่กลางคืนของฤดูร้อนในหมู่บ้านซานเหอ มีลมเอื่อยๆพัดแ่เบาบ้าง สลับแรงบ้างเป็่ๆ
เสียงจั๊กจั่นร้องระงมไม่ขาดสาย กลิ่นดินชื้นจากฝนที่ตกเมื่อตอนบ่ายคลุ้งอยู่ในอากาศ
หลินเซี่ยนก้มมองมือของตัวเองที่ทั้งเล็กและผอมแห้ง...
“พรุ่งนี้...เราทำหมูต้มพะโล้กินดีไหมนะ?”
เด็กหญิงพึมพำเบา ๆ กับตัวเอง ดวงตาส่องประกายเล็ก ๆ อย่างมีความหวัง แค่คิดถึงหมูต้มพะโล้ก็น้ำลายสอขึ้นมาทันที ทั้ง ๆ ที่เย็นนี้เธอกินอาหารเย็นไปเยอะมาก
แต่แล้วเธอก็ชะงัก…
เมื่อหางตาเหลือบเห็นเงาคนสูงโปร่ง ยืนค้อมตัวอยู่ริมรั้วไม้เก่าหน้าบ้าน
เสียงเคาะประตู... “ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก....” แ่เบาแต่เจือความรีบร้อน
เสียงนั้นมาพร้อมเสียงครางเครือ น้ำเสียงไม่ดังมาก ถ้าหลินเซี่ยนไม่ได้อยู่ใกล้ประตูบ้านก็คงจะไม่ได้ยิน
“มีใครอยู่ไหม...ช่วยด้วย...ช่วยด้วย…”
หลินเซี่ยนคว้าตะเกียงน้ำมัน ก้าวย่องไปทางประตูหน้าบ้านอย่างเงียบเชียบ
เมื่อเปิดช่องมองออกไป เธอก็พบกับร่างเด็กหนุ่มในสภาพชุดเปื้อนโคลน
แขนเสื้อขาดรุ่งริ่ง บริเวณหน้าอกมีเืไหลซึมจนเสื้อเปียกโชก ใบหน้าเขาซีดเซียว ผมเปียกยุ่งจากฝน
“ช่วย…ฉัน…อย่าให้พวกมันเจอ…”
ก่อนจะหมดสติลงตรงประตูบ้าน
“แม่คะ!! มีคนเจ็บค่ะ! แม่!!”หลินเซี่ยนรีบร้อนวิ่งเข้าไปเรียกแม่ในบ้าน
หานซิ่วเหมยรีบวิ่งออกมาดู แล้วร้องอุทาน
“พระเ้าช่วย! ใครกันถึงได้แทงเขาจนมีสภาพแบบนี้?!”
หานซื่อกับหลินเซี่ยนช่วยกันลากชายแปลกหน้าเข้ามาในห้องครัว
ใช้ผ้าห่มเก่ารองพื้น หานซื่อเริ่มคุ้ยหาตะกร้าสมุนไพรพื้นบ้าน ก่อนจะพบว่าตะกร้านั้นว่างเปล่าไปนานแล้ว
หลินเซี่ยนรีบจุดเตาต้มน้ำ ก่อนจะกลั้นหายใจขณะใช้ผ้าที่คิดว่าสะอาดที่สุดกดแผลเพื่อห้ามเื
“แม่ เราจะทำยังไงดีคะ เืเขาไหลไม่หยุดเลย”
“ไปเอายาห้ามเืจากบ้านหมอหลินเร็ว!”
“จริงด้วย หมอหลินมีสมุนไพรที่ใช้ห้ามเืได้!”
บ้านหมอหลินอยู่ท้ายหมู่บ้าน ติดกับลำคลองเล็กๆ
คืนนี้ลมพัดแรงจนตะเกียงน้ำมันในมือของหลินเซี่ยนสั่นระริก
เด็กหญิงรีบเคาะประตูบ้านไม้เก่าเสียงเบาแต่รัว
“หมอหลิน! หมอหลิน ช่วยด้วยค่ะ!”
เสียงคนในบ้านเอ่ยตอบกลับมาอย่างงัวเงีย ก่อนเปิดประตูไม้ที่ส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าด
“ดึกขนาดนี้ มีอะไรถึงรีบร้อนขนาดนี้?”
เด็กหญิงวัยเก้าขวบ ยื่นเงิน 4 หยวนในมืออย่างสั่น ๆ
ใบหน้าซีดเซียวดูตื่นใ แต่สายตากลับจริงจัง
“น้องชายหนู…หกล้ม ศีรษะแตก เืไหลไม่หยุด ตอนนี้ไข้ขึ้นจนตัวสั่นค่ะ!”
หลินเซี่ยนไม่สามารถพูดความจริงที่บ้านเธอช่วยชีวิตชายที่โดนแทงได้ หากหมอหลินรู้ เื่นี้ต้องถึงหูย่าของเธอแน่ๆ
หมอหลินขมวดคิ้ว
“ไปเล่นอะไรตอนกลางคืนถึงได้ล้ม?”
หลินเซี่ยนกัดริมฝีปาก ลอบหลบสายตาก่อนจะแสร้งโกหก
“เขาจะตามหาไก่ที่หลุดออกไป...หนูห้ามน้องไว้ไม่ทัน…รู้ตัวอีกทีเขาก็หัวแตกเือาบแล้ว ตอนนี้เขาแทบไม่รู้สึกตัวแล้วค่ะ…”
หมอหลินถอนหายใจแรง
“เดี๋ยวนี้เด็กๆมันดื้อเหมือนกันหมด ให้ตายสิ ลุงเตือนแม่พวกเธอไม่รู้ตั้งกี่ครั้ง”
แต่ถึงจะบ่นก็เดินกลับเข้าไป หยิบยาสมุนไพรห้ามเื กับยาต้มลดไข้ส่งให้ในห่อผ้า
“ผสมน้ำอุ่นให้กินทันที แล้วใช้ยาห้ามเืนี้โปะแผลไว้ให้แน่นๆ”
“พรุ่งนี้เช้า หากยังไม่ฟื้น ให้แม่เสี่ยวซานหามมาหาลุงก็แล้วกัน”
หลินเซี่ยนก้มหัวอย่างแรง
“ขอบคุณมากค่ะลุงหมอ ขอบคุณจริง ๆ…”
เด็กหญิงคว้าห่อยาแล้ววิ่งฝ่าความมืดกลับบ้าน
ในใจยังเต้นแรง...
“ขอโทษนะเ้าตัวเล็ก...คืนนี้พี่สาวต้องยืมชื่อน้อง โกหกเพื่อรักษาชีวิตอีกคน”
วิ่งฝ่าความมืดกลับมาถึงบ้าน ตะเกียงในมือของหลินเซี่ยนดับไปั้แ่หน้าบ้าน
ภายในบ้านหลังเล็กมีแสงสลัว ไฟตะเกียงน้ำมันส่องแสงวอมแวม
กลิ่นฝนบนดินชื้นโชยมาเข้าจมูก แต่กลิ่นคาวเืกลับชัดยิ่งกว่า
ชายหนุ่มนอนหายใจรวยรินอยู่บนเสื่อผืนเก่า
เสื้อผ้าที่เขาสวมชุ่มเืและเปียกฝน จนลำตัวเริ่มเย็นเฉียบ
“แม่...ต้มน้ำให้เดือดเลยนะ แล้วเอาผ้าขาวที่ซักไว้มาให้หนู!”
หลินเซี่ยนสั่งเสียงหนักแน่น ราวกับเป็ผู้ใหญ่ทั้งที่อายุเพียง 9 ขวบ
เธอกำลังแข่งกับเวลา และชีวิตของคนตรงหน้าอาจหมดลงก่อนรุ่งสาง
ชายหนุ่มในชุดเปื้อนเืยังนอนแน่นิ่ง ใบหน้านั้นแดงก่ำด้วยพิษไข้
นี่มันคือคนเดียวกับที่โดนเด็กพวกนั้นรังแกในตลาดนัดตำบลนี่นา ทำไมเขาถึงตกอยู่ในสภาพนี้ได้?
ผ้าขาวที่พันแผลไว้เริ่มเปลี่ยนเป็สีแดงเข้มอีกครั้ง
“แม่ต้มน้ำอีก! เดี๋ยวฉันจะล้างแผลแล้วโปะยาเอง!”
หลินเซี่ยนรีบบอก
แม่พยักหน้าแล้วรีบเติมฟืนเข้าเตา
ในขณะนั้น เด็กหญิงวางห่อยาสมุนไพรลง
เปิดห่อผ้าช้า ๆ มือสั่น แต่แววตาแน่วแน่
เธอจำได้แม่น...
ครั้งหนึ่งในชาติที่แล้ว เธอเคยช่วยคุณยายข้างบ้านต้มหญ้าไผ่แดงกับใบกุยช่ายเพื่อห้ามเื
และตอนนั้นเอง ที่เธอได้รู้ว่า ยาสมุนไพรพื้นบ้าน...หากรู้วิธีใช้ถูกจุด ก็สามารถช่วยชีวิตคนได้จริงๆ
เมื่อหลินเซี่ยนเปิดเสื้อของเขาออก
สิ่งที่ปรากฏคือรอยแผลแทงเฉียงจากชายโครงด้านซ้ายใต้ราวนม
ความลึกประมาณนิ้วครึ่ง ยาวเกือบสองนิ้ว
เืยังซึมออกมาอย่างต่อเนื่องแม้เวลาผ่านไปหลายชั่วโมง
ไม่มีฟองอากาศ ไม่มีเสียงเจาะปอด เธอประเมินในใจ
“โชคดี…ที่แผลไม่ลึกถึงปอดหรือเส้นเืใหญ่”
นี่อาจเป็แผลเฉี่ยวผ่านกล้ามเนื้อเฉย ๆ
แต่หากปล่อยไว้จนติดเชื้อ ไข้สูงเกินไปก็อาจตายได้เช่นกัน ขอบคุณ์ที่ธุรกิจในชาติก่อนของเธอ
ต้องขายอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้กับโรงพยาบาลด้วย จนทำให้เธอมีโอกาสได้เข้าร่วมการอบรม สัมมนาเกี่ยวกับการปฐมพยาบาล และการรักษาเบื้อต้นมาด้วย
เด็กหญิงใช้เศษผ้าสะอาดจุ่มน้ำอุ่น เช็ดเืแห้งรอบาแอย่างเบามือ
จากนั้นเปิดยาห้ามเืที่หมอหลินให้ เธอผสมผงสมุนไพรกับน้ำอุ่นจนกลายเป็แป้งเหนียว
แล้วใช้ผ้าขาวพันปลายนิ้ว ทาแปะลงบนปากแผลอย่างระมัดระวัง
ชายหนุ่มครางเบาๆ มือกระตุกเล็กน้อย
“ฟู่...ขอโทษนะ อดทนหน่อยนะพี่ชาย”
จากนั้นใช้ผ้าขาวบางพันรอบอกจนแน่นพอดี
หานซื่อนำยาต้ม ที่ผสมน้ำอุ่นแล้ว ยื่นให้กับหลินเซี่ยน เธอปลุกเขาเบาๆ
“พี่ชาย...ได้ยินไหม? กินยาเถอะ...อย่าตายนะ…”
เธอใช้ช้อนป้อนน้ำยาอุ่น ๆ เข้าปากเขาช้า ๆ
บางส่วนไหลเลอะริมฝีปาก แต่ชายหนุ่มเริ่มกลืนตามสัญชาตญาณ
หานซื่อยืนดูอยู่ข้าง ๆ ถึงกับน้ำตาคลอ
“ลูกแม่...ลูกยังอายุแค่ 9 ขวบ...แต่วันนี้ลูกทำได้เหมือนคนที่โตแล้วจริง ๆ”
เมื่อเสร็จทุกอย่าง
หลินเซี่ยนก็ฟุบตัวลงหลับข้างไหผักดองใต้ชานครัว
แสงไฟในเตาดับลงช้า ๆ ลมหายใจของชายแปลกหน้าเริ่มสม่ำเสมอขึ้นเล็กน้อย
นอกบ้าน ลมต้นฤดูร้อนพัดหญ้าไหวเบา
และเสียงแมลงก็กลับมาอีกครั้ง
คืนนี้...ชีวิตคนหนึ่งคนรอดตายได้ เพราะน้ำใจของเด็กหญิงเพียงคนเดียว
แสงแดดยามเช้าอาบไหล่เด็กหญิงที่นอนฟุบอยู่ข้างเตาไฟ
ในครัวกลิ่นน้ำขิงต้มใหม่ลอยหอมมาจาง ๆ
เสียงไก่ขันดังระงมจากเรือนข้าง ๆ บอกเวลาเช้าแล้วในหมู่บ้านซานเหอ
หลินเซี่ยนลืมตาช้า ๆ รู้สึกเมื่อยขาและต้นคอไปหมด
เมื่อเธอลุกขึ้น ก็เห็นแม่กำลังเป่าไฟเบา ๆ ข้างหม้อดิน
“เซี่ยนเอ๋อร์ ตื่นพอดีเลย ลองดูเขาหน่อยสิ...เมื่อคืนเขาเริ่มขยับนิ้วได้แล้ว”
เด็กหญิงลุกขึ้นไปนั่งข้างเสื่อผืนเก่า ชายหนุ่มยังนอนอยู่ที่เดิม แต่ใบหน้าไม่ซีดเหมือนเมื่อคืนแล้ว
แม้ยังหลับตา แต่ลมหายใจของเขากลับสม่ำเสมอขึ้นมาก
“ดีจัง...เขาน่าจะรอดแล้วค่ะ”
เธอพึมพำเบา ๆ
ในใจทั้งโล่งอกและสับสน
“แล้ว...เราจะบอกย่าของลูกยังไงดี? ถ้าเขารู้ว่ามีคนแปลกหน้ามาอยู่ในบ้าน?แม่ว่าคงไม่ใช่เื่ดีแน่ๆ”
หานซิ่วเหมย กลืนน้ำลาย ถามออกไปด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวล
“แม่อย่าบอกใครเด็ดขาดนะคะ…แม่คิดดูสิ ถ้าคนพวกนั้นที่ทำร้ายพี่ชายคนนี้ เป็พวกมีอิทธิพล
แล้วมาตามหาเขา พวกเราที่ช่วยเขาเอาไว้อาจจะเดือดร้อนได้…ทางที่ดีถ้าเขาฟื้นตัวดีแล้ว ก็ให้เขาหลบออกไปเงียบๆดีกว่าค่ะ”
ขณะที่แม่กับลูกสาวกระซิบกันอยู่นั้น
เสียงฝีเท้าหนัก ๆ ก็ดังขึ้นหน้าบ้าน
ตามมาด้วยเสียงะโของหญิงวัยกลางคนที่คุ้นหู
“น้องสะใภ้! เซี่ยนเอ๋อร์! ย่าให้มาตาม! ไปที่บ้านใหญ่เดี๋ยวนี้!”
เป็เสียงของ เฉินซื่อฮวา ป้าสะใภ้ใหญ่ของหลินเซี่ยน น้ำเสียงดุดัน และไม่เคยเป็มิตร
แม่กับลูกมองหน้ากัน ก่อนที่หานซิ่วเหมยจะรีบบอก
“ลูกช่วยดูเขาไว้ก่อนนะ แม่จะไปบ้านใหญ่ดูว่าย่าของลูก้าอะไร เดี๋ยวแม่กลับมา”
หลินเซี่ยนพยักหน้า ก่อนจะนั่งลงข้างชายแปลกหน้า
เธอหยิบผ้าชุบน้ำเช็ดหน้าผากของชายหนุ่มอีกครั้ง
จังหวะนั้นเอง...
เปลือกตาของเขากระตุกเล็กน้อย
แล้วเปิดขึ้นช้า ๆ เผยให้เห็นดวงตาคมเข้มที่เต็มไปด้วยความสับสนและอ่อนแรง
“เธอ...คือ…”
เสียงเขาแหบพร่า
หลินเซี่ยนชะงักเล็กน้อย แต่ก็รีบยิ้มให้
“พี่ชายยังไม่ตายหรอก… อย่าเพิ่งพูดอะไรเลย...ตอนนี้พักผ่อนก่อน วางใจได้เลยเื่ที่พี่ชายมาขอความช่วยเหลือที่นี่ ฉันกับแม่จะเก็บเื่ของพี่เป็ความลับให้เอง”
เธอพูดให้เขาคลายกังวล
ชายหนุ่มพยายามพยักหน้าเล็กน้อย
ก่อนจะหลับตาลงอีกครั้ง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้