จี้อี้เหรินเงยหน้าขึ้นไปมองหญิงสาวเบื้องหน้า... ดวงตาสีฟ้าของมู่หนานซือเ็าราวกับน้ำแข็งพันปีที่ไม่เคยละลาย สายตาคู่นั้นจ้องมาที่นางอย่างไร้เยื่อใย โดยที่ไม่หลงเหลือความอ่อนโยนแบบเดิมที่เคยมีในตอนที่อยู่ร่วมกันมาตลอดหลายปี
ภาพในหัวของจี้อี้เหรินย้อนกลับอย่างรวดเร็ว
วันนั้น... วันที่นางได้รับาเ็สาหัสจากการไล่ล่าของสัตว์ิญญา นางแทบจะสิ้นใจอยู่กลางหุบเขา แต่มู่หนานซือกลับเสี่ยงชีวิตเข้าไปช่วยเอาไว้
หลังจากนั้น... นางก็ได้เข้าร่วมดินแดนศักดิ์สิทธิ์สายน้ำะ และแม้จะมีพันธสัญญาการแต่งงานกับอู๋จ้าวในฐานะสนม แต่มู่หนานซือก็จัดการถอนหมั้นทุกอย่างให้ จัดการแม้กระทั่งเื่ชื่อเสียงของนาง ทำให้ไม่มีใครกล้าแตะต้องนางได้...
ทุกสิ่งที่นางมีตอนนี้ ล้วนได้มาจากมือของผู้หญิงตรงหน้านี้ทั้งสิ้น
แต่...
เย่หลิน... ศิษย์ที่นางเพิ่งรับเข้ามา คนที่นางรู้สึกเอ็นดูอย่างบอกไม่ถูก ในตัวของเขามีเศษจิติญญาของเพื่อนที่สำคัญต่อใจนางอยู่ และตลอดเจ็ดวันที่ผ่านมา เย่หลินแสดงศักยภาพเหนือกว่าผู้ฝึกคนไหนที่นางเคยเจอ เขาพิเศษและ...แตกต่าง เย่หลินยังเป็ผู้ชายคนแรกที่ใกล้ชิดกับตัวนางมากด้วยพร้อมบางอย่างในตัวของเขาทำให้นางรู้สึกว่า ไม่อาจปล่อยให้เขาเป็อะไรไปได้
จนกระทั่ง... เย่หลินหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยเมื่อ 5 วันก่อน เขาบอกว่าเขาจะออกไปหาโอกาส แต่หลายวันแล้วเขาก็ไม่กลับมา แต่แล้ว เมื่อ 3 วันก่อน จดหมายลับบางอย่างก็ถูกส่งมาถึงยังจี้อี้เหริน
ไม่มีคำขู่ ไม่มีการบังคับ... มีเพียงประโยคเดียว
“ถ้าอยากเจอเขาอีกครั้ง... จงไปที่ป่าแห่งความลับ”
จี้อี้เหรินที่เป็ห่วงเย่หลินมากก็รีบไปในทันทีโดยไม่ได้บอกกับใคร
เมื่อไปถึงที่นั่น... นางได้พบกับม่อหยานเซิน บุตรศักดิ์สิทธิ์แห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์สายน้ำะ และอู๋เวิน พ่อของอู๋จ้าว
ในตอนแรกที่นางเห็นพวกเขา แววตาของนางเต็มไปด้วยความโกรธจนแทบะเิร่างออกมา แต่เพียงแค่อู๋เวินหยิบ ไหิญญา ที่ภายในบรรจุไปด้วยิญญาของคนจากตระกูลเย่ทั้งหมดเอาไว้
ความโกรธของนางยิ่งรุนแรงขึ้น แต่... ก็ต้องกลืนมันลงไปจนหมด เพราะหากนางลงมือ... ิญญาทั้งหมดนั้นจะถูกทำลายทันที
หลังจากเงียบอยู่นานอู๋เวินก็ยื่นข้อเสนอให้นาง
“แค่เ้าดึงความสนใจของมู่หนานซือออกไป ให้ม่อหยานเซินเข้าไปในห้องบางห้องที่อยู่ภายในยอดเขาแห่งนั้น ข้าจะคืนิญญาทั้งหมดให้...”
แน่นอนว่านางไม่ยอมอย่างแน่นอน แต่… ทันใดนั้น เย่หลินก็ถูกลากออกมาในสภาพร่างกายที่าเ็สาหัส พร้อมถูกผนึกิญญาและควบคุมโดยบางสิ่งที่นางไม่สามารถปลดผนึกได้
นางพยายามจะต่อรอง พยายามหาทางทุกอย่างที่เป็ไปได้... แต่สุดท้าย
นาง ก็ต้องจำใจ ยอมตกลง
แม้ในใจจะตั้งใจว่าทันทีที่นางได้ตัวเย่หลินกลับมารวมถึงิญญาของตระกูลเย่ นางจะรีบไปบอกความจริงทั้งหมดให้กับมู่หนานซือทราบทันที...
แต่อู๋จ้าวไม่ได้ไร้เดียงสาขนาดนั้น เพราะก่อนที่นางจะได้ทำตามแผนของตัวเอง อู๋เวินก็ดึงคำสัญญาแห่งิญญาออกมา และสลักพันธะลงในิญญาเพื่อบังคับนางไม่ให้สามารถบอกความจริงออกไปได้
ถ้านางเปิดเผยความลับเกี่ยวกับเื่ในวันนี้ ไม่ว่าจะด้วยวาจา การเขียน ท่าทาง ความทรงจำ หรืออื่นๆ เย่หลินจะตายทันที
จี้อี้เหริน... ไม่มีทางเลือก สุดท้ายนางก็ตอบตกลงก่อนจะได้ิญญาของคนในตระกูลเย่มาครึ่งหนึ่งและเย่หลินกลับมา โดยที่ความทรงจำของเย่หลินนั้นเหมือนจะถูกลบไป
สุดท้าย ใน่าระหว่างตระกูลอู๋และดินแดนศักดิ์สิทธิ์สายน้ำะ นางก็ทำตามข้อตกลง ดึงดูดความสนใจของมู่หนานซือออกไป และเปิดโอกาสให้ม่อหยานเซินเข้าไปในห้องต้องห้ามนั้นได้สำเร็จ
ซึ่งนางก็มีแผนของตัวเองโดยที่นางจะไปแอบดักโจมตีม่อหยานเซินอย่างลับๆ เพื่อไม่ให้เขานำความลับนั้นออกไปบอกอู๋จ้าวได้ แต่สิ่งที่นางไม่คาดคิด... สิ่งที่อยู่ในห้องนั้นคือพิกัดลับและรหัสค่ายกลที่ปกปิดโลกใบนี้เอาไว้
มันส่งผลต่อเนื่องให้ ซุยจื่อเมิ่ง ปรากฏตัวขึ้น และทำลายความได้เปรียบของดินแดนศักดิ์สิทธิ์สายน้ำะลงในพริบตาเดียว
ความรู้สึกผิดมากมายถาโถมเข้าใส่นางเหมือนกับคลื่นั์ซัดใส่หน้าผา นางรู้ดีว่ามู่หนานซือนั้นสามารถล่วงรู้อดีตและสืบค้นมันได้ ถ้าไม่มีสมบัติป้องกันจิตใจ มันจะไม่มีความจริงอันไหนที่รอดพ้นจากสายตาของมู่หนานซือได้ถ้านาง้าที่จะรู้ แต่จี้อี้เหรินก็เลือกที่จะทำเพราะหวังว่าในใจลึกของมู่หนานซือจะให้อภัยนางได้
หลังจากานั้นจบลง แม้นางจะช่วยเย่หลินไว้ได้พร้อมผนึกบนร่างของเขาที่ถูกเอาออกไปแล้ว แม้ว่าิญญาของคนในตระกูลเย่จะถูกส่งคืนมาอย่างครบถ้วน แต่มันก็แลกมาด้วยสิ่งที่นางอาจจะไม่มีวันเอากลับคืนได้อีกแล้ว
นั้นคือ...ความเชื่อใจจากมู่หนานซือ
และตอนนี้... ดวงตาสีฟ้าคู่นั้นที่เคยมองนางด้วยความเป็มิตร บัดนี้กลับเ็า ราวกับพร้อมจะตัดขาดทุกอย่าง
แต่ที่สำคัญ สิ่งที่นางเสียไป... ไม่ใช่เพียงแค่คำว่า ผู้มีพระคุณ แต่มันคือความสัมพันธ์ที่สร้างมาด้วยความจริงใจตลอดหลายปี และจี้อี้เหรินรู้ดี... ไม่ว่าคำแก้ตัวของนางจะฟังดูดีแค่ไหน
สำหรับมู่หนานซือแล้ว... การทรยศ ก็คือการทรยศ
ไม่มีข้อแม้ ไม่มีข้อยกเว้น ไม่มีการให้อภัย
ขณะนั้นเอง จี้อี้เหรินเงยหน้าขึ้น น้ำตาเริ่มไหลออกมาจากดวงตาของนาง ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงแ่เบา
“ข้าขอโทษ... ข้า… ไม่มีทางเลือก...”
เสียงนั้นเบาราวกระซิบ แต่สำหรับมู่หนานซือ มันดังก้องราวกับสายฟ้าฟาดลงกลางใจ
“ไม่มีทางเลือก?!! เ้าไม่มีสมองมากกว่า?!” เสียงของมู่หนานซือกระแทกออกมาอย่างรุนแรง
มู่หนานซือก้าวเข้าหาจี้อี้เหรินอย่างช้าๆ ดวงตาสีฟ้าเยือกเย็นของนางฉายแววความเกรี้ยวกราดจนทั้งห้องประชุมเหมือนถูกหยุดเวลาเอาไว้
“แทนที่จะไปทำเื่โง่ๆ แบบนั้นคนเดียว เ้าคิดไม่ออกเลยรึไงว่ามีคนในนิกายมากมายที่มีสมองมากพอจะช่วยเ้าได้?!!”
เสียงของมู่หนานซือดังก้องกังวาน น้ำเสียงไม่ใช่แค่ความโกรธเท่านั้น.. แต่มันเต็มไปด้วยความผิดหวังอย่างสุดหัวใจ
“ทำไมเ้าถึงไม่ไปถาม หรือขอความช่วยเหลือจากคนอื่นในนิกายละ?! ห๊ะ?! หรือแม้แต่จากข้าเอง เ้าก็ยังไม่พูดถึงมันเลยสักคำ!”
มู่หนานซือในยามนี้ไม่ใช่เ้าแห่งนิกายที่ใจเย็นอีกต่อไป ดวงตานางแดงก่ำ จิติญญาของนางเดือดพล่านไปทั่วร่าง เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นางโดนหักหลังจากคนที่ไว้ใจ
ครั้งก่อนคืออดีตเ้าแห่งยอดเขาแสงบริสุทธิ์... คนที่ยอมพาศิษย์หลายแสนคนไปสังเวยเพื่อช่วยลูกสาวของตัวเขาเองอย่างเห็นแก่ตัว สุดท้ายลูกสาวก็ช่วยไว้ไม่ได้แถมยังกลายเป็เครื่องสังเวยอีก
และนี่... เป็อีกครั้ง แต่ว่ามันเลวร้ายกว่าหลายเท่า เพราะมันมาจากคนที่อยู่กับนางมาตลอดหลายปี พี่สาวที่เคยผ่านความเป็ความตายมาด้วยกัน กลับเป็คนทรยศนางด้วยมือของตัวเองและนำพาชีวิตของคนในดินแดนศักดิ์สิทธิ์สายน้ำะทั้งหมดไปแขวนอยู่บนเส้นด้ายที่พร้อมขาดตลอดเวลาเพื่อช่วยเหลือศิษย์ที่เพิ่งรู้จักกันเพียงไม่กี่วันเท่านั้น
ความเ็ปจากความไว้ใจที่ถูกหักหลังมันได้ทำการบิดเบี้ยวหัวใจของนางจนแหลกละเอียด
“ข้าขอโทษ... ข้าขอโทษ... ข้าขอโทษ...” เสียงของจี้อี้เหรินเริ่มสั่น คล้ายกำลังขาดสติ
นางทรุดลงคุกเข่ากับพื้น ตัวสั่น น้ำตาไหลไม่หยุด
“ข้าขอโทษ... ข้าขอโทษ... ข้าขอโทษ... ข้าขอโทษ...”
หัวใจของนางเริ่มแตกสลายไปทีละน้อย ความรู้สึกผิดกัดกินสติทุกอย่างจนแทบยืนไม่อยู่
มู่หนานซือยืนมองนิ่งๆ ก่อนเสียงของนางจะะเิขึ้น
“หุบปาก!!!”
เสียงนั้นแหลมสูงจนะเืไปทั้งยอดเขา ใบหน้านางไร้ซึ่งความเมตตา ดวงตาสีฟ้าเปล่งแสงเย็นเฉียบอย่างไม่เคยเป็มาก่อน
และในวินาทีนั้น...
เปรี๊ยะ!!
เสียงบางอย่างแตกร้าวในร่างของจี้อี้เหริน พลังการบ่มเพาะของนางเริ่มสั่นไหวและไหลย้อนกลับอย่างควบคุมไม่ได้
กึ่งจักรพรรดิ ระดับที่ 8
...
“ข้าขอโทษ... ข้าขอโทษ...”
กึ่งจักรพรรดิ ระดับที่ 5
...
กึ่งจักรพรรดิ ระดับที่ 3
“ข้าขอโทษ... ข้าขอโทษ...”
ร่างของจี้อี้เหรินสั่นสะท้าน ใบหน้าซีดขาว การบ่มเพาะของนางเริ่มแตกสลายลงไปด้วยความเสียใจที่เกินกว่าจะรับไหวอีกแล้ว
แต่ทันใดนั้น หานิพุ่งเข้ามาทันเวลา วางมือลงที่ท้ายทอยของนางอย่างแ่เบา
ฉึบ!
ร่างของจี้อี้เหรินถูกกล่อมให้สลบไปในทันที ร่างของนางทรุดลงกับพื้นด้วยลมหายใจที่อ่อนแรง
“ถ้าเ้าตายตอนนี้ท่านเ้านิกายคงไม่สามารถกลับมาเป็เหมือนเดิมได้แล้ว” หานิพูดด้วยเสียงเบา
ตูมมมมม!!
เสียงประตูของห้องประชุมะเิออก เศษไม้กระเด็นกระจาย ควันสีดำฟุ้งกระจายไปทั่วทั้งห้อง
ออร่าของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่แผ่กระจายออกมารุนแรงปานูเาถล่ม
แต่ยังไม่ทันที่หมอกนั้นจะกลืนทุกสิ่ง...
ตูม! ตูม! ตูม!
ออร่าของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ทั้ง 39 คนภายในห้องประชุมพลันพุ่งทะยานขึ้นพร้อมกัน พลังปะทะเข้ากับควันดำอย่างรุนแรงและทำลายมันจนแตกกระจายหายไปในพริบตา
ทันใดนั้น ทุกสายตาก็จับจ้องไปยังพื้นเบื้องหน้า
ร่างของชายคนหนึ่ง... ถูกตรึงอยู่กลางพื้น หัวก้มต่ำ เปล่งออร่าระดับจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ออกมาแบบไร้เสถียรภาพ ราวกับไม่ใช่พลังของตนเอง
ก่อนที่หานิจะจำชายคนนั้นได้ มันคือ... เย่หลิน ศิษย์ของจี้อี้เหริน
ร่างของเขาเต็มไปด้วยไอหมอกแห่งเพลิงที่วนเวียนอยู่รอบตัว แต่พลังกลับแปลกประหลาดและไม่มั่นคง เหมือนถูกยืมมาจากใครบางคน
มู่หนานซือหรี่ตา มองภาพเบื้องหน้าอย่างเ็า เสียงของนางดังขึ้นอย่างไร้อารมณ์
“แทนที่เ้าจะยอมรับผิดพลาด... แต่พวกเ้ากลับเลือกจะก่อฏงั้นเหรอ?!!”
“ได้... ได้เลย... ข้าละชอบพวกเ้าจริงๆ …. ในเมื่อความเชื่อใจที่ข้าให้มันไม่มีค่า ก็ไม่จำเป็ต้องมีอีกต่อไป”
เสียงกรีดร้องของเย่หลินดังขึ้นพร้อมกับพลังสีฟ้าที่ปะทุออกจากร่างของมู่หนานซือ
“ปล่อย ท่านอาจารย์ของข้าซะ ไอ้พวก…. อ๊าาาาาา!!”
หานิยืนนิ่งอยู่กลางห้องประชุม สายตาของเขากวาดมองไปรอบตัวอย่างรวดเร็ว ก่อนจะขมวดคิ้วเข้าหากันโดยไม่พูดอะไร เพราะมีบางอย่าง... ไม่ถูกต้อง
เขาหลับตาลงเพียงครู่ ใช้จิตััแผ่กว้างออกไปทั่วทั้งดินแดนศักดิ์สิทธิ์สายน้ำะ และในเสี้ยวนาทีนั้นเอง เขาก็ััได้ถึงสิ่งผิดปกติที่ชัดเจนยิ่งกว่าสิ่งใด
โชค... ของคนในนิกายกำลังลดลง ไม่ใช่แค่ลดลงธรรมดา แต่ลดลงอย่างบ้าคลั่งราวกับโดนละทิ้งจากโชคชะตา
โดยเฉพาะคนที่อยู่ใกล้ชิดกับมู่หนานซือ หรืออยู่ในฝั่งของนาง โชคของพวกเขาร่วงลงราวกับหินที่หล่นจากยอดเขา ไม่มีแม้แต่สิ่งใดจะเหนี่ยวรั้งมันไว้ได้
แต่ทันใดนั้น หานิก็มองออกไปที่ด้านนอก ดวงตาของเขาหันไปยังขอบฟ้า ก่อนที่ดวงตาของเขาจะเบิกกว้างขึ้นในทันที
เพราะที่นอกเขตดินแดนศักดิ์สิทธิ์... ออร่าของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่กว่า 200 คนกำลังพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว และพลังของแต่ละคนก็ไม่ธรรมดา จักรพรรดิทั้งหมดนั้นจัดเป็ระดับสูงทั้งนั้น อย่างน้อยก็ขั้นที่ 7 ขึ้นไป และมีบางคนที่ยังคงซ่อนเร้นพลังอยู่
แต่นั่นยังไม่ใช่จุดสิ้นสุดของหายนะ
ตูม!
เสียงะเิของพลังิญญาจากอีกทิศหนึ่งของยอดเขาดังขึ้น
“วันนี้มันวันบ้าอะไรกัน? วุ่นวายชะมัด!!”
หานิหันไปมอง ก่อนจะััได้ถึงแรงปะทะจากภายในตัวดินแดนศักดิ์สิทธิ์เอง ไม่กี่ลมหายใจต่อมา เสียงโห่ร้อง เสียงคำราม เสียงอาวุธปะทะดังขึ้น เนื่องจากเกิดการต่อสู้กันเอง... ภายในดินแดนศักดิ์สิทธิ์สายน้ำะ
ศิษย์หลายคนเริ่มโจมตีกันโดยไร้เหตุผล และที่เลวร้ายที่สุด... ยอดเขาไผ่์
ศิษย์หญิงของยอดเขาไผ่์... กำลังต่อสู้กับศิษย์จากยอดเขาอื่นอย่างดุเดือด โลหิตไหลริน กระบี่ฟาดฟัน พลังทำลายพวยพุ่งขึ้นสู่ฟ้าอย่างควบคุมไม่ได้
โชคของคนในดินแดนศักดิ์สิทธิ์เริ่มหายไปจนบรรพบุรุษหรือผู้าุโหลักบางคนกลายเป็โชคสีดำไปแล้ว
ในขณะที่ภายใน... ศิษย์และผู้าุโมากมายต่างเข่นฆ่ากันเอง และพวกเขาไม่มีร่องรอยของการถูกควบคุมแม้แต่น้อย
ที่ด้านหน้าของหานิ พลังของเย่หลินพุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าทำลายแรงกดดันทั้งหมดของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ทั้ง 39 คนทันที และออร่าแห่งเต๋า์อันรุนแรงแพร่ออกมาจากตัวของเขา
ทันใดนั้นเสียงคำรามจากนอกเขตดินแดนศักดิ์สิทธิ์เริ่มดังขึ้นมาเรื่อยๆ พร้อมรูปแบบป้องกันของนิกายที่ถูกใครบางคนปิดลง ม่านพลังสีทองค่อยๆ สลายไปอย่างช้าเปิดทางให้จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่เ่าั้เข้ามาทันที พลังจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่กว่า 200 คนบดบังแสงตะวัน สั่นะเืไปทั่วดินแดนศักดิ์สิทธิ์