คำพูดของนางเย่แทงใจดำแม่เฒ่าหวังอย่างจัง
แม่เฒ่าหวังจะไม่เกลียดชังเมิ่งอู่ได้อย่างไร เพียงแต่่นี้นางมัวแต่ยุ่งอยู่กับดูแลอาการาเ็ของบุตรชาย จึงยังไม่ได้จัดการเื่นี้
ยังไม่ทันที่แม่เฒ่าหวังจะเอ่ยวาจา หวังสี่ซุ่นก็เดินออกจากห้อง ใบหน้าที่เป็หลุมเป็บ่อนั้นเต็มไปด้วยความเคียดแค้นชิงชังระคนชั่วร้าย กล่าวว่า “กล้าลงมือกับข้า ข้าต้องให้นางชดใช้!”
นางเย่กล่าว “สุภาษิตว่าไว้ ถ้ามีคนเคราะห์ร้ายก็จะมีคนโชคดี หลายวันมานี้ตระกูลหวังของพวกเ้าลำบากยากแค้น แต่ครอบครัวเมิ่งอู่กลับมั่งคั่งขึ้นและสร้างเรือนใหม่ ทั้งหมดใกล้จะเสร็จสมบูรณ์แล้วด้วย ไม่แน่ว่าโชคลาภนี้อาจย้ายไปจากตระกูลหวังก็เป็ได้”
หวังสี่ซุ่นกัดฟันแน่นก่อนกล่าว “ต่อให้นางสร้างวิมานเซียนหรือคฤหาสน์ ข้าก็จะเผามันให้ราบเป็หน้ากลอง!”
นางเย่แนะนำ “เ้าอย่าโกรธจนเกินไปเลย ดูแลร่างกายให้ดี”
จากนั้นก็พูดคุยเื่อื่นๆ อีกสองสามประโยค นางเย่ก็กลับเรือน ตลอดทางนางอารมณ์ดี ยามเจอชาวบ้านก็ทักทายอย่างสนิทสนมมากขึ้น
ไม่ต้องให้พวกนางลงมือก็มีคนแทบทนรอไม่ไหวที่จะถลกหนังของเมิ่งอู่!
หวังสี่ซุ่นผู้นั้นเป็ผู้ใด? เหตุใดในอดีตเขาจึงเกะกะระรานใหญ่โตในหมู่บ้านขนาดนั้น?
เขาคือเนื้อร้ายตัวฉกาจของหมู่บ้านแห่งนี้ ทำชั่วอย่างโจ่งแจ้งโดยไม่เกรงกลัว ไฉนชาวบ้านจึงไม่ห้ามปรามเขาเล่า? นั่นก็เพราะไม่ใช่มีเพียงเขาคนเดียว เหล่าอันธพาลจากสิบหลี่แปดหมู่บ้านต่างรวมตัวกันเป็กลุ่มก้อน และเขาก็เป็หนึ่งในนั้น
ในใจนางเย่ยิ้มเย็น ครั้งนี้นับว่าเมิ่งอู่เจอเื่ใหญ่แล้ว
เรือนไม้ทางฝั่งครัวของครอบครัวเมิ่งอู่สร้างเสร็จแล้ว ชาวบ้านหลายคนช่วยกันปูกระเบื้องที่ขนส่งมาไปไว้บนหลังคาอย่างเป็ระเบียบเรียบร้อย ภายในเรือนกว้างขวาง สว่างไสว
หลังจากนั้นเมิ่งอู่ก็ย้ายข้าวของทั้งหมดจากเรือนหลังเดิมเข้าไปในเรือนหลังใหม่ กระท่อมหลังเก่าถูกรื้อถอนไม่กี่ครั้งก็พังทลายลง เตรียมสร้างใหม่
เวลานี้หวังสี่ซุ่นกำลังรวบรวมเหล่าอันธพาลจากสิบหลี่แปดหมู่บ้าน ก่อนมุ่งหน้าไปยังเรือนของเมิ่งอู่ด้วยท่าทีก้าวร้าวดุดันและแยกเขี้ยวยิงฟัน
ชาวบ้านที่เห็นต่างพากันหลบหนีไปไกล หากครอบครัวใดมีบุตรสาวก็รีบซ่อนตัว
มีชาวบ้านบางคนเห็นหวังสี่ซุ่นเดินนำหน้า ในมือถือคบเพลิงที่ลุกโชติ่ในเวลากลางวันแสกๆ ไม่ผิดแน่ ต้องไปหาเมิ่งอู่แน่แล้ว
มีชาวบ้านเจตนาดีรีบวิ่งไปที่เรือนของเมิ่งอู่ ยามนั้นนางเซี่ยกำลังก่อไฟทำอาหาร ส่วนเมิ่งอู่กำลังช่วยวัดพื้นที่ ชาวบ้านผู้นั้นกล่าวด้วยน้ำเสียงหอบเหนื่อย “แย่แล้ว! พวกเ้ารีบไปซ่อนตัวเถิด หวังสี่ซุ่นพาคนมาทางนี้แล้ว เกรงว่าจะมาหาเื่พวกเ้า!”
เมื่อนางเซี่ยได้ยินดังนั้นพลันหน้าซีดเผือด ทำอันใดไม่ถูก กล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก “นี่...นี่จะทำอย่างไรดี?”
นางไม่อยากให้เมิ่งอู่ถูกคนอื่นรังแกอีกแล้ว ยิ่งกว่านั้นพวกนั้นล้วนเป็คนพาลชั่วช้าสามานย์ หากเมิ่งอู่ตกอยู่ในกำมือของพวกเขา นางจะมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างไร?
นางเซี่ยรีบผลักเมิ่งอู่ไปข้างหลังเรือนอย่างกระวนกระวายพลางเอ่ย “อาอู่! เร็วเข้า! เ้าปีนออกไปทางนี้ วิ่งหนีขึ้นูเาทางด้านหลัง แม่จะถ่วงเวลาให้เอง!”
อย่าว่าแต่นางเซี่ยเลย แม้แต่ชาวบ้านหลายคนที่ได้ยินก็รู้สึกตื่นตระหนกอยู่บ้าง
เมิ่งอู่ปัดเศษไม้ออกจากมือ เมื่อครู่นางนั่งยองบนพื้นนาน เวลานี้จึงต้องใช้มือประคองเอวไว้ นางบิดคอไปมา กล่าวว่า “วิ่งหนีอันใด? ไม่ใช่หมาป่ามาสักหน่อยเ้าคะ”
นางเซี่ยร้อนใจจนตาแดง “อาอู่! คนพวกนั้นมิใช่ล้อเล่น!”
เมิ่งอู่กล่าว “ท่านแม่อย่ากลัวเ้าค่ะ” นางหันมองชาวบ้านที่กำลังช่วยสร้างเรือน “ท่านอา พวกท่านทำงานต่อไปเถิด ไม่มีเื่ใดหรอก”
เมื่อเห็นว่าเด็กสาวอย่างนางยังไม่กลัว ชาวบ้านจึงมิอาจหลบหนี แต่ทุกคนล้วนอกสั่นขวัญแขวนอยู่ตลอด
นางเซี่ยยังคิดจะดึงเมิ่งอู่ แต่เมิ่งอู่กล่าวเสียงสงบราบเรียบมาก “ท่านแม่ ท่านเข้าไปในเรือนกับอาเหิงก่อนเถิด”
นางเซี่ยไม่ยินยอม เก้าอี้เข็นของอินเหิงก็ยังคงอยู่ใต้ชายคา ไม่ขยับไปที่ใด
ทั้งลานเรือนคนที่ยังคงสงบเยือกเย็นที่สุดมีเพียงเมิ่งอู่กับอินเหิงเท่านั้น
ยิ่งกว่านั้นอินเหิงยังถือธัญพืชหลายเมล็ดไว้ในมือแล้วโปรยกระจายไปตามลานเรือนโดยไม่ได้รับผลกระทบใด เขาให้อาหารไก่ต่อราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นพลางร้องเรียก “กุ๊กๆ กุ๊กๆ”
เวลานี้อยากจะหนีก็สายเกินไปแล้ว เพราะมีเสียงฝีเท้าและเสียงเอะอะโวยวายดังสนั่นหวั่นไหวจากด้านนอกไม่ไกล ได้ยินเสียงหวังสี่ซุ่นกล่าวอย่างชั่วร้ายว่า “ที่นี่แหละ!”
เมื่อกลุ่มอันธพาลเดินมาถึงเรือนของเมิ่งอู่พร้อมท่าทางดุร้าย ก็เห็นนางกำลังพับแขนเสื้อขึ้นอย่างไม่รีบไม่เร่ง ก่อนออกแรงบิดกระดูกข้อมือ
นางหยักมุมปาก บิดกระดูกข้อมือดังกรอบแกรบ ก่อนหยิบเสาไม้ไผ่ข้างกำแพงขึ้นมาหนึ่งท่อน เอ่ยว่า “หวังสี่ซุ่น ครั้งนี้เกรงว่าเ้าคงต้องเสียค่ารักษาเพิ่มอีกเป็แน่”
คนกลุ่มหนึ่งกรูกันเข้ามาในลานเรือน หวังสี่ซุ่นยืนถือคบเพลิงในมืออยู่แถวหน้า เมื่อเห็นเมิ่งอู่ก็เคียดแค้นสุดขีด ชี้คบเพลิงไปที่นางพลางเอ่ย “นางตัวดีนี่แหละที่กล้าลงมือทุบตีข้า หนำซ้ำยังกล้าสร้างเรือนใหม่ วันนี้ข้าจะเผาที่นี่ให้กลายเป็เถ้าถ่าน จากนั้นค่อยจัดการนางอย่างทารุณ!”
เมิ่งอู่ช้อนตามองคนกลุ่มนั้นเร็วๆ ผาดหนึ่ง หางตาอดกระตุกไม่ได้ “ไม่ดีแล้ว อัปลักษณ์มากจนตาของข้าเป็ตะคริว”
เหล่าอันธพาลเนื้อร้ายที่ยืนอยู่ด้านหลังได้ยินดังนั้นต่างก็โกรธเกรี้ยว ตะคอกลั่น “หวังสี่ซุ่น! เผาเรือนด้านข้างหลังนั้นก่อน!”
หวังสี่ซุ่นมีพวกพ้องคอยช่วยเหลือ แน่นอนว่าย่อมฮึกเหิมยิ่งยวด เขาถือคบเพลิงก้าวขึ้นหน้าอย่างอวดตน
พวกชาวบ้านไม่กล้าส่งเสียง ส่วนนางเซี่ยเห็นดังนั้นก็ะโ “พวกเ้ากล้าหรือ! ยังมีกฎหมายบ้านเมืองอยู่หรือไม่!”
คำพูดเหล่านี้ทำเอาเหล่าอันธพาลเนื้อร้ายหัวเราะลั่น “กฎหมาย? พวกเรานี่แหละคือกฎหมาย!”
เมิ่งอู่อยากจะเอามือกุมหน้าผาก นางได้ยินถ้อยคำก้าวร้าวดุดันนี้จนเบื่อแล้วจากในละครโทรทัศน์
นางเซี่ยทนไม่ไหวรีบวิ่งออกไปขัดขวางพวกเขา ทว่าเมิ่งอู่รีบดึงนางไปไว้ด้านหลังได้ทันเวลาก่อนเอ่ย “ท่านแม่ อย่าวิ่งไปทั่วสิเ้าคะ!”
“แต่… แต่พวกเขากำลังจะเผาเรือน!”
วันนี้หวังสี่ซุ่นมาเพื่อแก้แค้น ใบหน้าเขาเกลื่อนยิ้มชั่วร้าย ทว่าเพิ่งก้าวเท้าขึ้นหน้าได้สองก้าว ก็เห็นเพียงเงาสีเขียวพุ่งฝ่าอากาศเข้ามากะทันหัน เขายังมองไม่ชัดก็รู้สึกเจ็บแปลบที่หัวเข่าแล้ว
เมิ่งอู่ถือไม้ไผ่ไว้ในมืออย่างสบายๆ ปลายไม้ไผ่ฟาดเข้าที่ขาของหวังสี่ซุ่นตรงๆ ทำเอาเขาทรุดลงนั่งคุกเข่ากับพื้นทันที พอมือสั่น คบเพลิงก็หลุดมือ ตกลงข้างเท้าของเมิ่งอู่
ภายในลานเรือนเงียบกริบไปชั่วขณะ
เมิ่งอู่ก้มลงมองแวบหนึ่ง จากนั้นก็ยกเท้าขึ้นเหยียบคบเพลิงอย่างเมฆบางลมเบาเพื่อดับไฟ
เหล่าอันธพาลเนื้อร้าย “...”
นี่เป็การออกตัวที่ไม่ดีเอาเสียเลย
เมิ่งอู่เลิกคิ้วพลางเอ่ย “ในเมื่อมาหาเื่ถึงประตูก็ตกลงกันก่อนนะ ข้าจะไม่จ่ายค่ารักษาค่ายาให้พวกเ้าเด็ดขาด”
หวังสี่ซุ่นกุมหัวเข่าไว้ เจ็บจนกระตุก สูดหายใจเข้าแล้วกล่าวเสียงสั่นเทา “ระวังนางให้ดี นาง... นางมีฝีมือ”
เมิ่งอู่หัวเราะ “พูดแบบนี้ตอนเื่มาถึงตัวแล้ว ไม่ใช่ว่าเ้ากำลังหลอกใช้พี่น้องของเ้าอยู่รึ?”
เหล่าอันธพาลเนื้อร้ายมองหน้ากันไปมา สายตาโเี้ กล่าวว่า “ข้าอยากเห็นนักว่าเ้ากี่จินกี่เหลี่ยง [1] !”
เมิ่งอู่กล่าวอย่างใจเย็น “ท่านแม่ อาเหิง พวกท่านถอยไปหน่อย”
นางเซี่ยรู้สึกกังวลเหลือหลาย ขณะเดียวกันก็ไม่อยากสร้างปัญหาให้เมิ่งอู่ จึงได้แต่ถอยหลังไป ส่วนชาวบ้านก็พยายามหลบไปข้างๆ
อินเหิงกวักมือเรียกแม่ไก่ป่า แม่ไก่ป่าะโขึ้นไปบนพนักแขนของเก้าอี้เข็นของเขาแล้วนั่งยองเพื่อหลบลูกหลง อินเหิงลูบขนแม่ไก่ป่าให้เรียบพลางมองผู้คนในลานเรือนอย่างสงบด้วยั์ตาสีอ่อนและเ็า
……….
[1] หมายถึง มีความสามารถแค่ไหน