ทั้งสองเล่นเกมจ้องตากันอย่างไม่ลดละจนในที่สุดปู่หลี่ก็เป็อันพ่ายแพ้หลบสายตาไปในที่สุด “เฮ้อ...นางหนูเอ๋ยเ้าจะต้องรู้เื่ให้ได้ใช่หรือไม่ เกรงว่าข้าคงมิอาจบอกเ้าได้จริงๆ วันหน้าหากเ้าสามารถร้องเรียนให้มีการรื้อคดีย่อมมีการสั่งให้ขุดศพขึ้นมาชันสูตร ถึงยามนั้นเ้าก็จะได้รู้เอง อย่าได้ถามไปมากกว่านี้เลย”ฆ่าให้ตายอย่างไรเขาก็มิอาจบอกสภาพการตายของจางจื้อหลินออกไปได้
“ผู้น้อยมีหรือจะไม่เข้าใจถึงความลำบากของท่าน คำถามต่อไปนี้จะถามท่านในฐานะพยานเมื่อสิ้นสุดคำถามผู้น้อยต้องขอให้ท่านลงชื่อและพิมพ์ลายนิ้วมือ ผู้าุโทั้งสองจะให้การยินยอมหรือไม่เ้าคะ”การอนุมานของนางเริ่มมีเค้าลางที่เป็รูปร่างอย่างชัดเจน เหลือเพียงการเก็บพยานและหลักฐานแววล้อมให้ครบถ้วน เมื่อมีสิ่งเหล่านี้หากทางอำเภอไม่รับเื่นางก็จะเดินทางไปยังมณฑล หากข้าหลวงใหญ่ประจำมณฑลไม่สนใจคดีเล็กๆ นี้ ทางเลือกสุดท้ายก็ต้องเดินทางเข้าเมืองหลวง
ตีกลองเติ้งเหวิน เรียกร้องความเป็ธรรมจากโอรส์
“เ้ารีบถามมาเถอะ เื่เล็กน้อยเพียงเท่านี้ข้าไม่ขัดข้องใดๆ”ท่านปู่หลี่ที่ได้รับสายตาเป็เชิงอนุญาตจากบุตรชายก็รับปากเด็กสาวอย่างวางใจ ในเมื่อบุตรชายถึงกับเห็นด้วยแสดงว่าเื่นี้จะไม่อาจสร้างคลื่นลมใดๆ ได้
นี่คือความเวทนาต่อเด็กกำพร้าเท่านั้น
“เ้าค่ะ ข้าจะกล่าวถึงสภาพภายนอกของจางเหล่าต้าที่ท่านเห็น สภาพดูไม่ได้หน้าปูดบวมเพราะถูกทำร้ายร่างกาย เสื้อผ้าฉีกขาด มีจุดหนึ่งที่ท่านอาจจะมองข้ามไปคนที่ถูกโจรร้ายที่โเี้ดักปล้น แม้จะมีจางจื้อหลินคอยกันไว้แต่อาการาเ็ของจางเหล่าต้าเหมือนจะไม่สมเหตุผลกับระดับความโเี้ของโจรกลุ่มนี้ นอกจากรูปลักษณ์ภายนอกที่เหมือนถูกคนซ้อมมาเป็อย่างหนัก ฝีเท้าการเดินเหินของจางเหล่าต้านั้นยังปกติซ้ำยังคล่องแคล่วว่องไว ดูไม่เหมือนคนที่ได้รับบาดเลยเป็เช่นนั้นใช่หรือไม่”
“ดู...ดูเหมือนจะเป็เช่นนั้น”เพราะตื่นใกับเื่ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันจึงทำให้ปู่หลี่ลืมนึกถึงจุดเล็กๆ จุดนี้ไป
จางจื่ออี๋พยักหน้าด้วยความเนิบช้าพร้อมกับมือที่ตวัดพู่กันอย่างว่องไว ข้อนี้หญิงสาวรู้ได้จากความทรงจำของร่างเดิม แม้จะตกอยู่ในห้วงของความทุกข์ระทมนางก็เห็นด้วยสายตาของตนเองว่าสภาพร่างกายของลุงใหญ่นั้นสมบูรณ์แข็งแรงยิ่ง ดูไม่ออกเลยว่าเป็คนโดนซ้อมผ่านประสบการณ์อันเลวร้ายมา
“หมดคำถามสำหรับท่านปู่หลี่แล้วเ้าค่ะ”
“อืม”
“ท่านลุงหลี่ คำถามของท่านมีไม่มาก ทางการได้รับแจ้งเหตุเมื่อใดและดำเนินการสอบสวนเช่นไรบ้างก่อนจะสรุปคดี”
“ในเมื่อเ้าเป็บุตรสาวของผู้ตาย การบอกเื่คดีให้เ้าฟังก็ไม่ถือว่าผิดกฎ ทางอำเภอได้รับแจงเหตุในเช้าวันต่อมา ท่านนายอำเภอส่งนายกองออกไปตรวจสอบที่เกิดเหตุและศพ ที่เกิดเหตุล้วนตรวจสอบได้แต่ศพนั้นก็อย่างที่เ้ารู้ ศพถูกบรรจุลงโลงตอกตะปูเสร็จสรรพ บิดามารดาของผู้ตายก็ไม่ประสงค์ให้เปิดโลงเพราะเกรงว่าจะไปรบกวนิญญาที่ตายตาไม่หลับ หากคนตายไม่พอใจกลายเป็ิญญาแค้นแล้วจะทำเช่นไร ตอนที่ข้าได้ยินเื่จากเหล่านายกองก็ให้สงสัย บุตรของตนตายไปเหตุใดจึงไม่คิดเรียกร้องหาความยุติธรรม
พอมาคิดอีกทีก็เข้าใจได้ จางจื้อหลินเป็บุตรที่อุ้มมาจากด้านนอกมารดาผู้ให้กำเนิดไม่แน่ชัดแม้จะขึ้นทะเบียนเป็บุตรของจางซื่ออย่างถูกต้อง แต่ทุกคนก็รู้อยู่แก่ใจ คนบ้านจางปฏิบัติกับลูกชายคนที่สามเช่นไร คนในหมู่บ้านก็เห็นกันมาแต่ไหนแต่ไร เมื่อไร้เ้าทุกข์หลักฐานที่เกิดเหตุก็บอกอันใดไม่ได้ ก็มีแต่ต้องแช่แข็งคดีเอาไว้เท่านั้น”
คำว่าทุกคนก็รู้ดีแก่ใจนี้เหมือนค้อนหนักทุบลงกลางศีรษะเล่นเอาจางจื่ออี๋มึนงง บทชีวิตของครอบครัวสกุลจางไม่ได้บรรยายลงลึก อย่างที่บอกหลายเื่จางจื่ออี๋ต้องด้นสด เื่ที่รู้จนเต็มท้องของพระเอกนางเอกตัวนางไม่คิดจะใส่ใจ หากว่าเข้าไปยุ่งมากๆ แล้วจะมีกินมีใช้นางก็จะทำอยู่หรอก แต่ความจริงมันไม่เป็อย่างนั้น
“ขอบพระคุณท่านผู้าุโทั้งสองที่ให้ความร่วมมืออย่างดี ผู้น้อยและน้องชายต้องขอตัวลา”
“อืม นางหนูจะทำสิ่งใดก็นึกถึงน้องๆ ของเ้าที่ยังเล็ก อย่าได้ปล่อยให้พวกเขามีชีวิตที่น่าเวทนายิ่งกว่าที่เป็อยู่”ท่านปู่หลี่อดไม่ได้ที่จะเอ่ยคำตักเตือนให้เด็กสาวที่ดื้อรั้นมีสติขึ้นมาบ้าง ชายชราไม่้าเห็นเด็กที่ดีเช่นนี้เดินทางผิด
“ท่านผู้าุโโปรดวางใจ ผู้น้อยย่อมรู้ขอบเขตของตน อาเหยาพวกเราไปกันเถิด ผู้าุโทั้งสองขอลา”จางจื่ออี๋ย่อกายคาราวะคนทั้งสองตามมารยาทก่อนจะเดินนำน้องชายออกไป
ที่ด้านนอกเรือนเมื่อเด็กทั้งสองเดินออกมาพ้นประตูก็ประทะกับสายตาทีเมียงมองมาจากทางห้องครัวที่อยู่ไม่ไกลนัก ไม่รอให้เด็กทั้งสองกล่าวสิ่งใดหลี่ซื่อก็เดินเข้ามาหาพร้อมกับยัดห่อกระดาษน้ำมันเข้ามาในอ้อมกอดของจางจื่ออี๋ด้วยความรวดเร็ว ััอุ่นๆ ที่แผ่ออกมาจากห่อกระดาษไม่ต้องเดาก็รู้ว่าต้องเป็ของกินอย่างแน่นอน
“ท่านป้าหลี่นี่...”
“ผู้ใหญ่ให้ของเ้าก็ทำเพียงรับไป จะถามให้มากความไปใย อาหมาน อาเหยาพวกเ้าพี่น้องต้องเข้มแข็งให้มากนะลูก ไปได้แล้วเดี๋ยวจะมืดค่ำเสียก่อน”เหล่าผู้าุโไปจนถึงเหล่าสะใภ้ในหมู่บ้านแห่งนี้ แปดในสิบส่วนต่างมองเห็นว่าเด็กๆ บ้านสามสกุลจางเป็เด็กดีรู้ความสมดั่งที่ได้รับการศึกษามาั้แ่ยังเล็ก มีสิ่งใดช่วยเหลือได้ มีสิ่งใดยิบยื่นได้ หลี่ซื่อเชื่อว่าพวกเขาต้องทำเหมือนนางเป็แน่
“ขอบคุณท่านป้าหลี่”สองพี่น้องกล่าวขอบคุณอย่างพร้อมเพรียง ก่อนจะเดินตามกันออกมาจากเรือน
ท่ามกลางสายตาของชาวบ้านที่อยู่บ้านใกล้เรือนเคียง สองพี่น้องมิได้นำพาสายตาสืบเสาะของคนเ่าั้มาใส่ใจ โชคดีที่มีห่อของกินนี่อยู่คนส่วนมากที่เห็นคงคิดว่าเด็กกำพร้าอย่างพวกนางมาขอของกินจากหัวหน้าหมู่บ้านกระมัง เข้าใจกันไปอย่างนั้นก็ดี
"ท่านพี่ เราจะทำได้จริงหรือขอรับ"หลังจากที่เดินมาได้ระยะหนึ่ง จางจื่อเหยาที่นิ่งเงียบมานานก็เอ่ยปากออกมาในที่สุด
เก็บความสงสัยเอาไว้ไม่ได้สินะ นึกว่าเด็กคนนี้จะอดทนไปจนถึงชาติหน้าเสียอีก
“เกิดมาเป็บุตรของบุคคลที่ได้รับการขนานนามว่าเป็ยอดอัจฉริยะแห่งยุค เ้าคิดว่าพี่ใหญ่โง่เง่าเพียงเพราะเมื่อก่อนอ่อนโยนเชื่อฟัง? เ้าคิดผิดแล้ว อาเหยาเ้าจงดูผลของการอ่อนโยนเชื่อฟังนั้นมีผลลัพธ์ไรเมื่อยู่ในบ้านสกุลจาง เราพี่น้องมิใช่ถูกคนในบ้านนั้นเหยียบไว้ใต้ฝ่าเท้าหรอกรึ ยามนี้เราเป็อิสระแล้วต่อให้ฆ่าคน วางเพลิง ขุดสุสาน ก็ไม่มีผู้ใดสามารถห้ามปรามเราได้!!”
“ท่านพี่!”จางจื่อเหยาเป็เด็กฉลาดความคิดอ่านของเขาก้าวล้ำเหนือผู้เป็บิดาไปนานแล้ว เพียงพูดประโยคเดียวของพี่สาวก็ทำให้เด็กชายเข้าใจถึงจุดประสงค์ต่อไปของนางในทันที ร่างผอมบางของเด็กน้อยวัยเก้าขวบปีแข็งทื่อเพราะเื่ที่ผู้เป็พี่สาวคิดจะทำ นั้นขัดกับหลักการที่ตนเองได้ร่ำเรียนมาทั้งชีวิต
ขุดสุสาน ขุดสุสาน...
คำนี้ดังก้องอยู่ในหัวของเด็กชายจนเกิดเป็เสียงดังหึ่งๆ รบกวนผู้ตายในที่พักพิงสุดท้าย ซ้ำยังเป็บุพการี ไม่เรียกว่าอกตัญญูแล้วจะยังมีสิ่งใดอีก ทว่าหากไม่ทำเช่นนั้นแล้วจะสามารถเรียกร้องความเป็ธรรมให้บิดาได้เช่นไร บิดาที่รักของพวกเขาต้องจากไปด้วยน้ำมือของคนชั่ว
เดรัจฉานเ่าั้ยังลอยตัวอยู่เหนือกฎหมายบ้านเมือง หากรอให้ผลกรรมทำงานไม่รู้ว่าชาตินี้ตัวเขาจะอยู่เห็นจุดจบของพวกมันหรือไม่
หยาดน้ำตาเอ่อล้นออกมาจากดวงตาเรียวเล็ก ความคับแค้นใจหลอมรวมกับความทุกข์ระทมแสนสาหัส จางจื่อเหยาไม่รู้ว่าตนเองจนทนรับเื่ราวต่อไปได้เช่นไร
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้