สองพี่น้องซื่อโก่วจื่อซื้อเต้าหู้ได้แล้วก็รีบกล่าวขอบคุณเป็การใหญ่ จากนั้นจึงเดินทางออกไปขายยังอำเภอซั่ง
คนของครอบครัวหวังไห่ที่มาซื้อเต้าหู้ก็คือ เฟิงซื่อและหวังเยี่ยน สองแม่ลูกเข็นรถเข้ามา รถเข็นนี้บรรจุของได้สองร้อยกว่าชั่ง
อย่าดูแคลนว่าทั้งสองเป็เพียงสตรีเชียว พวกนางมีแรงไม่น้อย โดยเฉพาะเฟิงซื่อที่เมื่อก่อนตอนอยู่บ้านเดิมนางก็ทำงานได้ดี หลังจากแต่งให้หวังไห่แล้วก็ไม่ได้เกียจคร้าน มักจะทำงานหนักอยู่ในที่ดินเสมอ มีกำลังแขนมากกว่าบุรุษบางคนในหมู่บ้านเสียอีก
สองแม่ลูกลากรถเข็นบรรจุเต้าหู้ไปจนถึงบ้าน พบว่ามีคนในตระกูลนำรถเข็นล้อเดียวหรือถังใบใหญ่มายืนรอซื้อเต้าหู้อยู่ที่ประตูบ้านแล้ว
เมื่อก่อนสองแม่ลูกเป็ผู้รับซื้อไข่ไก่และแป้งมาขายให้บ้านหลี่ จึงคุ้นเคยกับวิธีทางการค้าแล้ว ทั้งสองแบ่งงานกันทำ เฟิงซื่อเป็คนชั่ง หวังเยี่ยนเป็คนรับเงิน
เฟิงซื่อมีสายตาแม่นยำ นางใช้แผ่นเหล็กที่หนากว่ากระดาษเล็กน้อยหั่นลงบนเต้าหู้ คาดเดาน้ำหนักในใจ พลาดไปเพียงเล็กน้อย
“พี่สะใภ้ชั่งให้บ้านข้ามากหน่อยเถิด”
“พี่สะใภ้ ข้าตื่นแต่เช้าก็เพื่อจะมาซื้อเต้าหู้ให้มากหน่อย ท่านขยับแผ่นเหล็กไปด้านโน้นอีกเล็กน้อยก็พอแล้ว”
ชายหนุ่มของตระกูลไปทำงานก่อเตียงเตากันหมดแล้ว ดังนั้นคนที่มาซื้อจึงมีแต่สตรีและเด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ไม่ว่าจะเป็ผู้ใดก็อยากซื้อเต้าหู้ให้ได้มากหน่อย อยากหากำไรให้มากสักหน่อย จึงใช้คำพูดกับเฟิงซื่อและหวังเยี่ยนอย่างดีที่สุด
เพียงไม่นานเต้าหู้หนึ่งคันรถจำนวนสองร้อยกว่าชั่งก็ขายหมด คนในตระกูลที่ซื้อไปแล้วก็นำเต้าหู้ออกไปจากหมู่บ้านเพื่อไปขายตามที่ต่างๆ ส่วนคนที่ยังซื้อไม่ได้ก็กล่าวเร่งสองแม่ลูกให้รีบไปรับเต้าหู้มาจากบ้านหลี่
หลี่หรูอี้กล่าวกับสองแม่ลูกเฟิงซื่อว่า “ไม่ต้องรีบร้อนเ้าค่ะ อีกไม่นานเต้าหู้หม้อนี้จะออกมาแล้ว พวกท่านไปรอด้านนอกก่อนเถิด”
พวกนางยุ่งกันั้แ่เช้าตรู่จนถึงตอนสาย รวมแล้วหนึ่งชั่วยามกว่า สองแม่ลูกเดินทางไปกลับระหว่างสองบ้านทั้งหมดสามรอบ ซื้อเต้าหู้ไปได้เจ็ดร้อยสิบหกชั่ง ทุกคนในตระกูลรวมถึงหวังลี่ตงและหวังชุนเฟิงล้วนซื้อเต้าหู้กันได้ทุกคน
สองแม่ลูกเหนื่อยล้าเป็อย่างยิ่ง นั่งได้เพียงชั่วครู่ก็ต้องกลับไปที่บ้านหลี่อีกแล้ว นี่เป็รอบสุดท้าย ซึ่งสองแม่ลูกจะเก็บไว้ให้ครอบครัวตนเองนำไปขาย
หลี่หรูอี้ชี้ไปที่เต้าหู้ “เต้าหู้หนึ่งพันชั่ง ยังขาดอีกสองร้อยแปดสิบสี่ชั่ง เมื่อครู่ข้าต้มเต้าหู้หม้อหนึ่งได้เกินมาหลายสิบชั่ง ตอนนี้มีสามร้อยยี่สิบชั่ง ส่วนที่เกินมาสามสิบหกชั่ง พวกท่านจะรับหรือไม่”
เฟิงซื่อลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบไปว่า “รับ”
หลี่หรูอี้รู้ดีว่าเฟิงซื่อกำลังกังวล กลัวว่าหากเต้าหู้มากเกินไปจะขายไม่ออก นางจึงกล่าวยิ้มๆ ว่า “หกช่างถือว่าข้าแถมให้เ้าค่ะ พวกท่านซื้อเต้าหู้ทั้งหมดหนึ่งพันสามสิบชั่ง ราคาสามตำลึงหกเฉียนห้าทองแดง อืม... ห้าทองแดงตัดออกเถิด พวกท่านให้ข้าสามตำลึงหกเฉียนก็พอ”
หวังเยี่ยนเป็คนเก็บเงินจึงหยิบเงินออกมาจ่ายให้หลี่หรูอี้
หลี่หรูอี้ถามขึ้นว่า “ในตัวอำเภอที่พวกท่านสองแม่ลูกจะไปค่อนข้างไกล ้าใช้เกวียนลาของพวกเราหรือไม่เ้าคะ?”
เฟิงซื่อยิ้มตอบว่า “ไม่ต้อง ข้าจ่ายเงินสามทองแดงจ้างคนมาช่วยเข็นรถไปที่อำเภอนั้นแล้ว ขากลับหากขายเต้าหู้หมดรถก็ว่าง ไม่ต้องใช้คนอีก” หลี่ซานเลี้ยงดูลาและรักใคร่พวกมันยิ่งนัก เฟิงซื่อจึงไม่อยากรบกวน เพราะอาจทำให้หลี่ซานไม่สบายใจ นอกจากนี้ต่อให้ยืมก็มิใช่ว่าจะยืมได้ทุกวัน
คนตระกูลหวังใช้หมู่บ้านหลี่เป็ศูนย์กลาง มุ่งหน้าไปยังตำบล อำเภอ และหมู่บ้านต่างๆ ในระยะร้อยลี้ ไม่ว่าจะเหนือใต้ออกตกก็ไปทั้งสิ้น
อย่าได้ดูถูกคนในหมู่บ้านเชียว เ้าของที่ดินบางคนก็อยู่ที่หมู่บ้าน ทั้งยังมีขุนนางบางคนที่มีบ้านบรรพบุรุษอยู่ในหมู่บ้านหลี่ด้วย คนเหล่านี้มีกำลังในการซื้อมากกว่าชาวบ้านในตำบลและอำเภอเสียอีก
คนตระกูลหวังที่ออกไปขายเต้าหู้เป็คนแรกกลับมาถึงหมู่บ้านตอนที่สองแม่ลูกเฟิงซื่อยังไม่ได้ออกไปขายเต้าหู้ที่อำเภอเลย
รถเข็นล้อเดียวและถังไม้ล้วนว่างเปล่า สตรีนางนั้นและลูกของนางกลับมาในสภาพราวกับเพิ่งไปออกรบ บนใบหน้าแต่ละคนประดับไปด้วยรอยยิ้มที่ภาคภูมิใจ
“ยามข้าไปขายเต้าหู้ ผู้อื่นถามว่าเป็เต้าหู้จากที่ใด ข้าบอกว่าเป็เต้าหู้ตระกูลหลี่มีหนึ่งไม่มีสองในแผ่นดิน เมื่อผู้อื่นได้ยินก็ควักเงินซื้อโดยไม่ถามไม่ไถ่สักคำ”
“เต้าหู้สามสิบแปดชั่งของข้าขายหมดเกลี้ยง”
“เต้าหู้สามสิบเจ็ดชั่งของบ้านข้า เดินทางออกไปได้ไม่ถึงสิบลี้ก็ถูกผู้สูงศักดิ์ที่ขี่ม้าผ่านมาระหว่างทางซื้อไปแล้ว ซื้อไปกระทั่งถังไม้เลยเชียว” เื่ถังไม้นั่นย่อมต้องได้เงินด้วย ทั้งยังให้มาไม่น้อย สตรีนางนี้จึงยิ้มไม่หุบ
สตรีร่างอ้วนผู้หนึ่งกล่าวกับเฟิงซื่อด้วยความตื่นเต้นว่า “เต้าหู้สามสิบกว่าชั่งจะพอขายที่ไหนกัน จากความเห็นของข้าร้อยชั่งก็ยังขายได้ ท่านไปพูดกับบ้านหลี่ให้พวกเขาขายเต้าหู้ให้ตระกูลเรามากขึ้นหน่อยเถิด”
เฟิงซื่อมองสตรีอ้วนนางนี้ พบว่าเป็หลานสะใภ้ที่เมื่อก่อนสนิทสนมกับชวีหงจึงรู้สึกรังเกียจนัก กล่าวไปอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ข้ามิได้หน้าใหญ่เพียงนั้น เ้าไปพูดกับบ้านหลี่เองเถิด”
“ประตูบ้านหลี่ไม่เปิดรับข้า เปิดรับแต่ท่าน” สตรีอ้วนไม่รู้สึกกระอักกระอ่วนใจแม้แต่น้อย ยังคงประจบประแจงเฟิงซื่อต่อไป
หวังเยี่ยนรอจนสตรีทั้งหลายกลับไป จากนั้นจึงกล่าวกับเฟิงซื่ออย่างอดรนทนไม่ไหวว่า “ท่านแม่ หากพวกเรานำเต้าหู้ไปขายที่อำเภอจะต้องขายได้ดีแน่นอน”
เฟิงซื่อไม่แน่ใจ เพียงแต่ไม่อยากทำร้ายจิตใจหวังเยี่ยน จึงตอบไปว่า “ก่อนหน้านี้ลุงหลี่ของเ้าไปขายที่อำเภอทุกบ่าย หนึ่งชั่วยามก็ขายหมดแล้ว วันนี้พวกเราไปอำเภอแต่เช้าคงจะขายหมดกระมัง”
ชายชราแซ่จ้าวที่ถูกจ้างเป็คนจากนอกหมู่บ้านที่พเนจรมาถึงหมู่บ้านหลี่เมื่อหลายปีก่อน ตอนนั้นเขาหิวจนไม่มีแรงพูด เป็เฟิงซื่อที่มอบแผ่นแป้งหยาบให้เขาครึ่งแผ่นและน้ำหนึ่งถ้วย เขาจึงมีชีวิตรอดต่อไปได้
เฒ่าจ้าวไร้บ้านไร้ที่ดินจึงได้แต่เป็แรงงานให้ผู้อื่นจ้าง ไม่ง่ายเลยกว่าจะรวบรวมเงินซื้อที่ดินครึ่งหมู่ในหมู่บ้านเอาไว้ปลูกผักปลูกพืชได้ เขาใช้ชีวิตอยู่ในกระท่อมหลังหนึ่งที่อยู่ข้างที่ดินของตน
อย่าดูถูกว่าเขาอายุมากไปเชียว เฒ่าจ้าวมีรูปร่างสูงใหญ่กระดูกแข็งแรง แม้จะผอมไปบ้างแต่ก็มีกำลังมากทั้งยังมีชะตาแข็ง ไม่เจ็บป่วยตลอดปี เข็นรถบรรจุเต้าหู้หลายร้อยชั่งได้สบายๆ ทั้งยังบอกให้เฟิงซื่อขึ้นไปนั่งบนรถอีกด้วย
เฟิงซื่อกลัวเฒ่าจ้าวจะเหนื่อยเกินไป จึงยอมเดินกะเผลกไปตลอดทาง และไม่ยอมขึ้นไปนั่งบนรถ
ทั้งสามเดินไปคุยไปจนกระทั่งมาถึงอำเภอฉางผิงโดยไม่รู้ตัว
ตอนนี้ตลาดยังไม่ตั้ง แต่สองข้างทางของถนนหลวงที่ทอดยาวออกไปนอกกำแพงเมืองในระยะหลายสิบจั้ง ก็มีชาวบ้านหลายคนมาตั้งร้านขายไก่ ไข่ ผักกันแล้ว มีขายกระทั่งรองเท้า
เฟิงซื่อจ่ายเงินให้เฒ่าจ้าวสามทองแดงแล้วบอกให้เขากลับหมู่บ้านไป แต่เฒ่าจ้าวสำนึกในบุญคุณของเฟิงซื่อที่เคยช่วยชีวิตอยู่ตลอด จึงไม่สบายใจหากจะปล่อยให้สองแม่ลูกอยู่ขายเต้าหู้ที่นี่เพียงลำพัง เขายังไม่ยอมกลับ เอาแต่ยืนเฝ้าอยู่ข้างๆ
ก่อนหน้านี้หวังไห่บอกกับคนในตระกูลแล้วว่า เฟิงซื่อจะมาขายเต้าหู้หน้าอำเภอฉางผิง คนในตระกูลห้ามมาขายที่นี่
ชาวอำเภอที่ออกมาซื้อผักเห็นว่ามีเต้าหู้มาขายจึงรู้สึกประหลาดใจ รีบล้อมวงเข้ามาถามอย่างแปลกใจว่า “พวกเ้าดูไม่คุ้นหน้า เป็คนจากหมู่บ้านใดหรือ”
หวังเยี่ยนก้มหน้าลงอย่างเขินอาย
เฟิงซื่อตอบอย่างเป็มิตรว่า “พวกเราเป็คนหมู่บ้านหลี่ เต้าหู้ที่ขายก็เป็เต้าหู้ตระกูลหลี่ ต่อไปนี้คนครอบครัวหลี่จะไม่มาขายเต้าหู้ที่อำเภอแล้ว พวกเราจะมาขายแทน”
“ที่แท้พวกเ้าก็เป็คนหมู่บ้านเดียวกับครอบครัวหลี่นี่เอง มิน่าเล่าพวกเ้าจึงขายเต้าหู้ตระกูลหลี่ได้”
“ข้าอยากกินเต้าหู้ตอนเที่ยงพอดี มา... ข้าเอาหนึ่งชิ้น”
เฟิงซื่อเพิ่งมาถึงก็มีคนมาซื้อแล้ว ในใจย่อมยินดียิ่ง ทว่ามีบางคำพูดต้องบอกก่อนเพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิด “เต้าหู้ชั่งละห้าทองแดงนะเ้าคะ”
“ตระกูลหลี่ขายเต้าหู้ชั่งละสี่ทองแดง เหตุใดพวกเ้าจึงขายชั่งละห้าทองแดงเล่า?”
“หนึ่งทองแดงซื้อผักได้หนึ่งชั่งเลยทีเดียว ห้าทองแดงก็ซื้อได้หนึ่งมัดใหญ่แล้ว”
ชาวอำเภอหลายคนได้ยินว่าขึ้นราคา ก็รู้สึกไม่พอใจ ในน้ำเสียงระคนไปด้วยความรู้สึกตำหนิ
หวังเยี่ยนรู้สึกเคร่งเครียดขึ้นมาแล้ว
เฟิงซื่อรีบอธิบายให้ทุกคนฟังด้วยน้ำเสียงละมุน “ข้ารับซื้อเต้าหู้มาจากบ้านหลี่ในราคาสูง หากขายออกต่ำกว่าห้าทองแดงย่อมเข้าเนื้อ นอกจากนี้ตอนนี้อากาศหนาว ผักที่ปลูกในที่ดินไม่มีแล้ว กระทั่งหัวไชเท้าก็ยังขึ้นราคาเป็ชั่งละสองทองแดง ต้นหอมก็ขึ้นราคาเป็ชั่งละสามทองแดง”
.............................
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้