เมื่อเผชิญหน้ากับเซียวเจวี๋ยในสนามรบ สิ่งที่กองทัพศัตรูกลัวมากที่สุดไม่ใช่ใบหน้าที่เ็าของเซ่อเจิ้งอ๋อง ทว่า กลับเป็รอยยิ้มบนใบหน้าของเขา
ตัวอย่างเช่น เขาในตอนนี้
ใช้มือข้างหนึ่งเคาะที่แขนของเก้าอี้สามครั้ง และในการเคาะแต่ละครั้ง ก็จะมีกระดูกนิ้วของใครสักคนถูกหักไปทีละนิ้ว
จนทำให้คนส่งเสียงเสียงกรีดร้องด้วยความกลัวขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
ฉากนองเืนี้ดูเหมือนจะไม่ส่งผลกระทบต่อเขาเลย รอยยิ้มบนใบหน้าของเขายังคงไม่เปลี่ยนแปลงั้แ่ต้นจนจบ
ฉู่จุนหนิงที่เกือบจะอ้วกออกมาจนหมดลำไส้ ถึงนางจะนิสัยไม่ดี เอาแต่ใจมานานหลายปี ทว่า จะไปเคยเห็นฉากนองเืเช่นนี้ที่ไหนกัน
เป็ครั้งแรกที่นางมองไปที่เซียวเจวี๋ยด้วยความหวาดกลัว ในที่สุดก็เข้าใจความแตกต่างระหว่างจินตนาการกับความเป็จริงแล้ว ดูเหมือนว่านางจะไม่เคยรู้จักตัวตนของชายคนนี้เลยจริงๆ!
“พูดสิ! ทำไมพวกเ้าถึงแอบเข้าไปในห้ององค์หญิงกลางดึก!” หลิงเฟิงทุบนิ้วก้อยของมือขวาของหวังฉู่และถามด้วยน้ำเสียงเ็า “หากไม่สารภาพมา ต่อไปก็จะเป็นิ้วโป้งของเ้า ข้าขอเตือนเ้าไว้เลยนะ หากเ้าไม่มีนิ้วนี้แล้ว ในชีวิตนี้เ้าก็อย่าคิดที่จะถือกระบี่อีกเลย”
หวังฮู่ตัวสั่นเทาและเงยมองไปที่ฉู่จุนหนิง
ใบหน้าของคนข้างหลังเปลี่ยนไปอย่างมาก นางรีบะโออกมาว่า “หวังฮู่ เ้าคิดให้ดีก่อนตอบล่ะ! ตระกูลของเ้าทั้งคนเฒ่าและเด็กน้อย ทั้งหมดล้วนแล้วแต่มีเ้าเป็ผู้คอยชี้แนะและเลี้ยงดูนะ!”
สีหน้าของหวังฮู่เปลี่ยนไปทันใด เหตุใดเขาจะไม่ได้ยินคำขู่ในคำพูดของฉู่จุนหนิงล่ะ ความเศร้าโศกและความโกรธของเขาปะปนกัน นี่คงเป็ความเศร้าของการเป็ทาสใช่หรือไม่?
พี่น้องที่อยู่ข้างหลังเขาต่างแสดงสีหน้าขุ่นเคืองออกมา
“กระหม่อมจะพูด กระหม่อมจะสารภาพทั้งหมด” หวังฮู่กัดฟันพูด
“คือกระหม่อม...คือกระหม่อมเห็นว่าองค์หญิงชิงอีไม่สุภาพต่อองค์หญิงใหญ่ ทั้งยังวางยาพิษเพื่อฆ่าองค์หญิงใหญ่ ดังนั้นกระหม่อมรู้สึกไม่พอใจ จึงอยากที่จะมัดตัวนางไว้และขู่ให้นางมอบยาแก้พิษให้!” หวังฮู่ถอนหายใจ แล้วพูดอย่างเศร้าๆ “เื่นี้ไม่เกี่ยวอะไรกับคนอื่นหรอก พวกเขาล้วนแล้วแต่ถูกกระหม่อมบังคับทั้งสิ้น”
“พี่ใหญ่หวัง!”
“ไม่ใช่ ความจริงไม่ได้เป็เช่นนั้น...”
“หุบปาก! ใครว่าความจริงไม่ได้เป็เช่นนี้!” ฉู่จุนหนิงรีบพูดออกไป “ก็แค่สุนัขรับใช้ที่้าฆ่าองค์หญิงชิงอี หลังจากเหตุการณ์ถูกเปิดเผย เขาก็เลยสร้างผีขึ้นมา พี่เซียว...ท่านก็ทราบรายละเอียดแล้ว ข้าไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเื่นี้จริงๆ! ชิงอีเป็หลานสาวของข้า ข้าจะไปทำร้ายนางอย่างโหดร้ายเช่นนั้นได้อย่างไรกัน”
เมื่อคนอื่นๆ ได้ยินคำพูดของนาง ทุกคนก็ต่างแสดงสีหน้าละอายใจออกมา สายตาก็จับจ้องไปที่สีหน้าของหวังฮู่ กลับกันก็รู้สึกสงสารมากกว่าเล็กน้อย
แม้ว่าคนผู้นี้จะมีความผิดฐานก่อจลาจล ทว่า เขาก็ยังเป็ลูกผู้ชายที่พยายามอย่างเต็มที่ที่จะรับผิด
“แล้วชายชุดดำเ่าั้ล่ะ” เซียวเจวี๋ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
หวังฮู่เงยหน้าขึ้นแล้วพูดว่า “สิ่งที่ข้าทำไปข้าได้ยอมรับไปแล้ว และสิ่งที่ข้าไม่ได้ทำก็คือข้าไม่ได้ทำ! เราไม่รู้จักกลุ่มคนชุดดำเ่าั้จริงๆ!”
สีหน้าของเซียวเจวี๋ยที่ไม่สามารถคาดเดาได้ ทว่า รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาลึกขึ้นเล็กน้อย
เมื่อฉู่จุนหนิงเห็นเช่นนี้ นางก็หันไปหาหวังฮู่และพูดด้วยใบหน้ามืดมนว่า “หวังฮู่ เื่มาถึงขนาดนี้แล้วเ้ายังจะปากแข็งไปอีกทำไมกัน? หากเ้ายอมรับว่าสมรู้ร่วมคิด เ้ายังสามารถรับโทษเพียงคนเดียว ตระกูลของเ้าจะไม่มีอันเกี่ยวข้อง!”
คำพูดเหล่านี้ช่างเยือกเย็นจริงๆ เหล่าพี่น้องทุกคนที่อยู่ข้างหลังหวังฮู่ต่างแสดงสีหน้าไม่พอใจ การสมรู้ร่วมคิดกับนักฆ่าเพื่อสังหารราชวงศ์ถือเป็อาชญากรรมร้ายแรงกระทบไปถึงเก้าชั่วโคตร นางไม่ละอายใจที่จะอ้าปากสั่ง ให้คนรับสารภาพความผิดที่ไม่สมเหตุสมผลเช่นนี้เลยหรือไร?
หวังฮู่กัดฟันและปฏิเสธความผิด
ฉู่จุนหนิงที่เห็นเช่นนี้ก็รู้สึกกังวล เพราะกลัวว่าสุนัขรับใช้จะดึงตนเองเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย แทบรอไม่ไหวที่จะให้เซียวเจวี๋ยหั่นเขาเป็ชิ้นๆ ในตอนนี้
เมื่อนางกำลังที่จะเปิดปากพูดอีกครั้ง เสียงของชิงอีก็ดังขึ้นมาจากข้างๆ
“ทำให้นางหุบปากเดี๋ยวนี้!”
ฉู่จุนหนิงจ้องมาที่นาง ไม่รอให้นางได้สร้างปัญหา ต้านเสวี่ยที่ส่งไม้ช่วยใส่รองเท้ามา เถาเซียงก็รีบใส่เข้าไปในปากของนาง จากนั้นก็ล็อกนางเอาไว้ จิ๋วกุ่ยและจางจื่อก็รีบเข้ามามัดนางทันที
ฉู่จุนหนิงแทบจะบ้าตาย พวกสุนัขรับใช้กลุ่มนี้กล้าทำแบบนี้กับนางได้อย่างไร!
เถาเซียงส่งเสียงฮึออกมา โดยไม่กลัวนางเลยแม้แต่น้อย จิ๋วกุ่ยและจางจื่อที่อยู่ข้างหลังก็แสดงสีหน้าดูถูกเหยียดหยามเช่นกัน
พวกเขาไม่พอใจองค์หญิงใหญ่ผู้นี้มานานแล้ว ปฏิบัติต่อเหล่าคนรับใช้เหมือนไม่ใช่มนุษย์ พอตนเองได้รับผลประโยชน์แล้วก็ถีบหัวส่ง เื่เลวร้ายทั้งหมดก็ให้ผู้อื่นเป็แพะรับบาป แถมยังเหยียบย่ำอีกด้วย!
อย่างไรแล้วก็มีชิงอีหนุนหลังอยู่ พวกเขาเลยกล้าทุ่มหมดหน้าตัก กลับกันหากโทษคนเดียวก็คงหนีไม่พ้นการโดนโบยหลายสิบครั้ง!
คนอื่นๆ ใบหน้าก็เต็มไปด้วยพึงพอใจเช่นกันเมื่อเห็นสิ่งนี้ พวกเขาควรจะจัดการกับนางแบบนี้ตั้งนานแล้ว! และจู่ๆ พวกเขารู้สึกว่าชิงอีทำถูกแล้วที่จะวางยาพิษนางในตอนเดินทาง อย่างไรก็ตามฤทธิ์ของพิษนั้นช้าเกินไป นางพูดปาวๆ มานานขนาดนี้ เหตุใดถึงยังไม่ตายอีกนะ?
“เซ่อเจิ้งอ๋อง ในเมื่อคนผู้นี้มาที่นี่เพื่อสังหารข้า ก็ควรจะปล่อยให้ข้าจัดการเขาด้วยตัวเองใช่หรือไม่” ชิงอีที่ยืนอยู่นานจนเหนื่อย จึงสั่งให้คนไปย้ายเก้าอี้มา ทว่า ตอนนี้นางกำลังนั่งไขว่ห้างอยู่บนแขนเก้าอี้ ด้วยท่าทางที่หยิ่งยโสราวกับเหมือนผู้มีอำนาจสูงสุด
ทุกคนที่มองดูพวกเขา ในใจก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าองค์หญิงช่างเก่งกาจจริงๆ เวลาเช่นนี้ยังสามารถที่ต่อสู้กับเซ่อเจิ้งอ๋องอีก
พอเอาทั้งสองมาอยู่ด้วยกัน เรียกได้ว่าเป็คู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อกันเสียจริง
“ไม่ทราบว่าองค์หญิงมีวิธีจัดการเช่นไรหรือ?” เซียวเจวี๋ยเหลือมองนาง
ชิงอีส่งเสียงฮึออกมา ทุกคำที่นางพูดออกมา สีหน้าของหวังฮู่และคนอื่นๆ ก็เปลี่ยนเป็ซีดเผือด “ถลกหนัง ดึงเส้นเอ็น ควักลูกตา ตัดลิ้น แล้วก็โยนลงกระทะน้ำมัน จริงๆ แล้วมันก็ขึ้นอยู่กับอารมณ์ของข้า”
เซียวเจวี๋ยกระตุกมุมปาก มองรอยยิ้มของนางที่มีความอุ่นอยู่เล็กน้อย “เช่นนั้นข้าก็ฝากให้องค์หญิงจัดการก็แล้วกัน”
จบแล้ว!
ในใจของหวังฮู่และคนอื่นๆ ต่างพูดว่าหากพวกเขาตกไปอยู่ในมือของผีองค์หญิง เกรงว่าให้หั่นพวกเขาเป็ชิ้นๆ ยังดีเสียกว่า!
“พาคนไป จัดการให้เรียบร้อย สกปรกจะตายอยู่แล้ว!” ชิงอีขมวดคิ้วและกลอกตา “รักษาอาการาเ็ก่อน อย่าให้พวกเขาจะตายก่อนที่ข้าจะเล่น เช่นนั้นมันจะน่าเบื่อเกินไป”
หวังฮู่และคนอื่นๆ ตัวสั่นเทา ส่วนคนที่เหลือก็มองพวกเขาด้วยสายตาที่เห็นใจพวกเขาเล็กน้อย
หลายคนถึงกับบ่นในใจว่าเต็มใจยอมให้พญามัจจุราชทั้งสิบขุ่นเคือง ทว่า ห้ามทำให้องค์หญิงท่านนี้ขุ่นเคืองเด็ดขาด!
หากพญามัจจุราชทั้งสิบได้ยิน คาดว่าในใจคงจะด่าบิดามารดาไปแล้ว เ้าพูดเื่ไร้สาระอยู่หรือไง? ไม่มีใครกล้าทำให้นางขุ่นเคืองหรอก เ้ากล้างั้นหรือ?
“ตอนนี้ความผิดของหวังฮู่ ท่านอ๋องก็รู้กระจ่างแล้ว ทว่า ที่มาของชายชุดดำเหล่านี้ยังไม่ชัดเจน ใครเป็คนฆ่าพวกเขาเมื่อคืนนี้? เหตุใดถึงได้ตายอย่างแปลกประหลาดเช่นนี้?” หลิงเฟิงพูดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัย
ทุกคนมองไปยังชิงอีโดยไม่รู้ตัวและคิดว่า หรือว่าเป็นาง?
หลายคนส่ายหัวทันที ไม่ว่าองค์หญิงใหญ่จะแข็งแกร่งแค่ไหน นางก็เป็แค่หญิงสาวคนหนึ่ง จะไปเป็ศัตรูกับนักฆ่าประเภทนี้ได้อย่างไรกัน?
“แล้วที่หวังฮู่อ้างว่าเขาถูกผีสิงเมื่อคืนนี้ คงไม่ใช่...เป็ผีที่ฆ่าคนหรอกใช่หรือไม่?” ใครบางคนพึมพำออกมา
หลิงเฟิงคิดอะไรบางอย่างได้ เมื่อมองไปที่ศีรษะของนักฆ่าที่ถูกเปิดออก และถอนหายใจออกมา “มันก็อาจจะเป็ไปได้จริงๆ!”
“หลิงเฟิง เ้ากำลังพูดบ้าอะไร!” ฉู่สือตะคอกใส่เขา สมองที่โง่เขลาเช่นนี้ใช้ไม่ได้เลยจริงๆ
“เปล่านะ ข้าไม่ได้หมายความอย่างนั้น!” หลิงเฟิงรีบอธิบาย “ท่านอ๋อง ก่อนหน้านี้กระหม่อมทูลท่านเกี่ยวกับหมู่บ้านผีนี้ ตอนนั้น พวกกระหม่อมกับองค์หญิงเจอเื่แปลกๆ มากมายตลอดทาง และซากศพเด็กสิบคนที่ขุดออกมาจากใต้ต้นฮว๋ายที่ไหม้เกรียม สภาพการตายเหมือนกับนักฆ่าเหล่านี้ไม่มีผิด!
แม้ว่าคนชั่วทั้งสองในวัดตงหวาจะถูกฆ่าไปแล้ว ทว่า บางทีอาจจะมีคนสมรู้ร่วมคิดอยู่อีกก็ได้! บางทีนักฆ่าเหล่านี้อาจตายด้วยน้ำมือของสหายของพวกเขา!”
หลิงเฟิงที่พูดทุกออกมาอย่างมีเหตุมีผล ฉู่สือที่ไม่เคยเห็นเขาเป็เช่นนี้ก็มองด้วยสายตาประหลาดใจ
ฮ่าๆ บางครั้งคนโง่เง่าเหล่านี้ก็ยังมีสมองอยู่
ฉู่จุนหนิงถูกปิดปากเอาไว้ จึงทำได้เพียงคร่ำครวญไม่หยุด ปีศาจอะไร? ศพเด็กอะไร? ทำไมนางถึงไม่เข้าใจมันแม้แต่คำเดียว?
