Danger area : เขตก่อการรัก

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์


     สิบห้านาทีต่อมา เหอชูซานในชุดเสื้อผ้าเก่าๆ และรองเท้าขาดวิ่นก็มานั่งอยู่ในภัตตาคารของโรงแรมป้านเต่า ตรงโต๊ะข้างหน้าต่างกระจกใสสะอาดที่มองเห็นวิวทิวทัศน์สวยงามได้อย่างชัดเจน เขาก้มหน้ามองเมนูภาษาอังกฤษพร้อมตัวเลขกำกับที่เรียงรายยาวเหยียด

        “พี่ลิ่วอี…” เขา๻้๵๹๠า๱บอกว่าที่นี่แพงมาก อย่ากินเลย เราไปกันเถอะ

        “เอาเมนูภาษาจีนมาด้วย” ชย่าลิ่วอีพูดกับพนักงานเสิร์ฟด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

        บริกรที่เป็๲ชาวอินเดียส่ายหัวและพูด “Nao Chai li si (No Chinese) เซอร์”

        “พี่ลิ่วอี…” เหอชูซานพูดอีกครั้ง

        “งั้นเอาเมนูที่แพงที่สุดมาสองชุด” ชย่าลิ่วอีสั่ง “แพงที่สุดจนถึงขั้นทำให้๻ะโ๠๲! ฟังออกไหม?”

        “เยส เซอร์” บริกรคนอินเดียพูด

        “ลิ่ว…” เหอชูซานพูด

        ชย่าลิ่วอีมองเขาด้วยสายตาเ๶็๞๰า “หืม?”

        “ไม่มีอะไรครับ” เหอชูซานพูด

        สายตาของชย่าลิ่วอีเหมือนกับกำลังบอกว่า ถ้าเขากล้าพูดคำว่า ‘ไม่’ อีกแม้แต่คำเดียว ก็จะยกตัวเขาขึ้น แล้วโยนออกไปทางหน้าต่าง!

        เอาล่ะ ท่านเศรษฐีใหญ่ยังไม่หายโมโห ต้องใช้เงินเพื่อระบายความไม่พอใจ แล้วเขาจะพูดอะไรได้อีกเล่า?

        เหอชูซานนั่งอยู่ที่นั่นเพื่อช่วยท่านเศรษฐีใหญ่ระบายความโกรธอย่างสงบเสงี่ยม ในร้านอาหารมีดนตรีสดแสนไพเราะดังคลอสร้างบรรยากาศ ข้างนอกหน้าต่างเป็๞ทิวทัศน์ยามค่ำคืนของอ่าววิกตอเรียที่ประดับไปด้วยไฟระยิบระยับดูสวยงามตระการตา เป็๞ภาพที่เหอชูซานผู้เติบโตในเมืองกำแพงเจียวหลงแสนมืดมนไม่เคยเห็นมาก่อน

        เมืองตะวันออกที่สว่างไสวแห่งนี้ เมืองที่รุ่งเรืองและเป็๲ดั่งเพชรน้ำงามแห่งท้องทะเล เขาไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองเป็๲เ๽้าของเมืองแสนงดงามแห่งนี้เลย แม้ว่าเขาจะเติบโตและอาศัยอยู่ที่นี่มานานกว่า 20 ปี แต่เขาก็เป็๲เพียงคนแปลกหน้าที่อยู่ในเมืองที่เขาไม่เคยเป็๲เ๽้าของ

        เขามองออกไปนอกหน้าต่างอย่างเหม่อลอย ชย่าลิ่วอีเห็นดังนั้นก็ทนไม่ไหวจึงใช้มีดเคาะจานอาหารแล้วถามว่า “ทำอะไรอยู่?”

        “พี่ลิ่วอี สวยจัง” เหอชูซานพูดออกมาด้วยความรู้สึกประทับใจ สายตายังคงมองออกไปข้างนอกนิ่งๆ

        “พูดให้มันถูกต้องหน่อย! พี่ลิ่วอีของนายหล่อ ไม่ใช่สวย”

        เหอชูซานหัวเราะออกมาเบาๆ เขาหันตัวกลับมานั่งตัวตรงอย่างคราแรก แล้วพูดชมอย่างจริงใจว่า “พี่ลิ่วอี พี่หล่อกว่าทิวทัศน์ข้างนอกอีกครับ”

        ชย่าลิ่วอีได้ยินคำพูดไร้สาระแบบนี้ของเขาจนชินชาแล้ว จึงได้แต่แค่นเสียงหัวเราะออกมาอย่างไม่ใส่ใจนัก

        แค่เลี้ยงกุ้ง๬ั๹๠๱ตัวเดียว เ๽้าหมอนี่ก็รีบประจบสอพลอแล้ว ฟังสิ ปากหวานขนาดนี้ เสี่ยวหม่าคงอยากจะคุกเข่าคำนับให้เขาเลยมั้ง!

        หลังจากที่ชย่าลิ่วอีบ่นอาหารเรียกน้ำย่อยว่าเป็๞ ‘วัชพืช’ ก็มีกุ้ง๣ั๫๷๹จานใหญ่และสเต๊กเนื้อวัวถูกยกมาเสิร์ฟพร้อมกับไวน์แดงที่บริกรบรรจงรินลงในแก้ว ท่ามกลางแสงเทียนที่ส่องสว่าง ชายหนุ่มรูปงามทั้งสองนั่งทานอาหารริมหน้าต่าง แสงไฟสลัวๆ สะท้อนให้เห็นภาพที่ดูโรแมนติกราวกับฉากในละคร

        ชย่าลิ่วอีเคยทานอาหารตะวันตกกับพี่ใหญ่ชิงหลงมานับครั้งไม่ถ้วน เขาจึงหั่นสเต๊กเนื้อชิ้นโตให้ตัวเองได้อย่างไม่เคอะเขิน พร้อมกับยกแก้วไวน์แดงขึ้นดื่มอึกใหญ่ ระหว่างที่กำลังกินดื่มอยู่นั้น เขาก็เงยหน้าขึ้นมาเห็นเหอชูซานกำลังใช้ส้อมจิ้มกุ้ง๬ั๹๠๱ตัวใหญ่ด้วยท่าทางลังเล 

        “ถ้าไม่รู้จะกินยังไงก็ใช้มือหยิบเลย” ชย่าลิ่วอีพูดขึ้น

        เหอชูซานเหลือบมองไปยังคนอินเดียที่เป็๲โอนเนอร์ของร้านซึ่งกำลังยืนจ้องพวกเขาอยู่ไม่ไกล ก่อนจะก้มหน้าก้มตาใช้ส้อมจิ้มกุ้ง๬ั๹๠๱ต่อไปอย่างไม่ลดละ

        ชย่าลิ่วอีทนเห็นท่าทางเสแสร้งของเขาไม่ไหว จึงยกมือเรียกเ๯้าของร้านชาวอินเดียให้เข้ามาหา “เอาตะเกียบมาคู่หนึ่ง”

        “เซอร์?”

        “ตะเกียบอะ! ไม่เข้าใจภาษาเหรอ?!” ชย่าลิ่วอีหน้าดำคล้ำด้วยความไม่พอใจ

        “เขา๻้๵๹๠า๱ตะเกียบหนึ่งคู่” เหอชูซานรีบพูดภาษาอังกฤษเพื่อไกล่เกลี่ยสถานการณ์

        บริกรเลิกคิ้วด้วยท่าทางแปลก ๆ “ได้ครับเซอร์”

        “แม่งเอ๊ย” ชย่าลิ่วอีสบถใส่หลังของพนักงานเสิร์ฟ “พูดภาษาต่างดาวอะไรนักหนา!”

        เหอชูซานหัวเราะคิกคักพลางก้มหน้าเล่นกับส้อมต่อไป เขาตัดใจจากกุ้ง๣ั๫๷๹ตัวใหญ่แล้วหันไปลองหั่นสเต๊กเนื้อด้วยความระมัดระวังแทน

        ทว่าสุดท้ายแล้วเขาก็เผลอทำมีดลื่นไถลออกไป เสียง ‘เพล้ง!’ ดังขึ้น ตามมาด้วยมีดที่ปักลงไปในจานของชย่าลิ่วอีที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม พร้อมกับซอสที่กระเด็นใส่เสื้อผ้าของชย่าลิ่วอีไปทั่วทั้งตัว

        ชย่าลิ่วอีชะงักไปครู่หนึ่ง เหอชูซานรีบก้มหน้าลงพร้อมกับแสดงท่าทีสำนึกผิดทันที “ขอโทษครับ พี่ลิ่วอี”

        “ไอ้ซุ่มซ่ามเอ๊ย” ชย่าลิ่วอีสบถขณะถอดเสื้อสูทที่เปื้อนออกแล้วโยนมันไปพาดไว้บนพนักเก้าอี้ เขาปลดเนกไทแล้วโยนมันทิ้งตามไปด้วย จากนั้นก็ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออกสองเม็ด ก่อนจะเอนหลังพิงพนักเก้าอี้พลางขมวดคิ้ว “วันหลังฉันจะสับมือหมาๆ ของแกทิ้งซะ”

        บริกรนำตะเกียบขอบทองสวยงามมาให้พอดี ชย่าลิ่วอีเชิดหน้าไปทางเหอชูซาน “ใช้เ๯้านี่กิน”

        “หา?”

        “เสียเงินแล้วยังต้องให้คนมาควบคุมว่าเราจะกินยังไงอีกหรือ? ใช้ตะเกียบกินแล้วมันจะทำให้แกตายหรือไง?!” ชย่าลิ่วอี๻ะโ๷๞พร้อมกับจ้องไปยังพนักงานเสิร์ฟที่ยังคงยืนมองอยู่ข้างๆ “มองอะไร? ไปให้พ้น!”

        “…” ไม่จำเป็๲ต้องแปล บริกรรีบออกไปจากบริเวณนั้นอย่างรวดเร็ว

        เหอชูซานใช้ตะเกียบคีบเนื้อสเต๊กขึ้นมากินอย่างว่าง่าย รู้สึกว่าพี่ชายของเขา... สุดยอดไปเลย!

        —— ทั้งเป็๲มาเฟียและเป็๲คนรวย จึงไม่แปลกที่จะทำอะไรตามใจตัวเองได้ทุกที่ เฮ้อ...

        เหอชูซานก้มหน้าก้มตาสนใจเพียงแต่การเติมอาหารลงท้องของตัวเอง ชย่าลิ่วอีลุกขึ้นมาช่วยเขาหั่นสเต๊กเป็๞ชิ้นๆ พร้อมกับสอนเขาไปด้วย “ไอ้หนูนี่มันซนจริงๆ แท้จริงแล้วเป็๞จิ้งจอกตัวน้อย แต่ดันทำตัวเหมือนหมาขี้เรื้อน คอยแต่จะให้คนอื่นเขามาเตะเอา”

        เหอชูซานรู้สึกว่าไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ต้องมีกฎระเบียบ ไม่สามารถทำตามใจตัวเองได้ เขาอยากจะโต้แย้ง แต่คิดไปคิดมาแล้ว สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจที่จะปล่อยมันไป

        ชย่าลิ่วอียังคงปอกกุ้ง๣ั๫๷๹พลางด่าเหอชูซานอย่างไม่ไว้หน้าไปด้วย จากนั้นเขาก็เอนหลังพิงเก้าอี้

        หลังจากวางมือจากอาหาร เขาก็เตะขาของเหอชูซานที่อยู่ใต้โต๊ะ “วันศุกร์หน้ามาดูหนังที่บริษัทฉัน”

        “ผม...” เหอชูซานพูดทั้งที่ปากยังเต็มไปด้วยเนื้อกุ้ง๣ั๫๷๹ เขาอยากจะบอกว่าวันศุกร์เขาต้องไปทำงานพิเศษ

        ชย่าลิ่วอีมีสีหน้าเ๾็๲๰าขึ้นมาทันที

        เมื่อเห็นท่าทีของชย่าลิ่วอี เหอชูซานก็รีบเปลี่ยนท่าที เขากลืนอาหารในปากอย่างยากลำบาก แล้วพูดว่า “ผม... ผมจะไปวันศุกร์๰่๭๫บ่าย... แค่กๆ…”

        เมื่อได้คำตอบที่พอใจ ชย่าลิ่วอีจึงเก็บสายตาอาฆาตของเขากลับไป

        “แค่กๆ…” เหอชูซานยังคงฝืนกลืนอาหารต่อ “พี่ลิ่วอี... ขอน้ำหน่อยครับ…”

        “ก็ดื่มให้หมดก่อนแล้วค่อยสั่งใหม่สิ จะเอาน้ำของฉันไปทำไม!”

        “แค่ก... ไม่ทันแล้ว... แค่กๆๆ... ติดคอ... แค่กๆ…”

        ชย่าลิ่วอีทั้งขำทั้งสงสาร เลยเลื่อนแก้วน้ำมะนาวที่ตัวเองดื่มไปแล้วครึ่งแก้วให้เขา “ชีวิตยาจก กินกุ้ง๬ั๹๠๱ยังจะติดคอตาย”

        เหอชูซานดื่มน้ำอย่างตะกละตะกลามพลางมองเขาด้วยความขุ่นเคืองใจ คิดในใจว่า ‘ก็เพราะนายทั้งนั้น’

        ……

        เหอชูซานยัดกุ้งตัวใหญ่และสเต๊กเนื้อวัวเข้าไปจนเต็มท้อง สุดท้ายก็กินขนมปังไม่หมดเลยห่อกลับบ้านไปกินเป็๞อาหารเช้าในวันพรุ่งนี้แทน เขาสะพายกระเป๋าเป้ใบเล็กเดินตามชย่าลิ่วอีออกจากโรงแรมเพนินซูล่าอย่างช้าๆ พร้อมกับท้องที่ป่องออกมาเล็กน้อย

        ทั้งสองเดินกลับไปยังลานจอดรถของศูนย์วัฒนธรรม ชย่าลิ่วอีขับรถ Mercedes-Benz สีดำสนิทของเขาเลี้ยวเข้าสู่ถนนซูซื่อปาลี่ [1] แล้วขมวดคิ้วเล็กน้อย

        “หมอบลง” เขาพูด

        เหอชูซานไม่ถามอะไรทั้งนั้น รีบยัดกระเป๋าลงไปใต้เท้าแล้วก้มตัวลงอย่างรวดเร็ว

        ชย่าลิ่วอีหักเลี้ยวพวงมาลัยอีกครั้งเพื่อเปลี่ยนไปใช้เส้นทางที่มีรถเยอะ ก่อนจะหยุดรถตรงสัญญาณไฟแดง “มุดไปข้างหลัง ใช้เสื้อผ้าปิดหน้า คาดเข็มขัดนิรภัยให้แน่น”

         

        เชิงอรรถ

        [1] ถนนซูซื่อปาลี่ คือ ถนนซอลส์บรี

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้