ซั่งกวนหลิงหยิบกริชขึ้นมาด้วยความยากลำบาก นางอดไม่ได้ที่จะมองไปยังเป่ยเหลียนโม่ จนกระทั่งนางกอบกุมใบมีดอันเย็นเฉียบเอาไว้แน่น นางก็ยังไม่อยากจะเชื่อเลยว่าชิงผิงอ๋องจะลงโทษปะาชีวิตนางเพียงเพื่อสตรีเช่นนั้น
“ท่านอ๋อง หลิงเอ๋อร์ไม่กลัวตาย แต่สิ่งที่หลิงเอ๋อร์กลัวคือหลังจากสละชีวิตนี้ไปแล้ว หากไม่สามารถช่วยเอาพระทัยของท่านอ๋องกลับมาได้ เช่นนั้นผู้ใดจะสามารถอยู่เคียงข้างท่านอ๋องในวันข้างหน้า?”
เป่ยเหลียนโม่รินน้ำชาให้ตัวเอง ก่อนจะกล่าวว่า “คนที่จะอยู่เคียงข้างเปิ่นหวังตลอดไปย่อมมีเพียงหวังเฟย อย่าว่าแต่ชีวิตของเ้าชีวิตเดียวเลย ต่อให้เป็สิบชีวิตหรือร้อยชีวิต ก็ไม่อาจเทียบได้กับรอยยิ้มเพียงครั้งเดียวของหวังเฟย”
ซั่งกวนหลิงยิ้มอย่างขมขื่น นางรู้มาโดยตลอดว่าเป่ยเหลียนโม่เ็ากับคนนอก ก่อนหน้านี้นางคิดว่านี่ก็สมเหตุสมผลแล้ว การปฏิบัติอย่างเ็าต่อผู้คนที่ไม่สลักสำคัญเ่าั้ย่อมไม่ต้องสิ้นเปลืองแรงใจมากมายอยู่แล้ว
แต่นางไม่เคยคิดเลยว่านางจะเป็เหมือนคนเ่าั้ที่จะมีหรือไม่มีก็ได้ในความรู้สึกของเป่ยเหลียนโม่ ความรู้สึกที่แท้จริงเ่าั้ที่นางทุ่มเทมอบให้ไป กลับได้เพียงกริชเย็นเยียบเล่มหนึ่งมาเป็การตอบแทน
“ท่านอ๋อง พระองค์รู้ทั้งรู้ว่าหวังเฟยไม่ได้รักพระองค์ คนที่นางรักมีเพียงองค์ชายสามเป่ยเซวียนเฉิง พระองค์จะหลอกลวงตนเองไปไย นางอาจเป็เพียงหมากที่องค์ชายสามวางไว้ข้างกายพระองค์ั้แ่แรก ถ้อยคำไพเราะหวานหูนั้นมีจุดประสงค์เพื่อแทงข้างหลังพระองค์อย่างโเี้”
ซั่งกวนหลิงคุกเข่าลงแทบเท้าของเป่ยเหลียนโม่และมองเขาอย่างกระตือรือร้น นางหวังเหลือเกินว่านางจะสามารถกรีดเอาหัวใจของสตรีผู้นั้นออกมาได้ เพื่อให้เป่ยเหลียนโม่ได้มองให้ชัดเจนว่าสตรีผู้นั้นซ่อนความลับที่ไม่อาจบอกผู้ใดได้ไว้มากมายเพียงใด
บนโลกใบนี้มีเพียงนางเท่านั้นที่จริงใจต่อเขา ส่วนคนอื่นไม่มีผู้ใดที่ไม่้าอะไรจากเขา มีเพียงนางเท่านั้นที่ไม่ว่าจะเป็ชีวิตนี้หรือว่าหัวใจดวงนี้ก็ล้วนเป็ของเขาโดยสมบูรณ์
“ท่านอ๋อง เหยาเชียนเชียนพัวพันกับองค์ชายสามมานานหลายปี นางจะลืมเลือนภายในชั่วข้ามคืนได้อย่างไร เช่นเดียวกับจดหมายเ่าั้ นั่นเป็เพียงส่วนน้อยเท่านั้น ยังมีอีกหลายร้อยฉบับอยู่ที่จวนสกุลเหยา ทั้งหมดล้วนเป็หลักฐานที่ยืนยันว่าพวกเขาทั้งสองคนติดต่อแลกเปลี่ยนความรู้สึกต่อกัน”
ซั่งกวนหลิงคว้าชายอาภรณ์ของเป่ยเหลียนโม่ไว้อย่างแ่เบา และประคองไว้ในมืออย่างทะนุถนอม
“นางไม่สมควรได้รับความจริงใจจากพระองค์เลยแม้แต่น้อย ในใจของนางไม่มีทางมีพื้นที่สำหรับพระองค์ แทนที่จะทนดูพระองค์ถูกหลอก สู้ให้หลิงเอ๋อร์ช่วยให้พระองค์ได้เห็นธาตุแท้ของนางได้กระจ่างเสียยังดีกว่า!”
ในที่สุดเป่ยเหลียนโม่ก็ทอดสายตามองไปที่ซั่งกวนหลิงเสียที บางทีสิ่งที่เขาเคยคิดในอดีตอาจจะเหมือนกับที่นางคิด เขาเคยไม่เชื่อว่าเหยาเชียนเชียนจะยอมสละทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับเป่ยเซวียนเฉิง แต่หลังจากที่เขาได้อยู่กับนางทั้งวันทั้งคืน นางเป็คนอย่างไรเขารู้ได้กระจ่างมานานแล้ว
ไม่จำเป็ต้องให้ผู้อื่นเอาแต่พูดว่าหวังดีต่อเขา แต่แท้จริงแล้วนอกจากจะสร้างปัญหาเพิ่มให้เขาแล้วก็ไม่มีผลดีอะไรเลย
“เปิ่นหวังไม่ชอบให้ผู้อื่นมาชี้นิ้วสั่งการส่งเดชและตัดสินใจแทนเปิ่นหวัง น่าเสียดายที่เ้าอยู่ข้างกายเปิ่นหวังมานานเพียงนี้แล้ว เมื่อเทียบกับผู้อื่นแล้วก็ใช่ว่าจะมองได้กระจ่างเสมอไป ช่างโง่เขลาโดยแท้”
เป่ยเหลียนโม่งอนิ้วและเคาะโต๊ะเบาๆ สองครั้ง องครักษ์เงาก็พาเด็กหนุ่มคนหนึ่งเข้ามาอย่างเงียบๆ สีหน้าของซั่งกวนหลิงพลันเปลี่ยนไป นั่นคือเด็กหนุ่มที่นางใช้มาข่มขู่อวี่เหลียนเอ๋อร์และหลังจากนั้นนางก็นำเขาไปซ่อนไว้
“หลอกลวงผู้เป็นายถือเป็การฏ” เป่ยเหลียนโม่กวาดสายตามองกริชเล่มนั้น “เลาะกระดูกของเ้าออกมาชิ้นหนึ่ง เพื่อที่เ้าจะได้รู้ว่าในวันหน้าอะไรควรทำ และอะไรไม่ควรทำ”
ซั่งกวนหลิงเบิกตากว้าง หาก้ากระดูกของนางชิ้นหนึ่งก็เกรงว่าร่างกายนี้คงใช้การไม่ได้แล้ว นางก้าวไปข้างหน้าและคว้าชายอาภรณ์ของเป่ยเหลียนโม่ไว้ทั้งน้ำตานองหน้าด้วยความตื่นตระหนก
“ท่านอ๋อง หลิงเอ๋อร์ไม่เคยมีเจตนาฏต่อพระองค์เลยนะเพคะ พระองค์ช่วยชีวิตหลิงเอ๋อร์ไว้ จากนั้นเป็ต้นมาพระองค์ก็เป็เ้านายของหลิงเอ๋อร์ หลิงเอ๋อร์เพียงไม่้าให้พระองค์ถูกหลอก วอนท่านอ๋องโปรดมองเห็นหัวใจของหลิงเอ๋อร์ด้วยเถิดเพคะ!”
เป่ยเหลียนโม่เตะมือคู่นั้นออกไป ดวงตาสีดำสนิทของเขาราวกับไร้ซึ่งความอบอุ่นดังเช่นแต่ก่อน ทำให้ซั่งกวนหลิงกอดตัวเองแน่นโดยไม่รู้ตัวและคุกเข่าอยู่แทบเท้าเขาด้วยตัวสั่นเทิ้ม
“ในเมื่อเ้าติดตามเปิ่นหวังมาหลายปีและกระทำผิดเป็ครั้งแรก ครั้งนี้เปิ่นหวังก็จะไว้ชีวิตเ้า หากในวันหน้าเ้ากระทำผิดอีก มันจะไม่ง่ายดายเพียงกระดูกชิ้นเดียว”
ซั่งกวนหลิงมองเขาจากไปด้วยความหดหู่ใจ นางดึงกริชอันแหลมคมออกมา น้ำตาและเืสดผสมกันเปียกชื้นบนพรมอันประณีต ความเ็ปอย่างรุนแรงจากการฉีกขาดของกระดูกและเนื้อทำให้นางสามารถสลบไปได้ทุกเวลา
“เหยาเชียนเชียน ทั้งหมดเป็เพราะเ้า…”
เดิมทีนางเป็คนที่ท่านอ๋องไว้วางใจมากที่สุด แต่สุดท้ายต้องมาตกอยู่ในสภาพนี้เพราะเหยาเชียนเชียนล่อลวงท่านอ๋อง เป็ดั่งที่นางคิดไว้ไม่มีผิด สตรีผู้นี้เป็หายนะอย่างแท้จริง ท่านอ๋องเริ่มถูกเหยาเชียนเชียนมอมเมาเข้าแล้ว จะต้องกำจัดทิ้งโดยเร็วที่สุด
ที่เรือนหลังของจวนอ๋อง เหยาเชียนเชียนนำคนไปจัดการศพของอวี่เหลียนเอ๋อร์ด้วยตัวเอง บนรถเข็นที่ไม่สะดุดตาคันหนึ่งมีศพของร่างเล็กซึ่งถูกห่อหุ้มด้วยผ้าขาวชั้นหนึ่ง และถูกคลุมด้วยเสื่อไว้อีกชั้นหนึ่ง
“ฝังไว้ให้ดี แต่อย่าให้ผู้ใดเห็นเข้าเล่า” นางกำชับ
บ่าวไพร่พยักหน้าแล้วจากไป เช่นเดียวกับยามที่มายังจวนแห่งนี้ อวี่เหลียนเอ๋อร์ก็จากไปอย่างเงียบๆ เช่นเดียวกัน
“ท่านอ๋องอยู่ที่ใด?” เหยาเชียนเชียนเอ่ยถามสาวใช้
“ทูลหวังเฟย ท่านอ๋องออกจากจวนไปั้แ่ครึ่งชั่วยามที่แล้วเพคะ ดูเหมือนว่าจะไป...ไปที่หอเพียวเซียงเพคะ”
สาวใช้มองนางอย่างไม่วางใจ นับั้แ่ท่านอ๋องและหวังเฟยเริ่มรักกันมากขึ้นเรื่อยๆ ท่านอ๋องก็ไม่เคยไปที่หอเพียวเซียงอีกเลย ไม่รู้ว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้น
เหยาเชียนเชียนชะงักไปเล็กน้อย นึกถึงคนที่อยู่หอเพียวเซียงแห่งนั้น จากนั้นก็พยักหน้า
แม้ว่านางจะไม่รู้แน่ชัดว่าอยู่ๆ เป่ยเหลียนโม่ไปทำอะไรที่นั่น แต่นางก็ไม่ได้คิดถึงเื่รักๆ ใคร่ๆ เ่าั้เลย ที่จวนเพิ่งเกิดเื่แบบนี้แท้ๆ แต่เขากลับออกไปหาความบันเทิงเสียได้ นั่นช่างแปลกยิ่งนัก
“บางทีท่านอ๋องอาจจะมีธุระ้าคุยกับแม่นางหลิงเอ๋อร์ ข้าจะรออีกสักครู่แล้วกัน”
เมื่อเห็นท่าทางเช่นนี้ของนาง สาวใช้ที่ติดตามเหยาเชียนเชียนก็รู้สึกไม่สบายใจและอดไม่ได้ที่จะปลอบโยนนาง
“หวังเฟยไม่ต้องกังวลนะเพคะ สองวันที่ผ่านมาในจวนวุ่นวายเหลือเกิน ท่านอ๋องอาจแค่เสด็จออกไปเดินเล่นเท่านั้น แม้แต่พวกเราทุกคนก็ยังรู้ว่าหวังเฟยถูกใส่ร้าย ท่านอ๋องย่อมต้องรู้ดียิ่งกว่าอยู่แล้วเพคะ”
เหยาเชียนเชียนขมวดคิ้ว เป็เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นใน่สองสามวันนี้ ดังนั้นชิงผิงอ๋องถึงได้ตั้งแง่กับนางหรือ?
เป็ไปได้หรือไม่ว่าชิงผิงอ๋องอาจจะเห็นนางแล้วนึกถึงเื่เหล่านี้ ดังนั้นจึงไม่อยากอยู่ที่จวน
“หากเป็เพราะเหตุผลเ่าั้ เช่นนั้นก็ถือว่าเป็ธรรมชาติของมนุษย์ ข้าก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้วเช่นกัน”
เหยาเชียนเชียนถอนหายใจ และในขณะที่กำลังจะไปหาอาเหยียนก็เห็นพ่อบ้านวิ่งเหยาะๆ เข้ามาแจ้งว่าท่านอ๋องเสด็จกลับมาแล้ว และ้าให้นางไปรอที่ห้องหนังสือก่อนสักครู่ เขามีเื่จะปรึกษากับนาง
หลังจากที่คิดอย่างถี่ถ้วนแล้ว ดูเหมือนว่านางไม่มีอะไรให้อีกฝ่ายคิดบัญชีย้อนหลังได้ ดังนั้นเหยาเชียนเชียนจึงรู้สึกโล่งใจขึ้นมาเล็กน้อยและนั่งรออยู่ในห้องหนังสือ หลังจากนั้นไม่นานเป่ยเหลียนโม่ก็เปิดประตูเข้ามา ข้างๆ เขามีเด็กหนุ่มอายุราวยี่สิบปีคนหนึ่งตามมาด้วย
“ท่านอ๋อง” เหยาเชียนเชียนมองเขาอย่างสงสัย “คนผู้นี้คือ?”
เป่ยเหลียนโม่ขอให้นางพินิจดูและขอให้นางถอยกลับไปนั่ง จากนั้นเขาก็นั่งลงข้างนางแล้วรินชาถ้วยหนึ่ง
“นี่คือน้องชายของอวี่เหลียนเอ๋อร์ ในเวลานั้นนางถูกคนล่อลวงไปั้แ่อายุเพียงห้าถึงหกปี โดยที่ไม่รู้ว่านางมีน้องชาย เปิ่นหวังส่งคนไปตามหาเขากลับมา ดูท่าว่าเ้ายังอาลัยอาวรณ์ต่ออวี่เหลียนเอ๋อร์อยู่ เช่นนั้นความเมตตานี้ก็มอบให้แก่น้องชายของนางเสียเถิด”
เหยาเชียนเชียนรู้สึกประหลาดใจ นึกย้อนไปถึงยามที่เห็นเด็กหนุ่มเมื่อครู่ ใบหน้าของเขาก็คล้ายคลึงกับอวี่เหลียนเอ๋อร์อยู่หลายส่วนจริงๆ นางอดที่จะทอดถอนใจออกมาไม่ได้
อย่างน้อยอวี่เหลียนเอ๋อร์ก็ยังมีญาติที่ยังมีชีวิตอยู่ ชีวิตนี้นางอาจจะทำเื่ไม่ดีมาไม่น้อย แต่นางกลับรักใคร่และเมตตาต่อน้องชายผู้นี้ ในเมื่อเด็กคนนี้มีความซื่อสัตย์และมีความรับผิดชอบ เช่นนั้นนางก็จะหางานดีๆ ให้เขาสักงาน เพื่อให้เขาได้ใช้ชีวิตอย่างไร้ความกังวล
“ให้เขาได้ใช้ชีวิตอย่างมั่นคงแบบที่พี่สาวเขาไม่เคยมีมาก่อนเถิด”
เหยาเชียนเชียนเม้มริมฝีปากเล็กน้อย เื่ราวอันชวนหดหู่นี้ถึงเวลาที่ต้องสิ้นสุดลงเสียที
เป่ยเหลียนโม่เหลือบมองนางจากหางตา ด้วยกลัวว่าหญิงสาวตัวน้อยจะเสียใจขึ้นมาอีก การที่ให้อวี่เหลียนเอ๋อร์จบชีวิตตัวเองและยอมรับผิดนั้นถือเป็ความกรุณาของเขาแล้ว นับประสาอะไรกับการเลี้ยงดูน้องชายของนางอีกคน นั่นเพียงเพื่อไม่ให้เหยาเชียนเชียนโศกเศร้าจนเกินไปเท่านั้น
เขาจิบชาแล้วกล่าวว่า “เื่นี้เปิ่นหวังสร้างความลำบากเพิ่มให้เ้าแล้ว ต่อไปเปิ่นหวังจะให้ความสำคัญกับเื่เหล่านี้เป็พิเศษ และเปิ่นหวังได้เตรียมของขวัญเล็กๆ น้อยๆ ไว้สำหรับปลอบขวัญหวังเฟยด้วย หวังเฟยได้โปรดรับไว้”
เหยาเชียนเชียนรู้สึกละอายใจเล็กน้อยยามที่ได้ยินประโยคในครึ่งแรก เห็นได้ชัดว่าเป็เพราะนางเชื่อใจอวี่เหลียนเอ๋อร์อย่างง่ายดาย ดังนั้นจึงก่อให้เกิดปัญหาตามมามากมาย ยังจะให้เขาขอโทษนางได้อย่างไร
แต่ในยามที่นางได้ยินว่าเป่ยเหลียนโม่ได้เตรียมของขวัญไว้แล้ว นางก็กลืนคำพูดที่เตรียมมาอย่างดีลงท้องไปทันที
ในเมื่อเป็น้ำใจของเขา เช่นนั้นก็รับไว้จะดีกว่า เหยาเชียนเชียนพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม ไม่รู้ว่าเป็เงินหรือทอง หรือเป็ของจำพวกไข่มุก อัญมณี มรกต หรือโมรา ทว่านางก็ไม่ได้คาดหวังมากขนาดนั้นหรอก
กล่องไม้ขนาดเท่าฝ่ามือถูกผลักออกไป เหยาเชียนเชียนชะงักไปชั่วครู่และมองเป่ยเหลียนโม่เล็กน้อย จากนั้นก็มองไปที่กล่องไม้
อย่าบอกนะว่านี่คือของขวัญเล็กๆ น้อยๆ ที่เขาเตรียมเอาไว้ นางคิดว่าเขาแค่พูดถ่อมตัวเกินไปหน่อย ไม่คิดเลยว่ามันจะเล็กขนาดนี้จริงๆ!
“ลองเปิดมันดูสิ” ชิงผิงอ๋องยกมุมปากขึ้น “หวังเฟยชอบมันมาตลอดเลยนะ”
เหยาเชียนเชียนกำหมัดแน่นอย่างเงียบๆ และบอกตัวเองให้เข้มแข็ง แม้ว่าจะมีแท่งเงินเพียงแท่งเดียวก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรเลย นางปลอบใจตัวเอง พลางคิดว่าอีกครู่หนึ่งถ้าเปิดกล่องออกมาแล้วจะแสดงท่าทางใอย่างไรไม่ให้เกินจริง
กล่องไม้อันงดงามถูกเปิดออก ทว่าไม่มีอัญมณีอยู่ข้างในอย่างที่นางจินตนาการไว้ มีเพียงกระดาษบางๆ สองสามแผ่นเท่านั้น
มันดูไม่เหมือนตั๋วเงิน เหยาเชียนเชียนหรี่ตาลง เมื่อค่อยๆ คลี่ออกมา นางก็ตกตะลึงเสียจนกลายเป็ลิงปากกว้าง
“นี่มัน...นี่ นี่”
เหยาเชียนเชียนลุกขึ้นโดยไม่รู้ตัว นางถือกระดาษในมืออย่างไม่อยากจะเชื่อ ซึ่งที่จริงควรกล่าวว่าเป็โฉนดที่ดินจะถูกต้องมากกว่า
“ท่านอ๋องจะมอบเรือนพักผ่อนชิงหลิงให้หม่อมฉันหรือ!”
เป่ยเหลียนโม่พอใจกับปฏิกิริยาของนางเป็อย่างยิ่ง เขาพยักหน้าและกล่าวว่า “ครั้งที่แล้วที่ได้ไปดูกับหวังเฟย เปิ่นหวังเห็นท่าทางของหวังเฟยดูจะชอบที่นั่นมาก ดังนั้นก็เลยตั้งใจมอบให้หวังเฟย”
นี่คือของขวัญเล็กๆ น้อยๆ ที่เขาว่าหรือ?
เหยาเชียนเชียนสติหลุดลอยไปอยู่นาน เรือนพักผ่อนหลังนั้นทั้งเก่าแก่และกว้างใหญ่ กระทั่งครอบคลุมถึงูเาข้างหลัง ทั้งยังมีบ่อน้ำพุร้อนและทะเลสาบมรกต ทั้งหมดนี้จะกลายมาเป็ของนางอย่างนั้นหรือ?
เหยาเชียนเชียนรู้สึกว่ากล่องไม้เล็กๆ ใบนี้มีน้ำหนักนับพันชั่ง “ท่านอ๋อง นี่มันแพงเกินไปแล้วเพคะ”
นางพูดอย่างตะกุกตะกัก “เื่นี้เดิมทีเป็หม่อมฉันที่สร้างความลำบากให้ท่านอ๋อง แล้ว...แล้วหม่อมฉันจะรับเรือนพักที่ท่านอ๋องพระราชทานให้ได้อย่างไร?”
ไม่ว่านางจะเป็คนหน้าด้านสักเพียงใดก็ไม่อาจรับมันมาโดยไร้ซึ่งมโนธรรมได้ เหยาเชียนเชียนวางโฉนดที่ดินและกรรมสิทธิ์บ้านเ่าั้กลับลงไปในกล่องและมองไปยังเป่ยเหลียนโม่ตาปริบๆ
“ท่านอ๋องโปรดนำมันกลับคืนไปเถิดเพคะ”
เป่ยเหลียนโม่จิบชาแล้วเคาะปลายนิ้วบนโต๊ะเบาๆ สองครั้ง
“สิ่งที่เปิ่นหวังมอบให้ไปแล้วจะไม่รับกลับคืน นอกจากนี้หวังเฟยเป็ภรรยาของเปิ่นหวัง ทุกสิ่งทุกอย่างของเปิ่นหวังล้วนเป็ของหวังเฟยเช่นเดียวกัน นี่ก็แค่เรือนพักผ่อนหลังเดียวเท่านั้น”
เขาหัวเราะเบาๆ แววตาสดใสทอดมองมา ริมฝีปากบางที่ปกติมักเ็าก็สามารถโค้งขึ้นอย่างอ่อนโยนได้เช่นเดียวกัน
“แม้แต่เปิ่นหวังก็เป็ของหวังเฟยเช่นกัน หรือของเล็กน้อยเช่นนี้คงไม่อยู่ในสายตาหวังเฟยจริงๆ”
