มนุษย์เรามักจะพูดจาและวางท่า แต่อย่าได้คิดว่าตัวเองดีที่สุดในโลกไร้จุดอ่อน เพราะในวินาทีต่อมา พระเ้าอาจจะบอกคุณก็ได้ว่าเหตุใดดอกไม้ถึงได้เป็สีแดงจัด [1]...
“เช่นนั้นนายท่านเฝิงก็ให้บ่าวไพร่ออกไปให้หมดเถอะเ้าค่ะ”
“มีอะไรที่เ้าพูดต่อหน้าผู้อื่นไม่ได้?” นายท่านเฝิงรู้สึกว่าหลินฟู่อินเป็คนหลอกลวง ถึงแม้จะมิได้หลอกลวง สีหน้าท่าทีของนางก็ดูหนักแน่นยิ่งหนัก อยู่ข้างนอกบ้านใครบ้างไม่เรียกเขาว่านายท่านเฝิงด้วยความเคารพ?
แต่เด็กคนหนึ่งกลับทำราวกับเขาเป็ตัวอะไร!
“พวกเ้าออกไปให้หมด!” ไม่รอให้หลินฟู่อินพูดอะไรอีก ฮูหยินผู้เฒ่าก็ไล่บ่าวไพร่ออกไปทันที เมื่อสาวใช้คนสุดท้ายออกไปแล้ว ฮูหยินผู้เฒ่าก็สูดลมหายใจเข้าลึกโดยไม่มองหน้าบุตรชาย สายตาจับจ้องหลินฟู่อิน ถามเสียงสั่น “ท่านหมอหลิน ลูกชายข้าเป็เช่นไรบ้าง?”
“ยากเ้าค่ะ” หลินฟู่อินตอบเพียงสามคำเท่านั้น แต่ฮูหยินผู้เฒ่าก็แทบจะเป็ลมหมดสติ
คาดเดาก็เื่หนึ่ง แต่เมื่อถูกวินิจฉัยออกมาแล้วก็เป็อีกเื่หนึ่ง
“ท่านแม่ พูดเื่อะไรกันขอรับ” นายท่านเฝิงเห็นมารดาเกือบจะเป็ลมก็ตื่นตัวทันที เขามองหลินฟู่อินด้วยสีหน้าย่ำแย่ คิดอยากจะถามนาง แต่กลับถูกฮูหยินผู้เฒ่าหยุดเอาไว้ก่อน
หญิงชราจับมือเขา มองเข้าในในดวงตาบุตรชาย สะอื้นออกมา “ลูกที่น่าสงสารของข้า หมอหลินบอกว่าเ้ามีลูกยากแล้ว!”
นายท่านเฝิงราวกับได้ยินเสียงหึ่งๆ ในหัว โลกหมุนพลิก ใบหน้าของมารดาใหญ่ขึ้นทุกที
“ลูก อดทนไว้นะ…” ฮูหยินผู้เฒ่าหวีดร้องเมื่อเห็นร่างนายท่านเฝิงทรุดฮวบลงบนพื้น บ่าวไพร่สาวใช้ที่อยู่ด้านนอกได้ยินเสียงเอะอะก็เป็กังวลทว่าไม่กล้าก้าวเข้าไป
“ไม่มีปัญหาเ้าค่ะฮูหยินผู้เฒ่า ไม่ต้องกังวลไป” หลินฟู่อินดึงเข็มเงินออกมา ทิ่มเข้าไปที่จุดเหรินจง
นายท่านเฝิงตัวสั่นขึ้นมาแล้วะโเสียงแหบแห้ง “ข้าไม่เชื่อ ข้าไม่เชื่อ เหตุใด์จึงทำกับข้าเช่นนี้ได้…”
“ถึงไม่ยอมเชื่อก็เปล่าประโยชน์เ้าค่ะ บอกตามตรง แม้วันนี้ข้าจับชีพจรออกมาพบว่าอี๋เหนียงทั้งสองของท่านร่างกายจะถูกทำลายไปแล้ว แต่อันที่จริงเพิ่งจะเกิดขึ้นได้เพียงสองปีเท่านั้น เมื่อสองปีก่อนพวกนางยังสุขภาพดี สตรีสามนางในบ้านท่านล้วนไม่มีบุตร เื่นี้ไม่ชัดเจนหรือ? นายท่านเฝิง ข้าแนะนำว่าท่านอย่าหลอกตัวเองจะดีกว่า”
ได้ยินเช่นนี้ ทั้งนายท่านเฝิงและฮูหยินผู้เฒ่า ใบหน้าสองคนก็มีสีม่วงอมฟ้าขึ้นมา ชัดเจนว่าได้ฟังความจริงเช่นนี้ทำให้ทั้งคู่ต้องได้แต่เชื่อเท่านั้น
แต่ท้ายสุดนายท่านเฝิงใจไม่ยินยอม เขาจับข้อมือหลินฟู่อิน ตะคอกเสียงต่ำ “เ้าพูดจริงๆ หรือ? รับประกันได้หรือไม่ว่าตรวจถูกต้องแล้ว?”
หลินฟู่อินโดนเขาจับข้อมือก็สะบัดทิ้งทันที นายท่านเฝิงมือเปล่าค้างอยู่กลางอากาศ ชะงักนิ่งไปราวกับรูปปั้นหินอย่างไรอย่างนั้น
เมื่อครู่นางถูกจับได้แล้ว เหตุใดจึงหลุดออกไปได้?
“เพียงแค่มีลูกยากขึ้นเล็กน้อยเท่านั้น แต่ใช่ว่าเป็ไปไม่ได้เ้าค่ะ” น้ำเสียงของหลินฟู่อินสงบ ไม่แม้แต่จะกะพริบตา
แต่ประโยคนี้ทำให้สองแม้ลูกหัวใจเต้นแรง ใบหน้าแดงก่ำขึ้นมาราวกับได้รับเืกระตุ้น
ฮูหยินผู้เฒ่าดูไม่หยิ่งผยองกดข่มอีกแล้ว ราวกับมารดาทุกคนที่รักบุตรในโลกนี้ แทบจะคุกเข่าลงต่อหน้าหลินฟู่อินด้วยซ้ำ
“แม่นางหลิน ยายแก่ผู้นี้ล่วงเกินท่านเอาไว้มาก ผู้าุโต้องชดเชยให้ท่านแน่นอน แต่ขอร้องให้ท่านช่วยรักษาลูกชายข้าด้วยเถอะ เขาลำบากยิ่งนัก ปีนี้อายุสามสิบหกแล้วกลับไม่มีลูกชายสักคน ไม่มีลูกสาวสักครึ่งคน ท่านไม่รู้ว่าคนด้านนอกกล่าววาจาน่ารังเกียจเช่นใดบ้าง ล้วนแต่บอกว่าสกุลเฝิงของเราหาเงินได้มากเกินไปจึงต้องชดใช้เช่นนี้…”
ฮูหยินผู้เฒ่าน้ำตาไหลพราก นายท่านเฝิงเองก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันนัก ได้แต่สะอึกสะอื้นเงียบๆ
หลินฟู่อินแค่นเสียงเหอะในใจ นางไม่เห็นใจแม่ลูกคู่นี้สักนิด แค่สิ่งที่ทั้งสองทำกับเฝิงฮูหยินก็ไม่น่าให้อภัยแล้ว
แต่อย่างไรนางก็ยังต้องช่วย
สีหน้าหลินฟู่อินยังคงเรียบเฉย “เฝิงฮูหยินขอร้องให้ข้ามา ข้าย่อมต้องช่วยเ้าค่ะ เช่นนั้นข้าจะเขียนเทียบยาให้นายท่านเฝิงบำรุงร่างกาย แต่ท่านต้องดื่มยาเฉพาะตามที่ข้ากำหนดเท่านั้น หาไม่แล้วข้าจะไม่รักษาให้พวกท่านอีก!”
“ย่อมได้แน่นอน! ขอเพียงท่านหมอหลินรักษาข้าได้!” ตอนนี้นายท่านเฝิงเปลี่ยนสีหน้าแล้ว “ข้าจะทำทุกอย่างที่ท่านหมอหลินสั่ง ไม่ละเลยแม้แต่น้อย!”
หลินฟู่อินส่งเสียงอืมเบาๆ นางปรายตามองฮูหยินผู้เฒ่าและนายท่านเฝิงสองคน “เช่นนั้นข้าต้องคุยกับพวกท่านก่อนเ้าค่ะ อย่างแรกสุดต้องส่งอี๋เหนียงในบ้านนี้ออกไป และนายท่านเฝิงต้องรักษาร่างกายให้สะอาด ขณะดื่มยานี้ห้ามหลับนอนกับผู้ใดทั้งสิ้น”
สีหน้านายท่านเฝิงแข็งค้าง สีหน้าฮูหยินผู้เฒ่าก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันนัก ไม่เข้าใจว่าเหตุใดท่านหมอหลินจึงต้องตั้งเงื่อนไขรุนแรงเพียงนี้
หลินฟู่อินไม่สนใจทั้งสองคนแล้วพูดต่อ “แม้จะดื่มยาแล้ว บำรุงร่างกายแล้วก็ไม่ได้แปลว่านายท่านเฝิงจะมีลูกเต็มบ้าน เพียงแค่มีโอกาสสืบทายาทมากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นสตรีมีไม่มากก็ไม่เป็ไร” ชะงักไปครู่หนึ่ง หลินฟู่อินก็ยิ้ม มองทั้งสองอีกครั้ง “เท่าที่ข้าจับชีพจรดู เฝิงฮูหยินร่างกายและกระดูกแข็งแรงดีมาก ขอเพียงอารมณ์ดี ใช้ชีวิตให้มีความสุข ร่างกายนางก็ตั้งครรภ์ได้โดยง่าย เกรงแต่นายท่านเฝิงจะละโมบสาวงาม…”
“ไม่ละโมบ ไม่ละโมบ อีกหน่อยข้าย่อมใช้ชีวิตกับภรรยาให้ดี ไม่มีสตรีมากมายมาวุ่นวายในเรือนหลังจวนสกุลเฝิงแล้ว!” ตอนนี้นายท่านเฝิงไม่ใส่ใจว่ามารดาจะจู้จี้กับภรรยาตนเพียงใด รีบรับปากทันที
เขาเป็พ่อค้า เป็พ่อค้าที่เ้าเล่ห์คนหนึ่ง แน่นอนต้องเข้าใจความหมายในประโยคของหลินฟู่อิน
นี่เป็การให้โอกาสเขาในการส่งต่อสายเืกับคนเพียงคนเดียว หากไม่รู้จักจับให้มั่น หว่านแหไปทั่วก็ไม่มีโอกาสเหลือแล้ว
แค่ดูอันซื่อหลิวซื่อสองคนก่อนจะเข้ามาในจวนนี้ก็เห็นแล้ว
ฮูหยินผู้เฒ่าแม้จะไม่ค่อยสบายใจนัก แต่ได้อุ้มหลานเป็เื่สำคัญที่สุด บุตรชายของนางเป็ลูกอนุ นางต้องทนมามากเท่าไร หากหลานชายได้คลอดออกมาจากภรรยาเอก เช่นนี้ก็ถือเป็หลานชายแท้ๆ คนแรกของสกุลเฝิงสายนี้แล้ว เป็เื่ดียิ่งนัก
ส่วนเื่อื่นๆ นั้น ตัวนางเองก็นับว่าลงโลงไปครึ่งหนึ่งแล้ว จะยังมีอะไรให้ใส่ใจอีก
ขอเพียงลูกหลานมีความสุขใช้ชีวิตอย่างสงบสุขก็ดีแล้ว…
“พวกเราต้องทำตามที่ท่านหมอหลินว่าแน่นอนเ้าค่ะ” เห็นหลินฟู่อินมองตน ฮูหยินผู้เฒ่าก็ผงกศีรษะรับ
หลินฟู่อินคิดถึงอันซื่อหลิวซื่อ แม้จะไม่ใช่คนดีอะไร แต่ตอนนี้ทั้งคู่ก็ได้ชดใช้แล้ว ดังนั้นหากยังช่วยได้ นางก็จะช่วย
“หากฮูหยินผู้เฒ่าคิดได้เช่นนี้ ์ย่อมต้องตอบแทนด้วยการอวยพรให้แก่สกุลเฝิงอย่างแน่นอนเ้าค่ะ” หลินฟู่อินพูดจารื่นหู ทำให้สองแม่ลูกหยักหน้าขอบคุณนางเป็การใหญ่
“อันอี๋เหนียง หลิวอี๋เหนียงทั้งสองคนต่างก็น่าสงสาร ออกจากจวนสกุลเฝิงไปแล้วเกรงว่าคงใช้ชีวิตลำบากยิ่งนัก…”
“ท่านหมอหลินนับเป็หมอโดยแท้! ไม่ต้องกังวลไปขอรับ อันซื่อหลินซื่อสองคนนี้ยังไงก็อยู่กับข้ามานาน ข้าย่อมต้องดูแลแน่นอน!” นายท่านเฝิงพูดขึ้นั้แ่หลินฟู่อินยังกล่าวไม่จบ รับปากซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่เช่นนั้น
หลินฟู่อินพยักหน้า “เป็เช่นนี้ทุกคนก็มีความสุขเ้าค่ะ เช่นนั้นข้าจะเขียนใบสั่งยาให้ทุกคนในจวนนะเ้าคะ แต่ขอพูดให้ชัดเจนว่าข้ารับผิดชอบเพียงเขียนใบสั่งยาเท่านั้น และพวกท่านต้องไปที่ร้านยาสกุลหลี่เพื่อซื้อสมุนไพร หากที่ร้านสกุลหลี่ไม่มีสมุนไพรที่ว่า ข้าจะหาวิธีให้”
“ดี ดียิ่ง ข้าจะไปนำเครื่องเขียนมาให้…” นายท่านเฝิงพยักหน้าหงึกหงัก ทำท่าทางเอาอกเอาใจ
“ไม่จำเป็เ้าค่ะ ข้านำมาด้วย” หลินฟู่อินห้ามเขาเอาไว้ก่อน นางหยิบเครื่องเขียนออกมา จากนั้นจึงตั้งสมาธิเขียนใบสั่งยา
พอเขียนเสร็จ ฮูหยินผู้เฒ่าก็เดินมาด้วยสีหน้าโหยหา กระซิบถามท่าทีเอียงอาย “ท่านหมอหลิน ออกใบสั่งยาให้ข้าด้วยได้หรือไม่?”
หลินฟู่อินมองอีกฝ่าย นางยังไม่ได้เขียนให้จริงๆ
เห็นสีหน้าของหลินฟู่อิน ฮูหยินผู้เฒ่าก็ทราบว่าคนยังไม่ได้เขียนลงไป จึงได้กระซิบ “ช่วยเขียนให้ข้าด้วยเถอะนะ ผู้ชราย่อมต้องขอบคุณท่าน หลินฟู่อิน!”
พอได้เห็นว่าอีกฝ่ายยอมทำลดท่าทางสูงส่งลงมาเพียงใด หลินฟู่อินก็พออกพอใจ
เช่นนั้นนางก็จะเขียน
จะไปโกรธคนไข้ได้อย่างไรกันเล่า?
แต่ถ้าฮูหยินผู้เฒ่ายังไม่เปลี่ยนแปลงตัวเอง อีกหน่อยผู้ลงมือย่อมเป็์!
เหมียวหมัวมัวยื่นหูแอบตั้งใจฟังอยู่ตรงประตู ยิ่งฟังนานเข้า รอยยิ้มก็ยิ่งกดลึก พอได้ยินว่าหมอกำลังจะเขียนใบสั่งยา หญิงชราก็ถอนกายออกมาเงียบๆ เดินไปยังห้องพักของผู้เป็นายทันที
เฝิงฮูหยินฟังคำของเหมียวหมัวมัวก็ผุดลุกขึ้นจากเตียงทันใด นางจับมือหญิงชราข้างกายแน่นด้วยสองมือ น้ำเสียงตื่นเต้น “หมัวมัวพูดจริงหรือ? นายท่านให้แม่นางหลินรักษา ทั้งยังให้นางเขียนใบสั่งยา?”
“เป็ความจริงเ้าค่ะฮูหยิน!”
น้ำตาหยดลงมาตามใบหน้าเหนื่อยล้าราวกับไข่มุกที่ขาดจากสาย ทำให้เหมียวหมัวมัวต้องใช้ผ้าเช็ดหน้าช่วยซับ “ไอ้หยาฮูหยิน อย่าร้องไห้เลยนะเ้าคะ มิใช่เื่ดีหรอกหรือ? ในที่สุดวันของท่านก็จะมาถึงแล้ว! หากนายท่านได้แม่นางหลินช่วยรักษาจนหายจริงๆ…”
เมื่อเหมียวหมัวมัวพูดเช่นนี้ เฝิงฮูหยินก็คล้ายคิดสิ่งใดได้ สีหน้านางซีดเผือด น้ำเสียงเบาหวิวราวกับยุง “หากเขาหายดี… ข้าก็คงไม่มีวันดีๆ แล้ว”
“ฮูหยินอย่าได้คิดเช่นนั้นเ้าค่ะ!” หมัวมัวยิ่งดูดีอกดีใจ ขยับเข้าไปกระซิบอีกหลายคำ
เฝิงฮูหยินได้ยินก็ยินดียิ่งนัก ความโศกเศร้าก่อนหน้าหายวับไปในคราวเดียว “พูดจริงหรือ? แม่นางหลินพูดว่า… ให้นายท่านอยู่กับข้าเพียงคนเดียว… จริงหรือ…”
คล้ายนางเขินอายเกินกว่าจะกล่าวคำใดออกมา เมื่อเห็นหมัวมัวพยักหน้าหงึกหงัก นางก็รีบยกมือขึ้นประนม ใบหน้าซาบซึ้ง “แม่นางหลินเป็พระโพธิสัตว์โดยแท้ ช่วยข้าจากกองเพลิงจริงๆ”
“ดังนั้นอย่าคิดอะไรไร้สาระ อย่าก่อปัญหากับฮูหยินผู้เฒ่า แต่ก็อย่าได้ยินยอมนายท่านไปเสียหมดเหมือนก่อนหน้านี้นะเ้าคะ ยิ่งท่านดีต่อเขา เขายิ่งทำราวกับท่านเป็มนุษย์น้อยลง!” เหมียวหมัวมัวกระซิบอย่างรังเกียจ “ฮูหยิน ท่านทราบแล้วว่าแม่นางหลินส่งนางปีศาจสองตนนั้นออกไปเพื่อท่าน ท่านก็ต้องยืนหยัดเพื่อตัวเองนะเ้าคะ อนุสองคนนั้นเชื่อฟังบุรุษไปเสียหมด แต่ท่านเป็ภรรยาเอก ต้องมีเกียรติของภรรยาเอก!”
หากหลินฟู่อินได้ยินที่หมัวมัวพูดก็คงจะลุกขึ้นปรบมือให้แน่นอน
แต่เฝิงฮูหยินกลับอุทาน “จะได้อย่างไร สองคนนั้นทำตัวดีต่อเขา เขาตกลงด้วยหรือ?”
“เหตุใดจะไม่ยินยอมเ้าคะ? สองคนนั้นทำตัวเองแท้ๆ แอบดื่มยาเสือยาหมาป่าไปตั้งเท่าไรจนทำลายร่างกายตัวเอง สองคนนั้นได้แม่นางหลินตรวจและรักษาให้แล้ว ฮูหยินผู้เฒ่ากับนายท่านต่างก็ทราบย่อมไม่อาจอยู่ต่อได้แล้ว พวกโง่!” เหมียวหมัวมัวเยาะหยัน
เฝิงฮูหยินอ้าปากค้าง นางก็เคยคิดจะทำเช่นเดียวกับสองคนนั้น โชคดียิ่งนัก…
“หมัวมัว เ้าช่วยข้าไว้จริงๆ…” เฝิงฮูหยินพูดได้เพียงเท่านี้ก็พูดต่อไม่ออกแล้ว
เหมียวหมัวมัวรู้ว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไร ฮูหยินเองก็อยากลองตำรับยาลับจากหมอพเนจรอะไรนั่นเช่นกัน แต่นางห้ามเอาไว้ก่อน ดังนั้นสตรีสามนางในเรือนหลังของสกุลเฝิง ฮูหยินที่อายุมากที่สุดกลับมีร่างกายแข็งแรงดี เหมาะแก่การตั้งครรภ์ที่สุด…
“ฮูหยินเ้าคะ ไม่ว่าอาการป่วยของนายท่านจะหายหรือไม่ แต่แม่นางหลินก็ช่วยเราไว้ได้มาก” เหมียวมัวหมัวกล่าว
เฝิงฮูหยินพยักหน้า “ใช่ ข้าต้องตอบแทนแม่นางหลินให้ดี…”
เสียงของสองนายบ่าวค่อยๆ เบาลง เมื่อเห็นชุนหรงพาหลินฟู่อินเดินเข้ามาใกล้ขึ้น
ยามที่มองหลินฟู่อิน สายตาของเฝิงฮูหยินไม่ต่างจากพบบิดามารดาหรือญาติสนิท เอาแต่สั่งให้บ่าวไพร่ยกน้ำชายกเก้าอี้มาบริการให้ดี
หลินฟู่อินมองเหมียวหมัวมัวที่อยู่ข้างกายอีกฝ่าย ทราบว่าคนคงเล่าเื่ในห้องอุ่นให้เฝิงฮูหยินฟังแล้ว ดังนั้นจึงไม่จำเป็ต้องพูดอะไรอีก นางเพียงบอกให้เฝิงฮูหยินดื่มยาตามที่สั่งเอาไว้ก่อนจะกลับ อันที่จริงเฝิงฮูหยินอยากรั้งตัวนางไว้ แต่หลินฟู่อินกลับเร่งร้อนตั้งใจจากไป
เฝิงฮูหยินจึงรีบสั่งให้หมัวมัวนำค่ายาห้าสิบตำลึงเงินออกมามอบให้หลินฟู่อินด้วยท่าทีเคารพ เด็กสาวรับเงินเอาไว้ด้วยรอยยิ้ม นี่คือสิ่งที่นางสมควรได้รับ
ในยามที่เดินออกมาจากจวน ชุนหรงก็วิ่งกระหืดกระหอบไล่ตามมา
ที่แท้นายท่านเฝิงได้ไปถามเฝิงฮูหยินว่าจ่ายค่ายาค่าจับชีพจรไปเท่าไร ฝ่ายภรรยาตอบไปตามตรง ฝ่ายสามีบอกว่าน้อยไป เลยให้ชุนหรงนำเงินมาเพิ่มให้อีกสองร้อยแปดสิบแปดตำลึงเงิน
แน่นอนว่าหลินฟู่อินต้องใที่ได้เงินมาก้อนโต ในใจยังขบขันว่านายท่านเฝิงช่างเป็พ่อค้าจริงๆ กระทั่งเงินที่เอามาให้ก็ยังเป็เลขมงคลลงท้ายด้วยแปดสิบแปด
“แม่นางหลิน นายท่านให้ข้ามาขอให้ท่านช่วยปิดเื่นี้เอาไว้เป็ความลับด้วยเ้าค่ะ…” ชุนหรงกระซิบเสียงเบา
หลินฟู่อินยิ้มรับ แต่เหมียวหมัวมัวกลับหัวเราะหยัน
ที่แท้คนก็เอาเงินมาปิดปาก
ต่อให้ไม่เอาเงินก้อนนี้มาปิดปาก หลินฟู่อินเป็หมอย่อมไม่เอาเื่ภายในของคนไข้ไปพูดด้านนอกอยู่แล้ว นี่เป็จรรยาบรรณแพทย์เบื้องต้น แต่ในเมื่อนายท่านเฝิงอยากให้เงิน นางก็จะรับไว้ด้วยความยินดี
ของที่ให้โดยไม่คิดค่าตอบแทนใดมีหรือจะไม่เอา
“แม่นางหลิน ท่านเขียนใบสั่งยาให้ฮูหยินผู้เฒ่า แต่ฮูหยินผู้เฒ่าค่อนข้างขี้ระแวง คงไม่พูดอะไรจนกว่าจะเห็นผล แม่นางหลินอดทนหน่อยนะเ้าคะ” เหมียวหมัวมัวมองซ้ายมองขวา เมื่อไม่เห็นคนอื่นอยู่ก็กระซิบ
หลินฟู่อินส่ายหน้า ตอบไปว่าไม่ใส่ใจ เพราะค่าตรวจที่เฝิงฮูหยินให้มาก็เพียงพอแล้ว อีกทั้งบ้านนี้ยังมีเพียงห้าคนเท่านั้นที่ตรวจกับนาง
ยิ่งไปกว่านั้น ภายหลังนายท่านเฝิงยังให้นางมาอีกถึงสองร้อยแปดสิบแปดตำลึงเงินเพราะความรู้สึกผิด
หลินฟู่อินมองหน้าเหมียวหมัวมัว นางเป็บ่าวที่ซื่อสัตย์ยิ่งนัก เพราะนายของตนได้รับการปฏิบัติไม่ดีจากแม่สามี นางจึงได้ไม่ชอบฮูหยินผู้เฒ่าไปด้วย…
นางทำสิ่งที่ต้องทำแล้ว เหลือแค่ให้คนสกุลเฝิงดื่มยาตามที่สั่งไป แล้วก็รอผล
ส่วนเื่อาการเจ็บป่วยของคนในบ้านนี้ นางมั่นใจอยู่เจ็ดถึงแปดส่วนว่าตำรับยาที่ให้ไปสามารถรักษาอาการป่วยของคนในบ้านได้
หลินฟู่อินกลับไปยังบ้านหลังใหม่ของตนพร้อมเงินสามร้อยตำลึงเงินในกระเป๋าอย่างอารมณ์ดี พอเปิดประตูเข้าไปก็เห็นหวงฝู่จินในชุดสีฟ้าอ่อนกำลังเดินเล่นอยู่ในลานบ้าน เขาขมวดคิ้วตวัดสายตามองคนอื่น ดูไม่ออกว่ากำลังคิดอะไรอยู่
“วันนี้คุณชายกลับมาไวนะเ้าคะ” หลินฟู่อินยิ้มทักทาย
หวงฝู่จินชะงักฝีเท้าหันมามองนาง เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางก็อดถามออกไปมิได้ “ไปไหนมาหรือ? วันนี้ดูอารมณ์ดีนัก?”
วันนี้พอทำธุระเสร็จเขาก็กลับมาที่บ้านของนางทันที ไม่คิดว่าคนกลับไม่อยู่ทำให้เขาหงุดหงิดใจเล็กน้อยจึงได้ออกมาเดินในสวน ไม่รู้ตัวว่าอันที่จริงในใจกำลังรอคอยนางหรือไม่…
หลินฟู่อินอารมณ์ดีมากจริงๆ ก็วันนี้นางหาเงินได้ตั้งสามร้อยตำลึงนี่!
แต่นางรู้ว่าเื่เช่นนี้คงเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก ให้ได้พบประจำคงเป็ไปไม่ได้
แม้แต่ครอบครัวร่ำรวยเช่นสกุลเฝิง คิดจริงๆ แล้วค่าตรวจรักษาต่อครั้งยังอยู่ที่สิบหรือยี่สิบกว่าตำลึง นับว่าใจกว้างกว่าบ้านอื่นมาก แต่โดยปกติแล้วจะอยู่ที่ไม่เกินสิบตำลึงเงิน
“วันนี้ไปบ้านสกุลเฝิงที่เป็พ่อค้าผ้าไหมมา ได้รับค่ารักษาเป็เงินก้อนโตเชียวเ้าค่ะ มากกว่าสามร้อยตำลึงเงิน ก็ควรดีใจไม่ใช่หรือเ้าคะ?” ความยินดีของนางส่งต่อไปยังหวงฝู่จิน เขามองนางแล้วกล่าว “เงินก้อนโตเชียว คงมิได้พบเพียงเฝิงฮูหยินกระมัง?”
เขาเดาออกทันที หลินฟู่อินมองด้วยความประหลาดใจแล้วยิ้ม “ท่านเดาถูก”
หวงฝู่จินครุ่นคิดครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็หัวเราะออกมา น้ำเสียงต่ำหวานระรื่นหู
หลินฟู่อินยิ่งประหลาดใจกว่าเดิม ถามออกไป “หัวเราะอะไรของท่าน?”
หายากยิ่งนัก นางไม่เคยเห็นเขายิ้มเช่นนี้ต่อหน้ามาก่อน ดูแล้วผ่อนคลายเป็กันเอง แถมหล่ออีกต่างหาก
นางไม่รู้ตัวเลยว่าความระแวดระวังและกำแพงที่เคยมีต่อเขาค่อยๆ พังทลายลงทีละน้อยในทุกครั้งที่เขาดูเหมือนไม่ตั้งใจขยับเข้าใกล้
เวลาที่อยู่กับเขา นางผ่อนคลายมากขึ้นทุกที
“อืม ข้าแค่คิดว่าที่เ้าไปรักษาเฝิงฮูหยินน่าจะเป็การบังหน้ากระมัง ที่จริงคงไปรักษานายท่านเฝิงอะไรนั่นเสียมากกว่า ใช่หรือไม่?”
หลินฟู่อินเม้มปาก
เห็นนางเงียบ หวงฝู่จินยิ่งยิ้มลึก “ข้าเดาถูกอีกแล้ว”
หลินฟู่อินยังคงไม่ตอบ
“ได้ๆ ที่จริงเื่สกุลเฝิงก็ไม่ใช่ความลับอะไร เขาเพียงปิดเอาไว้เงียบๆ เท่านั้น แต่พวกพ่อค้าเป่ยหรงที่ค้าขายกับเขา มีใครบ้างที่ไม่รู้เื่นี้” หวงฝู่จินเห็นเด็กสาวไม่อยากพูดเื่ส่วนตัวของผู้ป่วยก็ไม่ได้บังคับนางแต่อย่างใด
หลินฟู่อินคิดกับตัวเอง ‘แหงสิ นายท่านเฝิงผู้นั้นขี้ขลาดราวกับนกกระจอกเทศ เื่ออกจะชัดเจนเสียขนาดนี้’
หวงฝู่จินยกมือบิดเอวไปมายืดเส้น ดวงตาหงส์สีดำมองหลินฟู่อินแล้วกล่าว “อาหารข้างนอกไม่อร่อยเลย ตอนนี้ถึงเวลาอาหารแล้ว ข้าจึงได้ตั้งใจกลับมากินที่นี่”
เป็การเร่งให้นางไปทำกับข้าว
หลินฟู่อิน “...”
อาหารข้างนอกไม่อร่อย ปากเ้าก็ช่างเลือกใช่หรือไม่?
หลินฟู่อินพูดไม่ออก
โดยรวมแล้วฝีมือการทำกับข้าวของนางนับว่าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกพ่อครัวภัตตาคารหรูหราเ่าั้ นางแค่อาศัยความแปลกใหม่เท่านั้นเอง
แต่เห็นเขาเป็เช่นนี้ หลินฟู่อินจึงอดถามไม่ได้ “เช่นนี้ตอนออกจากชิงหยางไปแล้วท่านจะทำยังไงหรือ? ไม่กินข้าวหรอกหรือ?”
----------------------------------------------
เชิงอรรถ
[1] บอกให้รู้ว่าทำไมดอกไม้ถึงเป็สีแดง หมายถึง ประโยคจากเพลง 《花儿为什么这样红》สื่อว่าดอกไม้ที่เป็สีแดงก็เพราะย้อมด้วยเื เป็นัยว่าจะกระทืบอีกฝ่ายจนเืท่วม เป็คำแสลงที่มาพร้อมยุคอินเตอร์เน็ต คล้ายๆ กับ “เคยวูบไม่รู้ตัวไหม?”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้