…ไม่ใช่ความรักแบบที่ใครจะเข้าใจได้ง่ายๆ แต่มันคือการได้ถูก “เข้าใจ” โดยไม่ต้องพูดออกมา คือการถูก “เลือก” ซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยไม่มีใครลังเล
คือการได้เป็ของพวกเขา ตามที่เธอ้า และพวกเขา...ก็เป็ของเธอ ตามที่เธอ้าเช่นกัน
มารตีเปิดตาขึ้นช้าๆ ยิ้มอย่างสุขใจ พลางหันไปสบตากับปพนต์ที่นั่งอยู่ข้างเตียง มือของเขาลูบผมเธออย่างแ่เบา ด้านวรเมธยังคงซบอยู่ที่ไหล่ของเธอ ส่วนจิรภา…ยังมองเธอด้วยแววตาที่แน่วแน่ไม่เสื่อมคลาย
หญิงสาวเอื้อมมือไปกุมมือของทั้งสามไว้พร้อมกัน แล้วกระซิบเบาๆ “อยู่กับฉัน…แบบนี้…ไปเรื่อยๆ ได้ไหมคะ...แบบว่า ตลอดไป...”
ไม่มีใครตอบด้วยคำพูด มีเพียงััแน่นของมือ และรอยจูบบนหน้าผาก ที่ทำให้เธอแน่ใจว่า…พวกเขาจะไม่มีวันปล่อยเธอไป
เสียงลมหายใจสม่ำเสมอของคนรอบตัวยังดังก้องอยู่ในห้องนอนที่อบอวลด้วยกลิ่นคาวแปลกๆ ที่นาทีนี้ทุกคนรู้สึกว่าเป็ความหอมที่เร้าใจ และเร่าร้อน ราวกับจะปลุกไฟอารมณ์ที่มอดไปแล้วให้ลุกโชนขึ้นมาได้อีกทุกเมื่อ
“รตีไม่เคยสังเกตมาก่อนเลยจริงๆ ค่ะ ว่ากลิ่นคาวนี้จะหอมและกระตุ้นอารมณ์ได้ขนาดนี้” เธอเอ่ยเบาๆ ขณะที่มือหนึ่งลูบบนหน้าท้องตัวเองที่มีคราบของเหลวขาวขุ่นที่เริ่มแห้งบางส่วนกองอยู่ พลางยกคราบเหนียวที่ติดมือไปจ่อที่ปลายจมูก
ความอบอุ่นและความเหนื่อยอ่อนจากกิจกรรมรักที่ยาวนานราวกับฝันกลางวัน ทำให้ทุกคนเผลอหลับไป โดยไม่มีใครสนใจวันเวลาที่ผ่านไป เสียงรถรา และผู้คนจากถนนด้านนอกดังแว่วเข้ามา...
ปพนต์ค่อยๆ ขยับตัวจากเตียง โดยไม่คิดจะรบกวนหรือปลุกใคร เขายังรู้สึกได้ถึงร่องรอยของความสัมพันธ์ที่ยังอบอวลอยู่ในอากาศ และทิ้งคราบสีตุ่นๆ ไว้บนผ้าปูที่นอน
แสงแดดอ่อนๆ ของ่สายลอดผ่านผ้าม่าน เข้ามากระทบใบหน้าของจิรภาที่ยังคงหลับสนิท เธอพลิกตัวหันหลังหลบแสง แผ่นหลังเปลือยเปล่าเผยความสงบในยามหลับ ปพนต์เหลียวมองไปอีกด้าน...บริเวณนั้นว่างเปล่า เหลือเพียงรอยบุ๋มของที่นอน แต่...ไม่มีร่างของมารตี กับวรเมธ
หัวใจของปพนต์กระตุกวูบ สองคนหายไป...
เขาลุกขึ้นช้าๆ ไม่สนใจร่างกายที่เปิดเปลือย เดินผ่านประตูออกมาอย่างเงียบงัน พื้นไม้ส่งเสียงกรอบแกรบเบาๆ ยามก้าวย่าง เหมือนยิ่งเร่งเร้าให้ใจเขาเต้นแรงขึ้น ปพนต์เก็บความสงสัยไว้ในอก...มารตีไปอยู่ที่ไหนนะตอนนี้...ทั้งที่พวกเราทุกคนควรจะยังอยู่ใน่หลับไหลไปด้วยกันไม่ใช่เหรอ
แต่เมื่อเขาเดินเลี้ยวผ่านโถงหน้าบ้าน...เขาก็เห็นเธอแล้ว...เห็นเธอแต่ไกล..
ร่างขาวโพลนเปลือยเปล่าราวกับเป็ส่วนหนึ่งของแสงแดด ยืนหันหลังพิงอยู่บนกระจกใส ริมหน้าต่างบานใหญ่ที่เปิดรับสายลมอุ่นๆ ปลายเท้าเขย่งห่างกันเล็กน้อย วรเมธคุกเข่าอยู่ตรงนั้น กำลังขยับ ก้มๆ เงยๆ อยู่กลางหว่างขาอวบ
พอปพนต์โผล่หน้าไปเขาก็ชงักไปชั่วครู่...เมื่อเห็นภรรยาคนสวยของเขากำลังพลิกตัวหันหน้าออกสู่ด้านนอก โดยฝ่ามือแนบอยู่บนกระจกใส ใบหน้าเธอเงยขึ้นเล็กน้อย ดวงตาจ้องมองออกไปยังถนนเบื้องล่างที่เงียบสงบ ราวกับจะบอกโลกว่าเธอพร้อมที่เปิดเผย โดยไม่กังวลว่าจะมีสายตาใครมองขึ้นมา
ด้านหลังของร่างสวยนั้นคือวรเมธ ที่กำลังขยับขึ้นยืนแนบชิดกับก้นงอน ฝ่ามือใหญ่ของเขาสอดประสานอยู่กับนิ้วมือของเธอบนบานหน้าต่าง ส่วนอีกมือ...ประคองสะโพกอวบไว้แน่นแนบ กระชับ ก่อนจะสอดบางส่วนเข้าไปในกายเธอช้าๆ
การเคลื่อนไหวของเขาช้า แต่หนักแน่น ลึกซึ้ง ร่างกายของทั้งสองสอดประสานกันเหมือนการเต้นรำที่ไม่มีเพลงประกอบ มีเพียงเสียงหายใจของเธอที่บางครั้งขาดห้วง และเสียงกระจกบางเบา ที่สั่นสะท้านเพราะแรงกระทบถี่ๆ
มารตีไม่ได้มองวรเมธ...แต่เธอกำลังมองโลกภายนอก เหมือนจะบอกอะไรบางอย่างกับตัวเอง ปพนต์ยืนมองอยู่ตรงนั้น หัวใจเต้นแรงอย่างบอกไม่ถูก มันไม่ใช่ความหึงหวง...ไม่ใช่เลย เขาบอกกับตัวเองแบบนั้น
มันคือภาพของคนสองคนที่ไว้ใจกันจนกล้าจะเปลือยทั้งหมดต่อกัน และโลกภายนอก ไม่ใช่แค่ร่างกาย แต่รวมถึงความคิด ความหวั่นไหว และความว่างเปล่าที่อยู่ข้างใน
เขาเห็นมือของมารตีกำแน่นขึ้น เห็นรอยยิ้มจางๆ บนใบหน้าวรเมธ และปพนต์...ก็ยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว ภรรยาของเขากำลังเป็อิสระ เธอกำลังซึมซับโลกด้วยร่างกาย ด้วยหัวใจ และด้วยวิธีที่เธอเลือกเอง
เมื่อวรเมธผละใบหน้าออกจากบ่าของเธอเล็กน้อย เขากระซิบบางอย่างข้างหูเธอเบาๆ แล้วเธอก็หันมาทางปพนต์อย่างช้าๆ
เธอยิ้ม ไม่ใ ไม่อาย ไม่ลังเล...“ตื่นแล้วเหรอคะพี่ปพนต์?” เธอถามด้วยเสียงเบานุ่ม ริมฝีปากยังมีรอยสั่นไหวเล็กๆ จากกิจกรรมที่ยังไม่จบ...
ปพนต์เดินเข้าไปใกล้...ไม่พูดอะไร แค่ยกมือขึ้นลูบผมเธอเบาๆ แล้วแนบหน้าผากลงบนไหล่ของเธออีกข้าง พร้อมกับวางมือไว้บนกระจกใสข้างเธอ พวกเขาสามคนยืนอยู่ตรงนั้น วรเมธเบี่ยงตัวออกด้านข้าง ให้ปพนต์ขยับเข้าไปแทนที่ เคลื่อนไหวสอดประสานกับร่างกายของมารตีต่อไป
ขณะที่มือข้างหนึ่งของมารตีขยับไปมาตรงหน้าขาของวรเมธที่ยังยืนแนบชิดหญิงสาวอยู่ข้างๆ ริมหน้าต่าง...ที่ไม่มีม่านบัง ไม่มีการซ่อนเร้น เพียงปล่อยให้สายลมพัดพาพวกเขาไปไกลเท่าที่หัวใจจะยอมให้เดินทาง
เสียงน้ำไหลในสระเล็กๆ กลางสวนหลังบ้าน ดังเบาๆ แต่ชัดเจนพอจะกลบเสียงหัวใจมารตีที่ยังเต้นแรงไม่หยุด…หลังจากกิจกรรมรักริมหน้าต่าง ที่เต็มไปด้วยความเร่าร้อนและความรู้สึกลึกซึ้งแบบที่หญิงสาวเองก็ไม่อาจอธิบายด้วยคำพูดได้ เธอเพียงหันสบตาพวกเขาทีละคน แล้วยิ้มให้
“ไปแช่น้ำกันไหมคะ” มารตีถามเบาๆ ราวกับเ้าของสถานที่ พร้อมกับหยิบผ้าเช็ดตัวโยนให้วรเมธและปพนต์ ส่วนจิรภาที่เพิ่งเดินตามมานั้น...แค่ยักคิ้วให้เธอ ก่อนจะปล่อยให้ผ้าเช็ดตัวที่พันกายไว้หลวมๆ หล่นลงพื้นอย่างไม่แยแส
สระน้ำเล็กๆ กลางสวนล้อมด้วยไม้พุ่มสูง มีเพียงประตูรั้วไม้ด้านหนึ่งที่ปิดแง้มๆ ไว้จากการที่พนักงานส่งของมาส่งพัสดุเมื่อวาน ทุกคนลืมไปเสียสนิทว่ามันยังไม่ได้ปิด และไม่ได้ล็อก
น้ำอุ่นแตะผิวมารตีก่อนเป็คนแรก เธอค่อยๆ หย่อนตัวลงในสระ ทอดสายตามองต้นไม้ที่พลิ้วไปตามลม ก่อนจะรู้สึกได้ถึงแรงกระเพื่อมจากน้ำรอบๆ ตัว เมื่อวรเมธตามลงมา เขาเข้าหาจากข้างหลัง โอบเอวเธอไว้แน่น ร่างอุ่นเปลือยเปล่าแนบกับหลังเธอ ริมฝีปากเขาแตะต้นคอ ขณะที่ปพนต์เดินวนเข้ามาด้านหน้า...พร้อมกับรอยยิ้มที่รู้ดีว่าเขาจะทำอะไรเป็ลำดับต่อไป
มารตีมองสามี แล้วยื่นมือออกไปช้าๆ ดึงเขาเข้ามาแนบอกอวบหยุ่นของเธอ ริมฝีปากของเขาค่อยๆ แตะที่ส่วนยอดเนินอกของเธออย่างเนิบช้า พร้อมเสียงลมหายใจของวรเมธที่รินรดข้างหู แต่ไม่กี่อึดใจถัดมา...
จิรภาก็เข้ามาแทนที่วรเมธ
วรเมธย้ายมาประคองสะโพกมารตีทางด้านหน้า ให้เธอนั่งบนหน้าขาโดยมีส่วนสำคัญของเขาอยู่ในกายเธอพลางขยับช้าๆ วนไปมา
ครู่ใหญ่มารตีก็ขยับไปนั่งบนหน้าขาของปพนต์แทนที่จิรภาที่กำลังนิ่วหน้าขยับตัวรัวๆ และให้จิรภามานั่งแทนที่เธอ การสลับที่…เกิดขึ้นอย่างเป็ธรรมชาติ ราบรื่นเหมือนน้ำที่หลั่งไหล ไม่มีใครเป็ของใครอย่างตายตัว มีแต่ว่าใครจะสะดวกแบบไหน หรือพร้อมจะใกล้ชิดใคร แต่ทุกคน…เป็ของกันและกันในห้วงเวลานั้น
มารตีไม่อาย ไม่ลังเล ไม่แม้แต่จะหันหนีสายตาที่มองลึกเข้าไปในตัวของเธอ ทุกซอกทุกมุม ทุกััของพวกเขาคือภาษาหนึ่ง ที่พูดกับเธอโดยไม่ต้องใช้คำพูด
สาวสวยตอบกลับด้วยเสียงครางบางเบา ลมหายใจร้อนๆ และมือที่โอบอ้อมร่างของวรเมธไปเกาะแน่นกับขอบสระช่วยพยุงไว้ ยามยกสะโพกขึ้นๆ ลงๆ ขณะแหงนหน้าสูดลมหายใจเข้าอย่างแรง
แต่ทันใดนั้นเอง...เธอก็เหลือบไปเห็นบางสิ่ง