วินที่ยืนอยู่หน้าประตูเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ได้แต่อ่อนใจ เขาเห็นแล้วว่าหญิงสาวไม่ใช่ฝ่ายที่ตามตื๊อ แต่เป็เ้านายของเขาเสียเอง แล้วเื่นี้มันจะจบอย่างไร ชายหนุ่มเองก็ไม่รู้ ตอนนี้เขารู้แค่เพียงว่าอยากจะเป็คนที่คอยซับน้ำตาและให้เธอได้ซบไหล่แทนกวี
“เขาตามเธอเจอได้ยังไงน่ะแพร” กวีถามอย่างสงสัย หญิงสาวจึงหยุดสะอื้นและตอบด้วยน้ำเสียงแ่เบา
“เจอกันในงานสัมมนาวิชาการค่ะ เขาเลยรู้ว่าแพรทำงานที่ไหน” พูดจบหญิงสาวก็นิ่งไปเพราะเพิ่งสังเกตเห็นบุคคลที่ไม่ได้รับเชิญยืนอยู่ด้วย เมื่อสักครู่เธอเอาแต่ร้องไห้จึงไม่ทันสังเกตเห็นเขา ชายหนุ่มคนที่เธอไม่อยากเจอหน้าพอๆ กันกับปกรณ์ นนท์เดินกลับมาสมทบพร้อมกับรายงานความคืบหน้า
“พี่ปกรณ์กลับไปแล้ว สั่งว่าไม่ต้องตาม” นนท์เหลือบเห็นสายตาที่เพื่อนของเขามองหญิงสาวตรงหน้า ก็ได้แต่เอาใจช่วย งานนี้มันไม่ง่ายสำหรับวินที่จะเดินหน้าหรือตัดใจ แต่ในที่สุดมันจะต้องมีทางออกที่ดีได้ เขาเชื่อเช่นนั้น แม้ดูท่าจะยากเย็นเต็มทีก็ตาม เพราะฝ่ายหญิงแสดงออกอย่างชัดเจนถึงความไม่เป็มิตร ใส่เพื่อนของเขาเสียแล้ว
“พวกนายก็กลับไปได้ล่ะ” กวีไล่ลูกพี่ลูกน้องของตัวเองอย่างไม่สบอารมณ์
“อ้าว ใช้งานเสร็จก็ไล่กันแบบนี้เลยหรอพี่ เสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพลเสียอย่างนั้น” นนท์ตอบกลับอย่างยียวน กวีถึงกับมองบนและทุบไหล่ญาติของตนไปหนึ่งที แต่นนท์ที่รู้ทันรีบเบี่ยงตัวหลบเสียก่อน พอเห็นว่าคนเป็พี่วืด นนท์ก็หัวเราะใส่
ส่วนทางวินที่ตอนนี้เอาแต่ยืนนิ่งจ้องมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยความเป็ห่วงโดยไม่คิดจะสนใจใครทั้งนั้น กวีเองก็เพิ่งสังเกตเห็นถึงแววตาที่แสดงออกถึงความห่วงใยของชายหนุ่ม จึงหยุดทะเลาะกับนนท์และก้มลงพูดกับหญิงสาวในอ้อมกอด
“แพร...คืนนี้นอนที่นี่เถอะ อย่ากลับห้องเลย พี่เป็ห่วง นอนห้องเดิมของเธอก็ได้ เดี๋ยวพี่ให้คนไปเปิดห้องไว้ให้” หญิงสาวได้แต่พยักหน้ารับโดยไม่ขัด ตอนนี้จิตใจของเธอเองก็ไม่ค่อยมั่นคงนัก การกลับไปอยู่ที่ห้องตามลำพังก็คงมีแต่จะทำให้ฟุ้งซ่าน
“ได้ค่ะ งั้นแพรขอตัวไปทำอาหารต่อนะคะ” หญิงสาวเดินถอยห่างออกจากอ้อมอกของกวีพร้อมเอามือปาดน้ำตา
“ถ้าไม่ไหวก็ไปพักได้เลยนะ” กวีบอกอย่างเป็ห่วง
“แพรไหวค่ะ” เธอพูดก่อนจะผลักประตูเดินกลับเข้าไปในห้องครัว ปล่อยให้วินมองตามตาละห้อย กวีถึงกับส่งสายตาถามนนท์ เพราะท่าทีของเพื่อนน้องชายแสดงออกอย่างชัดเจนว่า สนใจในตัวลูกน้องสาวคนสนิทของเขาเป็พิเศษ นนท์ได้แต่ยักไหล่ตอบ
“โอเค จบเื่แล้ว งั้นพวกผมก็คงต้องกลับสักที” นนท์ตัดบท ก่อนตบไหล่ของวินเพื่อเรียกชายหนุ่มให้รู้สึกตัว วินพยักหน้ารับรู้พร้อมกับยกมือไหว้ลาเ้าของร้าน
เมื่อขึ้นมาบนรถสิ่งแรกที่วินเอ่ยกับนนท์ คือความสงสัยในความสัมพันธ์ของปกรณ์และแพร ซึ่งกวีน่าจะรู้เห็นเป็ใจในเื่นี้ด้วย เขาสังเกตได้จากประโยคที่กวีถามหญิงสาว มันยิ่งทำให้เขามั่นใจว่า คนพวกนี้เกี่ยวข้องกันแต่แค่เขาไม่รู้ว่าเกี่ยวข้องกันด้วยความสัมพันธ์แบบไหน แต่มันดูยุ่งเหยิงอิรุงตุงนังไปหมด ถ้าจะเริ่มช่วยหญิงสาว อย่างน้อยเขาน่าจะได้รู้ความจริงอะไรบางอย่าง
“พี่กวี รู้เห็นถึงความสัมพันธ์ของพี่ปกรณ์กับคุณแพร” วินพูดในสิ่งที่เขาวิเคราะห์มาแล้ว
“กูไม่รู้ว่ะ” นนท์ตอบจากใจจริง เพราะปกติก็ไม่ค่อยได้สนใจเื่ของคนอื่นอยู่แล้ว จึงไม่แปลกที่เื่นี้...เขาจะไม่รู้
“กูได้ยินพี่เขาถามคุณแพรว่า พี่ปกรณ์ตามเจอได้ยังไง”
“ที่เล่ามาเนี่ย มึงจะให้กูไปสืบจากพี่กู...งั้นสินะ” วินมองตอบนนท์และพยักหน้ารับ เพื่อนของเขาฉลาดเป็กรด