พระจันทร์ลาลับ อรุณมาเยือน
ยามกลางวันและกลางคืนกลางทุ่งหญ้านั้นมีความแตกต่างกันอย่างมาก
เมื่อคืนเหล่าชายฉกรรจ์ต่างฉลองกันอย่างสุดเหวี่ยงตลอดราตรี บัดนี้จึงพากันหลับลึก
เหล่าปาย้ายเด็กหนุ่มออกมาด้านนอก โดยรองแผ่นไม้และที่นอนแข็งให้เขานอนตากแดด พวกเขาเชื่อว่าแสงแดดจะรักษาได้ทุกโรคเช่นกัน
ยามดูแลอาลู่ มือเท้าของเหล่าปาล้วนคล่องแคล่ว เขาคิดในใจว่าเ้าเด็กนี่แม้จะได้รับาเ็เช่นนี้ก็ยังหนังเหนียวนัก ทว่าเมื่อถึงเวลาต้องจัดการเฉินโย่วน้อย เหล่าปากลับกลายเป็แข็งทื่อราวกับไม่รู้จะทำเช่นไร
เฉินโย่วน้อยเพิ่งตื่นก็อยากถ่ายหนักทันที เขายืนมองทารกน้อยหน้านิ่วคิ้วขมวดกลิ้งไปกลิ้งมา
แขนท่อนหนาของเหล่าปาที่แม้แต่ลูกม้าก็อุ้มได้สบายนั้น บัดนี้เมื่อต้องอุ้มทารกตัวนุ่มนิ่มคนหนึ่งก็พลันสั่นเทา ด้วยกลัวว่าหากไม่ระวังก็อาจทำนางหล่นหายได้
จวบจนรอทารกน้อยทำธุระเสร็จ ร่างของเหล่าปาก็ชุ่มไปด้วยเหงื่อเสียแล้ว
ทว่าเมื่อเหล่าปามองดูบริเวณที่ทารกน้อยถ่ายหนักก็พบว่ามีต้นผักกาดขาวต้นน้อยปลูกเรียงกันเป็ระเบียบอยู่แปลงหนึ่ง เหล่าปาเห็นเช่นนั้นก็ชอบใจ ยังถึงกับลงมือถอนวัชพืชให้แปลงผักนั้นด้วยตัวเอง
แปลงผักแปลงน้อยกับกระท่อมไม้ข้างสระกระดูก เมื่ออยู่รวมกันก็ให้ความรู้สึกราวกับบ้านที่มีคนอยู่มาแสนนาน
เหล่าปาเมื่ออุ้มเฉินโย่วน้อยให้ทำธุระเสร็จก็กลับมาทำอาหารเช้า ฝีมือของเหล่าปาดีกว่าอาลู่นัก แม้จะเป็น้ำแกงหมั่นโถวใส่ผักป่าเหมือนกัน แต่น้ำแกงของเหล่าปากลับหอมกว่ามากนัก ไม่เหมือนกับที่อาลู่ทำ มีแต่น้ำแกงข้นคลั่กราวกับพอแค่กินประทังท้องได้เป็อันพอ
อาลู่นั้นนอนนิ่งไม่อาจขยับไปไหน แม้เมื่อวานเขาจะยื้อแย่งลมหายใจกลับมาได้ ทว่าร่างกายกลับไม่ดีขึ้นเท่าใดนัก วันนี้ก็ยังคงรู้สึกหนาวไปถึงขั้วหัวใจ
บนร่างกายไม่ได้มีเพียงรอยมีดเท่านั้น ยังมีรอยแผลน้อยใหญ่กระจายไปทั้งตัว ซ้ำเมื่อวานก็รู้สึกราวกับร่างกายจะแหลกสลาย มาวันนี้กระดูกก็พลอยรวดร้าวไปหมด
เขาจึงทำได้เพียงนอนนิ่งๆ มองเหล่าปามือระวิงอยู่ข้างกาย
“กินข้าวได้แล้ว” เหล่าปาพูดไปพร้อมยกหม้อมา จากนั้นจึงตักน้ำแกงให้อาลู่ชามหนึ่ง
อาลู่รีบชันกายขึ้น ทันใดก็เห็นว่าน้องสาวนั้นนั่งอยู่ข้างกายตน ในมือถือช้อนคันหนึ่งกำลังตักน้ำแกงขึ้นมาเต็มช้อน ป้อนมาทางตน
อาลู่เห็นเช่นนั้นก็พลันงงงวย
“พิพี่ กินๆ” เฉินโย่วน้อยยกช้อนขึ้นป้อน
อาลู่อ้าปากกินน้ำแกงที่นางป้อน
จากนั้นนางจึงตักเข้าปากตัวเองคำหนึ่ง แล้วตักอีกคำป้อนพี่ชาย
ทั้งกินข้าวด้วยกันดังเช่นวันปกติ พี่ชายหนึ่งคำ น้องสาวหนึ่งคำ เพียงแต่เมื่อก่อนนั้นเป็พี่ชายป้อนน้องสาว แต่ในวันนี้นั้นเป็น้องสาวป้อนพี่ชาย
เหล่าปานั่งกินอาหารเงียบๆ อยู่อีกฟากหนึ่ง เมื่อเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ก็ไม่ได้เอ่ยอะไร เมื่อกินเสร็จ เขาก็กลับไปดูแลม้าดังเดิม
ส่วนอาลู่เมื่อกินเสร็จก็ยังคงนอนอาบแดดเช่นเดิม ไม่นานนักหนังตาก็ค่อยๆ หย่อนลง
ในเวลาเดียวกันต้าโกวก็เดินมาพร้อมกับถุงผ้าในมือด้วยฝีเท้าหนักๆ จากนั้นจึงมาหยุดยืนโงนเงนตรงหน้าอาลู่ครู่หนึ่ง ถึงจะค่อยๆ ควบคุมตัวเองได้
“ตึ้ง” เสียงถุงผ้าในมือต้าโกวตกกระทบลงพื้น
“นายท่านสามให้ข้านำของมาให้เ้า!”
ชายหนุ่มแค่อ้าปากพูดกลิ่นเหล้าก็ลอยมา ผมเผ้าก็ยุ่งเหยิง ใบหน้าดูคล้ายกับคนเพิ่งตื่นนอน
ของที่เขานำมาให้เด็กหนุ่มคือส่วนแบ่งที่ทุกคนได้จากการปล้นครั้งนี้
หากไม่มีคำสั่งจากนายท่านสาม ต้าโกวคงจะแอบยักยอกไว้กับตัวเองเสียกว่าครึ่ง ทว่านายท่านสามถึงขั้นเอ่ยปากถามเอง เขาก็พลันสร่างจากฤทธิ์สุราทันที
นายท่านสามนั้นแม้จะดูแล้วสุภาพราวกับบัณฑิต ทว่าก็ทำให้คนอดหวาดกลัวไม่ได้อยู่ดี
เขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดเ้าเด็กนั่นเพียงเพิ่งออกปล้นครั้งแรกก็บ้าบิ่นถึงขั้นบุกเข้าไปในขบวนจนได้รับาเ็หนักถึงเพียงนี้ ซ้ำขนาดมีมีดปักกลับมาด้วย เ้าเด็กนี่ก็กระเสือกกระสนจนกลับมาได้
เขายังจำวันแรกที่ตัวเองออกปล้นได้ ทั้งกายเต็มไปด้วยฉี่ของตัวเอง แม้ปากจะะโสังหาร ทว่าขาทั้งสองข้างกลับสั่นไปหมด เพียงออกเดินทางไปได้ครึ่งหนึ่งก็แทบจะหันหลังกลับ
เ้าเด็กนี้ขนาดยังไม่เป็ผู้ใหญ่เต็มตัวยังมีท่าทีเช่นนี้ อนาคตใครจะคาดเดาได้ว่าจะเป็เช่นไร
ให้ดีที่สุดคือคนดุร้ายราวหมาป่าเช่นนี้ไม่ควรจะมาเป็โจร
ต้าโกวเมื่อโยนถุงผ้าให้อาลู่แล้วก็เดินโซเซกลับไป กะว่าจะไปรื่นเริงต่อให้เมาแอ๋ กินเนื้อดื่มสุราเคล้านารี เช่นนี้สิชีวิตจึงจะเรียกว่าไม่สูญเปล่า
อาลู่จ้องถุงผ้าตรงหน้าไม่วางตา ทางฝั่งเฉินโย่วน้อยก็ถูกเ้าถุงผ้านี้ดึงดูดความสนใจเช่นกัน
เดิมทีนางก็รู้สึกว่านั่งข้างพี่ชายเฉยๆ เช่นนี้ช่างน่าเบื่อเหลือเกิน
เฉินโย่วนั้นแม้จะมีแรงมากกว่าใคร ทว่าก็ยังไม่มากพอจะเทของในถุงผ้าออกมาได้ นางจึงได้แต่มุดศีรษะเข้าไปในห่อผ้าแล้วนำของออกมา
อาลู่นอนอยู่ใกล้ถุงผ้านั้น เห็นร่างของน้องสาวตนหายวับเข้าไปในถุงผ้า ผ่านไปเพียงครู่เดียวก็เห็นนางลากเนื้อก้อนใหญ่ออกมาก้อนหนึ่ง เนื้อก้อนนี้ช่างใหญ่นัก โดยเฉพาะยามเมื่อมันถูกทารกน้อยลากออกมา เ้าเนื้อก้อนนี้ใหญ่กว่าใบหน้าของทารกน้อยด้วยซ้ำ
บนก้อนเนื้อยังคงมีเืสดๆ อยู่ ลายเส้นบนเนื้อก็ชัดเจน ดูท่าน่าจะต้องเป็เนื้อวัวแน่นอน
แม้เมื่อวานเขาจะเพิ่งผ่านเหตุการณ์เืท่วมร่างมา แต่เมื่อเห็นเนื้อก้อนโตที่ทั้งสดจนยังฉ่ำเืเช่นนี้ ก็อดใจเต้นไม่ได้
เพียงอึดใจอาลู่ก็เห็นน้องสาวตนอ้าปากงับหมับลงไปบนก้อนเนื้อ
เพียงแต่ทารกน้อยนั้นยังฟันไม่งอก จึงยังกัดเนื้อให้ขาดไม่ได้ ปากน้อยนั้นจึงมีเพียงแต่รอยเืเปรอะไปทั้งปาก จากนั้นก็ขมวดคิ้วราวกับผู้ใหญ่คนหนึ่งยามไม่ได้ดั่งใจ
“อาโย่ว เนื้อยังดิบอยู่ เ้ายังกินไม่ได้” อาลู่ออกปากสั่งน้องสาว
เฉินโย่วน้อยจึงเงยหน้ามองพี่ชาย แล้วทำท่าราวกับนางได้รับความไม่เป็ธรรมอย่างยิ่ง
อาลู่มองน้องสาวที่ยังมีเืเลอะตรงมุมปาก ก็รู้สึกว่านางดูงดงามอย่างน่าประหลาด จนอยากจะขยี้ผมนางแรงๆ สักทีสองที ทว่าบัดนี้แขนของเขานั้นแค่พยายามยกก็ยังยกไม่ขึ้น จึงได้แต่หัวเราะขื่นๆ แทน
เฉินโย่วน้อยผลักเนื้อก้อนนั้นไปวางด้านข้าง ก่อนจะเริ่มมุดเข้าไปในถุงผ้าอีกครั้ง จากนั้นจึงลากถุงแป้งออกมาถุงหนึ่ง เมื่อครู่นางลองดมดูแล้ว ไม่รู้สึกว่ามีกลิ่นคาวอะไร จึงลองแลบลิ้นออกไปเลียดูคำหนึ่ง ทว่าผลลัพธ์กลับเป็นางนั้นเผลอจุ่มหน้าลงไปทั้งหน้า จนดวงหน้าน้อยนั้นขาวโพลน
อาลู่เมื่อครู่ยังเห็นน้องสาวตัวดำๆ ของตนเพิ่งจะมุดเข้าไปในถุงผ้า ไฉนยามกลับมาจึงขาวโพลนเช่นนี้ ดูแล้วช่างชวนขันเหลือเกิน
ทว่าเพียงเขาเริ่มหัวเราะ ความปวดแปลบสายหนึ่งก็แล่นขึ้นมา จึงได้แต่กลั้นขำไว้
น้องสาวเขานั้นช่างตะกละเหลือเกิน เจออะไรก็เป็อันต้องลองชิมไปเสียหมด
“อาโย่ว สิ่งนี้ก็ไม่อาจกินดิบได้” อาลู่เตือนน้องสาวอีกทีหนึ่ง
เมื่อเขาพูดจบทารกน้อยก็ถลึงตามองตน ราวกับตนนั้นไร้ความผิดที่ทั้งจมูกและหน้าล้วนเป็สีขาวเช่นนี้
ทว่าครู่ต่อมานางก็ยังคงมุดไปในถุงผ้านั้น เพียงแต่ไม่น่าเชื่อว่าสิ่งที่นางนำออกมาครั้งนี้จะเป็เสื้อนวมเก่าๆ สองตัว ตัวใหญ่ตัวหนึ่ง และตัวเล็กตัวหนึ่ง
เคราะห์ดีที่ครั้งนี้อาลู่ไม่เห็นว่านางจะทำท่างับเสื้อนวมพวกนั้น จึงถอนหายใจออกมาครั้งหนึ่ง ทว่าทารกกับคลานลากเสื้อนวมนั้นมาวางบนกายตน
พระอาทิตย์ยามเหมันต์นั้นไม่นับว่าร้อน ซ้ำลมก็พัดแรงนัก อาลู่จึงรู้สึกหนาวอยู่ตลอด ยามนี้เห็นน้องสาวคลุมเสื้อให้ด้วยท่าทางเงอะๆ งะๆ ขอบตาเขาก็แดงเรื่อขึ้นมา
ทว่าทารกน้อยก็ยังคงพุ่งตัวมุดเข้าไปในถุงผ้า ทว่าในถุงนั้นก็ดูท่าว่าไม่น่าจะมีสิ่งใดแล้ว เพราะเมื่อครู่เขาเห็นตอนที่น้องสาวนำเสื้อนวมออกมา กระสอบก็เปลี่ยนเป็แฟบลง จนบัดนี้จึงเห็นเพียงศีรษะน้อยใต้ถุงผ้ากำลังขยับตัวไปมา
เพียงแต่ครู่ต่อมา นางกลับคลานออกมาพร้อมเงินก้อนหนึ่งในมือ อาลู่มองดูก็เห็นว่าบนเงินก้อนนั้นยังคงมีรอยน้ำลายอยู่ เพียงเท่านี้ก็รู้ว่ายามอยู่ในถุงผ้านั้นนางทำท่าค้นหาอะไรอยู่เสียนานสองนาน ที่แท้ก็แอบไปชิมก้อนเงินนี้มานี่เอง
เงินก้อนนี้ดูแวววาวไม่เบา
ยามอยู่ใต้แสงแดดก็ส่องประกายวิบวับออกมา
ก่อนหน้าที่เขาขโมยเงินพ่อบ้านนั้น ยังไม่ก้อนใหญ่เท่านี้ด้วยซ้ำ ทว่าเพียงเงินก้อนแค่นั้นเขาก็ยังโดนกระทืบเสียเกือบตาย
ยามนี้เขามีทั้งแผลเพิ่มมาอีกหนึ่ง และก้อนเงินเพิ่มมาอีกก้อนหนึ่ง
เฉินโย่วน้อยนั้นไม่ได้วางก้อนเงินให้ดี ก้อนเงินนั้นจึงกลิ้งหลุนๆ ตกลงมาจากตัวอาลู่ สุดท้ายจึงตกลงบนพื้นหญ้า ทับต้นหญ้าเหลืองข้างใต้นั้นจนแบนราบ
ทารกน้อยเร่งคลานไปเก็บทันใด จากนั้นจึงเอามายัดลงกระเป๋าของพี่ชาย ให้อยู่รวมกับสมบัติชิ้นอื่นของนาง
หญ้าบนพื้นที่ถูกก้อนเงินทับไว้ยังคงแบนราบและมิรู้จะลุกยืนขึ้นอีกเมื่อใด ทั้งที่ยามลมพัดมามันก็โอนเอนสู้ลมอย่างทรงพลังเสมอมา