หนานกงเยวี่ยเ็ป ทว่านางกลับไม่สนใจแม้สักนิด ดวงตาคู่นั้นที่มองไปที่ฮองเฮาอวี่เหวินเต็มไปด้วยการตำหนิตนเอง
“ฮองเฮาเพคะ เื่นี้เป็ความผิดของหม่อมฉันทุกอย่าง เมื่อวานหม่อมฉันได้พบกับนักเล่นแร่แปรธาตุผู้หนึ่ง เขาบอกว่ายานี้จะช่วยบรรเทาอาการเจ็บได้ หม่อมฉันคิดอยากให้อาการของเฉิงเอ๋อร์ดีขึ้น เขาทนทุกข์ทรมานทุกวัน ทำให้จิตใจหม่อมฉันเ็ปนัก หม่อมฉันอยากให้เฉิงเอ๋อร์ดีขึ้น ดังนั้นจึงเชื่อในคำพูดของนักเล่นแร่แปรธาตุคนนั้น ยานั่น...เป็หม่อมฉันที่บอกให้อีหลานนำไปให้เพคะ อีหลานเป็ลูกสาวที่เชื่อฟังและจิตใจดี นางเองก็ห่วงพี่ชาย ไหนเลยจะรู้ว่ายานั่น...”
ทุกคนที่ได้ฟังต่างคิดเหมือนกันว่า หนานกงเยวี่ยผู้นี้ปกป้องเพื่อรักษาชื่อเสียงของเหนียนอีหลานหรือยอมรับสิ่งที่ตัวเองทำกันแน่?
มุมปากเหนียนยวี่ยกยิ้มบาง เื่นี้เป็สิ่งที่นางคาดการณ์ไว้แล้ว
เหลือบมองจ้าวอิ้งเสวี่ย เห็นเพียงดวงตาราบเรียบราวกับว่าเื่นี้เป็สิ่งที่นางเองก็คาดการณ์ไว้เช่นกัน เหนียนยวี่เข้าใจแจ่มแจ้ง ดูเหมือนว่าทุกเื่ทั้งหมดนี้จะเป็ไปตามที่จ้าวอิ้งเสวี่ยวางแผนไว้กระมัง
“เ้า...เหตุใดเ้าถึงเลอะเลือนเช่นนี้? คำพูดของนักเล่นแร่แปรธาตุพเนจรจะเชื่อถือได้อย่างไร เ้าลองดูตัวเ้า ทำให้เหนียนเฉิงต้องมาทนทุกข์อีกตั้งเท่าใด!” ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงะโอย่างรุนแรง ท่าทีนั้นดูราวกับอยากจะใช้ไม้เท้าในมือทุบตีลงบนตัวหนานกงเยวี่ย
“ท่านแม่ ข้าผิดไปแล้ว ข้า…” หนานกงเยวี่ยร้องไห้ไม่ออก หายใจเข้าลึกๆ และก้มหน้าลงกับพื้น “ข้าไม่เพียงทำร้ายเฉิงเอ๋อร์ แต่ยังทำร้ายอีหลานด้วย…ฮองเฮาเพคะ ทุกอย่างเป็เพราะหม่อมฉันเองเพคะ เฉิงเอ๋อร์ต้องมาทนทุกข์ อีหลานเองก็เป็ผู้บริสุทธิ์ นางคอยฟังหม่อมฉันเสมอ นางเองก็เหมือนหม่อมฉันเพคะ ไม่คิดว่ายานั่นแท้จริงแล้วเป็ผงลิ้นงูแดง...”
ไม่รู้งั้นหรือว่ายานั้นคือผงลิ้นงูแดง
ผู้คนมากมายในเหตุการณ์นั้นมองอย่างเข้าใจ ในใจฮองเฮาอวี่เหวินประหนึ่งคันฉ่องก็มิปาน
ประโยคหนึ่งกล่าวว่าไม่รู้ว่ายานั่นคือผงลิ้นงูแดง เช่นนี้ก็สามารถหักล้างเื่ทั้งหมดได้แล้วหรือ?
ฮองเฮาอวี่เหวินเหลือบมองไปที่ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกง ดวงตาของนางหรี่ลง คลื่นอารมณ์ที่อยู่ในดวงตา ทำให้ผู้อื่นยากจะคาดเดา
“ฮูหยินเหนียนเอ๋ยฮูหยินเหนียน พูดไปพูดมาเช่นนี้ ที่แท้เป็ตัวเ้าเองที่ทำร้ายบุตรชายตนเอง ทว่าเมื่อครู่นี้ เ้าช่างยืนยันหนักแน่นเหลือเกินว่าเป็ท่านหญิงอิ้งเสวี่ย…” ฮองเฮาอวี่เหวินหรี่ตาลง “หากไม่ใช่เพราะการสอบสวนครั้งนี้ ท่านหญิงอิ้งเสวี่ยคงจะถูกเ้าปรักปรำเข้าเสียแล้วจริงๆ แม้แต่เปิ่นกงก็ยังรู้สึกว่ามีคนจงใจวางแผนเื่นี้มาเพื่อโยนความผิดให้ท่านหญิงอิ้งเสวี่ย เพื่อบรรลุเป้าหมายอะไรบางอย่างที่มิอาจป่าวประกาศต่อผู้ใดได้!”
เมื่อครู่นี้ทุกคนที่นี่ต่างล้วนได้ยินเสียงของหนานกงเยวี่ยร้องโวยวายว่า้าให้หย่ากับท่านหญิงอิ้งเสวี่ยมิใช่หรือ?
เป้าหมายของนางคืออะไร เพียงการคิดอย่างถี่ถ้วนของคนที่เฉลียวฉลาด ก็เข้าใจได้แล้ว
ครั้นฮองเฮาอวี่เหวินเอ่ยจบ ในใจหนานกงเยวี่ยคับแน่น กระทั่งท่าทีโค้งคำนับยังสะดุดไปเล็กน้อย พลันรีบเอ่ยตอบว่า “หม่อมฉันเห็นเฉิงเอ๋อร์ทุกข์ทรมานเยี่ยงนั้น ดวงตาทั้งสองของหม่อมฉันพลันมืดบอดจากความโกรธเกรี้ยวและเ็ป จึงพลั้งเผลอเอ่ยวาจาว่าร้ายและเกือบจะปรักปรำท่านหญิงอิ้งเสวี่ย หม่อมฉันสมควรตายเพคะ หม่อมฉันสำนึกในความผิดแล้วเพคะ”
“เ้าสำนึกความผิดแล้วงั้นหรือ? สำนึกผิดก็ดีแล้ว เพียงแต่ฮูหยินเหนียน เ้าไม่ควรมายอมรับผิดกับเปิ่นกง” ฮองเฮาอวี่เหวินพูดเบาๆ และเหลือบมองจ้าวอิ้งเสวี่ยที่ยืนอยู่ข้างๆโดยไม่พูดอะไร “ถ้าไม่ใช่เพราะเมื่อครู่นี้ท่านหญิงอิ้งเสวี่ยยืนหยัด เกรงว่าเื่นี้คงผ่านไปแบบผิดๆ เป็แน่ คุณชายใหญ่สกุลเหนียนคงต้องทนทุกข์อย่างไร้ประโยชน์เช่นกัน”
ความหมายของฮองเฮาอวี่เหวินไม่อาจชัดเจนกว่านี้ได้แล้ว
นางกำลังบอกหนานกงเยวี่ยว่า นางควรจะไปยอมรับผิดกับจ้าวอิ้งเสวี่ย ไม่เพียงแค่ยอมรับผิด นางเองก็ควรขอบคุณจ้าวอิ้งเสวี่ยด้วยเช่นกัน!
หนานกงเยวี่ยฟังสิ่งที่จะสื่อออกอย่างแน่นอน
ให้ไปยอมรับผิดกับจ้าวอิ้งเสวี่ย?
ฝ่ามือใต้ชายแขนเสื้อของหนานกงเยวี่ยกำแน่น เห็นได้ชัดว่าสิ่งนี้เป็จ้าวอิ้งเสวี่ยที่วางแผน!
นางเข้าใจแล้ว สถานการณ์ยามนี้ล้วนเป็แผนของจ้าวอิ้งเสวี่ยที่บีบบังคับนางทีละเล็กทีละน้อย นางกำลังแก้แค้นตนที่ทำให้ต้องอับอายในห้องโถงเมื่อครู่นี้!
นาง้าให้ตนก้มหัวให้ เพียงเพื่ออยากจะเหยียบย่ำให้หนานกงเยวี่ยอับอายขายหน้า!
มีความเงียบในอากาศ ทุกสายตามองไปที่หนานกงเยวี่ย ราวกับรอการเคลื่อนไหวของนาง
ในห้องโถงเมื่อครู่นี้ พวกนางหลายคนเองก็เฝ้ามองอยู่ แม้หนานกงเยวี่ยจะคุกเข่าก้มศีรษะขออภัยท่านหญิงอิ้งเสวี่ย ทว่านางกลับยังคงซ่อนเร้นไว้ซึ่งเจตนาร้าย เฝ้ารอโอกาสเอาคืนท่านหญิงอิ้งเสวี่ย และยามนี้ ฮองเฮาอวี่เหวินเอ่ยออกมาเช่นนี้ ไม่รู้ว่าหนานกงเยวี่ยผู้นี้จะยังกล้าขัดหรือไม่
สายตาของจ้าวอิ้งเสวี่ยตกลงมาที่หนานกงเยวี่ย สายตาต่อต้านปฏิเสธนั่น ทำให้ในใจนางอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเยาะเย้ย
ปฏิเสธหรือ?
ยิ่ง ‘หนานกงเยวี่ย’ นางต่อต้านมากเท่าใด นางก็ยิ่งอยากบีบคั้นมากขึ้นเท่านั้น!
แววตานางเปลี่ยนไปเล็กน้อย จ้าวอิ้งเสวี่ยที่เงียบมาเป็เวลานานในที่สุดก็เอ่ยขึ้นว่า "ฮองเฮาเพคะ... "
"ยอมรับผิด...ควรยอมรับผิดจริงๆ เพคะ"
ทันทีที่เสียงแหบแห้งของจ้าวอิ้งเสวี่ยพูดออกมาเพียงประโยคสองประโยค ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงตัดบทนางอย่างรีบเร่ง ราวกับกลัวว่าจ้าวอิ้งเสวี่ยจะเอ่ยปากพูดอะไรที่สร้างปัญหาขึ้นมาอีก เอ่ยเร่งหนานกงเยวี่ยว่า “เยวี่ยเอ๋อร์ เ้ายังรีรออะไรอยู่อีก?”
น้ำเสียงเฉียบคมดึงความคิดของหนานกงเยวี่ยกลับมา นึกอะไรบางอย่างได้ ดวงตานางลุกวาว รีบคุกเข่าเข้าไปหาจ้าวอิ้งเสวี่ย
แต่ทันทีที่นางเคลื่อนไหว ไม่เพียงแต่จิ้นหวางเฟยที่อยู่ข้างกายจ้าวอิ้งเสวี่ย กระทั่งผิงเอ๋อร์ซึ่งอยู่ไกลแสนไกลยังรีบก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วและยืนต่อหน้าจ้าวอิ้งเสวี่ย ท่าทีเตรียมป้องกันอยู่ในสายตาของผู้คน ในใจเข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง
พวกนางกังวลว่าหนานกงเยวี่ยจะใช้ลูกไม้เดิมๆ อีก!
ทว่าจ้าวอิ้งเสวี่ยกลับไม่มีความกังวลสักนิด ปราดสายตามองฮูหยินผู้เฒ่าหนานกง ดวงตาฉายแววประชดประชันแกมเย้ยหยัน
“ท่านหญิงอิ้งเสวี่ย ข้าผิดไปแล้ว ข้าไม่ควรรีบร้อน ยังไม่ทันแน่ใจเื่ราว กลับคาดเดาเลอะเทอะไปเรื่อย ท่านผู้สูงศักดิ์อย่าถือสาผู้น้อยเลย เห็นแก่ที่ท่านและเหนียนเฉิงเป็สามีภรรยากันเถิด ให้อภัยคำพูดเลอะเลือนไม่ทันคิดให้ดีเมื่อครู่นี้ของข้าด้วย” หนานกงเยวี่ยหยุดห่างจากจ้าวอิ้งเสวี่ยสองก้าว คำนับก้มศีรษะกระแทกลงกับพื้น
ในใจของนางในยามนี้ยังคงไม่ยินยอม ความรู้สึกไม่ยินยอมนั้นยังคงไหลวนเวียนอยู่ภายใน นางเกลียด...เกลียดที่แผนตัวเองผิดพลาด
เดิมทีควรเป็จ้าวอิ้งเสวี่ยที่คุกเข่าอยู่บนพื้นในยามนี้ ส่วนนาง...นางควรอยู่อย่างสูงส่ง เฝ้ามองเฉิงเอ๋อร์เขียนใบหย่า ไล่สตรีนางนี้ออกไปจากจวนเหนียนแห่งนี้
แต่ทุกอย่าง...แท้จริงแล้วมันผิดพลาดตรงส่วนใดกันแน่
จ้าวอิ้งเสวี่ยรู้แผนการที่นางเตรียมไว้ได้อย่างไร
หนานกงเยวี่ยคิดไม่ออก ทว่ามีสิ่งหนึ่งที่เข้าใจขึ้นมาอีกเล็กน้อยคือ จ้าวอิ้งเสวี่ยผู้นี้รับมือยากกว่าที่นางคิด นางไม่ควรประมาทจ้าวอิ้งเสวี่ย การต่อสู้ของพวกนางหลังจากนี้ยังไม่จบ!
หนานกงเยวี่ยแอบขบเคี้ยวกัดฟันอย่างโกรธเกรี้ยว นึกถึงความอัปยศอดสูและความล้มเหลวในวันนี้ วันใดวันหนึ่ง นางจะเล่นงานคืนเป็สองเท่า!
“ฮูหยิน เ้าสำนึกผิดและรู้จักขออภัยเช่นนี้ อิ้งเสวี่ยก็ยอมรับแล้ว” จ้าวอิ้งเสวี่ยไม่แม้แต่จะมองไปที่หนานกงเยวี่ย ดวงตาของนางยังคงอยู่ที่ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกง “ฮูหยินกล่าวถูกแล้ว อิ้งเสวี่ยและเหนียนเฉิงเป็สามีภรรยากัน ชาตินี้ทั้งชาติครองคู่เป็สามีภรรยาตลอดไป ไม่มีผู้ใดเปลี่ยนแปลงได้!”
อย่าได้คิดเพ้อเจ้อที่จะเปลี่ยน!
ในชาตินี้ นางจ้าวอิ้งเสวี่ยได้ตัดสินใจที่จะแก้แค้นเหนียนเฉิงและตระกูลหนานกง ทำให้พวกเขามิอาจสงบสุขได้อีก!
และฮูหยินผู้เฒ่าหนานกง...
หนานกงเยวี่ยต้องเหนื่อยยากเป็อย่างมากเพื่อขอความช่วยเหลือที่จะวางแผนออกมาอย่างดี ทว่าผลสุดท้าย?
ในท้ายที่สุด แม้แต่ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงก็ทำได้เพียงเฝ้าดูบุตรสาวของนางอย่างช่วยไม่ได้ และยังเร่งเร้าบุตรีตนเองให้คุกเข่าต่อหน้านางเพื่อยอมรับผิดอีกด้วย
ตระกูลหนานกงชอบข่มเหงรังแกผู้อื่น ทั้งยังโป้ปดหลอกลวง จ้าวอิ้งเสวี่ยอยากจะตบหน้าทุกคนในตระกูลนี้นัก
ความยั่วยุในดวงตาของจ้าวอิ้งเสวี่ยอยู่ในสายตาของฮูหยินผู้เฒ่าหนานกง มือที่ถือไม้เท้าของนางพลันกำแน่นทันใด...