หลังจากที่ชวีเสี่ยวปอพูดจบ เขาก็หัวเราะหึๆ ขึ้นมาคนเดียว “ฉันทำอะไรไม่เป็สักอย่าง แต่ทำลายบรรยากาศเก่งที่หนึ่งเลยใช่ไหม? ”
เซี่ยเจิง : “......” นายก็รู้ตัวนี่
ทั้งสองคนจู๋จี๋กันอยู่พักใหญ่ จากนั้นจึงเรียกรถกลับบ้าน
หลังจากที่ชวีเสี่ยวปอถึงบ้าน เขาก็ไปอาบน้ำก่อนเป็อย่างแรก ผ่านไปสิบห้านาที ก็ออกมาดูโทรศัพท์มือถือ แล้วจึงพบว่าเซี่ยเจิงส่งรูปมาให้เขารูปหนึ่ง
ดูจากเวลาแล้ว เขาน่าจะส่งมาทันทีที่กลับถึงบ้าน
เมื่อชวีเสี่ยวปอกดเข้าไปดู เซี่ยเจิงไม่ได้ถ่ายใบหน้า แต่ถ่ายไปบนลำตัวของเขา ในรูปเซี่ยเจิงใส่ชุดที่เขาทั้งคู่เพิ่งจะไปซื้อด้วยกันมาทั้งตัว รูปร่างของเซี่ยเจิงที่อยู่ในกระจกดูดีมาก ขาของเขายังทั้งยาวทั้งได้สัดส่วนอีกด้วย
ในขณะนั้นชวีเสี่ยวปอมีความสุขสุดๆ ทั้งยังคิดขึ้นมาในใจว่าถ้ารู้ว่าเซี่ยเจิงใส่แล้วจะดูดีกว่าตัวเองขนาดนี้ น่าจะให้เขาลองั้แ่ตอนที่อยู่ในห้างแล้ว ถ่ายรูปส่งมายั่วเขาตอนกลางคืนแบบนี้มันจะไปมีประโยชน์อะไร
มองไม่เห็นตรงหน้า ทั้งยังจับต้องไม่ได้อีก
ชวีเสี่ยวปอเลือกอิโมจิที่เป็ตารูปหัวใจและปากน้ำลายไหลส่งไปให้เขาอย่างรวดเร็ว
ผ่านไปเพียงไม่กี่วินาที เซี่ยเจิงก็ส่งอิโมจิรูปจูบกลับมา
ชวีเสี่ยวปอเบะปากล่างใส่โทรศัพท์ไปโดยไม่รู้ตัว ก่อนที่จะกดอิโมจิรูปจูบสามตัวส่งกลับไป
เซี่ยเจิงตอบกลับมาสี่ตัว
ชวีเสี่ยวปอตอบกลับไปอีกห้าตัว
การเล่นกันที่น่าเบื่อเช่นนี้ แต่เขาทั้งสองคนกลับเล่นกันอยู่ตั้งสิบห้านาที สุดท้ายก็บอกฝันดีกันท่ามกลางอิโมจิรูปจูบที่เต็มทั้งหน้าจอ จากนั้นถึงเข้านอน
ร้านทำเซรามิกโทรศัพท์มาบอกชวีเสี่ยวปอว่าให้ไปรับสินค้าที่เสร็จสมบูรณ์ได้แล้ว ซึ่งก็เร็วกว่าที่เขาคิดเอาไว้มากอยู่พอสมควร
“มาแล้วเหรอ” ยังคงเป็หญิงสาวคนนั้น เธอกำลังโบกมือให้ชวีเสี่ยวปอที่เพิ่งจะเดินเข้ามา จากนั้นจึงชี้ไปยังม้านั่งที่อยู่ด้านข้าง “นั่งก่อนสิ เดี๋ยวพี่ไปเอามาให้”
“ครับ” ชวีเสี่ยวปอนั่งลงไปบนม้านั่งริมสุด วันนี้ในร้านคนค่อนข้างเยอะ นอกจากผู้ปกครองที่พาเด็กน้อยมาเที่ยวเล่นแล้ว ที่เหลือก็ยังมีคู่รักอีกสองสามคู่ ฉากตรงหน้าแทบจะเป็เหมือนภาพเลียนแบบภาพยนตร์เื่ิญญา ความรัก ความรู้สึกอย่างไรอย่างนั้นเลย
ชวีเสี่ยวปอมองดูจนรู้สึกอินขึ้นมาเล็กน้อย เขาคิดว่าครั้งหน้าต้องพาเซี่ยเจิงมาัับรรยากาศแบบนี้สักหน่อยแล้ว
“มองอะไรอยู่น่ะ? ” หญิงสาวตีเขาจากทางด้านหลังหนึ่งที
“นี่คือ? ” ชวีเสี่ยวปอไม่ได้ตอบคำถาม เนื่องจากสายตาของเขาจับจ้องไปยังกลองใบเล็กที่อยู่ในมืออีกฝ่ายไปเป็ที่เรียบร้อยแล้ว
“ใช่แล้วค่ะ” หญิงสาวเองก็เห็นถึงการเฝ้ารอคอยในสายตาของชวีเสี่ยวปอเช่นกัน พลางยื่นกล่องใบนั้นให้เขาด้วยรอยยิ้ม “สวยมากเลยนะคะ”
“ขอบคุณครับ” ชวีเสี่ยวปอรับกล่องใบเล็กนั้นมาเปิดออกดู หยิบแก้วเซรามิกที่ตัวเองทำออกมาใหญ่กว่าปกติขึ้นมาดูอย่างระมัดระวัง
“จริงสิ” หญิงสาวชี้ในกล่องใบนั้น “ในนั้นมีการ์ดด้วยนะ จะเขียนคำอวยพรด้วยไหม? ”
“เขียนครับ” ชวีเสี่ยวปอพลิกหาดูสองสามครั้ง แล้วจึงหยิบการ์ดเปล่าที่อยู่ในนั้นออกมา ก่อนที่จะวางแก้วกลับลงไปอย่างระมัดระวัง
“นี่ค่ะ” หญิงสาวหยิบปากกาออกจากกระเป๋ามายื่นให้ชวีเสี่ยวปอ
เซี่ยเจิง
ตัวหนังสือของชวีเสี่ยวปอไม่ได้ดูดีสักเท่าไหร่ คุณครูเองก็มักจะบอกเขาว่าลากเส้นขีดไปมาเหมือนกับวาดต้นหญ้าบนกระดาษ แต่อักษรสองตัวนี้ชวีเสี่ยวปอตั้งใจเขียนอย่างมาก ค่อยๆ เขียนทีละเส้นทีละขีด ราวกับเด็กน้อยที่เพิ่งจะเริ่มเรียนเขียนตัวอักษรอย่างนั้นเลย
ทั้งยังแฝงไปด้วยความบริสุทธิ์และจริงใจ
“เซี่ยเจิง...” หญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างๆ มองชวีเสี่ยวปอค่อยๆ บรรจงเขียนอย่างช้าๆ และในขณะที่มองดูอยู่ก็พูดขึ้นมาด้วย “ชื่อของแฟนสาวนายดูกล้าหาญมากเลยนะ เจิง ตัวนี้ใช้ในชื่อผู้หญิงน้อยมาก”
“แฟนหนุ่ม” ชวีเสี่ยวปอไม่ได้แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมา
“อ๋อ ฟังดูเพราะมากเลย” หญิงสาวเอ่ยขึ้น “เอ๊ะ——อะไรนะ? !”
หลังจากที่ชวีเสี่ยวปอเขียนคำว่าสุขสันต์วันเกิดเสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงหยิบการ์ดมาใส่ไว้ในกล่องอย่างเดิม ก่อนจะลุกขึ้นยืนส่งปากกาคืนให้หญิงสาวที่ใบหน้าเต็มไปด้วยคำว่า “ฉันฟังผิดไปหรือเปล่าเนี่ย”
“ผมบอกว่า แฟนหนุ่มของผมครับ”
ชวีเสี่ยวปอใช้นิ้วชี้เคาะลงไปบนกล่อง อีกทั้งใบหน้ายังดูภูมิใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
…………………………
หลังจากร่ำลาหญิงสาวไปเรียบร้อยแล้ว ในตอนนั้นเองชวีเสี่ยวปอถึงเพิ่งจะรู้ตัวว่าเขาทำเื่ที่กล้าหาญมากเพียงใด
ทว่าเื่ที่เขาแน่ใจไปมากกว่านั้น
การสารภาพและยอมรับความสัมพันธ์ของเขากับเซี่ยเจิงอย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้ มันช่างทำให้เขามีความสุขมากจริงๆ
แน่นอนว่าเขาจะไม่พูดก็ได้ เหมือนกับทุกครั้งที่ปล่อยให้มันเป็ความคลุมเครือต่อไป และเดาว่าหญิงสาวก็คงจะไม่ถามซักไซ้เขาด้วยเช่นกัน แต่ไม่รู้ว่าเป็เพราะเหตุใด เพียง่เวลาสั้นๆ ราวกับมีเสียงฟู่ของไม้ขีดไฟอันหนึ่งแล่นเข้ามาในหัว จุดประกายให้กับแรงกระตุ้นที่แฝงไปด้วยความกล้าอันน้อยนิดของเขา
แฟนหนุ่มของฉัน
ไม่มีเห็นมีอะไรที่พูดไม่ได้เลย
หลังจากที่ชวีเสี่ยวปอออกมาจากร้านนั้นแล้ว เขาก็ไปร้านขนมเค้กเพื่อไปรับเค้กที่สั่งจองไว้ล่วงหน้า จากนั้นจึงโทรศัพท์หาเซี่ยเจิง
“ฮัลโหล? ” ชวีเสี่ยวปอได้ยินเสียงดังก๊อกแก๊กดังมาจากปลายสาย ดูเหมือนว่าเซี่ยเจิงจะกำลังเก็บของอะไรบางอย่างอยู่
“อืม เตรียมใกล้จะเสร็จแล้วละ” ในปลายสาย เซี่ยเจิงปิดเครื่องดูดควันลง อาหารจานสุดท้ายคือเนื้อตุ๋น อีกทั้งกลิ่นหอมยังโชยขึ้นมาแล้วด้วย รอให้เดือดอีกสักพักก็ยกออกจากเตาได้เลย “รอนายอยู่เนี่ย”
“เ้าของวันเกิด ลำบากนายแล้ว” ชวีเสี่ยวปอหัวเราะขึ้นมาอย่างตื่นเต้นดีใจมาก “ฉันกำลังจะไปแล้ว !”
“โอเค !” เซี่ยเจิงเลียนแบบน้ำเสียงของเขาตอบกลับไป
…………………………
ตอนที่ชวีเสี่ยวปอใกล้จะถึงบ้านของเซี่ยเจิง เขาแวะซูเปอร์มาเก็ตเล็กๆ บริเวณนั้นหยิบเบียร์มาแพ็คหนึ่ง เขาไม่ได้รีบร้อนอะไร ยังคงเดินวนอยู่ในซูเปอร์มาเก็ตดูว่ามีอะไรที่เขา้าอีกบ้าง
หรือว่าเอาเหล้าขาวไปสักขวดด้วย?
หรือไวน์แดงดี? แม่ของเซี่ยเจิงจะได้ดื่มได้ด้วย
ในขณะที่ครุ่นคิดอยู่ชวีเสี่ยวปอก็กวาดสายตามองไปยังเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่อยู่บนชั้นวางสินค้าด้วย เขารู้สึกไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นัก รู้อย่างนี้น่าจะหยิบเหล้าของชวีอี้เจี๋ยติดมือมาด้วย เหล้าชั้นเลิศในตู้เก็บเหล้าของเขามีเยอะมากจนนับไม่ถ้วนเลยทีเดียว
“คุณจะรับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้วยไหมครับ? ”
ชวีเสี่ยวปอที่ยังคงลังเลอยู่ก็ได้ยินเสียงใครบางคนถามขึ้นมาจากทางด้านหลัง
“ครับ” ชวีเสี่ยวปอตอบรับกลับไป
ไม่ใช่สิ...เสียงนี้ ทำไมถึงคุ้นหูขนาดนี้นะ
เขารีบหันหลังกลับไปทันที เซี่ยเจิงจ้องมองเขาด้วยใบหน้าที่กำลังพยายามกลั้นขำเอาไว้อยู่
“คุณบ้านนายสิ !” ชวีเสี่ยวปอะโชนเซี่ยเจิงไปทันที ทั้งยังไม่ได้สนใจเลยว่าในมือของตัวเองถือเบียร์ไว้ไว้อยู่
“ฮ่าๆ ฮ่าๆ ฮ่าๆ ——” เซี่ยเจิงถูกชนจนถอยหลังไปสองก้าว พร้อมทั้งทำเสียงซี๊ดออกมาอย่างรู้สึกเจ็บ “ถ้าแรงกว่านี้อีกหน่อยฉันคงจะถูกนายชนจนกระเด็นออกไปแล้วนะเนี่ย”
“นายมาซื้ออะไรเหรอ? ” ตอนนั้นเองชวีเสี่ยวปอถึงได้ขยับเข้าไปใกล้อย่างสนิทสนม พลางชะโงกไปดูในตะกร้าใส่สินค้าที่เซี่ยเจิงถือเอาไว้ คิดไม่ถึงว่าในนั้นก็มีเบียร์แพ็คหนึ่งอยู่ด้วยเหมือนกัน ดูเหมือนว่าเขาสองคนจะใจตรงกันเข้าแล้ว
“นายจะซื้อเหล้าขาวเหรอ? ” เซี่ยเจิงชี้ไปบนชั้นวางสินค้า “ลืมไปแล้วเหรอว่าครั้งที่แล้วนายดื่มจนมีสภาพเป็ไง คออ่อนแค่นี้” ขณะที่พูดเซี่ยเจิงก็ยกนิ้วโป้งและนิ้วชี้ขึ้นมาประกบกัน ทำท่าทางอันน้อยนิดจนแทบจะมองไม่เห็น
“จะคอแข็งได้ก็ต้องฝึกทั้งนั้นแหละ !” ชวีเสี่ยวปอไม่ยอมแพ้อย่างหน้าไม่อาย “ไวน์แดงขวดเหล้าขาวขวดไหม? คุณป้าจะดื่มด้วย? สนุกครึกครื้นสักหน่อย”
“ไม่ต้องเอาไวน์แดง แม่ฉันดื่มเบียร์ได้” สุดท้ายเซี่ยเจิงก็ไม่ได้ห้ามเขา มองชวีเสี่ยวปอเลือกเหล้าขาวมาวางไว้ในตะกร้า อีกทั้งยังดีกรีสูงมากด้วย
ทั้งสองคนเตรียมจะเดินออกไปจ่ายเงิน
ตอนนี้ตรงเคาน์เตอร์ชำระเงินคนค่อนข้างเยอะพอสมควร แต่เขาทั้งสองคนก็ไม่ได้รีบร้อนอะไร ยืนอยู่ด้านหลังแถวและค่อยๆ ขยับเดินไปข้างหน้าอย่างช้าๆ ขณะที่ใกล้จะถึงเคาน์เตอร์ชำระเงิน ชวีเสี่ยวปอก็เห็นเซี่ยเจิงหยิบอะไรบางอย่างโยนลงไปในตะกร้าสินค้า
“ฉันเอารสแตงโม” ชวีเสี่ยวปอมองเห็นไม่ชัด รู้เพียงแค่ว่ามันเป็กล่องเล็กๆ ทั้งยังคิดว่าน่าจะเป็หมากฝรั่ง จึงพูดเน้นรสชาติที่ตัวเองชอบออกไป
เซี่ยเจิงตอบรับกลับไป ไม่ได้พูดอะไรอย่างอื่นอีก มองไปที่เขาพลางอมยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย
ชวีเสี่ยวปอรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติไป ในตอนนั้นเองถึงได้มองดูอย่างละเอียด ทว่าวินาทีถัดมาเขากลับพูดโพล่งกับเซี่ยเจิงอย่างไม่ได้เกรงใจเลยสักนิดว่า:
“เชื่ย? ”
แม่ลูกคู่หนึ่งที่ยืนอยู่ด้านหลังพวกเขาสองคน คนเป็แม่ขมวดคิ้วขึ้นมาทันที ขณะเดียวกันก็ยกมือขึ้นมาปิดหูของเด็กน้อยเอาไว้ ส่วนเด็กหญิงก็เบิกดวงตากว้างขึ้นมา พร้อมทั้งมองพี่ชายทั้งสองคนที่ยืนอยู่ด้านหน้าสลับกันไปมา
ชวีเสี่ยวปอมองเด็กหญิงไปอย่างรู้สึกผิด แล้วจึงดึงเซี่ยเจิงให้เข้ามาใกล้กับตัวเองมากขึ้นกว่าเดิม รีบร้อนถามออกไปเสียงต่ำว่า :
“นายซื้ออันนี้? ”
“ใช่ไง” คิดไม่ได้ถึงว่าคำตอบของเซี่ยเจิงจะตรงไปตรงมาขนาดนี้ แต่มันกลับทำให้ชวีเสี่ยวปอไม่รู้จะเอ่ยคำใดออกมาเลย ราวกับไม่ว่าจะถามอะไรก็ล้วนเป็สิ่งที่ไม่จำเป็ทั้งนั้น อีกทั้งยังดูกระต่ายตื่นตูมอย่างเห็นได้ชัด
ชวีเสี่ยวปออดไม่ได้ที่จะมองมันไปอีกครั้งหนึ่ง
หนึ่งกล่องสิบสองชิ้น
จำเป็ต้องขนาดนี้ไหมเนี่ย? สิบสองชิ้น? ฮึ?
คนด้านหน้าชำระเงินเสร็จเรียบร้อยแล้ว พนักงานแคชเชียร์ก็กำลังรอพวกเขาสองคนอยู่ ชวีเสี่ยวปอจึงไม่ได้ถามต่อแล้ว ทำได้เพียงรีบเดินเข้าไปจ่ายเงิน ทว่าขณะที่พนักงานแคชเชียร์หยิบกล่องถุงยางอนามัยกล่องนั้นขึ้นมาสแกนคิวอาร์โค้ต ชวีเสี่ยวปอก็หันหน้ามองไปทางอื่นอย่างไม่เป็ตัวของตัวเอง เพราะเขาไม่ค่อยกล้ามองเท่าไหร่นัก
“ไปกัน” หลังจากที่ชำระเงินเสร็จเรียบร้อย เซี่ยเจิงก็เดินตามชวีเสี่ยวปอออกมาพร้อมกับถุงพลาสติกที่เต็มทั้งสองมือ “ตอนอยู่บ้านแม่ฉันบ่นไปหลายรอบแล้วละ ถามฉันว่าทำไมนายยังไม่ถึงอีก”
ตอนนี้ทั้งหัวของชวีเสี่ยวปอล้วนเต็มไปด้วยคำว่าสิบสองชิ้น ไม่ได้ยินที่เซี่ยเจิงพูดเลยแม้แต่น้อย จนกระทั่งเซี่ยเจิงที่อยู่ด้านหลังเตะก้นเขาไปทีหนึ่ง ชวีเสี่ยวปอถึงหันกลับมาพูดขึ้นว่า : “นายทำอะไรเนี่ย? ”
ทันใดนั้นเซี่ยเจิงก็เห็นว่าใบหูของชวีเสี่ยวปอแดงก่ำขึ้นมาแล้ว