หากคนาเ็สาหัสทายานี้เืก็จะหยุดไหลทันที หลังจากนั้นสามวันจะเริ่มรู้สึกคันแผล เนื้อด้านในเริ่มสมาน รอกระทั่งวันที่สิบหากไม่ได้เสียเืมากเกินไปก็ไม่เป็อันตรายอะไรแล้ว
ยารักษาาแห้าขวดกล่าวได้ว่าเป็ยาชั้นดีที่สามารถช่วยชีวิตคนได้ ดูจากสีหน้าของลุงสือโถวแล้ว เกรงว่าคงจะมีคนรอใช้ยาตัวนี้ในการช่วยชีวิต
ลูกกระเดือกของลุงสือโถวขยับเล็กน้อย ริมฝีปากสั่นเทา สุดท้ายเขาก็พูดขึ้น "ยัยหนูซ่ง เ้ารู้ดีว่าข้ามีบุตรชายคนหนึ่งร่ำเรียนในสำนักศึกษาที่ห่างออกไปร้อยลี้ ทว่าเมื่อไม่นานมานี้ที่นั่นถูกโจรขโมยม้าสวมชุดเกราะบุกเข้าไป ในตอนนั้นมีนักเรียนมากมายต้องตาย หากไม่ใช่เพราะมีกองทัพทหารซึ่งประจำการอยู่ใกล้ๆ มาขับไล่ ไม่แน่ว่าคนทั้งสำนักศึกษาอาจจะตายกันหมดก็ได้"
"บุตรชายของข้าที่เอาแต่ร่ำเรียนหนังสือ เพื่อปกป้องมิตรสหายเขาถูกชายฉกรรจ์แทง แม้ไม่ถึงแก่ชีวิต แต่ว่า...ยัยหนูซ่ง เ้าเอายามาให้ข้าเถอะ ข้าต้องใช้ยานี้ไปช่วยชีวิตคนจริงๆ" ลุงสือโถวอดไม่ได้ที่จะเร่ง น้ำตาคลอเบ้า ร้อนใจยิ่งนัก
โจรขโมยม้าสวมชุดเกราะ? เหตุใดชื่อเรียกนี้จึงฟังดูคุ้นหูพิกล? เวลานี้โจรขโมยม้ามีอาวุธดีถึงขั้นนี้เชียวหรือ? ทั้งยังมีเสื้อเกราะให้ใส่?
ซ่งอวี้เป็กังวลอย่างไม่อาจหักห้ามใจได้
นางข่มความไม่สบายใจ สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วเอ่ยขึ้น "ลุงสือโถว ข้าจะไปกับท่าน สำนักศึกษามีคนาเ็มากมาย เช่นนั้นย่อม้าแพทย์อย่างมากไม่ใช่หรือ?"
ลุงสือโถวเป็คนดี ข้อนี้ไม่ต้องสงสัยเลยแม้แต่น้อย ก่อนที่นางจะทะลุมิติมา เขาเคยสงสารเ้าของร่างเดิมมาก่อน คิดอยากจะช่วยเหลือร่างเดิมเสมอ ดังนั้นในเวลาเช่นนี้ซ่งอวี้จึงไม่อาจนิ่งดูดายได้
อุปกรณ์การแพทย์ในยุคสมัยนี้ย่ำแย่ยิ่งนัก หากไม่ทำความสะอาดแผลให้ดีมีโอกาสที่จะติดเชื้อสูงมาก หากไม่ตามไปด้วย นางไม่อาจวางใจได้จริงๆ
ลุงสือโถวซาบซึ้งจนแทบจะคุกเข่า ทั้งสองไม่รอช้า ลุงสือโถวคลุมเกวียน ทางด้านซ่งอวี้ก็จัดเตรียมสมุนไพรที่จำเป็ต้องใช้ ทั้งสองมุ่งหน้าเข้าไปในอำเภอ จากนั้นเช่ารถม้าหนึ่งคันพร้อมสารถี
ระหว่างทางไปสำนักศึกษา ซ่งอวี้คิดถึงคำพูดของลุงสือโถวไม่หยุด รู้สึกว่าความกระวนกระวายในใจแทบจะกระดอนออกมา
โจรขโมยม้าสวมชุดเกราะ ทหารม้าของแคว้นศัตรู สองเื่นี้เกี่ยวข้องกันหรือไม่?
หรือว่าแท้จริงแล้วโจรขโมยม้าก็คือทหารม้าของศัตรู แต่ผู้ประสบหายนะในครั้งนี้ไม่รู้ว่าทหารม้าของแคว้นศัตรูกำลังสร้างความโกลาหล จึงเรียกคนเ่าั้ว่าโจรขโมยม้าสวมชุดเกราะ?
หากเป็เช่นนี้จริงๆ หมู่บ้านเสี่ยวหนิวก็ตกอยู่ในอันตรายแล้ว
สำนักศึกษาอยู่ห่างจากหมู่บ้านเสี่ยวหนิวประมาณหนึ่งร้อยลี้เท่านั้น พวกทหารม้ามีม้ากันทุกคน ไปกลับใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วยามเท่านั้น หากพวกเขารู้ว่าร้อยลี้ข้างหน้ายังมีอีกหนึ่งหมู่บ้าน อาจจะเคลื่อนไหวก็ได้
แย่แล้ว!
อาฝูและเสี่ยวหมานยังอยู่ในหมู่บ้าน หากพวกโจรขโมยม้าบุกไปหมู่บ้านเสี่ยวหนิว เช่นนั้นพวกนาง...
ซ่งอวี้รู้สึกว่าเื่ที่ตนกังวลกำลังจะกลายเป็ความจริงแล้ว นางอยากจะร้องบอกสารถีให้หันรถม้ากลับ กลับไปยังหมู่บ้านเสี่ยวหนิว ทว่าเมื่อมองไปทางลุงสือโถว เห็นสีหน้าอิดโรยและกังวลของอีกฝ่าย เห็นเส้นเืฝาดในดวงตา เห็นท่าทีอ่อนระทวยจนน่าใ
ช่างเถอะ ถือว่าตอบแทนบุญคุณก็แล้วกัน
อีกอย่าง ทางด้านนั้นมีผู้าเ็มากมายรอให้นางไปรักษา หากเวลานี้นางมัวแต่เป็ห่วงความปลอดภัยของตนเอง แล้วไม่สนใจความเป็ความตายของผู้อื่น นางจะเป็แพทย์ได้อย่างไร?
ได้แต่หวังว่าพวกทหารม้าจะยังไม่รู้ว่ามีหมู่บ้านเสี่ยวหนิวอยู่อีกหมู่บ้านหนึ่ง อย่างน้อยก่อนที่นางกลับไป อย่าบุกเข้ามาในหมู่บ้านเสี่ยวหนิวก็พอแล้ว
ซ่งอวี้หันไปมองหมู่บ้านเสี่ยวหนิวด้วยความกังวล
รถม้านั้นเร็วกว่าเกวียนหลายเท่า ระยะห่างร้อยลี้ใช้เวลาสองชั่วยามก็ถึงแล้ว เหตุเพราะไม่รู้ว่าสถานการณ์ในสำนักศึกษาเป็อย่างไรดังนั้นซ่งอวี้จึงบอกกับสารถี
"พวกข้าไม่รู้ว่าจะอยู่ที่นี่นานเพียงใด ท่านนอนค้างที่นี่สักคืนก่อนก็ได้ หากจำเป็ต้องอยู่นาน พรุ่งนี้ข้าจะบอกท่าน ท่านเลือกได้ว่าจะกลับไป หรือว่าจะอยู่รอพวกข้าทำธุระให้เสร็จ ดีหรือไม่?"
แน่นอน ค่ากินค่าอยู่ทั้งหมดของสารถี ซ่งอวี้เป็คนจ่าย ทั้งยังมีค่าเหนื่อยที่คุ้มราคา สารถีไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธ แน่นอนว่าย่อมรับไว้
หลังจากพูดคุยและจัดแจงที่พักให้สารถีเสร็จ ลุงสือโถวก็พาซ่งอวี้ไปยังสำนักศึกษา แต่ตอนที่ใกล้จะไปถึงกลับถูกทหารขวางเอาไว้
"ทำอะไร! ด้านหน้าคือสถานที่สำคัญของสำนักศึกษา คนทั่วไปไม่อาจเข้าไปได้!" ในมือทหารถือหอกยาว พูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
นี่เป็ครั้งแรกที่ซ่งอวี้ได้เห็นทหารในยุคสมัยนี้ หอกกระทบกับแสงแดด สีหน้าของทหารเคร่งขรึม ทำให้คนไม่กล้าล่วงเกิน
ลุงสือโถวใจนตัวสั่น ซ่งอวี้จึงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วเอ่ยบอก "ข้าเป็แพทย์ นี่คือท่านลุงของข้า บุตรชายของท่านลุงร่ำเรียนที่นี่ ตอนโจรขโมยม้ามาก่อความวุ่นวาย บุตรชายของท่านลุงได้รับาเ็ ดังนั้นพวกข้าจึงมาดูอาการ"
"นักเรียนคนนั้นมีนามว่าอะไร" ทหารถาม
ลุงสือโถวรีบตอบทันที "นายทหาร บุตรชายของข้าชื่อจังซื่อิ ท่านเข้าไปตรวจสอบได้ หรือว่าเรียกสหายของเขามาพบข้าก็ได้ ข้าล้วนเคยพบเจอทุกคน"
ทหารเห็นว่าทั้งสองไม่ได้โกหกจึงตามทหารอีกคนมาเฝ้าประตู แล้วตนก็เข้าไปตรวจสอบ
ลุงสือโถวและซ่งอวี้ไม่เคยพบเจอสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน ซ่งอวี้คุมสติได้ดีกว่าเล็กน้อย เพราะภาพยนตร์ในยุคปัจจุบันล้วนมีภาพเหตุการณ์เช่นนี้ นอกจากนี้ในทุกปียังมีการเดินขบวนของทหาร จึงถือว่านางเคยมีประสบการณ์มาบ้าง เพียงแค่ใเล็กน้อยในตอนแรกเท่านั้น ทว่าก็กลับมาเป็ปกติอย่างรวดเร็ว
แต่ลุงสือโถวเป็เพียงชาวบ้านทั่วไปในยุคสมัยนี้ ยามเผชิญหน้ากับคนที่มียศถาบรรดาศักดิ์จึงวางตัวอย่างระมัดระวังเป็พิเศษ กลัวว่าตนจะพูดผิดหรือทำอะไรผิดแล้วถูกจับไปปะา เมื่อครู่ตอนทหารพูด เขาไม่อาจข่มความหวาดกลัวในใจได้ ทำได้เพียงรบกวนให้ซ่งอวี้ช่วยตอบ
ลุงสือโถวเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก พูดด้วยความรู้สึกโชคดี "โชคดีที่เ้าไหวตัวเร็ว มิเช่นนั้นหากเมื่อครู่พวกเราตอบช้าอีกเล็กน้อย ทหารอาจจะคิดว่าพวกเราเป็จารชน แล้วจับพวกเราก็ได้"
ซ่งอวี้อดไม่ได้ที่จะถาม "จารชน? หรือว่าในแคว้นเป่ยเฉินของเรามีจารชนของแคว้นศัตรูด้วยหรือเ้าคะ?"
ซ่งอวี้เพิ่งถามจบ ก็อดไม่ได้ที่จะด่าทอตนเองว่าโง่เขลา
ทหารม้าของแคว้นศัตรูก่อความวุ่นวายในแคว้นเป่ยเฉินนานเช่นนี้แล้ว ยังจะถามอีกว่ามีจารชนด้วยหรือ? เป็เื่ที่ชัดเจนอยู่แล้วไม่ใช่หรือ?
ลุงสือโถวไม่รู้ว่าซ่งอวี้กำลังคิดอะไร เข้าใจว่านางถามด้วยความสงสัยเท่านั้น จึงอธิบาย “แน่นอน ในบรรดาแคว้นที่อยู่รอบๆ แคว้นเป่ยเฉินของเราคือแคว้นที่แข็งแกร่งที่สุด ย่อมมีจารชนเป็ธรรมดา ข้าได้ยินว่ามีคนจำนวนไม่น้อยที่ถูกปะาทั้งตระกูล หลังจากถูกจับได้ว่าเป็จารชน ท่ามกลางคนเ่าั้มีหลายคนที่เป็ถึงขุนนาง"
เอ่อ ท่านมั่นใจหรือว่าคนเ่าั้เป็จารชนทั้งหมด ไม่ใช่ถูกผู้อื่นป้ายสี? ซ่งอวี้ฟังครู่หนึ่ง นางนึกถึงกลอุบายต่างๆ ในยุคปัจจุบัน จึงอดไม่ได้ที่จะบ่นในใจ
โชคดีที่ซ่งอวี้รู้ว่าสถานการณ์ในตอนนี้ไม่อาจพูดจาเหลวไหล มิเช่นนั้นสิ่งที่นางคิดเมื่อครู่ หากพูดออกมา ไม่แน่ว่าวินาทีต่อมาอาจจะถูกกล่าวหาว่าเป็จารชน แล้วถูกฆ่าตายทันทีก็เป็ได้
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง ทหารที่เข้าไปตรวจสอบก็พาศิษย์ในสำนักศึกษาที่สภาพน่าเวทนาออกมา ลูกศิษย์คนนั้นเป็สหายของจังซื่อิ ครั้งหนึ่งเคยไปหมู่บ้านเสี่ยวหนิวกับจังซื่อิ
เมื่อเห็นลุงสือโถว เขาก็รีบทำความเคารพทันที แล้วอธิบายให้ทหารที่อยู่ข้างๆ ฟัง "ท่านผู้นี้เป็บิดาของสหายข้า ข้าเคยเจอมาก่อน"