บทที่ 3: หมอเทวดาพันปี
“เมื่อกี้... เหมือนมีแสงออกมาจากหอหลังนั้น อาจารย์หยางเห็นเหมือนผมไหมครับ” กงเฉินจื่อถามเสียงเบา แต่สายตายังคงจับจ้องไปยังหอไม้โบราณไม่วางตา ราวกับกลัวว่าจะพลาดอะไรไปอีกหยางหลิงฟางเพียงแค่ยิ้มอย่างมีเลศนัย “แสงหรือคะ... อาจจะเป็แค่แสงจันทร์สะท้อนก็ได้ค่ะ” เธอตอบอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะหันไปทางลุงหวังและยิ้มให้เขา
“เราเข้าไปข้างในกันดีกว่าค่ะคุณหมอ เดี๋ยวฉันจะพาไปดูให้เห็นกับตาเลย” ลุงหวังโค้งให้เล็กน้อยแล้วเดินนำทั้งคู่เข้าไปด้านในเรือนไม้หลัก“ที่นี่คือพิพิธภัณฑ์ตระกูลหยางค่ะ เรือนไม้ส่วนใหญ่ที่คุณเห็น... ว่ากันว่ามีอายุมากกว่าห้าร้อยปี” เธอเริ่มอธิบาย“ห้าร้อยปี!” กงเฉินจื่ออุทานออกมาอย่างทึ่งๆ “ทำไมไม้พวกนี้ถึงยังอยู่ในสภาพดีขนาดนี้ได้ครับ ไม่น่าเชื่อเลย”
“แหม ก็คงไม่ได้ทนทานด้วยตัวเองหรอกค่ะ” หยางหลิงฟางหัวเราะเบาๆ “ฉันว่าบรรพบุรุษของฉันคงทำสัญญากับเทพารักษ์ไว้... หรือไม่ก็แค่ขยันซ่อมบำรุงกันทุกร้อยปีนั่นแหละค่ะ”
เธอชี้นิ้วไปทางปีกขวาของบ้านที่จัดแสดงอย่างสวยงาม “ฝั่งโน้นคือส่วนที่เปิดให้คนทั่วไปเข้าชม มีตำราพื้นฐานกับอุปกรณ์จำลองให้ศึกษากัน แต่ที่ที่ฉันจะพาคุณหมอไป... คือที่พิเศษกว่านั้น”
เธอหยุดเดินและหันมาสบตาเขา แววตาเป็ประกาย “หอสมุดส่วนตัวของตระกูลหยาง... หรือที่พวกเราเรียกกันเล่นๆ ว่า ‘คลังสมบัติผีสิง’ ของบรรพบุรุษ”
ณ จุดนั้น ลุงหวังก็โค้งคำนับอีกครั้ง “ถ้าเช่นนั้น กระผมขอตัวก่อนนะครับคุณหนู เชิญคุณหนูพาคุณชายหมอไปตามสบาย เดี๋ยวจะเตรียมน้ำชาไว้รอที่ห้องรับรองขอรับ”
“ขอบคุณมากค่ะลุงหวัง”
เมื่อเหลือกันเพียงสองคน บรรยากาศรอบตัวก็ดูเหมือนจะเปลี่ยนไป ความมืดโรยตัวลงมาอย่างรวดเร็ว โคมไฟสีส้มสลัวตามทางเดินถูกจุดขึ้น ทอดเงาของหมู่ตึกไม้โบราณให้ดูลึกลับและน่าเกรงขาม ทันใดนั้น หยางหลิงฟางก็คว้าข้อมือของเขาไว้ ััอุ่นจากมือเธอทำให้เขาแปลกใจ
“ไปกันเถอะค่ะ เดี๋ยวจะมืดไปกว่านี้”
เธอพูดแล้วจูงมือเขาเดินนำไปยังหอไม้สูงหลังนั้นทันที ภายในหออบอวลไปด้วยกลิ่นกระดาษเก่าและกลิ่นสมุนไพรแห้งจางๆ หยางหลิงฟางเอื้อมไปเปิดสวิตช์ไฟ แสงสปอตไลต์ดวงเล็กๆ ส่องกระทบตู้กระจกและหีบไม้โบราณ เผยให้เห็นของสะสมล้ำค่าที่เก็บรักษามาหลายชั่วอายุคน ทั้งมีดผ่าตัด กรรไกร และเข็มฝังหลากสีสันที่จัดเรียงไว้อย่างเป็ระเบียบ
“ทางนี้ค่ะคุณหมอ”
เสียงของเธอเรียกให้เขาหันไปมองเธอยืนอยู่หน้ากรอบรูปภาพวาดสีน้ำขนาดเท่าคนจริง กงเฉินจื่อค่อยๆ ก้าวเข้าไปใกล้... และแล้วหัวใจของเขาก็แทบจะหยุดเต้น
ใบหน้าซีดเผือดราวกับเห็นผี.!
ก็มันผีจริงๆ นั่นแหละ! ชายหนุ่มในภาพวาดคือคนเดียวกับที่เขาสะท้อนเห็นในกระจกเมื่อเช้านี้ไม่มีผิดเพี้ยน! ร่างกายผอมโซ เสื้อผ้าปะชุน แต่ดวงตาคู่นั้นกลับเปี่ยมไปด้วยเมตตาและดูเป็มิตรอย่างน่าประหลาด เขารู้สึกเหมือนถูกแรงดึงดูดมหาศาลดูดเข้าไปในดวงตาคู่นั้น...
“ท่านผู้นี้คือ...”
ยังไม่ทันที่หยางหลิงฟางจะพูดจบประโยค... วูบ!
แสงสว่างจ้าก็สาดประกายออกมาจากภาพวาด กงเฉินจื่อยกมือขึ้นบังตาตามสัญชาตญาณ เมื่อแสงหายไปและเขาลืมตาขึ้นอีกครั้ง... เขาก็ไม่ได้อยู่ในหอสมุดตระกูลหยางอีกต่อไปแล้ว!
รอบตัวเขามีแต่ความมืดมิดและกลิ่นอับชื้น เขาอยู่ในกระท่อมไม้ซอมซ่อ เตียงไม้เก่าๆ กำลังจะพังแหล่มิพังแหล่ โต๊ะเก้าอี้โย้เย้ ทุกอย่างดูอนาถาเกินบรรยาย
พลันมีเสียงแหบต่ำดังขึ้นจากมุมห้อง เขาหันขวับไปทันที และก็ได้พบกับ... ชายหนุ่มจากภาพวาด! เขานั่งโยกเก้าอี้ไม้ที่ส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดอย่างสบายอารมณ์ ข้างๆ มีชุดน้ำชาวางอยู่บนโต๊ะเก่าๆ ก่อนที่เขาจะฉีกยิ้มกว้างโชว์ฟันขาว แล้วยกถ้วยชาขึ้นจิบ
“ไงพ่อหนุ่ม หายช็อกรึยัง?”
นี่มันภาพหลอนซ้ำซ้อนชัดๆ! กงเฉินจื่อส่ายหน้าอย่างแรงแล้วตบหน้าตัวเองดัง เพี๊ยะ! เพี๊ยะ! เพื่อเรียกสติ
“เฮ้ๆ จะนวดหน้าตัวเองไปถึงไหน” ชายโบราณพูดกลั้วหัวเราะ “ตบอีกสิบรอบก็ไม่ตื่นหรอก เพราะนี่ไม่ใช่ความฝัน”
ชายร่างผอมลุกขึ้นเดินตรงมาหาเขาที่ยังนั่งบื้ออยู่บนเตียง “คุณ... คุณเป็ใครกันแน่”
ชายคนนั้นทำหน้าทะเล้นแล้วยักไหล่ “นั่นแหละ คำถามที่ถูกต้อง ไม่ใช่การทำร้ายผิวหน้าตัวเองแบบนั้น” เขานั่งยองๆ ลงตรงหน้ากงเฉินจื่อ “ข้าคือใครน่ะรึ... ข้าก็คือผู้วิเศษยังไงล่ะ! ฮ่า ฮ่า ฮ่า!”
เขาหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง แต่กงเฉินจื่อไม่ตลกด้วยเลยสักนิด
“ข้าคือิญญาที่ถูกสาปให้ติดแหง็กอยู่ในภาพวาดนั่นมาเป็พันปี น่าเบื่อชะมัด... จนกระทั่งเ้ามาจ้องตาข้าปิ๊งๆ นั่นแหละ ตอนนี้ยินดีด้วยนะ... เ้าคือเ้านายคนใหม่ของข้าแล้ว! ฮ่า ฮ่า ฮ่า!”
“นี่มันเื่บ้าอะไรกัน!”
“แน่นอนว่ามันบ้า! และจะบ้ายิ่งกว่านี้อีก” ชายโบราณยังคงสนุกสนาน “เอาล่ะ ในฐานะที่ปลดปล่อยข้าออกมา ข้าจะให้พรเ้า 3 ประการ! ว่ามาเลย อยากได้อะไร!”
“พร 3 ประการ? นี่ไม่ใช่การ์ตูนนะ คุณเป็ใครถึงจะให้พรผมได้”
“ก็ข้าเป็ผู้วิเศษไงเล่า! ถามซ้ำซากจริง” เขายกมือขึ้นเท้าสะเอว “เอ้า! เร็วเข้า! ข้าอยากยืดเส้นยืดสายจะแย่แล้ว ไม่ได้ใช้เวทมนตร์มานานจนรากงอกหมดแล้วเนี่ย!” เขาทำท่าถูมือไปมาอย่างตื่นเต้น
กงเฉินจื่อยังคงสับสน แต่ความอยากรู้อยากเห็นก็เริ่มเข้ามาแทนที่ความกลัว “โอเค... โอเค! เล่นด้วยก็ได้!” เขาพูดเหมือนตัดรำคาญ “ขออะไรก็ได้แน่นะ?”
“แน่นอน! แต่คิดให้ดีๆ ล่ะ พรของข้าขอแล้วห้ามคืนนะจ๊ะ” ชายโบราณยิ้มกวน
กงเฉินจื่อครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว ในเมื่อชีวิตปัจจุบันมันน่าเบื่อขนาดนั้น การได้ผจญภัยในโลกโบราณแบบที่เคยฝันไว้ตอนเด็กๆ ก็ดูจะเป็โอกาสทอง... ได้เวลาสานฝันวัยเด็กให้เป็จริงแล้ว! เขายิ้มมุมปากอย่างเ้าเล่ห์
“งั้นฟังให้ดีนะ... ข้อแรก! ข้าขอความรู้ทุกอย่างในยุคสมัยนี้! ภาษา วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ ศาสตร์การแพทย์ การต่อสู้ การเอาตัวรอด... ทุกอย่างที่จำเป็ต้องรู้เพื่อใช้ชีวิตอยู่ที่นี่แบบเนียนๆ!” เขาพูดรวดเดียวจบ ครอบคลุมทุกอย่างชนิดที่ว่าไม่ต้องขออะไรเพิ่มอีกเลย
ชายโบราณอ้าปากค้างไปครู่หนึ่ง ก่อนจะะเิเสียงหัวเราะออกมา “ฮ่าฮ่าฮ่า! สมแล้วที่เป็อัจฉริยะ! เล่นขอเหมาเข่งแบบนี้เลยเรอะ! ได้! จัดไป!”
สิ้นคำ มือของเขาก็แตะลงบนหน้าผากของกงเฉินจื่อ แสงสีทองสว่างวาบขึ้นรอบตัวเขา... จากนั้นทุกอย่างก็นิ่งสนิท...
“...”
“...”
กงเฉินจื่อกะพริบตาปริบๆ “เอ่อ... เสร็จแล้วเหรอครับ” เขารู้สึกเหมือนเดิมทุกอย่างชายโบราณเกาหัวแกรกๆ “น่าจะนะ... ไม่ได้ใช้นาน อาจจะมีหน่วงๆ บ้าง”...“แล้วผมจะรู้ได้ไงว่าพรได้ผลจริง คุณไม่ได้หลอกผมใช่มั้ย?”
“เฮ้! นี่เ้าดูถูกวิชาข้าเรอะ! เป็อัจฉริยะภาษาอะไรเนี่ย!” ชายโบราณเริ่มมีน้ำโห “งั้นทดสอบกันหน่อย! ไม่แน่คาถาข้าอาจจะหมดประกันไปแล้วก็ได้!”เขายืนนิ่งไปชั่วครู่ ทำสมาธิอย่างจริงจัง “เอาใหม่ๆ ก้มหัวลงมา ข้าจะเสกซ้ำ!” เขาวางมือบนหัวกงเฉินจื่ออีกครั้ง เกิดแสงประกายขึ้นอีกรอบ...“เอาล่ะ... ตอบข้ามา” ชายโบราณถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ตอนนี้...นายอยู่ในรัชสมัยของฮ่องเต้ราชวงศ์ใด”
คำถามผุดขึ้นในหัว และคำตอบก็หลั่งไหลออกมาจากปากของกงเฉินจื่อโดยอัตโนมัติ...
“ราชวงศ์ต้าชิง” ชายโบราณดีดนิ้วดังเป๊าะ “เออ! คาถาข้ายังไม่เสื่อมนี่หว่า!”
กงเฉินจื่อเบิกตากว้าง... “เฮ้ย... ทำไมผมรู้ได้ล่ะ!?”