ดวงอาทิตย์ยามบ่ายส่องแสงเจิดจ้าอยู่บนท้องฟ้า ยอดฝีมือจากสำนักหานเทียนกำลังรวมตัวกันอย่างรวดเร็วในพื้นที่รอบนอกของูเาไป่หลิง
ซูอวิ๋นแต่งกายด้วยชุดสีขาวเผยรูปร่างงดงาม ใบหน้าของนางคลุมด้วยผ้าโปร่งซึ่งให้ความรู้สึกลึกลับ
หลังจากได้เป็ศิษย์หลักของปรมาจารย์แล้ว ซูอวิ๋นก็มีสถานะที่โดดเด่นมากในสำนักหานเทียน คราวนี้นางได้รับคำสั่งให้มาและได้รับการคุ้มครองจากยอดฝีมือหลายคน
“ศิษย์น้องช่างปราดเปรื่อง เ้ามีข้อเสนอแนะสำหรับขั้นตอนต่อไปหรือไม่?”
“ศิษย์พี่ห้าชมเกินไปแล้ว ท่านคือผู้รับผิดชอบปฏิบัติการนี้ ศิษย์น้องย่อมฟังท่านในทุกสิ่ง”
ปรมาจารย์หานอวี้แห่งสำนักหานเทียนมีศิษย์ทั้งหมดเจ็ดคน และซูอวิ๋นเป็คนสุดท้อง โดยศิษย์คนที่ห้า คือ ฉู่จินหงผู้อยู่ในขอบเขตเปลี่ยนผ่านขั้นห้า เขาดูราวคนอายุยี่สิบปีสวมชุดที่เขียวเรียบหรู ทั้งยังมีใบหน้าที่ละเอียดอ่อนและรอยยิ้มอย่างคนเข้าถึงได้ง่ายแขวนอยู่บนใบหน้าตลอดเวลา
“ศิษย์น้องเกรงใจเกินไปแล้ว การเดินทางมายังูเาไป่หลิงครั้งนี้เกี่ยวข้องกับซิงซิว หยวนซิว และจื๋อซิว แม้สำนักหานเทียนของเราจะเป็สองั์ใหญ่ของหยวนซิวในจักรวรรดิเชียนซาน แต่ต่อหน้าดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งหยวนซิวอย่างสำนักอินทนิลและชื่อหยวนปังแล้วพวกเรายังเทียบไม่ได้เลย หากเ้าอยากได้อะไรสักอย่าง ยังมีความจำเป็ต้องแสดงความโดดเด่นออกมา”
ซูอวิ๋นกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ศิษย์พี่ห้ามีฉายาว่าจูเก๋อ[1]หน้ายิ้ม ในด้านความมีไหวพริบ ศิษย์น้องเล็กเต็มใจยอมรับความพ่ายแพ้”
“ศิษย์น้องล้อเลียนศิษย์พี่อีกแล้ว ข้าได้ยินมาว่าเ้าสนิทกับชิวซานอวิ๋นแห่งสำนักอินทนิล หากในคราวนี้เราสามารถสร้างความสัมพันธ์กับสำนักอินทนิลได้สำเร็จ บางทีมันอาจราบรื่นกว่านี้มาก”
ซูอวิ๋นขมวดคิ้วและพูดด้วยรอยยิ้มบางเบา “องค์ชายสามและข้าเพิ่งรู้จักกัน ยังไม่อาจกล่าวสนิทสนมกันได้”
ประกายแปลกๆ ฉายแววผ่านดวงตายิ้มแย้มของฉู่จินหง “ในเมื่อยังไม่นับว่าสนิท เช่นนั้นเราก็ไปกันเถอะ”
“เชิญศิษย์พี่”
คราวนี้สำนักหานเทียนรวบรวมยอดฝีมือหลายร้อยคน มีขอบเขตเปลี่ยนผ่านถึงแปดคน ซึ่งนำโดยฉู่จินหง ตัวตนของซูอวิ๋นอยู่ในอันดับที่สอง และที่เหลืออยู่ที่ขั้นเก้าของขอบเขตจวี้กัง
ทันทีที่ทั้งกลุ่มเข้าสู่พื้นที่ตอนกลางของูเาไป่หลิง พวกเขาก็ถูกเหล่าพฤกษาในูเาโจมตี
“ทุกคนระวังตัวด้วย จงก่อค่ายกลเพื่อป้องกันตนเอง”
ตำนานของูเาไป่หลิงถือเป็ฝันร้ายของหยวนซิว ฉู่จินหงหลีกเลี่ยงเลี่ยงงานหนักทำงานเบา เขานำศิษย์ร่วมสำนักออกเดินในทางอ้อม และล่าถอยอย่างรวดเร็ว
ยอดฝีมือของสำนักอินทนิลกำลังเผชิญกับการล้อมของิญญาอสูรในูเาอยู่บนยอดเขาใกล้เคียง
ชิวซานอวิ๋นสวมชุดขาว เฉิดฉายด้วยบุคลิกสง่างาม หลังจากเข้าสู่ขอบเขตเปลี่ยนผ่าน ร่างกายของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง รูปลักษณ์ดูสูงส่งและหล่าเหลาราวเกิดใหม่
คราวนี้เขาติดตามซึ่งก็คือนักบุญชุดม่วงมาที่นี่ ชิวซานอวิ๋นได้ยินว่ามีโชคดีซ่อนอยู่ในูเาไป่หลิง ดังนั้นเขาจึงติดตามสหายร่วมสำนักขึ้นเขา
“นางก็มาที่นี่เช่นกัน ช่างเป็โชคชะตาจริงๆ” เมื่อชิวซานอวิ๋นเห็นซูอวิ๋น และเขามีความคิดมากมายเกี่ยวกับผู้หญิงคนนี้
ราวกับว่าััได้ถึงการจ้องมองของชิวซานอวิ๋น ซูอวิ๋นจึงหันมาและมองไปทางูเาอีกลูกหนึ่ง พวกเขามองหน้ากันแล้วยิ้ม ในใจต่างมีแผนของตนเอง
หยวนซิวมีจำนวนมากที่สุดในดินแดนหยวนซิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขามาถึงขอบเขตเปลี่ยนผ่าน ความได้เปรียบของพวกเขาก็ยิ่งชัดเจนเป็พิเศษ
ผู้บำเพ็ญซิงซิวมีจุดเริ่มต้นที่สูงและมีจำนวนคนค่อนข้างน้อย แต่สัดส่วนของผู้ที่เข้าสู่ขอบเขตเปลี่ยนผ่านจากขอบเขตจวี้กังนั้นสูงถึงประมาณสามส่วน
สัดส่วนของหยวนซิวในด้านนี้น้อยกว่าซิงซิวหนึ่งส่วน ขณะที่สัดส่วนของจื๋อซิวนั้นน้อยกว่าร้อยละหนึ่ง โดยรวมแล้วเมื่อพิจารณาขอบเขตเปลี่ยนผ่านเป็จุดแบ่ง หยวนซิวจึงมียอดฝีมือมากที่สุด
แม้จื๋อซิวจะอ่อนแอที่สุด ทว่าเนื่องจากจื๋อซิวสามารถปล่อยคลื่นพลังที่คล้ายกันได้จึงมีโอกาสน้อยที่สุดที่จะเผชิญกับการโจมตีในูเาไป่หลิง
ศิษย์ผู้บำเพ็ญทั้งสามฝ่ายต่างมีลักษณะเฉพาะของตนเอง และตอนนี้พวกเขาต่างเร่งรีบเข้ามาด้วยความแข็งแกร่งทั้งหมด
ในพื้นที่ตอนกลางของูเาไป่หลิง หนิงเทียนข้ามแม่น้ำและออกจากแม่น้ำิซึ่งเป็แดนประหลาด และเขาไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้เป็เวลานาน
แม่น้ำินั้นแปลกมาก ทั้งยังมีความลับที่หนิงเทียนไม่ทราบมากมาย เขาจึงมักจะรู้สึกว่าตนเองมองข้ามข้อมูลสำคัญบางอย่างไปอยู่เสมอ
หลังจากรีบออกจากพื้นที่ทับซ้อน หนิงเทียนก็กลับมายังโลกเดิมของตน รอบกายถูกล้อมไว้ด้วยต้นไม้โบราณสูงตระหง่าน ท่ามกลางดอกไม้และต้นไม้เขียวชอุ่ม มีดวงตาคู่หนึ่งซ่อนอยู่หลังใบไม้ คอยสอดแนมทุกการเคลื่อนไหวของหนิงเทียน
ในูเาไป่หลิงไร่เงาของอสูรร้าย ซึ่งเป็ลักษณะสำคัญของสถานที่แห่งนี้
ว่ากันว่าอสูรและสัตว์ร้ายควรอาศัยอยู่ในูเาและป่าไม้ที่มีพืชพรรณเขียวชอุ่ม แต่ไม่รู้ว่าทำไม ภายในูเาไป่หลิงจึงเป็กรณีพิเศษ ที่นี่มีเพียงพืชพรรณและิญญาอสูรเท่านั้น
หนิงเทียนใช้ยุทธศาสตร์ครอง์แล้วผสานทักษะคุมิญญาเข้ากับทักษะคุมวาโย ทำให้เขาเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็วบนูเาราวกับปลาว่ายในสายน้ำ
ประสาทััทั้งหกของหนิงเทียนนั้นเฉียบคม จิตใจเต็มไปด้วยเสียงมากมาย ทั้งหมดนี้มาจากเหล่าต้นหญ้า ต้นไม้ ดอกไม้ และเถาวัลย์
ยามนี้หนิงเทียนสามารถควบคุมิญญาอสูรระดับสามได้อย่างง่ายดาย แต่เขายังคงไร้พลังเมื่อเผชิญหน้ากับิญญาอสูรระดับสี่ในขอบเขตเปลี่ยนผ่าน
“มีประตูต้นไม้อยู่ข้างหน้า”
ทันใดนั้นก็มีเสียงแปลกๆ ดังขึ้นดึงดูดความสนใจของหนิงเทียน เขาเริ่มชะลอความเร็วลง แล้วใส่ใจสิ่งแวดล้อมในป่าอย่างใกล้ชิด จากนั้นจึงเห็นกิ่งก้านใหญ่สองกิ่งที่ตัดกันและพันกันเป็ประตูบนไหล่เขาข้างหน้า
“ประตูนี้มีอะไรพิเศษหรือ?” หนิงเทียนถามถึงดอกไม้ ต้นไม้ ต้นหญ้า และเถาวัลย์ในบริเวณใกล้เคียง
ดอกจื่อเถิงกล่าวว่า “มันสามารถนำไปสู่แดนลับบางแห่งได้”
ดวงตาของหนิงเทียนเป็ประกาย เขารีบไปในประตูต้นไม้ ทว่าเมื่อเขาเข้าใกล้ เขากลับรู้สึกถึงวิกฤต
ทันใดนั้นหนิงเทียนก็หยุดยืนห่างออกไปสิบจั้ง จากนั้นจึงพบว่าดอกไม้และต้นหญ้าที่อยู่รอบประตูต้นไม้ล้วนเหี่ยวเฉา ดินแห้งแล้งจนกลายเป็พื้นที่โล่ง
ทหาริญญาเยาเยามีความรู้สึกเฉียบแหลมเกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้ว่ามีสัญญาณบ่งบอกถึงอันตราย
ประตูนี้อยู่ระหว่างต้นไม้สองต้น ลำต้นของต้นไม้เป็เหมือนวงกบประตู พื้นผิวมีเนื้อััที่เป็ธรรมชาติ และประกอบเป็อักขระบางชนิด
หนิงเทียนไม่รู้เื่นี้ แต่ด้วยความช่วยเหลือของทักษะคุมิญญา เขาเรียนรู้ความหมายของคำเหล่านี้จากปากของดอกไม้ ต้นไม้ ต้นหญ้า และเถาวัลย์
“ต้นกำเนิดสู่ความสิ้นหวัง เป็หรือตายล้วนมีร่ำลา” คำพูดบนลำต้นทำให้หนิงเทียนสับสน ประตูนี้ตั้งตระหง่านอยู่ตรงนี้ในความมืดมิด มันวิเศษขนาดนั้นเลยหรือ?
หนิงเทียนเดินเข้าใกล้อย่างระมัดระวัง ทักษะดวงเนตรเริ่มเคลื่อนไหว และเฝ้าสังเกตการเคลื่อนไหวของประตูต้นไม้อย่างระมัดระวัง
แสงสลัวๆ สว่างขึ้นจากลำต้นของต้นไม้ ยิ่งหนิงเทียนเข้าใกล้เท่าไร แสงก็ยิ่งสว่างมากขึ้นเท่านั้น
ตรงประตูต้นไม้ ลายเส้นกำลังเปลี่ยนเป็แบบอักษร มันเป็ลักษณะการเขียนบนลำต้นของต้นไม้ ซึ่งเหล่าิญญาอสูรเรียกว่าอักษรพฤกษา
คำเหล่านี้มีพลังบางอย่าง ราวกับเส้นไหมที่ยืดยาวเข้าหาหนิงเทียน
หนิงเทียนลังเลอยู่ในใจ เขาควรหลีกเลี่ยงหรือไม่?
คำเ่าั้พันรอบร่างของหนิงเทียนคำเหล่านี้มีพลังบางอย่าง ก่อนกระจายไปทั่วิั และจารึกไว้ในจิติญญาของเขาราวกับประทับตรา
หนิงเทียนร้องออกมาด้วยความเ็ป พยายามดิ้นรนอย่างหนัก แต่กลับถูกมัดแน่นขึ้นเรื่อยๆ เท้าของเขาค่อยๆ ถูกยกขึ้นจากพื้น ยามนี้เขาถูกขังอยู่ในประตูต้นไม้เสียแล้ว
หนิงเทียนทั้งใและไม่พอใจ เขาอยากออกจากสถานการณ์นี้ ทันใดนั้นกล้วยไม้เซียนเก้าชีวิตก็ตื่นขึ้นและเผยแพร่ข้อมูลจำนวนมากออกมา ซึ่งช่วยให้เขาเข้าใจความหมายของอักษรพฤกษาได้ทันที
นี่เป็อักษรพฤกษาประเภทหนึ่งที่สืบทอดมาจากเส้นทางเต๋าพฤกษา มันค่อนข้างโบราณและไม่คุ้นเคย ในูเาไป่หลิงมีเพียงบางส่วนเท่านั้นที่หลงเหลืออยู่
หนิงเทียนมีกายเต๋าิญญาศักดิ์สิทธิ์ หลังจากที่จารึกอักษรพฤกษาไว้บนร่างกาย แบบอักษรต่างๆ ก็ผสานเข้าด้วยกันอย่างรวดเร็ว แบบอักษรที่แตกต่างกันจะถูกจัดเรียงโดยพลันเพื่อสร้างจารึกศักดิ์สิทธิ์ของเส้นทางเต๋าพฤกษา
ในขณะนั้นมีเครื่องหมายปรากฏขึ้นระหว่างคิ้วของหนิงเทียน ซึ่งมีรูปร่างคล้ายเมล็ดพืช
“ถือกำเนิดพฤกษา์ศักดิ์สิทธิ์ เมล็ดพันธุ์แห่งจิติญญางอกงามและสร้างรากฐานแห่งความเป็ะ” เสียงโบราณอันห่างไกลดังก้องอยู่ในใจของหนิงเทียน อธิบายความเป็มาของอักษรศักดิ์สิทธิ์แห่งเส้นทางเต๋าพฤกษาและรอยบนหว่างคิ้ว
เท่าที่เขาเข้าใจ พฤกษา์ศักดิ์สิทธิ์หมายถึงสถานะอย่างหนึ่ง การฝึกฝนเต๋าพฤกษาถือได้ว่าเป็จุดเริ่มต้นที่แท้จริงของการไปถึงสถานะนี้
รอยตรงหว่างคิ้วคือเมล็ดพรรณ ผู้ได้รับจะมีคุณสมบัติและอัตลักษณ์บางอย่าง
เมื่อหนิงเทียนฝึกฝนถึงอาณาจักรพฤกษา์ศักดิ์สิทธิ์ เมล็ดพันธุ์นี้อาจงอกออกมาและสร้างเป็รากฐาน และช่วยผลักดันเขาไปสู่ขอบเขตที่สูงขึ้น
นี่เป็โอกาสที่ไม่รู้ว่าจะดีหรือร้าย มันยากที่จะตัดสินตอนนี้ แต่หลังจากที่หนิงเทียนเชี่ยวชาญอักษรพฤกษาแล้ว การสื่อสารกับิญญาอสูรก็ยิ่งง่ายขึ้น
ประตูต้นไม้สว่างขึ้น หนิงเทียนถูกดึงเข้าไป ก้าวเข้าสู่โลกอื่นในทันที
ต้นไม้แห้งเหี่ยวขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านระหว่างฟ้าดิน กิ่งก้านเปลือยค้ำจุนปราสาทหินโบราณ เรียงกันเป็เกลียวจากล่างขึ้นบน ปราสาทหินมีทั้งหมดห้าหลัง โดยหลัง้าตั้งอยู่เหนือเมฆขึ้นไป
หมอกสีขาวมากมายล้อมรอบต้นไม้แห้งเหี่ยว หนิงเทียนที่ลอยตัวอยู่กลางอากาศได้แต่ใกับเหตุการณ์ตรงหน้า
เขาหันกลับไปมองหาประตูต้นไม้ แต่กลับไม่พบสิ่งใดเลย แดนลับนี้แปลกมาก นอกจากต้นไม้ั์ที่แห้งเหี่ยวแล้วต้นนี้ ก็ไม่เห็นสิ่งมีชีวิตอื่นอีก
ต้นไม้แห้งเหี่ยวสู้ทะลุชั้นฟ้า มันมีขนาดใหญ่มาก หนิงเทียนเงยหน้าขึ้นมอง ก่อนเห็นปราสาทหินโบราณตั้งอยู่บนกิ่งแรกของต้นไม้แห้งเหี่ยว
หนิงเทียนพุ่งขึ้นไปที่ปราสาทหินด้วยทักษะคุมวาโยพร้อมความอยากรู้อยากเห็นและความตกตะลึง
ปราสาทหินมีขนาดใหญ่ ประตูหินตรงทางเข้ามีความสูงถึงหนึ่งร้อยจั้ง หนิงเทียนใช้ทักษะในด้านการมองและฟัง รวมทักษะเก้าเนตร์เข้ากับหูทิพย์ ตรวจสอบสถานการณ์ในปราสาทหินอย่างระมัดระวัง แต่ไม่พบร่องรอยของชีวิตใดๆ เลย
เขาเปิดใช้คัมภีร์หลิงฮวงและเข้าไปในปราสาทหินอย่างระมัดระวังโดยมีน้ำเต้าเจ็ดสีอยู่บนหัวของเขา
สถานที่แห่งนี้ว่างเปล่ามากสำหรับเขา เขาเดินไปจนสุดทาง และมาถึงส่วนลึกของปราสาทหิน ซึ่งมีโลงหินขนาดมหึมา ยาวหลายพันจั้งตั้งอยู่ราวกับูเาหินทรงสี่เหลี่ยม
หนิงเทียนประหลาดใจอย่างยิ่ง โลงศพขนาดใหญ่เช่นนี้ใช้ฝังคนจริงหรือ?
เขาลอยตัวขึ้นไปในอากาศ แล้วมองเข้าไปในโลงศพ ภายในมีร่างมนุษย์หินตัวใหญ่นอนอยู่ราวกับกำลังหลับสนิท
“บ้าเอ๊ย! นี่คืุ์หินหรือเทพศิลากันแน่? ใหญ่โตอะไรเช่นนี้?” หนิงเทียนเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้เป็ครั้งแรกในชีวิต ในขณะที่ประหลาดใจก็อดไม่ได้ที่จะสงสัย เป็ไปได้หรือไม่ที่มนุษย์หินคนนี้อาจเป็สิ่งที่ตายไปแล้วที่แกะสลักจากหิน?
หลังจากบินไปรอบๆ โลงศพหลายครั้ง หนิงเทียนก็ยืนยันว่าไม่มีอันตรายใดๆ เขาจึงลงไปในโลงศพของมนุษย์หิน ยืนบนหน้าอกของเขาและจ้องมองที่หน้าอย่างตั้งใจ
ทันใดนั้นเสียงหัวใจเต้นแรงก็ดังมาจากใต้ฝ่าเท้า ทำให้หนิงเทียนกลัวจนเกือบหลุดเสียงกรีดร้อง และหนีกลับขึ้นไป้าอีกครั้ง
“นั่นใคร? ออกมา!”
ใบหน้าของหนิงเทียนซีดลง เขาเปิดใช้งานกายาสุวรรณะนิรันดร์ พร้อมทั้งใช้ทักษะรับภาพและเสียง แต่ไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆ
“เสียงเมื่อครู่นี้ชัดเจนมาก ทำไมจู่ๆ ถึงหายไปเล่า”
หนิงเทียนใมาก สถานที่แห่งนี้ถูกทิ้งร้างทว่ายังคงน่าขนลุก เสียงหัวใจที่เต้นอย่างกะทันหันอาจทำให้คนหวาดกลัวจนตายได้
หนิงเทียนพยายามอย่างถึงที่สุดเพื่อรักษาความสงบ หลังจากรอสักพักก็ยังไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆ จากนั้นเขาจึงกลับลงไปที่หน้าอกของชายคนนั้นอีกครั้ง
ไม่นานการเต้นของหัวใจก็เต้นรัวขึ้นอีกครั้ง ครานี้ผมของหนิงเทียนเริ่มชี้ฟู ความคิดแรกของเขาคือการหนี แต่เขาระงับมันไว้อย่างสุดกำลัง
“ใคร? แน่จริงก็จงออกมา!” หนิงเทียนก้มหน้าลงและมองไปรอบๆ เขารู้สึกถึงแรงสั่นะเืที่ออกมาจากเท้า มันมาจากตำแหน่งหัวใจของมนุษย์หินผู้นี้
ั์ใหญ่ตนนี้ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่?
หนิงเทียนใกลัวและกำลังจะจากไป ทันใดนั้นหัวใจของมนุษย์หินเปล่งประกายด้วยแสงสว่างจ้า เส้นลึกลับปรากฏขึ้น กลืนแสงิญญา ควบแน่นเป็ไข่หินที่มีลวดลายแห่งจิติญญามีอยู่ทั่วพื้นผิว ทั้งยังมีเสียงหัวใจเต้นดังออกมาจากภายใน
ไข่หินนี้มีขนาดเล็กสำหรับมนุษย์หิน แต่มันใหญ่มากสำหรับหนิงเทียน เพราะมันสูงถึงห้าจั้ง
หนิงเทียนมองไข่หินด้วยสีหน้าตื่นตัว ภายในมีความสว่างเก้าระดับซึ่งปิดกั้นมุมมองของทักษะเก้าเนตร์ ลวดลายทางจิติญญาบนพื้นผิวมีรอยแตกร้าว เปลือกไข่ชั้นแรกแตกสลายไปอย่างรวดเร็ว ก่อนเผยให้เห็นไข่หินที่มีขนาดเล็กกว่าเดิมเล็กน้อย
---------------------------------------
[1] จูเก๋อ (诸葛) เป็ชื่อบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์จีน คือ จูเก่อเลี่ยงหรือขงเบ้ง
