต่อว่า “หากว่าท่านสองคนไม่มีที่ไป พวกท่านสามารถไปยังตระกูลมู่ของข้าได้ ตระกูลมู่ของข้าย่อมยินดีต้อนรับพี่ชายทั้งสองอย่างแน่นอน”
“แท้จริงแล้วก็เป็นายน้อยจากตระกูลมู่นี่เอง มิน่าทักษะวิชาของเ้าถึงดูไม่ธรรมดา พวกเราพอคาดเดาได้ว่าเ้าคงมาจากตระกูลใหญ่ เพียงแต่ไม่รู้ว่าเ้ามาจากตระกูลมู่ เอาละ...จากลักษณะนิสัยของเ้าที่ข้าได้รู้จัก ข้ายินดีจะไปยังตระกูลมู่ของเ้า”
หูเถี่ยหนิ่วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบรับด้วยรอยยิ้ม
ซานเหล่าเอ้อมองขวดหยกในมือ จากนั้นก็พยักหน้าในที่สุด เขามั่นใจว่าคนอย่างมู่เฟิงคงไม่ได้มาจากตระกูลที่เลวร้ายอะไร การมีสถานที่ที่ดีให้ไปก็ไม่ใช่เื่แย่ เพราะถึงอย่างไรพวกเขาก็ไม่สามารถอยู่ในเมืองจิ่วซานได้อีกแล้ว
“ฮ่าๆ เยี่ยมเลย หากท่านทั้งสองยินดีเข้าร่วมตระกูมู่ของข้า ท่านลุงใหญ่ของข้าย่อมต้องยินดีมากแน่”
มู่เฟิงกล่าวด้วยความยินดี ถึงอย่างไรคนทั้งสองก็มีวรยุทธ์ระดับหนิงกังขั้นเก้า หากอาศัยยาควบหยวนตานพวกเขาต้องสามารถทะลวงขึ้นไปถึงระดับหยวนตานได้อย่างแน่นอน
เวลานี้ตระกูลมู่ยังอยู่ในวิกฤต การมียอดฝีมือเช่นนี้เพิ่มขึ้นมาย่อมจะเป็ประโยชน์ต่อการสถานการณ์ในตระกูล
วันต่อมา ในที่สุดข่งย่วนก็สามารถขับพลังหยินของาาค้างคาวใต้พิภพออกจากร่างได้จนหมด นอกจากนี้มู่เฟิงยังมอบยาควบหยวนตานให้นางหนึ่งขวดอีกด้วย ถึงอย่างไรมู่เฟิงก็มียาควบหยวนตานมากถึงหนึ่งไห ดังนั้นเขาจึงไม่ตระหนี่ที่จะมอบมันให้กับมิตรสหายของเขา
หลังจากอาการาเ็ของเสี่ยวเทียนดีขึ้นเล็กน้อยแล้ว ทุกคนก็ขึ้นไปนั่งบนหลังเสี่ยวเทียนเพื่อเดินทางต่อ พวกเขาเข้าสู่เขตของอาณาจักรหนานหลิง ซานเหล่าเอ้อและหูเถี่ยหนิ่วแยกทางไปยังตระกูลมู่พร้อมดีบจดหมายแนะนำจากมู่เฟิง ส่วนอีกสามคนก็นั่งบนหลังเสี่ยวเทียนมุ่งหน้าไปยังสำนักศึกษาเทียนอวิ่น