“เ้าเจ็บเช่นนี้ เราพักกินข้าวก่อนไหม” เด็กชายตัวเล็กหันมองห่อข้าว แล้วนึกหิวขึ้นมาจึงพยักหน้าตอบรับ ซูเจินรอบยิ้มให้กับความเดียงสาของเขา ก่อนจะแกะห่อข้าวออกมากิน ทั้งสองใช้เวลาตรงนั้นไม่นานนัก แค่พักให้เฟยหลงหายเจ็บ แล้วเริ่มเดินทางต่อ
“เดินไหวฤาไม่” น้ำเสียงอ่อนหวานกล่าวถามด้วยความเป็ห่วง เฟยหลงเงยหน้ามองกิริยาอ่อนหวานของพี่สาว เขาพยายามจดจำใบหน้าอ่อนโยนนั้น และจะไม่มีวันลืม ว่านางแสนดีกับเขาเพียงใด
“ข้าเดินไหว” เฟยหลงกลั้นใจขยับตัวลุกขึ้น แล้วก้าวเท้าเดินต่อ ความจริงแล้วแผลเล็กนั้น ไม่ได้ทำให้เ็ป หากแต่ความกลัวต่างหาก ทำให้เฟยหลงร้องไห้เสมือนว่าเ็ปสาหัส ซูเจินสังเกตขาของเด็กน้อยอยู่ตลอดเวลา ว่าเดินต่อไปไหวไหม หากแต่เมื่อเดินมาครู่ใหญ่ไม่มีท่าทีผิดปกติใดๆ ทั้งสองจึงพากันเดินทางต่อ มุ่งตรงไปยังตลาดที่ว่า
อำนาจแห่งพลังเวทขึ้นเจ็ด ปรากฏร่างของชายหนุ่มรูปร่างสมส่วน สวมชุดสีขาว ผมดำสนิทยาวจรดแผ่นหลัง หน้าตางดงามหมดจดราวกับหลุดมาจากรูปปั้น เข้ามายังตลาดของเมืองจ้านหลิว หลังจากเดินออกมาได้เพียงสองสามก้าว ชายหนุ่มสังเกตมองผู้คนโดยรอบ ชาวเมืองจ้านหลิวล้วนแต่งกายด้วยชุดธรรมดา ผู้คนร้องรำทำเพลงกันอย่างสนุกสนาน ข้าวของเครื่องใช้ที่วางขายในตลาดเป็สิ่งที่ชาวบ้านผลิตได้ แล้วนำมาวางจำหน่ายกันเองตามประสา ไม่ได้แตกต่างจากเมืองอื่นๆ อีกสามเมืองนัก สายตากลมหันมองไปยังร้านน้ำชาที่ตั้งเด่นหราอยู่ สองเท้าก้าวตรงไปด้วยกิริยาสง่างาม จนผู้คนเริ่มเหลียวมองเป็ตาเดียว
“เขาเป็ใคร เหตุใดงดงามเช่นนั้น ข้ามิเคยเห็น”
“นั่นสิๆ งามั้แ่ศีรษะจรดปลายเท้า”
“เขาต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่ๆ” ชาวเมืองส่วนหนึ่งต่างซุบซิบ แล้วมองตรงมายังองค์รัชทายาท ที่นั่งรินชาโดยไม่สนใจผู้คน เขาหวังว่าจะได้พบกับท่านผู้เฒ่าหานตงในเมืองแห่งนี้ แม้แทบเป็ไปไม่ได้เลยก็ตามที
“ไม่ทราบว่าคุณชายจะรับอะไรเพิ่มไหม” เ้าของร้านชา เดินเข้ามาถามด้วยกิริยานอบน้อม
“ไม่ล่ะ” องค์รัชทายาทปฏิเสธสั้นๆ แล้วนั่งดื่มชาต่ออย่างใช้ความคิด มือหนาขาวสะอาดยกรินชาช้าๆ ก่อนเหลือบไปเห็นสาวงามผู้หนึ่ง สะดุดสายตาเผลอจับจ้องจนไม่อาจละได้
“พี่สาว ร้านผ้าอยู่ทางด้านนี้” เด็กชายตัวเล็กชี้มือมายังร้านขายผ้า ที่ใหญ่ที่สุดในบริเวณนั้น ด้านนอกมีชุดหลายแบบให้เลือกสรรมากมาย ซูเจินยิ้มกว้างขึ้นอย่างดีใจ ก่อนทั้งสองพากันเข้าไปเลือกชุดด้วยความตื่นเต้น สายตาหวานระริกมองหาชุดที่เหมาะ หากแต่ใช้เวลาอยู่นาน นางไม่สามารถตัดสินใจได้ จึงย่อตัวลงนั่ง ดวงตาหวานจับจ้องไปยังเด็กชายตัวเล็กอย่างตั้งมั่น
“เฟยหลง เ้าว่าชุดไหนเหมาะกับข้า”
“ข้าไม่รู้ว่าพี่สาวชอบแบบใด แล้วถ้าข้าเลือกให้ ท่านจะชอบฤาไม่” เด็กชายถามอย่างไร้เดียงสา
“ชอบสิ” ซูเจินพยักหน้าตอบ พลางปล่อยยิ้มอันแสนสดใสออกมา
“ชุดนี้สวยไหม ข้าว่าเหมาะกับพี่สาวที่สุด” เฟยหลงหันมองรูปร่างอ้อนแอ้นของซูเจิน เพื่อหาชุดที่เหมาะสมกับนาง ในที่สุดเด็กชายเลือกชุดสีฟ้าครามแบบเดิม หญิงสาวสำรวจมองชุดขึ้นลงช้าๆ รอยยิ้มหวานแสดงความพอใจออกมาเป็ประกาย ก่อนพยักหน้าแล้วหันไปจ่ายเงินในทันที
“พี่สาวงามจัง” หลังจากนางเปลี่ยนชุดเสร็จเรียบร้อย แล้วเดินออกมาอวดโฉม เฟยหลงเอ่ยปากชมพลางมองตาค้าง รอยยิ้มแสนสวยของซูเจินแย้มตอบรับอย่างอ่อนโยน
“ผ้าราคาแพงแบบนี้หายากยิ่งนัก ท่านขายให้ข้าเท่าไหร่” แม่ค้าหญิงชรา มองดูชุดเก่าของซูเจินด้วยความปรารถนา เพราะลวดลายการปัก พร้อมด้วยวัสดุที่นำมาถักทอเป็สิ่งของหายาก อาจมีตำหนิฉีกขาดไปบ้างแต่ไม่ถือว่ามากมายนัก
“แล้วแต่ท่านจะให้” ซูเจินก้มมองชุดเก่าที่มือ แม้มีความทรงจำมากมาย ทว่าในเวลานี้นาง้าทิ้งทุกอย่างไว้ที่แคว้นจ้านหลิว หลังจากตกลงค่าตอบแทนเสร็จสิ้น ซูเจินจึงพาเฟยหลงเดินไปหาพุทราเชื่อมตามคำสัญญา หญิงสาวผู้เบิกบานเดินวนอยู่ในตลาดหลายรอบ นางเกิดมาไม่เคยััชีวิตอิสระนอกวัง และนี่คือความฝันที่กลายเป็จริง สามารถทำตามใจตนเองโดยมีอิสระอย่างสมบูรณ์ ไม่ขึ้นกับกฎเกณฑ์ของผู้ใด ใช้สัญชาตญาณและความรู้สึกเป็ตัวดำเนินชีวิต
ในตลาดแห่งนี้มีของขายหลายอย่างแปลกตา และมีสินค้าหน้าตาประหลาดอีกมากที่ไม่เคยรู้จัก ที่แปลกคือมีเครื่องดนตรีหลายชนิดทำจากไม้เนื้อดี ถูกวางไว้ให้หยิบใช้โดยไม่คิดเงิน แสดงออกถึงสัญลักษณ์ของเมืองจ้านหลิวเป็อย่างดี ว่าผู้คนถนัดด้านการดนตรีเป็อย่างมาก ไม่ว่าจะเป็ชาวบ้านธรรมดาหรือแม้แต่ชนชั้นกษัตริย์ก็ตาม หญิงสาวเดินวนและซึมซับเื่ราวของผู้คนในตลาดจนพอใจ จวบจวนถึงเวลาต้องล่ำลาจากกัน
“เฟยหลง ข้าขอบใจสำหรับทุกอย่าง ถึงเวลาแล้วที่ข้าต้องให้เ้าเดินทางกลับ” หลังจากได้ฟังคำบอกลาอันแสนเ็ป เด็กชายตัวเล็กจึงก้มหน้าลง พลางกลั้นน้ำตา ซูเจินย่อตัวลงนั่งด้านหน้าด้วยกิริยาอ้อนช้อยงดงาม มองตรงไปที่ใบหน้าอันบริสุทธิ์ของเด็กชาย พลางปลดปิ่นปักผมจากศีรษะออกแล้วยื่นให้
“ปิ่นปักผมนี้ข้ามอบให้เ้านะ”
“ท่านจะไปแล้วจริงๆ เหรอพี่สาว” เสียงคล้ายจะร้องไห้ตั้งคำถาม
“ข้าต้องไปแล้วนะเฟยหลง และหากยามยากมาเยือน ข้าอนุญาตให้เ้าขายปิ่นปักผมนั้นได้ โดยไม่ต้องเสียดาย ขอให้เ้าดูแลแม่ให้ดี ดูแลตัวเองให้ดีนะ” เด็กชายเอื้อมมือมารับปิ่นปักผมราคาแพงด้วยมือสั่นระริก หัวใจดวงน้อยรู้สึกอาทรพี่สาวเป็อย่างมาก แม้มีเวลาอยู่ร่วมกันไม่นาน หากสายใยแห่งความผูกพันได้ก่อกำเนิดยากทำใจให้นางจากไปได้
“จะเป็ทหาร ห้ามร้องไห้” ซูเจินยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาให้เด็กน้อยด้วยความเอ็นดู
“พี่สาว ข้าจะได้เจอท่านอีกไหม” เป็คำถามที่หญิงสาวรู้สึกะเืใจจนพูดไม่ออก พลางวาดมือปาดน้ำตาให้เด็กชายอย่างอ่อนโยน
“หากมีวาสนาต่อกัน เราจะต้องได้พบกันแน่นอน ไม่ว่านานแค่ไหน”
“เช่นนั้น ท่านดูแลตัวเองด้วย อย่าลืมกินข้าว ข้าไม่อยากเห็นพี่สาวป่วยแบบเดิมอีก”
“นับจากนี้ ข้าจะดูแลตัวเอง ลาก่อนนะเฟยหลง” ซูเจินยกมือลูบศีรษะของเด็กน้อยเป็ครั้งสุดท้าย แล้วปล่อยให้เด็กชายเดินจากไป หากแต่เขาตัดสินใจหันหลังกลับมา แล้ววิ่งเข้ามากอดลาพี่สาวเป็ครั้งสุดท้าย ซูเจินกลั้นน้ำตาไว้ในส่วนลึก มือบางตอบรับกอดแสนอบอุ่นนั้นพลางกระชับแน่น นางหลับตาลงเพื่อซึมซับความรู้สึกพิเศษ จนเวลาผ่านไปไม่สามารถยื้อไว้ ร่างของเฟยหลงเดินหายวับไปท่ามกลางเหล่าผู้คน
ซูเจินหันกลับมายังเครื่องดนตรีหลายชนิดที่วางอยู่ บัดนี้เหลือตัวคนเดียวแล้ว ขอให้เป็ลิขิตฟ้านำพาชีวิตเธอ ไม่ว่าสุดท้ายแล้วผลจะออกมาอย่างไรนางยอมรับสิ้น ขอเพียงแค่ไม่ต้องกลับมายังเมืองจ้านหลิวอีก มือบางคว้าพิณขึ้นมา แล้วบรรเลงเป็เพลงที่ลี่เซียนเคยแต่งให้ หลังจากนางดีดบรรเลงไปได้ไม่นาน เหล่าชาวบ้านต่างหยุดเดินแล้วหันมายังต้นเสียงดนตรีอันแสนไพเราะ
“ผู้ใดกัน ดีดพิณได้ไพเราะเช่นนี้ นับจากข้าเกิดมายังไม่เคยเห็น” หนึ่งในชายที่นั่งอยู่ร้านน้ำชาชะเง้อคอมอง ด้วยความใคร่รู้
“ไม่เพียงแต่ฝีมือดีดพิณเท่านั้น หากแต่ใบหน้างดงามหมดจด หาใครเทียบได้อีก” ชายอีกคนกล่าวชม พลางทำหน้าตะลึงงัน เสียงพิณยังคงบรรเลงไปเรื่อยๆ กลุ่มฝูงชนค่อยๆ รวมตัวกันมากขึ้น
องค์รัชทายาทผู้ไม่เคยสนใจผู้ใด จำต้องละจากถ้วยน้ำชาตรงหน้า หันมองไปยังต้นเสียงและกลุ่มฝูงชน พบหญิงงามคนเดิมที่ทำให้เขาไม่อาจละสายตาได้เมื่อครู่ กำลังบรรเลงเพลงท่ามกลางฝูงชนที่เพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ สายตาดำสนิทจับจ้องไปยังมือบางที่กำลังดีดพิณอยู่ การเคลื่อนไหวของปลายนิ้วเรียวยาวทั้งห้า ลื่นไหลอย่างมาก สลับไปมาโดยไม่มีติดขัด แม้มหานครใหญ่จะมีนักดนตรีจำนวนมากคอยบรรเลงขับกล่อมไม่ให้เมืองหลับใหล แต่องค์รัชทายาทยังไม่เคยเห็นผู้ใดดีดพิณได้คล่องแคล่วถึงเพียงนี้ อีกทั้งบทเพลงอันไพเราะยิ่งไม่คุ้นหู
ชายหนุ่มพินิจมองกิริยาอันอ่อนช้อยของนาง รวมถึงสีหน้าแววตาอันบริสุทธิ์ ก่อนคิ้วขมวดชนกันเมื่อจับอารมณ์ภายในที่แสดงผ่านบทเพลงรวมถึงดวงตาหวานดวงนั้น