สนามรบของจักรพรรดิาศักดิ์สิทธิ์อยู่เหนือท้องฟ้า ผลการทำลายล้างที่เกิดจากการต่อสู้นั้นเหนือคำบรรยาย เหมือนเช่นมหาวาตะโหมพัดซัดกระหน่ำบนท้องฟ้านับครั้งไม่ถ้วน ถ้าไม่ใช่เพราะเขตแดนอันทรงพลังที่เกิดขึ้นจากค่ายกลนี้ เกรงว่ามหาพายุนี้จะทำลายสมรภูมิกระดูกขาวแห่งนี้จนพินาศป่นปี้ไปเนิ่นนานแล้ว
ความน่าสะพรึงกลัวของโม่ฉางชุนเกินกว่าจินตนาการของเสวียนเสวียนจื่อกับเยว่หลิงซานและคนอื่นๆ หากมิใช่จักรพรรดิาศักดิ์สิทธิ์ห้าคนร่วมมือกัน คงไม่สามารถรั้งเขาไว้ได้อย่างเด็ดขาด แต่ถึงจะเป็เช่นนี้ กลับยังคงไม่สามารถส่งผลคุกคามต่อโม่ฉางชุนมากมายนัก แต่พวกเขากลับคาดหวังให้บรรดาจักรพรรดิาศักดิ์สิทธิ์คนอื่นๆ สังหารบรรพบุรุษเฒ่าจักรพรรดิาศักดิ์สิทธิ์สองคนของตระกูลโหยวและจู้ฉางชิงโดยเร็วที่สุด แล้วร่วมมือกันเช่นนี้ ต่อให้โม่ฉางชุนแข็งแกร่งมากเพียงใดก็มีแต่เส้นทางมรณะเพียงสายเดียว ดังนั้น บรรพบุรุษเฒ่าจักรพรรดิาศักดิ์สิทธิ์ทั้งห้าก็ไม่ต่อสู้แบบแลกชีวิตกับโม่ฉางชุนเช่นกัน เพียงแต่พัวพันเขาไว้ให้ได้รับความลำบากยากเข็ญ พวกเขาสามารถถ่วงเวลาไว้ได้ แต่ว่าโม่ฉางชุนกลับรอคอยไม่ได้ เพียงเพราะ้ารั้งตัวโม่ฉางชุนไว้เท่านั้น จึงต้องต่อสู้พัวพันไว้อย่างฝืดฝืน
และสนามต่อสู้อีกด้านหนึ่ง บรรพบุรุษเฒ่าจักรพรรดิาศักดิ์สิทธิ์สองคนของตระกูลโหยวได้รับาเ็สาหัสแล้ว กล่าวถึงที่สุดแล้วบรรพบุรุษเฒ่าอาจารย์ปู่เทียนฉานและจักรพรรดิาศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ จำนวนคนมากกว่าหลายคน สามัคคีรวมพลังขึ้นในลักษณะกดดันอยู่ฝ่ายเดียวโดยสิ้นเชิง สำหรับจู้ฉางชิงนั้นจู้เชียนชิวต่อสู้พัวพันไว้อย่างยากลำบาก ถ้าเป็ผู้อื่นคงจะไม่ยั้งมือไว้ไมตรีด้วยความเห็นใจ นี่คือเื่ราวในตระกูลจู้ของพวกเขา จู้เชียนชิวเองก็ไม่อาจตัดใจลงมือสังหารให้เสียชีวิต เนื่องเพราะเขารู้สึกว่าจู้ฉางชิงเพียงแค่จิตสมาธิถูกควบคุม ถ้าโม่ฉางชุนเสียชีวิตลง จะต้องได้สติกลับคืนมาแน่นอน เมื่อเป็เช่นนี้ ตระกูลก็สามารถรักษาความแข็งแกร่งไว้ได้ส่วนหนึ่ง และเขาก็ไม่จำเป็ต้องลงมือสังหารพี่น้องของตนด้วยน้ำมือตนเองแล้ว แต่ว่าพอเป็เช่นนี้ขึ้นมา จู้ฉางชิงนั่นลงมือด้วยกระบวนท่าสังหารอย่างต่อเนื่อง จู้เชียนชิวได้รับาเ็ไปทั้งตัวแล้ว จู้ว่านเหนียนมิอาจไม่เข้ามาช่วยเหลือ สองพี่น้องร่วมมือกันต่อสู้กับจู้ฉางชิง แต่คิดจะจับเป็จักรพรรดิาศักดิ์สิทธิ์ผู้หนึ่ง นั่นเป็เื่ที่ลำบากยากเย็นแสนเข็ญจริงๆ
บนเกาะปลาวาฬั์อีกด้านหนึ่ง ลูกศิษย์ตระกูลโหยวได้รับาเ็สาหัส ล้มตายจำนวนมาก กล่าวถึงที่สุดแล้วพลังจากความร่วมมือของตระกูลจู้และแต่ละสำนักนิกายครองความได้เปรียบกว่า การเข่นฆ่าสังหารรอบนี้ น่านน้ำมหาสมุทรแถบนี้ถูกย้อมจนกลายเป็สีแดง และกลิ่นอายมรณะกับิญญาคับแค้นล้วนถูกค่ายกลดูดกลืนจนหมดสิ้น จิตสังหารไร้ขอบเขตระหว่างฟ้าดินได้ผันแปรเป็กลิ่นอายิญญาชั่วร้าย และโลหิตสดๆ คล้ายดั่งจะทำให้เกาะกระดูกขาวเหล่านี้มีชีวิตชีวาขึ้นมาแล้ว กระดูกสีขาวเ่าั้หลังจากดูดซับโลหิตของพวกเขาแล้วดูเหมือนจะยิ่งแฝงด้วยกลิ่นอายอาถรรพ์ชั่วร้ายที่เข้มข้นชนิดหนึ่ง ทำให้มหาค่ายกลหมื่นดวงิญญาสักการะฟ้า แปรเปลี่ยนเป็แปลกประหลาดมากยิ่งขึ้น
“รวบรวมสมาธิ ทำจิตใจให้สงบ ปลดปล่อยจิติญญา ข้าจะชักนำกลิ่นอายิญญาชั่วร้ายไร้สิ้นสุดเข้าไปในร่างกายเ้า ค่ายกลใหญ่ทั้งหลังจะอาศัยเ้าเป็ศูนย์กลางคอยดูดกลืนิญญาชั่วร้าย” สีหน้าท่าทางจ้านอู๋มิ่งเคร่งขรึมจริงจัง กุมมือทั้งสองของจู้เชียนเชียนไว้ พูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียดจริงจัง
“ข้าเตรียมพร้อมเรียบร้อยแล้ว!” จู้เชียนเชียนสีหน้าหนักแน่นมั่นคง เมื่อนางทราบแล้วว่าการวางแผนการทั้งหมดของวันนี้เกิดจากฝีมือของจ้านอู๋มิ่ง และทั้งหมดนี้ก็เพื่อ้ากำจัดผนึกต้องห้ามอันชั่วร้ายในร่างกายนาง นางก็เชื่อมั่นต่อจ้านอู๋มิ่งอย่างไม่มีเงื่อนไขแล้ว มีบุรุษเช่นนี้ผู้หนึ่ง มีคุณค่าคู่ควรต่อความห่วงใยของนาง ยิ่งคู่ควรต่อการเลือกของนางต่อหน้าคนนับพันนับหมื่นเ่าั้ในห้องโถงใหญ่
“ประเสริฐ กระบวนการนี้จะเ็ปอย่างยิ่ง หากข้าคาดเดาไม่ผิดพลาด กลิ่นอายิญญาชั่วร้ายจะถูกดูดกลืนโดยคนในความมืดผู้นั้นที่คอยแอบขโมยโชคชะตาของเ้า เ้าเป็เพียงร่างที่เป็สื่อกลางผู้หนึ่งเท่านั้น ในเมื่อเขาชอบแอบ่ชิงโชคชะตาและธาตุแห่งชีวิตผู้อื่นนัก เช่นนั้นวันนี้ข้าก็จะทำให้เขาได้่ชิงอย่างเต็มที่จนจุใจ ขอเพียงเขากล้ารับเอาไว้ ข้าสามารถอัดพลังจนกระทั่งเขาะเิจึงจะยุติ!” จ้านอู๋มิ่งยิ้มอย่างชั่วร้าย หลังจากนั้นใช้เืของจู้เชียนเชียนวาดเป็ลวดลายยันต์แปลกๆ ชนิดหนึ่งบนหน้าผากระดูกแห่งนี้ ครู่เดียว จู้เชียนเชียนก็รู้สึกแต่ว่ากลิ่นอายหยินระหว่างฟ้าดินกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้ดุจบ้าคลั่งก็มิปาน
“เชียนเชียน ทำใจให้สงบ ราบเรียบดั่งธารา แล้วนั่งลงที่ตรงกลาง!” จ้านอู๋มิ่งรีบส่งเสียงบอกคำหนึ่ง
จู้เชียนเชียนไม่ลังเลอีกต่อไป รีบย้ายที่อย่างรวดเร็ว นั่งลงตรงกลางลวดลายยันต์สีแดงนั้น พลันก็รู้สึกได้ถึงพลังหยินที่หนาวเย็นอย่างหาที่เปรียบมิได้ แทรกซึมเข้าร่างกายทางรูขุมขนนับพันนับหมื่น นางนึกถึงคำพูดของจ้านอู๋มิ่ง ปลดปล่อยจิตสมาธิโดยสิ้นเชิง รักษาจิติญญาให้สงบราบเรียบโดยสมบูรณ์ เพียงแต่เก็บความคิดไว้ในห้วงคำนึงเท่านั้น
เพียงครู่เดียวเท่านั้น นางก็รู้สึกว่าชีพจรเส้นลมปราณทั่วร่างกายเ็ปราวกับจะฉีกขาดก็มิปาน พลังหยินหนาวเย็นเ่าั้กลายเป็พลังงานรุนแรงบ้าคลั่งโจมตีใส่เส้นชีพจรลมปราณทุกเส้น และเส้นชีพจรในร่างกายนางไม่เคยได้รับการขัดเกลาด้วยพลังจิติญญาแห่งการต่อสู้มาก่อน จึงเปราะบางอย่างยิ่ง นางถึงกับรู้สึกว่าเส้นชีพจรทั่วร่างตนเองคล้ายดั่งอีกครู่เดียว ก็จะถูกพลังงานบ้าคลั่งสายนี้ทะลวงจนะเิทันที และยามนี้เอง นางก็รู้สึกถึงกระแสพลังอันสดชื่นอบอุ่นและอ่อนโยนโคจรจากบนศีรษะเข้าสู่ภายในร่างกาย พลังสายนั้นดูเหมือนเปี่ยมด้วยความเหนียวแน่นยืดหยุ่น ทำให้เส้นชีพจรลมปราณของนางมั่นคงขึ้นมาในทันใด และพลังหยินที่หนาวเยือกเย็นสุดขั้ว เมื่อเจอกระแสพลังอันสดชื่นอบอุ่นและอ่อนโยนสายนี้ กลับหลบเลี่ยงไปเองในทันที ไม่กล้าเข้าใกล้เลยแม้แต่น้อย
จู้เชียนเชียนทราบว่า นี่คือจ้านอู๋มิ่งที่ปกป้องชีพจรหัวใจนางไว้แล้วในยามที่เกิดวิกฤต แต่จ้านอู๋มิ่งเหลือช่องว่างแห่งหนึ่งไว้ภายในร่างกายของนาง นั่นคือตรงแก่นแท้ของธาตุแห่งชีวิต
หลังจากที่พลังหยินหนาวเย็นแสนคลุ้มคลั่งถูกขัดขวางทุกแห่งหน ได้แต่มุ่งหน้าพุ่งเข้าไปทางช่องว่างแห่งนั้น ทะลวงเข้าไปในธาตุแห่งชีวิตดุจกระแสน้ำหลากยามน้ำท่วมก็มิปาน จู้เชียนเชียนรู้สึกว่าตนเปลี่ยนเป็แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง ราวกับร่างกายก่อเกิดพลังชีวิตอเนกอนันต์ออกมาอย่างกะทันหัน ธาตุแห่งชีวิตได้รับเสริมเติมเต็มสมบูรณ์อย่างรวดเร็ว ความรู้สึกชนิดนี้เวลาที่บิดานางไปหาของวิเศษสมบัติธรรมชาติมาให้ตนทานลงไป ก็เคยเกิดขึ้นแล้วหลายครั้ง แต่จู้เชียนเชียนทราบว่าสถานการณ์ลำดับต่อไปก็คงจะเหมือนเดิมเช่นกัน หลุมดำภายในจิติญญาแห่งชีวิตก็จะกลืนกินธาตุแห่งชีวิตของนางอย่างไร้จำกัด ไม่สามารถที่จะทำให้ธาตุแห่งชีวิตของนางเสถียรมั่นคงจนบรรลุถึงจุดสูงสุด
“ตูมมม…” ความรู้สึกของจู้เชียนเชียนไม่ผิดพลาด หลุมดำในจิติญญาแห่งชีวิตได้รับการกระตุ้นภายใต้การเพิ่มพูนขึ้นอย่างบ้าคลั่งของธาตุแห่งชีวิต หมุนโคจรขึ้นมาทันใด พลังหยินหนาวเยือกเย็นสุดขั้วเหมือนกับพบช่องทางระบายออกอย่างกะทันหัน ถูกหลุมดำดูดกลืนลงไปในทันใด
จ้านอู๋มิ่งถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก ทุกอย่างเป็ไปตามที่เขาคิด และก็กำลังดำเนินไปในทิศทางที่เขากำหนดไว้เช่นกัน เวลานี้ที่ค่ายกลใหญ่ดูดซับมาเป็เพียงพลังงานชั่วร้ายที่ผันแปรจากกลิ่นอายมรณะและิญญาคับแค้นของผู้ตายของราชันาบางคนเท่านั้น สำหรับคนที่อยู่อีกฟากหนึ่งของหลุมดำนี้ อาจเป็เพียงแค่อาหารเรียกน้ำย่อยชนิดหนึ่งเท่านั้นเองก็ได้ แต่จ้านอู๋มิ่งทราบว่าในวันนี้อาจมีราชันาหลายร้อยคนที่จะต้องสิ้นชีวิต หรือบางทีอาจจะมากกว่านั้น และจักรพรรดิาหรือมหาจักรพรรดิาก็จะเสียชีวิตไม่น้อยเช่นกัน บางทีอาจยังมีจักรพรรดิาศักดิ์สิทธิ์ดับสูญอีกด้วย หลังจากกลิ่นอายมรณะและิญญาคับแค้น ตลอดจนธาตุแห่งชีวิตกับโชคชะตาและพลังแห่งชะตาชีวิตของคนเหล่านี้ ถูกค่ายกลใหญ่ผันแปรเป็พลังแล้ว ต่อให้อีกฝ่ายเป็ถึงเทพเ้าา ก็จะถูกดันจนพังพินาศเช่นกัน เวลาเช่นนี้คือโอกาสของเขา และก็เป็โอกาสของจู้เชียนเชียนเช่นกัน!
ในสมรภูมิรบกระดูกขาว ไม่มีผู้ที่ฐานบ่มเพาะต่ำกว่าราชันา เนื่องเพราะผู้ที่สามารถเร่งรุดมาถึงสถานที่นี้ ผู้ที่สามารถเข้าไปในห้องโถงใหญ่ตระกูลจู้ เพื่อเข้าร่วมในงานพิธีหมั้นขององค์หญิงเชียนเชียน ล้วนเป็ยอดฝีมือระดับสูงกว่าปรมาจารย์นักยุทธ์ทั้งสิ้น แน่นอน จ้านอู๋มิ่งตนเองคนเดียวที่ยกเว้น ตลอดจนท่ามกลางคนเหล่านี้ ราชันาจำนวนมากเ่าั้ล้วนเป็คนติดตามของกลุ่มอำนาจต่างๆ
ในสมรภูมิรบกระดูกขาวแห่งนี้ ราชันาก็เหมือนเช่นเดียวกับทัพหน้า ที่เสียชีวิตอันดับแรกสุดก็คือคนเหล่านี้ มหาจักรพรรดิาโบกมือง่ายๆ คราหนึ่ง ก็จะมีราชันาเสียชีวิตไปแถวใหญ่ นี่คือการต่อสู้ระยะประชิด ไม่มีผู้ใดทราบเช่นกันว่าจะถูกโจมตีโดยมหาจักรพรรดิาหรือไม่
ลูกศิษย์สำนักบริบาลเดรัจฉานฉลาดอย่างยิ่ง ความจริงพวกเขาดำเนินการโดยการสังเกตสีหน้าของจ้านอู๋มิ่ง เพราะตอนนี้จ้านอู๋มิ่งกำลังฆ่าเวลาด้วยการสนทนาพลอดรักอยู่กับจู้เชียนเชียน ถ้าอย่างนั้นศิษย์น้องเล็กคนนี้จะต้องมีแผนการของเขาอย่างแน่นอน และแล้วศิษย์สำนักบริบาลเดรัจฉาน ก็ใช้ข้ออ้างสวยหรูปกป้องศิษย์น้องเล็กหรือศิษย์หลานคนเล็ก ทั้งหมดต่างปักหลักเฝ้ารอห่างจากจ้านอู๋มิ่งมากกว่าสิบวา สำหรับเื่ที่จ้านอู๋มิ่งและจู้เชียนเชียนกำลังทำอะไรอยู่ พวกเขาไม่ได้สนใจอะไรมากนัก เพราะศิษย์น้องเล็กคนนี้แต่ไหนแต่ไรไม่เคยทำอะไรที่เสียเปรียบมาก่อน การเดินทางไปสถานพำนักของคุนเผิงในครั้งนี้ ทุกคนล้วนตระหนักถึงข้อดีของการติดตามจ้านอู๋มิ่ง แทบทุกคนต่างล้วนได้รับแหวนจักรวาลจำนวนไม่น้อย ไม่เพียงแต่ช่วยกู้หน้าให้สำนักจนได้รับเกียรติเท่านั้น ยังได้กำไรเงินทองเพื่อตนเองอีกด้วย เป็เื่ราวที่ดีพร้อมทั้งขึ้นทั้งล่อง
จ้านอู๋มิ่งพึงพอใจยิ่งที่ศิษย์สำนักบริบาลเดรัจฉานเข้าใจสถานการณ์ เป็ต้นกล้าหน่วยก้านดีที่สามารถฝึกสอนได้จริงๆ พวกที่ต่อสู้แลกชีวิตกันเกี่ยวข้องอันใดกับข้า ศิษย์ของแต่ละสำนักนิกายมีมากมายขนาดนั้น ที่ชื่นชอบจู้เชียนเชียนก็มีไม่น้อย สำหรับตระกูลโหยว สิ่งที่ทำลายความฝันอันบรรเจิดของพวกเขา นับว่าน่าแค้นเคืองใจจริงๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโหยวจือเซวียนน่าอนาถที่สุดแล้ว หลบตรงไหนก็ล้วนมีคนตามไล่ฟันทุกที่ บนร่างถูกผ่าจนเหมือนม้วนม่านลูกปัดไปแล้ว คราบเืนั้นเป็เส้นสาย พวกที่สับเขาก็โเี้น่าดู ฟันใส่ร่างแต่ไม่สังหารจนเสียชีวิต วาดเป็รอยแผลจากคมดาบบนร่างเขาเป็สายๆ ก็พอแล้ว ถึงแม้โหยวจือเซวียนไม่ได้เสียชีวิต แต่ก็เกิดาแเต็มไปหมดทั้งตัว ลักษณะเหมือนสุนัขบ้า เขาถูกบีบคั้นจนเสียสติไปแล้ว…
จ้านอู๋มิ่งส่ายหัวอย่างพูดไม่ออก เด็กผู้เคราะห์ร้ายคนนี้ เ้าว่าตบแต่งกับผู้ใดล้วนไม่ดี จะต้องตบแต่งองค์หญิงเชียนเชียนเชื่อมสัมพันธ์กับตระกูลจู้ให้ได้ นั่นยังมิใช่ถูกผู้คลั่งไคล้องค์หญิงเชียนเชียนนับพันนับหมื่นโกรธเคืองแทบตายหรอกหรือ เ้าคิดว่าเ้าหน้าตาหล่อเหลาคมคายมากความสามารถ จิติญญากล้าหาญสูงล้ำ อหังการครอบคลุมใต้หล้าเช่นพี่ชายหรือ จ้านอู๋มิ่งมองๆ จู้เชียนเชียนที่อยู่ด้านข้างอย่างภาคภูมิใจ ในใจกลับรู้สึกอิ่มอกอิ่มใจ ทั้งยังปลาบปลื้มขึ้นมา ั้แ่บัดนี้เป็ต้นไป องค์หญิงเชียนเชียนที่ผู้คนนับหมื่นหลงใหลคลั่งไคล้ก็คือสุดที่รักของตนแล้ว…นี่คือความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่อันเป็ความใฝ่ฝันของบุรุษทั่วหล้าอย่างแน่นอน
จ้านอู๋มิ่งพลันพบว่าต่อให้ทอดทิ้งหลินซีรั่ว ไม่รวมนางอยู่ด้วย ตนเองก็ยังรู้สึกชื่นชอบองค์หญิงเชียนเชียนผู้นี้ขึ้นมาบ้างแล้วจริงๆ เนื่องเพราะชื่นชอบในความสามารถของหญิงสาวผู้นี้ ชื่นชอบความงามและความใสซื่อบริสุทธิ์ของนาง…
ร่างของจู้เชียนเชียนพลันสะท้านคราหนึ่งอย่างกะทันหัน จ้านอู๋มิ่งมองดู มหาจักรพรรดิาคนหนึ่งของตระกูลโหยว ถูกปิดล้อมโจมตีจนเสียชีวิต ความแข็งแกร่งของธาตุแห่งชีวิตและโชคชะตาของมหาจักรพรรดิา ไม่ใช่ราชันาจะมาเปรียบเทียบได้โดยสิ้นเชิง ดังนั้น พลังงานที่ะเิออกมาอย่างกะทันหันนี้ ทำให้จู้เชียนเชียนรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย แน่นอนจ้านอู๋มิ่งรู้สึกว่าหลุมดำยังคงดูดกลืนอยู่ มิได้หยุดลงแต่อย่างใด
จ้านอู๋มิ่งรู้สึกว่านี่เป็เื่ที่ดีเื่หนึ่ง มีมหาจักรพรรดิาเสียชีวิตแล้ว จักรพรรดิาดับสูญกว่าสิบคน กลุ่มอำนาจในเมืองวันสิ้นโลกต่อสู้จนสับสน น่านน้ำมหาสมุทรแถบนี้อยู่ภายใต้อิทธิพลิญญาชั่วร้ายที่ไร้ขอบเขต บางคนจิตใจถึงกับสับสนขึ้นมาบ้างแล้ว โดยเฉพาะคนที่ได้รับาเ็เ่าั้ พวกเขาคล้ายดั่งกลายเป็สัตว์ป่าตัวหนึ่งไปแล้ว เหลือแต่ความคิดการฆ่าฟันอยู่ในใจ
จ้านอู๋มิ่งรู้สึกตื่นตระหนกในใจ เขาไม่ทราบว่าตนทำเช่นนี้ถูกหรือผิดกันแน่ แต่ว่าเขากลับเข้าใจดี โม่ฉางชุนผู้นั้นเป็ยอดคนผู้หนึ่ง หากคิดใช้วิธีการธรรมดาไปค้นหาคนผู้นี้ออกมา เกรงว่าเป็เพียงการงมเข็มในมหาสมุทรเท่านั้น และจ้านอู๋มิ่งรู้สึกยิ่งกังวลเกี่ยวกับตระกูลที่อยู่เื้ัโม่ฉางชุนมากขึ้น ในแผ่นดินนี้มีเพียงคนผู้นี้เพียงคนเดียว หรือว่าในแผ่นดินนี้ยังมีพลังที่ยิ่งใหญ่กว่าของตระกูลโม่ซุ่มซ่อนอยู่อีก หากมีตระกูลโม่ที่ทรงพลังยิ่งกว่าคอยควบคุมสถานการณ์ในแผ่นดินนี้จากระยะไกล เช่นนั้นมีเพียงแต่ต้องเปลี่ยนตระกูลโม่ให้เป็ศัตรูร่วมของแผ่นดินพั่วเหยียนแล้วเท่านั้น ถึงจะมีความสามารถทำลายตระกูลโม่ได้ แล้วแอบลอบวางแผนควบคุมทั้งหมดไว้บนแผ่นดินนี้ ต้องมีสักวันที่จ้านอู๋มิ่งจะจากแผ่นดินนี้ไป แต่ว่าเขาไม่้าให้โลกที่เขาจัดระเบียบขึ้นมาใหม่อย่างยากลำบากต้องกลายเป็สวนหลังบ้านของตระกูลโม่ไป ดังนั้นจ้านอู๋มิ่งจึงสร้างสถานการณ์เช่นนี้ที่ตนเองเป็ผู้กำกับและดำเนินการเองขึ้นมา
เวลานั้น ในสมรภูมิรบกระดูกขาวนี้จ้านอู๋มิ่งหยิบยืมพลังอันแข็งแกร่งของชางอวี่ สะกดข่มเหยียนเต้าจื่อและจ้งเหยียน อีกทั้งใช้วิธีการลับกำราบสองคนจนยอมศิโรราบ หลังจากที่ได้เห็นสถานที่อันยอดเยี่ยมอย่างสมรภูมิรบกระดูกขาวแล้ว เขาก็นึกเื่หนึ่งขึ้นมาได้ ตอนที่อยู่ว่างๆ บนเกาะูเาไฟ เขาได้กำหนดวิธีการดีๆ สำหรับช่วยเหลือจู้เชียนเชียนเอาไว้แล้ว
วัตถุดิบสำเร็จรูปมีแล้ว ไม่ต้องใช้จ่ายเงินทองเพิ่ม แน่นอน ทำให้เขามีแรงจูงใจไร้ข้อจำกัดและยังกำราบอาจารย์และศิษย์ที่เข้าใจเื่ศาสตร์ค่ายกลจนศิโรราบแล้ว! สิ่งเดียวที่ยังขาดอยู่ก็คือ การจัดหาแหล่งพลังงานสำหรับให้ค่ายกลทำงาน!
แต่การแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ของตระกูลจู้และโหยวสองตระกูล กลับให้โอกาสเขาในการวางแผนค่ายกล เดิมเขาคำนวณจะช่วยแก้ปัญหาชะตาชีวิตจู้เชียนเชียนก่อน! และการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ของสองตระกูล ทำให้เขาคิดถึงโม่ฉางชุนผู้แสนลึกลับคนนั้น!
คนผู้นี้สามารถส่งข่าวผ่านลูกแก้วิญญา ให้ราชันพิษและราชันโอสถยกเลิกแผนการได้ คนที่มีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งและสามารถยอมรับความพ่ายแพ้ได้ สำหรับตนแล้วคือมหันตภัยอย่างแน่นอน ขณะเดียวกันในแผ่นดินพั่วเหยียน กลับมีคนจำนวนมากล้วนเคยถูกเปลี่ยนแปลงแก้ไขดวงชะตา เห็นได้ว่าคนตระกูลโม่ได้วางแผนการไว้ในแผ่นดินแห่งนี้ั้แ่แรก นี่นับว่าเป็ระยะเวลายาวนานมากแล้ว หากให้พวกเขาเติบโตหยั่งรากลึกต่อไป ในอนาคตจะเป็อันตรายต่อตนอย่างยิ่ง! เพราะโม่เทียนจี ศัตรูคู่แค้นคนสำคัญที่สุดยังรอคอยตนอยู่ที่อาณาจักรดินแดนปฐมภูมิ ก่อนจะทลายนภาเหินบินขึ้นไปเบื้องบน จะต้องกำจัดผู้มีอำนาจต่างๆ ที่ตระกูลพวกเขาวางแผนไว้ในอาณาจักรดินแดนเบื้องล่างนี้ให้หมดสิ้นเสียก่อน ทำให้พวกเขาในอาณาจักรดินแดนปฐมภูมิไม่สามารถได้รับพลังการช่วยเหลือมากยิ่งขึ้น!
ขณะเดียวกันเขาเชื่อว่าในตระกูลจู้จะต้องมีหมากซ่อนเร้นของโม่ฉางชุนอยู่อย่างแน่นอน และสิ่งที่ทำให้เขาขุ่นข้องหงุดหงิดก็คือ ตระกูลจู้กลับ้าให้จู้เชียนเชียนตบแต่งให้กับตระกูลโหยว หากไม่ได้รับความเห็นชอบจากผู้ลอบวางแผนควบคุมนี้ คนที่กุมชะตาชีวิตผู้คนอยู่ ไฉนจะยอมให้หมากมีผนึกอาถรรพ์ต้องห้ามมาเปลี่ยนแปลงทิศทางของโชคชะตา!
และหญิงสาวที่เหมือนเงาของหลินซีรั่วเช่นนี้ผู้หนึ่ง จ้านอู๋มิ่งแอบชื่นชมอยู่ในใจ เขาไม่้าให้หญิงสาวนางนี้กลายเป็เ้าสาวของผู้อื่น แม้ว่าวันเวลาจะเหลือไม่มากแล้ว…ดังนั้นเขาคิดไปคิดมา หลังจากกลับถึงเมืองวันสิ้นโลก ใช้วิธีการต่างๆ นานาลอบยุยงผู้ที่ชื่นชอบคลั่งไคล้องค์หญิงเชียนเชียนให้เกลียดชังตระกูลโหยว!
วางแผนเื่ตลกอย่างในวันนี้ ทำให้บรรพบุรุษผู้เฒ่าจำนวนมากมายมาชุมนุมพร้อมๆ กัน! จ้านอู๋มิ่งขบคิดอย่างมากกว่าจะปล่อยให้ชางอวี่ช่วยตน ใช้ทั้งกำลังกายและใจก่อตั้งมหาค่ายกลหมื่นดวงิญญาสักการะฟ้า ค่ายกลขนาดใหญ่เช่นนี้บนสถานที่ที่มีกระดูกขาวมากมายแห่งนี้!
ความสำเร็จด้านค่ายกลของจ้านอู๋มิ่ง อย่างน้อยก็เหนือล้ำกว่าผู้คนในแผ่นดินนี้มากมายหลายคน กล่าวถึงที่สุดแล้ว ในชาติภพก่อน สิ่งที่เขาเห็นและเรียนรู้ในอาณาจักรดินแดนปฐมภูมิ ไหนเลยที่ผู้คนในแผ่นดินนี้จะสามารถมาเปรียบเทียบได้ ทว่าชางอวี่กลับน่ากลัวยิ่งกว่า แม้ว่าความทรงจำของเขาจะมีเพียงแค่เศษเสี้ยว แต่กล่าวถึงที่สุด เขาก็เคยเป็หัวหน้าเผ่าผู้หนึ่งในอาณาจักรดินแดนเทพเ้ามาก่อน ไม่มีปัญหาแต่อย่างใดสำหรับการเปลี่ยนสมรภูมิกระดูกขาวให้กลายเป็ค่ายกลขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง ถ้าไม่ใช่เพราะชางอวี่ลงมือ แม้ว่าจ้านอู๋มิ่งและเหยียนเต้าจื่อร่วมมือกัน เกรงว่าจะไม่สามารถทำให้ค่ายกลนี้เสร็จสมบูรณ์ได้ในเวลาอันสั้น
และขณะนี้ ทุกอย่างล้วนเป็ไปตามที่จ้านอู๋มิ่งคาดคำนวณ เพียงแต่เขาคิดไม่ถึงว่าโม่ฉางชุนผู้นี้ กลับแปลงร่างแฝงตัวอยู่ท่ามกลางบรรพบุรุษผู้เฒ่าของตระกูลจู้ เื่นี้ทำให้เขารู้สึกเหนือความคาดหมายจริงๆ
