อวิ๋นอี้จ้องมองไปทางมู่เฟิง ความไม่พอใจที่สะสามมานาน ในที่สุดก็ถึงเวลาะเิเสียที
ด้านมู่เฟิงเองก็จ้องมองอวิ๋นอี้เช่นกัน เขาปล่อยมือจากว่านเอ๋อร์ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงเ็าว่า “เ้ามีคุณสมบัติอันใดมาสั่งสอนว่านเอ๋อร์? หรือเพราะว่าเ้าคิดว่าตนเป็พี่ชายจึงมีสิทธิ์? หากเ้าเห็นนางเป็น้องสาวของเ้าจริง เหตุใดเ้าถึงไม่คำนึงถึงจิตใจของนางบ้าง? ทว่าหากภายในใจของเ้ามองเห็นว่านางเป็เพียงแค่สินค้าชิ้นหนึ่งที่ต้องส่งมอบให้กับจวนเป่ยอ๋อง เ้าก็ไม่คู่ควรที่จะเป็พี่ชายของนาง!”
มู่เฟิงชี้นิ้วไปทางอวิ๋นอี้ ก่อนจะตำหนิอีกฝ่ายอย่างไม่ไว้หน้า
“เ้าเศษสวะ เ้ามีสิทธิ์มาสั่งสอนข้าั้แ่เมื่อไร อย่าคิดว่าเพียงคว้าตำแหน่งอันดับหนึ่งในการประเมินบัณฑิตใหม่มาได้แล้วข้าจะเห็นเ้าอยู่ในสายตา ข้าจะบอกเ้าให้ว่าตอนนี้ข้ากลายเป็ศิษย์สายในแล้ว”
อวิ๋นอี้ตวาดเสียงอย่างเ็า
“ศิษย์สายในแล้วอย่างไร เ้าเก่งนักรึ?”
มุมปากของมู่เฟิงยกโค้งขึ้น จากนั้นเขาก็ย่างเท้าเข้าไปหาอวิ๋นอี้อย่างใจเย็น
“เช่นนั้นก็แสดงความแข็งแกร่งของศิษย์สายในอย่างเ้าออกมา ให้ข้าได้เห็นว่าเ้ามีคุณสมบัติที่จะเป็พี่ชายของว่านเอ๋อร์หรือไม่”
หลังจากกล่าวจบ มู่เฟิงก็ดีดตัวทะยานร่างออกไปต่อยอวิ๋นอี้อย่างแรงทันที เพราะไม่อาจอดกลั้นต่อโทสะได้อีกต่อไป
“เ้าคิดว่าเ้าเป็ใครกัน?”
ทางด้านอวิ๋นอี้นั้นมีอคติต่อมู่เฟิงอยู่ก่อนแล้ว ดังนั้นเขาจึงะเิพลังปล่อยหมัดออกมาเช่นกัน และหมัดนี้ของเขาก็ถูกห่อหุ้มไว้ด้วยพลังกังชี่สีทอง
เปรี้ยง...!
หลังจากหมัดทั้งสองพุ่งเข้าปะทะกันก็พบว่าแรงะเิจากหมัดของมู่เฟิงนั้นเหนือกว่า บีบให้อวิ๋นอี้ต้องถอยออกไปอย่างต่อเนื่อง
“เ้าทะลวงขึ้นสู่ระดับหนิงกังแล้ว เป็ไปได้อย่างไร!”
สีหน้าของอวิ๋นอี้พลันเปลี่ยนไปทันที ถึงอย่างไรมู่เฟิงก็เพิ่งเข้ามาที่นี่ได้ไม่นาน เหตุใดเขาจึงก้าวหน้าอย่างรวดเร็วถึงเพียงนี้
“เ้าคิดว่าบนโลกนี้จะมีเพียงเ้าที่พัฒนาได้คนเดียวหรืออย่างไร?”
มู่เฟิงกล่าวอย่างเ็า
“อย่าได้ทะนงตนนัก!”
อวิ๋นอี้แผดเสียงคำรามออกมา เขาทะยานร่างขึ้น้าก่อนจะซัดพลังฝ่ามือไปทางมู่เฟิง
“ฝ่ามือทะลายปราณ!”
ฝ่ามือสีทองความยาวหลายเมตรพุ่งไปทางมู่เฟิงอย่างดุดัน และอานุภาพพลังของฝ่ามือนี้สามารถทำลายโขดหินขนาดใหญ่ได้เลยทีเดียว
“ะเิหมัดเก้าเพลิงสุริยา!”
มู่เฟิงกระตุ้นพลังปราณเพลิงภายในร่างก่อนจะแผดเผามันให้กลายเป็พลังกังชี่โลหิตชูร่า จากนั้นเขาก็ปล่อยหมัดสีแดงเพลิงออกไปทันที
เปรี้ยง...!
เมื่อพลังทั้งสองสายพุ่งเข้าปะทะกัน พลังหมัดของมู่เฟิงก็สามารถทำลายพลังฝ่ามือของอวิ๋นอี้ได้โดยตรง ก่อนที่มันจะพุ่งเข้าไปกระแทกทรวงอกของชายหนุ่มต่อ
ปัง...!
อวิ๋นอี้กระอักเืออกมา ขณะที่ร่างของเขาก็ลอยกระเด็นไปชนกับกำแพงจนทำให้เกิดรอยร้าวขึ้น
ไม่เพียงเท่านั้น มู่เฟิงรีบตามไปคว้าร่างของอวิ๋นอี้ขึ้นมาและต่อยหน้าอีกฝ่ายซ้ำๆ อย่างแรง
“อวิ๋นอี้ เ้าเข้าใจหรือไม่ว่าความรักในครอบครัวเป็อย่างไร? สำหรับเ้าแล้วเ้าเห็นว่านเอ๋อร์เป็อะไรกันแน่ สินค้าชิ้นหนึ่งอย่างนั้นหรือ?”
มู่เฟิงตวาดออกมาอย่างดุดัน เขาต่อยอวิ๋นอี้จนอีกฝ่ายกระอักเืออกมาอีกครั้ง
“เฟิง ช่างมันเถอะ พอได้แล้ว”
อวิ๋นชิงว่านรีบเข้าไปดึงตัวมู่เฟิงเอาไว้ เด็กหนุ่มจึงยอมปล่อยตัวอวิ๋นอี้ในที่สุด
อวิ๋นอี้ที่กำลังนอนกองอยู่บนพื้นมองมู่เฟิงด้วยแววตาตื่นตระหนก เหตุใดความแข็งแกร่งของเขาถึงได้พัฒนารวดเร็วขนาดนี้!
“ท่านพี่…"
อวิ๋นชิงว่านรีบเข้าไปประคองร่างของอวิ๋นอี้ให้ลุกขึ้น ก่อนจะร่ำไห้ออกมา “ท่านไม่รับรู้ถึงความรู้สึกของข้าเลยหรือ หรือในสายตาของพวกท่านมองเห็นเพียงผลประโยชน์ ข้าเป็น้องสาวของท่านนะ หากข้าต้องแต่งงานกับหนานหลิง ชีวิตนี้ของข้าคงจะไม่มีความสุขอีกแล้ว”
“เ้าจะไปเข้าใจอะไร เ้าคิดจะติดตามมู่เฟิงไปอย่างนั้นหรือ? เ้ารู้ถึงสถานการณ์ในตระกูลของเขาหรือไม่? เ้าต้องรู้จักมองการณ์ไกลเสียบ้าง ตระกูลมู่ของเขากำลังจะถูกจวนเป่ยอ๋องทำลายลงในไม่ช้า หากเ้าคิดจะติดตามเขาไป นั่นก็คงไม่ต่างอะไรกับการรนหาที่ตาย”
อวิ๋นอี้ตวาดอย่างขุ่นเคือง
“พอได้แล้ว ว่านเอ๋อร์ กับคนที่เหมาะจะเป็ทาสรับใช้แบบนี้ เหตุใดยังต้องไปพูดดีกับเขาอีก อวิ๋นอี้ ข้าจะบอกอะไรเ้าให้ เดิมทีเ้าไม่สมควรจะเป็ผู้ฝึกยุทธ์ด้วยซ้ำ เพราะแม้แต่หัวใจพื้นฐานของผู้ฝึกยุทธ์เ้าก็ยังไม่มี เวลานี้จวนเป่ยอ๋องยังเรืองอำนาจ แต่ให้เวลาข้าสามปี ข้ามู่เฟิงจะโค่นจวนเป่ยอ๋องให้จงได้”
มู่เฟิงเข้าไปดึงว่านเอ๋อร์ออกมา เขาจ้องมองอวิ๋นอี้ขณะกล่าวอย่างเ็า
“สามปี ช่างน่าขัน ลำพังแค่ตัวเ้าน่ะหรือ?”
อวิ๋นอี้เช็ดเืออกจากมุมปาก ก่อนจะกล่าวอย่างเย้ยหยัน
“ข้าขอปฏิญาณด้วยหัวใจของนักสู้ที่ไม่มีวันยอมแพ้!"
มู่เฟิงกล่าวอย่างหนักแน่น จากนั้นเขาก็กุมมือของว่านเอ๋อร์เตรียมจะพานางออกไป
ทว่าทันใดนั้นกลับมีสตรีสองนางเดินเข้ามาเสียก่อน ซึ่งพวกนางล้วนเป็สหายร่วมเรือนพักของอวิ๋นชิงว่าน
“เป็มู่เฟิง มู่เฟิงวันนี้เ้าเท่มาก”
“มู่เฟิง เ้าช่างสุดยอดนัก วันนี้พวกข้าได้เห็นเ้าในระหว่างการประลองแล้ว พวกข้าขอลายมือของเ้าหน่อยได้หรือไม่ เ้าเก่งมาก เวลานี้เ้ากลายเป็ศิษย์คนแรกของสำนักศึกษาเทียนอวิ่นที่มีรายชื่อติดอยู่ในอันดับยอดฝีมือหลังจากเข้าสำนักศึกษามาเพียงครึ่งปีแล้วนะ”
สองสาวปรากฏตัวขึ้นพร้อมเสียงเจื้อยแจ้วและดวงตาที่ลุกวาว
“เสี่ยวฉุน เสี่ยวน่า พวกเ้ากำลังพูดเื่อะไร? เฟิงมีรายชื่อติดอยู่ในอันดับยอดฝีมืออย่างนั้นหรือ!”
ว่านเอ๋อร์ถามขึ้นด้วยความใ
“ว่านเอ๋อร์ ข้าอิจฉาเ้ายิ่งนัก ไม่รู้มาก่อนเลยว่าบุรุษของเ้าจะเก่งกาจมากถึงเพียงนี้ เ้าคงยังไม่รู้สินะว่าวันนี้มู่เฟิงได้แสดงความแข็งออกมาโดยการเอาชนะยอดฝีมือจากสำนักศึกษาเป๋ยโต่ว เวลานี้ชื่อของเขาติดอันดับที่เก้าสิบสี่ของยอดฝีมือในสำนักศึกษาเทียนอวิ่นของเราแล้ว”
เซียวน่ากล่าวอย่างอิจฉา
“ว่าอย่างไรนะ ชื่อของเขาติดอันดับยอดฝีมือของสำนักศึกษาเทียนอวิ่น!”
อวิ๋นอี้ตกตะลึงเป็อย่างมาก เขาจ้องมองมู่เฟิงด้วยความใ
ทางด้านว่านเอ๋อร์เองก็เช่นกัน นางมองไปยังเด็กหนุ่มที่อยู่ด้านข้างด้วยสายตาเหลือเชื่อ
“ทั้งสองท่านอย่าเพิ่งมารบกวนข้าเลย ข้ากับว่านเอ๋อร์ต้องขอตัวก่อนแล้ว”
มู่เฟิงเพียงยิ้มบาง ก่อนจะจูงมือว่านเอ๋อร์เดินออกไปอย่างรวดเร็ว
“มู่เฟิง มู่เฟิง! อย่าเพิ่งไป เ้ายังไม่ได้ให้ลายมือกับเราเลยนะ!”
อวิ๋นอี้มองตามหลังมู่เฟิง เขาไม่อาจสงบสติอารมณ์ได้เป็เวลานาน
ติดอันดับยอดฝีมือของสำนักศึกษาเทียนอวิ่น!
นี่มันอะไรกัน ในบรรดาบัณฑิตกว่าหนึ่งหมื่นคนของสำนักศึกษาเทียนอวิ่น ความแข็งแกร่งของมู่เฟิงติดอยู่ในหนึ่งร้อยอันดับแรกอย่างนั้นหรือ จะเป็ไปได้อย่างไร เขาเพิ่งจะเข้ามาในสำนักศึกษาได้เท่าไรกัน? ไม่ถึงครึ่งปีด้วยซ้ำ!
แล้วหากหลังจากนี้อีกหนึ่งปี สองปีหรือกระทั่งสามปีเล่าจะเป็อย่างไร?
มู่เฟิงจะพัฒนาไปถึงระดับใดกัน?
‘ให้เวลาข้าสามปี ข้าจะโค่นล้มจวนเป่ยอ๋องให้จงได้! ข้าขอปฏิญาณด้วยหัวใจของนักสู้ที่ไม่มีวันยอมแพ้!’
คำพูดของเด็กหนุ่มดังก้องอยู่ในหูของอวิ๋นอี้ราวกับเสียงฟ้าร้อง ทำให้เขาไม่อาจสงบใจลงได้เป็เวลานาน
“มู่เฟิง...”
อวิ๋นอี้พึมพำกับตัวเอง ดวงตาของเขาฉายแววสลับซับซ้อน
มู่เฟิงจูงมือว่านเอ๋อร์เดินเข้าไปยังป่าเฟิง สีหน้าของว่านเอ๋อร์ราวกับคนที่กำลังจมอยู่ในภวังค์ความคิด
“ทำไมหรือ เ้ายังคิดเื่ที่พี่ชายของเ้าพูดอยู่อีกหรือ?”
มู่เฟิงเอ่ยถามอย่างอ่อนโยน
“ไม่ ไม่ใช่...”
ว่านเอ๋อร์ส่ายหน้า
“อย่าโกหกข้าเลย เ้ายังจะปิดบังอะไรข้าได้อีก”
มู่เฟิงหยุดชะงักเท้าก่อนจะหันไปสวมกอดว่านเอ๋อร์และกล่าวอย่างอ่อนโยนว่า “เ้าเคยพูดเองไม่ใช่หรือ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเ้าจะอยู่เคียงข้างข้า ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นข้าก็จะไม่ยอมปล่อยให้เ้าไปอย่างแน่นอน ต่อให้เป็พี่ชายของเ้า ตระกูลของเ้าหรือจวนเป่ยอ๋องก็ตาม”
“เฟิง...ข้าเพียงคิดว่าข้ามันไร้ประโยชน์...”
ในที่สุดว่านเอ๋อร์ก็สะกดกลั้นอารมณ์เอาไว้ไม่ไหว นางสะอื้นไห้ออกมาในอ้อมกอดของคนรัก
“หากว่าข้าแข็งแกร่งมากพอ ครอบครัวของข้าก็จะไม่สามารถเข้ามายุ่งวุ่นวายกับข้าได้อีก และหากว่าข้าแข็งแกร่งมากพอก็จะไม่มีใครมาขวางไม่ให้ข้าอยู่กับเ้าได้”
ว่านเอ๋อร์กล่าวออกมาขณะสะอื้นไห้
เมื่อได้ยินดังนั้นหัวใจของมู่เฟิงก็รู้สึกเ็ปราวกับถูกเข็มทิ่มแทง หลังจากครุ่นคิดมาถึงท้ายที่สุดแล้วก็ยังเป็ตัวเขาเองที่ไม่แข็งแกร่งมากพอ ไม่มีกำลังที่จะเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งได้
คำพูดของว่านเอ๋อร์ทำให้มู่เฟิงได้ขบคิดอย่างลึกซึ้ง
‘ท่านลั่วหนอท่านลั่ว ท่านเคยมี่เวลาที่รู้สึกว่าตนไร้ประโยชน์ขนาดนี้มาก่อนหรือไม่ และในตอนนั้นท่านทำอย่างไร...’
“ฟิง! ข้าเองก็อยากจะแข็งแกร่งขึ้น ข้าจะต้องแข็งแกร่งขึ้นให้ได้ ข้าไม่อาจรอรับการปกป้องจากเ้าได้ฝ่ายเดียว!”
ว่านเอ๋อร์เงยหน้าขึ้นก่อนจะกล่าวกับมู่เฟิด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
ในอดีตนางไม่เคยกระตือรือร้นที่จะแข็งแกร่งขึ้นมากเช่นนี้มาก่อน
มู่เฟิงจ้องมองว่านเอ๋อร์ ก่อนจะกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “หากว่าความแข็งแกร่งเปลี่ยนตัวเ้าให้กลายเป็คนเืเย็น เ้ายังจะเต็มใจอยู่หรือไม่?”
“หากข้าสามารถแข็งแกร่งขึ้นและอยู่กับเ้าได้ ข้าก็เต็มใจ!”