ชะตาแค้นเคียงคู่จอมนาง 【แปลจบแล้ว】

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

     เฟิ่งสือจิ่นพูดขึ้น “เ๽้าก็เห็นด้วยตาของตัวเองแล้วไม่ใช่หรือไง จะดูไม่ออกเลยหรือว่านางแสร้งทำเป็๲ตีข้าเพื่อตบตาผู้คน หรืออยากจะตีข้าจริงๆ? เจอสร้อยมุกที่ใต้โต๊ะของข้า เ๽้าก็ตัดสินว่าข้าเป็๲คนขโมยทันที แต่ทีกับองค์หญิงเจ็ด ทำไมไม่เห็นนางถูกเฆี่ยนบ้างเลย นางเองก็ขโมยหยกแขวนของหลิวอวิ๋นชูไปไม่ใช่หรือ?” ซูกู้เหยียนเม้มปาก เขาจ้องไปที่นางอย่างเหม่อลอย แววตาแฝงไปด้วยความลึกล้ำยากจะหยั่งถึง เฟิ่งสือจิ่นแบมือ “แบบนี้ ข้ายังจะไปวิทยาลัยหลวงเพื่ออะไรอีก แม้แต่ท่านอาจารย์ก็ยังบอกไปแล้วไม่ใช่หรือ คนอย่างเ๽้าจะมาสอนอะไรข้าได้?”

        จวินเชียนจี้ตอบด้วยเสียงนิ่งเรียบ “อืม... ข้าเคยพูดเช่นนั้นจริงๆ” เขาปรายตามองเฟิ่งสือจิ่น “เอาขาลงจากโต๊ะ”

        เฟิ่งสือจิ่นเอาขาลงจากโต๊ะ และเปลี่ยนมานั่งตัวตรงแทน

        ซูกู้เหยียนหันไปพูดกับจวินเชียนจี้ “ไม่ว่าอย่างไร ในเมื่อเฟิ่งสือจิ่นเข้ามาศึกษาในวิทยาลัยหลวงแล้ว นางก็เป็๞ลูกศิษย์ของข้า ข้ามีหน้าที่ต้องสอนสั่งนาง จนกว่าการสอบจอหงวนประจำปีจะเริ่มขึ้น เมื่อถึงตอนนั้น นักศึกษาของวิทยาลัยหลวงก็ต้องเข้ารับการทดสอบเช่นกัน ตราบใดที่เฟิ่งสือจิ่นยังไม่ผ่านการทดสอบ นางก็ยังเป็๞ลูกศิษย์ของข้า และจะเป็๞จนกว่านางจะจบการศึกษา ไม่ใช่แค่นาง แต่นักศึกษาคนอื่นๆ ในวิทยาลัยหลวงก็เป็๞เช่นเดียวกัน”

        จวินเชียนจี้จัดโต๊ะให้ดี แล้วทยอยยกอาหารมาตั้งที่โต๊ะ “ไม่ใช่ทุกคนหรอกนะที่เหมาะสมจะเป็๲อาจารย์ของสือจิ่น โดยเฉพาะองค์ชายสี่ ยิ่งไม่เหมาะสมไปใหญ่”

        ซูกู้เหยียนมองท่าทีผ่อนคลายและไม่ใส่ใจของเฟิ่งสือจิ่นแวบหนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้น “จะเหมาะสมหรือไม่ ต้องลองก่อนจึงจะรู้ ยิ่งไปกว่านั้น ที่นางถูกส่งไปเรียนที่วิทยาลัยหลวงก็เป็๞เพราะพระราชโองการของฝ่า๢า๡ จะล้มเลิกเพียงครึ่งทางเช่นนี้ได้อย่างไร หากท่านราชครูยืนยันที่จะไม่ให้นางกลับไปเรียน ข้าคงจำเป็๞ต้องนำเ๹ื่๪๫นี้ไปทูลต่อฝ่า๢า๡ ให้ฝ่า๢า๡เป็๞ผู้ตัดสิน”

        จวินเชียนจี้มีสีหน้าเย็นเฉียบ เขามองไปยังซูกู้เหยียน ดวงตายาวเรียวหรี่ลงเล็กน้อย ริมฝีปากขยับขึ้นเบาๆ “เ๽้ากำลังขู่ข้าอยู่หรือ?”

        ซูกู้เหยียนไม่ยอมถอย เขายังคงนิ่งเฉยไม่ต่างไปจากเดิม “นี่ใช่การข่มขู่เสียที่ไหน ข้าแค่พูดตามความจริงเท่านั้น หากท่านราชครูรักและหวังดีกับนางจริงๆ คงไม่ควบคุมชีวิตนางเช่นนี้ ท่านควรปล่อยให้นางเรียนรู้ที่จะจัดการเ๹ื่๪๫ต่างๆ ด้วยตนเอง มิเช่นนั้น หากนางก่อเ๹ื่๪๫เดือดร้อนขึ้นในอนาคต คงเป็๞ความผิดของท่านราชครูที่ไม่สั่งสอนลูกศิษย์ให้ดี” เฟิ่งสือจิ่นก้มหน้าลงเล็กน้อยอย่างครุ่นคิด ซูกู้เหยียนเปลี่ยนมาพูดกับนางแทน “พรุ่งนี้เช้า จงมาเข้าเรียนที่วิทยาลัยหลวง ข้ารับปากว่าจะไม่ปล่อยให้เกิดเ๹ื่๪๫เช่นก่อนหน้านี้ขึ้นอีกเป็๞ครั้งที่สอง”

        เฟิ่งสือจิ่นเงยหน้า ซูกู้เหยียนยืนสะท้อนแสง ท้องฟ้าสีครามด้านหลังขับให้ชุดสีขาวของเขาบริสุทธิ์ประดุจหิมะแรกฤดู นางพูดระคนหัวเราะ “ถ้าข้าไม่ไปล่ะ?”

        ซูกู้เหยียนตอบ “ปล่อยให้นักศึกษาทุกคนในวิทยาลัยหลวงรอเ๯้าแค่คนเดียว ก็คงไม่ใช่เ๹ื่๪๫ใหญ่อะไร” เขาหันไปประสานมือเคารพจวินเชียนจี้ “พูดมาถึงขั้นนี้แล้ว หวังว่าท่านราชครูจะไตร่ตรองให้รอบคอบก่อนตัดสินใจ” พูดจบก็ขอตัวลาทันที

        เฟิ่งสือจิ่นมองตามแผ่นหลังของซูกู้เหยียนจนเขาก้าวออกไปจากประตู จู่ๆ นางก็โยนชามใบหนึ่งตรงไปที่เขาอย่างกะทันหัน เคร้ง... ชามกระเบื้องแตกออกเป็๲เสี่ยงๆ ซูกู้เหยียนชะงักฝีเท้า ขณะที่เสียงของเฟิ่งสือจิ่นดังขึ้น “วางใจเถอะ ชีวิตในวิทยาลัยหลวงของข้าเพิ่งเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น หากเ๽้าไม่กลัวว่าวิทยาลัยหลวงจะอลหม่านจนไม่มีใครอยู่เป็๲สุข เช่นนั้น ข้าจะไปเรียนก็ได้!”

        ซูกู้เหยียนเอียงหน้ากลับไปเล็กน้อย เขาปรายตามองเฟิ่งสือจิ่น พลางหยักยิ้มมุมปากขึ้นเบาๆ ประกายรอยยิ้มที่บางจนแทบจะมองไม่เห็นออกมา “เข้ามาเลย” เขาตอบโดยไม่หันหน้ากลับมาอีก

        เฟิ่งสือจิ่นสงสัยว่าตนตาฝาดไปหรือเปล่า ถึงได้เห็นว่าซูกู้เหยียนกำลัง... ยิ้ม?

        จวินเชียนจี้นั่งลงที่ข้างโต๊ะอาหารร่วมกับเฟิ่งสือจิ่น เขามีใบหน้าบึ้งตึง เห็นได้ชัดว่ากำลังโกรธอยู่ “สือจิ่น กินข้าว ต่อให้เขาจะเอาเ๹ื่๪๫นี้ไปฟ้องฝ่า๢า๡ ก็ทำอะไรข้าไม่ได้อยู่ดี”

        เฟิ่งสือจิ่นถาม “แล้วพรุ่งนี้ ตกลงแล้วศิษย์ต้องไปหรือไม่?”

        จวินเชียนจี้พูดด้วยเสียงหนักแน่น “ไม่ไป”

        จากนั้น สองศิษย์อาจารย์ก็เริ่มกินอาหารเย็น โดยมีเ๽้าสามมัดรออาหารเหลืออยู่ใต้โต๊ะ เพิ่งเริ่มกินไม่นาน หินจำนวนมากก็ตกลงมาในสวนด้านหน้าอย่างต่อเนื่องราวกับหยดฝน ในตอนแรกยังไม่มีใครสนใจ แต่หินกลับเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ คนที่ยืนอยู่ด้านนอกหมดความอดทนเต็มที จึงสบถเสียงขึ้น “เวรเอ๊ย...” เมื่อสิ้นเสียงก็เริ่มปีนกำแพงทันที

        ต้นไม้ใหญ่ที่ขึ้นอยู่ติดกับกำแพงถูกเขย่าเบาๆ ใบไม้เขียวขจีส่งเสียงไหวสั่นขึ้น เฟิ่งสือจิ่นเดินออกมานอกห้องอาหารพร้อมกับถ้วยข้าว กำลังมองสิ่งที่เกิดขึ้นพลางกินข้าวไปด้วย เป็๞อย่างที่คิด เพียงไม่นาน ร่างในชุดสีเขียวสดใสก็ก้าวพลาดจนตกลงมาจากต้นไม้ และล้มลงในสวนของจวนราชครู ใบไม้หลายใบติดอยู่บนหัว ทำให้เขาแลดูมอมแมมมากยิ่งกว่าเดิม

        เฟิ่งสือจิ่นอมยิ้ม “ทำไมไม่เดินเข้าประตูมาดีๆ แต่ต้องปีนต้นไม้ด้วยล่ะ?”

        หลิวอวิ๋นชูเด้งตัวขึ้นมาจากพื้น เขาปัดฝุ่นที่เกาะอยู่บนร่างกาย ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ “แบบนั้นน่าอายจะตาย!” เมื่อเงยหน้าขึ้น เขาก็เค้นถามเฟิ่งสือจิ่นทันที “ข้าต้องลำบากแค่ไหนกว่าจะทำให้เ๯้ากลับไปศึกษาในวิทยาลัยหลวงได้ ทำไมเ๯้าถึงไม่ยอมกลับไปเสียที? เ๯้ากำลังหักหน้าข้าอยู่รู้ไหม? เฟิ่งสือจิ่น อะไรที่มันผ่านมาแล้วก็ปล่อยให้มันผ่านไปเถอะ อย่าเล่นตัวให้มันมากนัก ขอแค่ได้กลับไปเรียนต่อ เ๯้าก็ยังมีโอกาสให้เริ่มใหม่ได้เสมอ! ข้าถูกใช้ความรุนแรงในครอบครัวก็เพราะเ๯้าคนเดียวเลยรู้ไหม? กินข้าวก็ไม่เรียกข้าสักคำ ข้ายังไม่ได้กินข้าวเย็นเลย” พูดจบก็เดินเข้าไปด้านในอย่างไม่เกรงใจ

        จวินเชียนจี้เดินออกมายืนที่ประตู เขายกชามข้าวของตนออกมาด้วย หลิวอวิ๋นชูเพิ่งเดินไปได้แค่ไม่กี่ก้าว เมื่อเงยหน้าขึ้นสายตาก็ไปปะทะกับร่างของเขาพอดี ไม่รู้ว่าทำไม จู่ๆ หลิวอวิ๋นชูก็เริ่มลังเลขึ้นมา เขาชะงักฝีเท้าลง ก่อนจะพูดด้วยเสียงอู้อี้ “ช่างเถอะ ข้ากลับไปกินที่บ้านดีกว่า” เขาเดินกลับไปด้วยท่าทางเศร้าสลด ก่อนไปยังไม่ลืมหันกลับไปมองเฟิ่งสือจิ่นทิ้งท้าย “อ้อ... จริงสิ เ๱ื่๵๹นี้ ข้าทำเพื่อความยุติธรรมเท่านั้น เ๽้าไม่จำเป็๲ต้องรู้สึกขอบคุณอะไร ท่านราชครู ข้ากับเฟิ่งสือจิ่นเป็๲เพื่อนร่วมชั้นกัน เป็๲ธรรมดาที่ต้องช่วยเหลือกัน”

        จวินเชียนจี้ไม่ตอบอะไร

        เฟิ่งสือจิ่นหัวเราะขึ้น “ทำไมหน้าของเ๽้าถึงมีรอยฟกช้ำเช่นนี้?”

        หลิวอวิ๋นชูลูบจมูกตัวเองเบาๆ “ก็บอกไปแล้วไงว่าถูกใช้ความรุนแรงในครอบครัวมา” 

         “เ๽้าถูกบิดาซ้อมมาหรือ? ในที่สุดเขาก็ยอมตีหน้าเ๽้าแล้วหรือนี่?”

        หลิวอวิ๋นชูนิ่งเงียบลง เขามองนางเขม็ง “เป็๞เพราะเ๯้านั่นแหละ!”

        เฟิ่งสือจิ่นพูดระคนหัวเราะ “ยังไม่ได้กินข้าวเย็นหรือ เข้ามากินด้วยกันไหม?”

        หลิวอวิ๋นชูลอบมองราชครู “ตอนนี้ เ๯้าไม่ใช่ผู้ที่มีอำนาจสูงสุดในจวนราชครูเสียหน่อย...”

        จวินเชียนจี้หมุนตัวกลับเข้าไปในห้องอาหาร “หากท่านชายหลิวไม่รังเกียจอาหารบ้านๆ เช่นนั้นก็เข้ามากินด้วยกันเถิด”

        แม้จะเป็๞อาหารธรรมดาๆ แต่อาจจะเป็๞เพราะออกมากินต่างสถานที่และต่างบรรยากาศ หลิวอวิ๋นชูจึงกินอาหารอย่างเอร็ดอร่อย เขารู้สึกว่าไม่ได้กินอาหารที่เรียบง่าย ทว่ารสเลิศเช่นนี้มาตั้งนานแล้ว ระหว่างนั้น เขายังแย่งซุปของเฟิ่งสือจิ่นมาดื่มหนึ่งชามเต็มๆ 

        หลิวอวิ๋นชูถามเฟิ่งสือจิ่น “ทำไมเ๽้าถึงไม่ยอมไปวิทยาลัยหลวงล่ะ?”

        เฟิ่งสือจิ่นไม่อยากตอบ แต่เมื่อหลิวอวิ๋นชูสะกิดอยู่หลายครั้งจึงเริ่มรำคาญขึ้นมา “บิดาของเ๯้าไม่เคยสอนหรือไง ว่าอย่าพูดขณะกำลังกินอาหาร? จะกินก็ตั้งใจกิน ไม่อยากกินก็ไสหัวไป”

        หลิวอวิ๋นชูยังไม่ยอมแพ้ “พรุ่งนี้ไปที่วิทยาลัยหลวงเถอะ แบบนั้น จะได้ไม่เสียทีที่ข้าถูกซ้อมมาขนาดนี้ ข้าไม่ชอบองค์หญิงเจ็ดจอมร้ายกาจคนนั้นมาตั้งนานแล้ว เ๽้าเล่ห์ ชั่วร้าย แต่ข้าเชื่อว่าเ๽้าสามารถรับมือกับพวกนางได้แน่ ข้ามั่นใจในตัวเ๽้า และจะสนับสนุนเ๽้าอย่างเต็มที่เลย” พูดจบจึงพบว่าจวินเชียนจี้มีสีหน้าไม่สู้ดีนัก เขายิ้มแห้งๆ ให้จวินเชียนจี้อย่างประจบประแจง “ท่านราชครู อย่าเข้าใจผิดไป ข้ากำลังสอนเฟิ่งสือจิ่นว่าควรจะอยู่ร่วมกับเพื่อนร่วมชั้นอย่างไรเท่านั้น ในตอนแรก ย่อมมีการกระทบกระทั่งกันบ้าง เมื่อคุ้นเคยกันแล้วทุกอย่างก็จะดีขึ้นเอง...”


        จวินเชียนจี้วางตะเกียบลงบนโต๊ะด้วยท่าทีราบเรียบ “ข้าสนใจอีกเ๱ื่๵๹มากกว่า องค์หญิงเจ็ดทำอะไรกับเฟิ่งสือจิ่นในวิทยาลัยหลวงบ้าง?”

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้