หลี่ซื่อใบหน้าซีดขาว นั่งยองลงไปแล้วเก็บถาดรองขึ้น
หลังจากนั้นเอาแต่ก้มหน้าเดินออกไปจากห้องโถง
เจินจูถูกการกระทำของหลี่ซื่อทำให้ใเล็กน้อย กล่าวกันตามหลักแล้ว มารดาของนางน่าจะทักทายสักสองคำถึงจะถูก ทำไมจู่ๆ ก็หนีไปอย่างไม่พูดอะไรสักคำกัน
นางคิดได้ดังนั้น จึงหมุนศีรษะไปยังทิศทางที่หลี่ซื่อเพิ่งจากไป
ในนี้มีคุณหนูสกุลโหยวอยู่สองคน แล้วยังนำคนรับใช้หญิงสองคนกับหญิงชราหนึ่งคนคิดตามมาด้วย
สาวใช้สองคนยืนปล่อยแขนลง อารมณ์บนใบหน้าไม่แปรเปลี่ยน
หญิงชราดวงตาหลุบลง สองมือเกี่ยวกุมกันอยู่ มองไปแล้วราวกับไม่มีความผันแปรเช่นกัน
แต่หนังตาหลุกหลิกนั่นกับสองมือที่กุมกันจนขาวซีดล้วนเผยความแตกต่างของนางในยามนี้
เจินจูขมวดคิ้วแน่น หญิงชราผู้นี้กับหลี่ซื่อมารดาของนางมีความสัมพันธ์อย่างไรกัน?
“น้องสาวเจินจู ท่านแม่ของเ้าไม่เป็อะไรใช่ไหม?”
การควบคุมสติไม่อยู่ของหลี่ซื่อ กู้ฉีเห็นอยู่ในสายตา เขากวาดสายตาไปทางเมอเมอหวังหนึ่งทีอย่างไม่แสดงท่าทีใดๆ
“เอ่อ อาจไม่สบายขึ้นกะทันหันกระมัง อีกสักครู่ข้าจะไปดูหน่อย” เจินจูฉีกยิ้มขึ้นพอเป็พิธี
“เป็พวกข้ารบกวนแล้ว น้องสาวเจินจู ขอบคุณสำหรับการต้อนรับอย่างดีของบ้านเ้า ชานี่ไม่ดื่มแล้วล่ะ” กู้ฉีหันไปยิ้มทางนางอย่างอ่อนโยน เตรียมอำลา
การมาถึงของโหยวอวี่เวยได้รบกวนความเงียบสงบของเขา เขาต้องคิดหาวิธีไล่นางกลับไป
หัวคิ้วสวยงามของโหยวอวี่เวยขมวดขึ้น สายตาหยุดอยู่บนรอยยิ้มของกู้ฉี
รอยยิ้มมุมปากของเขาอ่อนโยนอย่างมาก กระทั่งดวงตาล้วนโค้งยิ้มเล็กน้อย ในใจโหยวอวี่เวยเต้นขึ้นทันที กู้ฉีเ็าและเงียบเหงามาโดยตลอด คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีรอยยิ้มอ่อนโยนเช่นนี้ได้
ดวงตาของนางมองไปทางเด็กสาวที่ถูกเรียกนามว่าหูเจินจูฝั่งตรงกันข้ามอย่างตื่นตัว
อายุสิบเอ็ดหรือสิบสองปี รูปร่างสวยน่ารักฉลาดว่องไว สวมชุดกระโปรงฤดูร้อนผ้าฝ้ายเนื้อละเอียดสีฟ้าอิฐ ผิวขาวดั่งหยก ลูกตาดำขลับราวกับมีดวงดาวระยิบระยับ ริมฝีปากชุ่มชื้นอมชมพูไม่กล่าวอะไรและยิ้มไว้ก่อน กลับเป็คนงามตัวเล็กที่ยากจะพบเห็นได้
โหยวอวี่เวยเม้มปากเบาๆ มองกู้ฉีอย่างโกรธเคืองอยู่บ้าง
ไม่เจอกันพักเดียว เขาก็ยิ้มเสียจนอ่อนโยนเพียงนี้ให้กับยัยเด็กสาวตัวเล็กชนบทคนหนึ่งแล้ว แม้นางจะเป็แม่นางน้อยชนบทที่งดงาม แต่นั่นก็เป็ยัยเด็กตัวเล็กที่ทำอะไรไม่เป็ผู้หนึ่งเช่นกัน
เขาอายุสิบหกแล้ว! ยังเล่นสนุกกับแม่นางน้อยอายุสิบปีต้นๆ อยู่อีก
นางลืมไปว่าตนเองก็อายุสิบสามปีเท่านั้น
โหยวอวี่เวยไม่มีอารมณ์เอ้อระเหยดื่มชาทันที
จนกระทั่งขึ้นนั่งบนรถม้า นางยังมีท่าทางโกรธเคืองอยู่เลย
โหยวเสวี่ยชิงเห็น่ขากลับนางไม่ค่อยสนุกสนาน จึงยิ้มแล้วกล่าวกับนาง “อวี่เวย นานแล้วที่ไม่เจอพี่ห้า ดูไปแล้วเหมือนอาการป่วยของเขาจะดีขึ้นมากแล้วเลย”
“อื้ม พี่ห้าออกมาพักฟื้นเป็พิเศษ” โหยวอวี่เวยตอบอย่างขอไปทีด้วยจิตใจอ่อนล้า
โหยวเสวี่ยชิงสายตาวูบวาบ เขยิบเข้าใกล้ข้างกายนาง “อาการป่วยของเขารักษาดีแล้ว เช่นนั้นฮูหยินสกุลกู้ไม่ใช่ว่าต้องเตรียมเื่หมั้นหมายให้เขาหรือ? พี่ห้าเหมือนอายุสิบหกปีแล้วกระมัง?”
บุรุษเยาว์วัยอายุสิบหกปี เป็อายุที่เหมาะจะพูดคุยเื่แต่งงานที่สุด
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ใบหน้าโหยวอวี่เวยแดงเรื่อขึ้นอย่างรวดเร็ว ใช่สิ พี่ห้าอายุสิบหก นางสิบสาม อายุกำลังดี พอนางปักปิ่นก็สามารถแต่งงานได้แล้ว
โหยวเสวี่ยชิงมองใบหน้าที่คล้ายแสงแดดยามเช้า ในใจอดเกิดความรู้สึกซับซ้อนขึ้นไม่ได้ แม้กู้ฉีจะเจ็บป่วยมาตลอด แต่ถึงอย่างไรก็เป็บุตรชายคนเล็กของภรรยาหลวงซ่างซูกู้ ฐานะลำดับศักดิ์ในวงศ์ตระกูลรวมถึงท่าทางรูปลักษณ์ภายนอกล้วนไม่ต้องเลือกก็ได้มา ชีวิตโหยวอวี่เวยดีจริงๆ อยู่บ้านมีผู้าุโโปรดปราน พี่น้องหญิงชายยอมหลีกทางให้ การแต่งงานก็สามารถทำตามใจที่ตนเองเลือกได้
ส่วนนางรูปโฉมกิริยาล้วนไม่แพ้ผู้ใด แต่เมื่อกำเนิดออกมากลับพ่ายแพ้ทางฐานะ
บิดานางเป็บุตรชายของอนุ อยู่จวนท่านโหวเป็เพียงการมีอยู่ของนายท่านคนรองที่ไม่ค่อยมีตัวตนมากนัก อยู่ข้างนอกถูกแต่งตั้งให้เป็นายอำเภอลำดับขั้นที่เจ็ด [1]
การแต่งงานของนาง มารดารู้สึกลำบากใจเป็อย่างมาก พอตามหาในเมืองหลวง ผู้ที่ยินดีจะแต่งงานกับครอบครัวพวกนาง ล้วนเป็เ้าหน้าที่ระดับล่างที่คิดจะเกาะจวนท่านโหวปีนขึ้นสู่อำนาจ ลูกหลานของผู้สูงศักดิ์ครอบครัวร่ำรวย แต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่เห็นครอบครัวสายรองที่เกิดจากอนุอย่างพวกเขาอยู่แล้ว
พอหาในอำเภอเจิ้นอัน คหบดีในชุมชน ครอบครัวร่ำรวย ครอบครัวต่ำต้อยและบัณฑิตก็ต่อสู้แย่งชิงกันขอแต่งงาน แต่นางสนใจเสียที่ไหน มีสิทธิ์อะไรให้นางแต่งเข้าในเมืองที่เป็ที่ตั้งอำเภอ
โหยวเสวี่ยชิงกัดริมฝีปากล่างแน่น มองโหยวอวี่เวยที่คล้ายก้มศีรษะเขินอายกับตัวเองด้วยความโกรธแค้น
บรรยากาศภายในรถม้าแปลกประหลาด ส่วนนอกรถ... เมอเมอหวังนั่งสีหน้าเปลี่ยนไปมาไม่มั่นคงอยู่ข้างคนขับรถ
คิดไม่ถึงเลยจริงๆ หลี่หรงเหนียงที่ถูกกรอกยาจนเป็ใบ้และส่งออกไปขาย จะใช้ชีวิตอยู่ในหมู่บ้านเขตูเาเล็กได้สบายเช่นนี้
ดูโฉมหน้าอ่อนวัยงดงามผิวขาวผ่องนั่น ไม่ต่างอะไรกับสิบกว่าปีก่อนเลย ั์ตาใสสะอาดริมฝีปากชุ่มชื้นอมชมพู พอมองก็รู้ได้เลยว่าสภาพความเป็อยู่ตอนนี้อุดมสมบูรณ์ชีวิตราบรื่นดี
สายตาเมอเมอหวังตกอยู่รถม้าสีดำที่เดินทางอยู่ด้านหน้า
เพื่อคุณชายห้าสกุลกู้แล้ว คุณหนูเดินทางระยะไกลมาหลายพันลี้ถึงชายแดนเอ้อโจว แม้ฮูหยินไม่วางใจกลับยังยินยอม สกุลกู้และสกุลโหยวสองครอบครัวมีการสร้างความสัมพันธ์บุพเพกันแปดถึงเก้าส่วน
คุณชายห้าสกุลกู้อาจมีโอกาสกลายเป็ลูกเขยสี่ของจวนสกุลโหยวก็ได้
เช่นนั้นสถานการณ์ของเขากับครอบครัวหลี่หรงเหนียงในหมู่บ้านเขตูเาเป็เช่นไรกัน?
แม้เื่นั้นจะผ่านไปสิบกว่าปีแล้ว อาจมีคนขุดออกมาได้ ถึงเวลาชื่อเสียงของฮูหยินหยูก็มีอุปสรรคแล้ว
เื่นี้ต้องรายงานฮูหยินสิ
ท้องฟ้ายามราตรีในเดือนหก ทั่วท้องฟ้าเต็มไปด้วยดวงดาวพร่างพราวระยิบระยับ
กู้ฉีเอนกายครึ่งหนึ่งลงบนเตียงหลัวฮั่น [2] ที่ทำด้วยไม้หวางฮวาลี่ [3] และกำลังปิดเปลือกตาบำรุงเซิน [4]
หลังเหวยจื่อยวนจับชีพจรตามปกติ แล้วรายงานอยู่ด้านข้าง
“วันนี้ การเดินทางของข้าที่หมู่บ้านวั้งหลิน เป็เ้าบอกอวี่เวย?” กู้ฉีเอ่ยออกมาอย่างกะทันหัน
ในใจเหวยจื่อยวนเย็นเยียบ รีบตอบกลับด้วยคำพูดที่ทุกข์ใจ “คุณหนูลูกผู้น้องเดินทางไกลอย่างยากลำบากเพื่อมาเยี่ยมท่าน แล้วยังไม่ยอมเข้ามารออยู่ภายในร้านฝูอันถังอีก ข้าน้อยวิตกกังวลไปชั่วขณะ จึงบอกคุณหนูลูกผู้น้องไปขอรับ”
กู้ฉีไม่เอ่ยอะไร เพียงมองเขาอย่างเ็า
แผ่นหลังเหวยจื่อยวนมีเหงื่อเย็นเยียบผุดออกมาชาวาบ รีบคุกเข่าลงกล่าวความผิด “เป็ข้าน้อยปฏิบัติหน้าที่บกพร่อง ขอคุณชายโปรดลงโทษ”
กู้ฉีเงียบงันอยู่นานมากแล้วถึงกล่าวเชื่องช้า “เดิมทีเ้าเป็เพียงท่านหมอที่จวนสกุลกู้ของข้าว่าจ้าง ไม่ควรบังคับเ้าไว้อยู่ในจวน เื่หมู่บ้านวั้งหลินมหัศจรรย์อยู่บ้าง แต่จะกล่าวอย่างไรก็ล้วนเป็ผลประโยชน์ต่อข้า ไม่สามารถให้สาเหตุเป็เพราะข้าแล้วทำให้พวกเขาตกสู่สถานการณ์อันตรายได้ ดังนั้นเพื่อป้องกันก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ไม่ดีขึ้น ทำได้เพียงให้พวกเ้าลำบากแล้ว”
“ไม่ลำบากเลยขอรับ ข้าสามารถรับใช้เพื่อคุณชายได้ ย่อมเป็วาสนาของเหวยจื่อยวน” เหวยจื่อยวนค้อมศีรษะลง ตอบด้วยความเคารพ
“ต่อไปเื่เช่นนี้หวังว่าจะไม่เกิดขึ้นอีก” เสียงเยือกเย็นของกู้ฉีดังก้องอยู่ในห้อง
“ขอรับ!” เม็ดเหงื่อบนหน้าผากของเหวยจื่อยวนหยดลงพื้น
“ออกไปเถอะ ให้เฉินเผิงเฟยเข้ามา” กู้ฉีปิดเปลือกตาลง
เหวยจื่อยวนปาดเหงื่อที่หน้าผาก มองกู้ฉีบนเตียงหลัวฮั่นด้วยสายตาซับซ้อนแวบหนึ่ง ทันทีหลังจากนั้นก็ถอยออกไปอย่างเงียบเชียบ
“คุณชาย ท่านเรียกหาข้าหรือขอรับ?” เฉินเผิงเฟยเข้ามาในห้องทำความเคารพ ยิ้มแล้วกล่าวเสียงดังฟังชัด
เขาเป็องครักษ์ที่ถูกเลี้ยงดูอยู่ในจวนสกุลกู้มาั้แ่เล็ก จิตใจซื่อสัตย์และเป็ที่ไว้วางใจของกู้ฉีอย่างมาก
“หาคนคอยดูเหวยจื่อยวนไว้”
สีหน้าเฉินเผิงเฟยเข้มงวดทันที แล้วปรับท่าทีให้เหมาะสม “ขอรับ”
“ข้าจำได้ว่า เมื่อก่อนเ้าเคยตรวจสอบสกุลหู” กู้ฉีนึกถึงเื่เมื่อตอนกลางวันขึ้นได้ เขานั่งตัวตรงขึ้นไอสองที
“ขอรับ ข้าน้อยเคยตรวจสอบ”
“ฮูหยินสกุลหูก่อนแต่งเข้าสกุลหูเป็ใบ้หรือ?”
“ใช่แล้วขอรับ นางอยู่ที่อำเภอชิงเฉวียนแล้วถูกนายท่านสกุลหูคนรองซื้อกลับมา ตอนซื้อกลับมาก็เป็ใบ้แล้วขอรับ”
“เช่นนั้นเื่เมื่อก่อนของนางได้ตรวจสอบหรือไม่?”
“ไม่เลยขอรับ เวลานานเกินไป ตรวจสอบขึ้นมามีความยากลำบาก หากคุณชายอยากทราบ อาจต้องรอหลายวัน”
กู้ฉีไตร่ตรอง คิดถึงการลืมตัวของหลี่ซื่อวันนี้ “วันนี้ฮูหยินสกุลหูเห็นเมอเมอหวังข้างกายอวี่เวย ท่าทางการวางตัวผิดปกติอย่างมาก เมอเมอหวังเป็เมอเมอที่ทำงานดีข้างกายท่านน้า เ้าไปตรวจสอบทางด้านนี้”
“ขอรับ!” เฉินเผิงเฟยตอบอย่างสุขุม “คุณชาย ท่านกำลังสงสัยว่าฮูหยินสกุลหูเป็ผู้ที่ออกมาจากสกุลเฉิน?”
กู้ฉีพยักหน้า หลี่ซื่อถูกพิษยาใบ้แล้วขายออกมา ชัดเจนว่าเป็วิธีการที่ใช้ประจำของตระกูลสูงศักดิ์
เฉินเผิงเฟยย่อมเข้าใจสิ่งที่หลบซ่อนอยู่ในนั้น
เจินจูก็สงสัยเช่นเดียวกัน
หลี่ซื่อท่าทางไม่ค่อยดีมาตลอดทั้งวัน
ถ้วยและจานล้วนหลุดจากมือทำแตกไปแล้วสองใบ
เจินจูให้นางกลับห้องไปนอนพัก ตนเองกับพานเสวี่ยหลันจึงทำอาหารเย็นกันจนเรียบร้อย
อาหารจำพวกเนื้อที่เตรียมไว้ดีแล้วที่บ้านมีอยู่ไม่น้อย นางเพียงทำน้ำแกง ผัดผักหรือทอดไข่ไก่เท่านั้นเอง
พานเสวี่ยหลันมีความสามารถเป็อย่างมาก ก่อไฟล้างผักล้างถ้วยชามล้วนทำได้คล่องมือนัก ช่างเป็เด็กสาวที่เงียบสงบและขยันคนหนึ่งเลย
เวลาไม่กี่วันสั้นๆ งานส่วนใหญ่ของสกุลหู นางล้วนเรียนรู้อย่างคล่องแคล่วทั้งสิ้น
ตอนแรกเจินจูไม่ได้ให้นางมาช่วยทำงาน แต่นางตามอยู่ข้างหลังเจินจูตลอดเวลา เจินจูทำอะไรนางก็แย่งอย่างนั้นไปทำ ทำจนเจินจูก็จนปัญญาแล้วเช่นกัน
จากคำพูดของพานเสวี่ยหลัน นางอยู่สถานที่เนรเทศทำงานแต่ละอย่างจนชิน พอมาถึงบ้านสกุลหูแล้วว่างเพียงนี้ทุกวัน นางไม่คุ้นชินเป็อย่างมาก หากไม่ให้นางทำงาน นางจะไม่สบายไปทั่วทั้งกายและนั่งให้สงบไม่ได้
เจินจูจนปัญญา จะมีหลักการที่ให้คนทำงานฟรีๆ ได้ที่ไหนกัน สุดท้ายนางจึงหารือกับหลิงเสี่ยน จ่ายค่าตอบแทนให้พานเสวี่ยหลันทุกเดือน นับว่าเป็คนงานรับจ้างที่สกุลหูเชิญมา
หลิงเสี่ยนปฏิเสธทันที พวกเขาสามารถออกมาจากสถานที่เนรเทศได้ ก็ใช้จ่ายเงินของสกุลหูไปไม่น้อย ช่วยงานเล็กน้อยจะนับเป็ค่าแรงได้ที่ไหนกัน
แต่เจินจูกลับยืนกราน หนึ่งเื่คืนหนึ่งเื่ หากพวกเขาคิดว่าติดค้างเงินของสกุลหู ต่อไปหากมีความสามารถแล้วค่อยทยอยคืนก็ได้
ไม่เพียงต้องคิดค่าตอบแทนให้พานเสวี่ยหลัน หลิงเสี่ยนกับหลิงซีสองคน นางล้วนให้ค่าตอบแทนตามราคาทั่วไป
หลิงเสี่ยนออกแบบคุมงานพร้อมกันสองอย่าง เจินจูให้ตามค่าตอบแทนซิ่วฉายหยางและอาจารย์ฟาง เป็เงินหนึ่งเหลียง หลิงซีช่วยหลิงเสี่ยนรับใช้เป็ผู้ช่วย ค่าตอบแทนของเขากับพานเสวี่ยหลัน ตอนนี้เจินจูให้ที่สามร้อยเหวินชั่วคราว
ค่าตอบแทนของจ้าวหงซานก็แค่สี่ร้อยเหวิน ราคาทั่วไปของหมู่บ้านในเขตูเาเล็กๆ ก็ราคาเช่นนี้ นางไม่สามารถปั่นป่วนราคาได้
หากหลิงเสี่ยนจะบอกว่าไม่ตื้นตันใจย่อมเป็การหลอกลวง เขาเป็ตาแก่ที่เข้าหลุมฝังศพมาแล้วครึ่งหนึ่ง แม้เมื่อก่อนเขาจะเคยดำรงตำแหน่งกงปู้ แต่สิบกว่าปีที่ถูกเกณฑ์ไปใช้ชีวิตเผชิญโลกมาอย่างโชกโชน ดิ้นรนให้มีชีวิตอยู่รอดในเส้นทางแห่งความยากลำบากทุกวัน เื่เฉพาะทางในการก่อสร้างมากมาย เขาล้วนเลือนลางไปบ้างแล้ว
สกุลหูมีเงินจะเชิญนายช่างเฉพาะทางที่รู้เื่งานท่านหนึ่งในอำเภอหรือในเมือง นับว่าไม่ใช่เื่ยากเลย
แต่พวกเขากลับยอมสิ้นเปลืองเงินทองและเวลามากยิ่งกว่า ไม่เพียงพาพวกเขาออกมาจากสภาพยากลำบาก แต่ยังให้ความหวังการมีชีวิตอยู่ต่อไปแก่พวกเขาด้วย
หลิงเสี่ยนกล่าวขอบคุณด้วยน้ำตาคลอหน่วย น้อมรับน้ำใจส่วนนี้ไว้
พานเสวี่ยหลันกับหลิงซีเติบโตมาในสถานที่เนรเทศ ติดตามผู้าุโใช้แรงงานมานานแล้ว มักทนทุกข์ต่อการข่มเหงรังแกของคนควบคุมดูแลนักโทษ อุปนิสัยต่างก็ซึมเศร้าและระมัดระวังตัวจนเกินไป ั์ตายังเผยให้เห็นความขี้ขลาดและความไม่สบายใจอยู่สองสามส่วนเป็ระยะๆ
โลกภายนอก นอกจากท่านปู่หลิงเสี่ยนแล้ว พวกเขาล้วนไม่รู้จักผู้ใดทั้งสิ้น
หลิงซีมีหลิงเสี่ยนพาไปมาอยู่ระหว่างสถานที่ก่อสร้างกับบ้านสกุลหู ไม่นานก็หลอมรวมเข้ากับบรรยากาศภายในของงาน หลังเริ่มคุ้นเคยกับคนงานช้าๆ ความหวาดกลัวต่อโลกที่ไม่รู้จักของเขาก็น้อยลงไปมาก
ส่วนพานเสวี่ยหลันติดตามเจินจูอยู่ตลอดเวลา เร่งทำงานบริเวณโดยรอบในลานที่พักอาศัยของสกุลหู
ทุกวันให้อาหารไก่ หมู และปลา ซักผ้า รดน้ำในแปลงผัก เป็ลูกมือในห้องครัว เมื่อมีเวลาว่างก็เรียนรู้งานเย็บปักถักร้อยกับหลี่ซื่อ หรือฝึกตัวอักษรอยู่กับเจินจู วันคืนผ่านไปอย่างสงบและเป็อิสระ
งานที่มีแต่ละอย่างของสกุลหู เมื่อเทียบการทำงานกับเมื่อก่อนแล้วนับว่าเทียบอะไรไม่ได้เลย ปัจจุบันนี้หลังทำจนคล่องมือแค่ครึ่งวันก็ยุ่งจนเสร็จงาน เวลาที่เหลือก็ให้นางจัดการเอาเอง
พานเสวี่ยหลันรู้สึกว่าเมื่อก่อนนี้ที่พวกนางผ่านมาได้อย่างทุกข์ยากเกินไป ์ล้วนทนดูไม่ได้จึงส่งสกุลหูไปช่วยชีวิตพวกนางไว้
เชิงอรรถ
[1] ระดับขั้นที่เจ็ด คือ หนึ่งในเก้าระดับขุนนางจีน โดยขุนนางขั้นที่หนึ่ง: ระดับมหาเสนาบดี ระดับขั้นที่สอง: ระดับเสนาบดีและผู้ว่าสองมณฑล ระดับขั้นที่สาม: ระดับรองเสนาบดี ผู้ตรวจการมณฑล ผู้ว่ามณฑล ระดับขั้นที่สี่: ระดับเ้าเมืองใหญ่ ปลัดมณฑล กรมการมณฑล ระดับที่ห้า: ระดับเ้าเมืองเล็กและปลัดเมืองใหญ่ ระดับที่หก: ระดับปลัดเมืองเล็กและนายอำเภอใหญ่ ระดับที่เจ็ด: ระดับนายอำเภอเล็ก (ซึ่งเป็ตำแหน่งแรกบรรจุของข้าราชการใหม่ที่ผ่านการสอบจอหงวน) และปลัดอำเภอใหญ่ ระดับที่แปด: ปลัดอำเภอหรือผู้ช่วยนายอำเภอ ระดับที่เก้า: พวกเสมียนธุรการ
[2] เตียงหลัวฮั่น เป็เครื่องเรือนโบราณของจีน ใช้สำหรับนั่งรับแขกหรือนอนเล่น สามารถเรียกได้ว่าเตียงพระอรหันต์ โดยทั่วไปมีลักษณะกว้างใหญ่ มีทั้งแบบที่มีโต๊ะเล็กตรงกลางระหว่างเตียงไม้หรือไม่มีก็ได้ และเพราะการมีโต๊ะเล็กอยู่ตรงกลางจึงทำให้ถูกเรียกได้ว่าเป็เตียงพระอรหันต์
[3] ไม้หวางฮวาลี่ ไม้ชนิดนี้เป็ไม้เขตร้อน พบทางจีนตอนใต้และเวียดนาม ไม่พบในไทย บางคนเรียกไม้พะยูงหอม มีความโดดเด่นที่ลวดลายสวยงาม หากไม้เก่าแก่จริงๆ จะมีริ้วๆ และประกายสีเหลืองทองในเนื้อไม้ ทำให้ยิ่งมีราคาแพง
[4] ปิดเปลือกตาบำรุงเซิน หมายถึง การนอนหลับพักผ่อนจิตใจ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้