กวานหยูไท่นั้นรูปร่างสูงมาก แต่ตอนนี้กลับมีสีหน้าอึดอัด ใบหน้ามืดหม่นเหลืองคล้ำบริเวณแก้มขึ้นสีแดงน้อยๆ เพราะความเขินอาย
กวานหยูไท่ “คุณชายจิ่ง ่นี้ข้าเหมือนจะ… เหมือนจะ… ”
กวานหยูไท่อ้ำอึ้งอยู่เป็นานกลับพูดออกมาไม่จบประโยคสักที อ๋าวหรานฟังแล้วยังรู้สึกทรมาน
จิ่งฝานโค้งริมฝีปาก “ผู้าุโสามตระกูลกวาน มีอะไรก็พูดมาตรงๆ เถอะ อย่าปิดบังโรคภัยหลบเลี่ยงการรักษาเลย”
กวานหยูไท่อ้อมแอ้มอยู่อีกพักหนึ่งจึงค่อยๆ พูดออกมา “่นี้ข้า... เื่บนเตียง... เื่บนเตียงเหมือนจะ... เหมือนจะเรี่ยวแรงไม่เป็ดั่งใจ”
จิ่งฝานส่งเสียง อา... ออกมาเสียงหนึ่ง “ผู้าุโสามตระกูลกวานท่าน นกเขาของท่านไม่ขันสินะ”
ถูกพูดออกมาชัดเจนถึงเพียงนี้ กวานหยูไท่ยิ่งเขินอายมากกว่าเดิม
อ๋าวหรานเกือบอดไม่ไหวยิ้มออกมาแล้ว เ้าจิ่งฝานนี่โง่จริงๆ หรือว่าแกล้งโง่กัน คนอื่นเขาอ้ำอึ้งเป็เพราะไม่อยากพูดออกมาอย่างไรเล่า เ้ากลับเปิดโปงออกมาหมดซึ่งๆ หน้า
ในใจหัวเราะอยู่ ทว่าจู่ๆ อ๋าวหรานกลับตกตะลึง กวานหยูไท่ ผู้าุโสามตระกูลกวาน ถ้าหากตนเองไม่ได้จำผิดละก็ คนๆ นี้คงไม่ใช่เ้านั่นหรอกใช่หรือไม่?”
อ๋าวหรานยิ่งคิดยิ่งร้อนรน คนบางคนบางเหตุการณ์เขาจำได้ไม่ชัดเจนเท่าไรนัก กวานหยูไท่? ยิ่งคิดก็ยิ่งคุ้น หากเป็คนที่เขาคิด ถ้าเช่นนั้นก็ไม่มีความจำเป็ต้องรักษาให้เขาหรอก!
จิ่งฝาน “ในเมื่อเป็เช่นนี้...”
อ๋าวหรานได้ยินจิ่งฝานพูดก็รีบตัดบททันที “ในเมื่อเป็เช่นนี้ ก็ให้ข้าเป็ผู้ตรวจรักษาผู้าุโสามตระกูลกวานเถิด!”
ความรีบร้อนในน้ำเสียงทำให้จิ่งฝานตกตะลึง
อ๋าวหรานเห็นจิ่งฝานตะลึง จึงหยิกไปที่ขาของจิ่งฝานแรงๆ หนึ่งที แล้วก็หันไปแอบขยิบตาให้เขาอย่างเงียบเชียบ หวังให้จิ่งฝานเข้าใจความหมายของเขา อย่าเพิ่งเปิดโปงเขา
ดีที่ดูแล้วจิ่งฝานเหมือนจะยังสงสัยอยู่ แต่กลับไม่ได้พูดอันใดออกมา
ผู้าุโสามกวานนั้นเห็นอ๋าวหรานจะมารักษาให้เขาจึงอดใสงสัยไม่ได้ “นี่... นี่คุณชายท่านนี้ยังเด็กถึงเพียงนี้ ไม่รู้ ไม่รู้ว่าฝีมือทางการแพทย์...”
อ๋าวหราน “อันใดหรือ? ผู้าุโสามตระกูลกวานไม่เชื่อฝีมือทางการแพทย์ของข้า?”
กวานหยูไท่มีสีหน้าสงสัยและสับสน
อ๋าวหรานพูดอีกว่า “ข้าเรียนวิชาแพทย์มาหลายปี อาศัยอยู่ที่หมู่บ้านสกุลจิ่งมาโดยตลอด ทุกวันใช้เวลาอยู่แต่กับวิชาแพทย์ ไม่ค่อยได้ออกมา นี่เป็ครั้งแรกที่ข้าออกมาจากตระกูลจิ่ง เ้าคงจะไม่เคยพบข้า ข้าเองก็ไม่ได้มีชื่อเสียงอันใด แต่เ้าสามารถไปถามที่ตระกูลจิ่งดูได้เลย วิชาแพทย์ของข้าไม่ด้อยไปกว่าจิ่งฝานแน่”
กวานหยูไท่ยังลังเลอยู่เล็กน้อย “นี่คือว่า... อย่างไรก็ให้คุณชายจิ่งช่วยตรวจดูให้ข้าดีกว่า” พูดจบยังมองจิ่งฝานด้วยสีหน้าคาดหวัง
อ๋าวหรานไม่รู้จะทำอย่างไรดี กลัวว่าจิ่งฝานจะตอบรับ ทำได้แค่หยิกแรงๆ ไปที่ขาจิ่งฝานอีกครั้งหนึ่ง รอบนี้ลงมือรุนแรงมาก จิ่งฝานเองก็ไม่ทันระวังถึงกับได้ยินเขาพ่นลมหายใจออกมาทีหนึ่ง อ๋าวหรานทำได้แค่ยิ้มอย่างอับจนหนทางไปทางจิ่งฝาน แววตาเต็มไปด้วยการลุแก่โทษ ประกอบกับใบหน้าที่ยังอ่อนเยาว์ไม่ประสานั้น ทำให้ดูน่าสงสารไร้พิษภัย
จิ่งฝานหันศีรษะไม่มองเขาอีก “ผู้าุโสามตระกูลกวานให้เขาช่วยตรวจให้ท่านก่อนเถิด หากไม่ถูกต้อง ข้าจะเตือนเขาเอง หากยังไม่ได้ผล ตอนหลังข้าจะตรวจให้ท่านใหม่อีกรอบ”
กวานหยูไท่ได้ยินคำรับรองจากจิ่งฝาน บังเกิดสีหน้ายินดีในทันใด รีบพยักหน้าตอบว่า “ได้! ได้! ได้! “
อ๋าวหรานถอนหายใจออกมาทีหนึ่ง ทำท่าทำทางพูดว่า “ผู้าุโสามตระกูลกวานยื่นแขนออกมาเถิด ข้าจะจับชีพจรให้ท่าน”
กวานหยูไท่พยักหน้า
อ๋าวหรานทำท่าทางตามแบบที่จิ่งฝานสอน ทำให้ดูเข้าทีอยู่เหมือนกัน ตัวอ๋าวหรานเองก็เคยศึกษาเื่ชีพจรมาแล้ว จึงพอรู้อยู่บ้างว่าลักษณะชีพจรที่ปกตินั้นต้องเป็เช่นไร เทียบกับชีพจรปกติแล้ว ชีพจรของเขาค่อนข้างอ่อนแรง ไม่เป็จังหวะอย่างยิ่ง แต่อ๋าวหรานก็จับได้เพียงเท่านี้ ส่วนใหญ่คงต้องโกหกเอา หวังว่าจิ่งฝานจะไม่เปิดโปงเขา
อ๋าวหราน “ผู้าุโสามตระกูลกวาน พูดตามตรง ข้าจับชีพจรมาก็มาก ยังไม่เคยพบลักษณะชีพจรที่อ่อนแอผิดปกติถึงเพียงนี้”
ก้าวหยูไท่ถามอย่างร้อนรน “แล้ว... แล้ว... แล้วนี่จะเป็อย่างไร? ควรทำเช่นไรดี?”
อ๋าวหราน “หวังว่าผู้าุโสามจะตอบคำถามของข้าผู้เป็หมออย่างตรงไปตรงมา”
กวานหยูไท่รีบพยักหน้า
อ๋าวหรานถามอีกว่า “ผู้าุโสามตระกูลกวานเริ่มมีอายุแล้ว เื่พวกนี้เดิมทีก็ต้องมีด้อยลงบ้าง”
กวานหยูไท่ทำได้เพียงพยักหน้า
อ๋าวหราน “แต่ท่านเป็ผู้ฝึกยุทธ์ และยังออกกำลังกายสม่ำเสมอ สภาพร่างกายต้องไม่แย่อย่างแน่นอน และมองดูจากภายนอกก็จะเห็นได้ว่า ผู้าุโสามตระกูลกวานมีรูปร่างสูงใหญ่ ดูบึกบึน เื่พวกนั้นคงต้องดีกว่าคนทั่วไปอยู่สักหน่อย”
กวานหยูไท่รอบนี้พยักหน้าอย่างยินดี สีหน้าท่าทางก็ดูดีขึ้นเยอะ
อ๋าวหรานพูดอีกว่า “พูดตามหลักแล้ว พื้นฐานร่างกายท่านเช่นนี้ไม่น่าจะถึงขนาดที่ตอนนี้จะ....” ถึงแม้จะได้พูดจนจบประโยคแต่ความหมายชัดเจน
อ๋าวหราน “ดังนั้นข้าจึงมีเื่จะถามสักหน่อย ท่านทำเื่พวกนี้ค่อนข้างบ่อยครั้งใช่หรือไม่?”
มีบางเื่ที่อ๋าวหรานต้องแน่ใจก่อน จะได้ไม่จำคนผิดแล้วไปทำร้ายคนอื่นเข้า
กวานหยูไท่อ้ำอึ้งอยู่นานก็ยังไม่ยอมตอบมาตามตรงสักที
อ๋าวหรานเร่งเร้า “ผู้าุโสามตระกูลกวาน ข้าเป็หมอ สามารถสังเกตเห็นปัญหาจากสีหน้าหม่นซีด และเส้นผมขาวที่กระจัดกระจายของท่านได้ แต่ท่านก็ต้องตอบข้ามาตามความจริง”
กวานหยูไท่ทำได้เพียงตอยรับ “ใช่... ใช่...”
อ๋าวหราน “บ่อยเพียงใด?”
กวานหยูไท่ “ทุก... ทุกวัน”
อ๋าวหรานสงสัยปนอึ้ง “ทุกวันวันละครั้ง?”
กวานหยูไท่ “ทุก... ทุกวันวันละสองถึงสามครั้ง”
อ๋าวหราน “?!”
อ๋าวหรานตะลึงพลางคิดอีกว่า ถ้าดูจากที่เขาบอกมา คาดว่าน่าจะไม่ผิดคนแน่แล้ว
อ๋าวหราน “ผู้าุโสามกวานยังใช้ยาบ่อยๆ ด้วยใช่หรือไม่?”
กวานหยูไท่พยักหน้า
มือของอ๋าวหรานที่วางอยู่บนชีพจรของกวานหยูไท่อดไม่ได้ที่จะลงน้ำหนักอย่างรุนแรง
กวานหยูไท่ทนไม่ไหวหดแขนกลับ ใจนทำอันใดไม่ถูก “คุณ... คุณชาย? หรือหรือว่ารักษาไม่ได้แล้วหรือ?”
อ๋าวหรานดึงสติกลับมา อดทนไว้ไม่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “จะรักษาได้หรือไม่นั้นก็ต้องดูที่ตัวผู้าุโเองแล้ว”
กวานหยูไท่ “ดูที่ข้า?”
อ๋าวหราน “โรคนี้เป็ผู้าุโเองที่ทำให้เกิดขึ้น ของทุกอย่างมีกำหนดอายุปีในการใช้และจำนวนครั้งในการใช้ ท่านนั้นใช้มากเกินกำหนดไปมากแล้ว แน่นอนว่าผลลัพธ์จะต้องกลายเป็เช่นนี้”
กวานหยูไท่ร้อนรน “ยังรักษาได้หรือไม่?”
อ๋าวหราน “โรคของผู้าุโสามกวานนี้ต้องค่อยๆ รักษา ไม่ใช่ว่าจะรักษาให้หายดีได้ในทันที ต้องค่อยๆ เป็ ค่อยๆ ไป”
กวานหยูไท่ “เช่นนั้น... ต้องใช้เวลานานเพียงใดหรือ? ข้า...”
อ๋าวหราน “วางใจได้ ไม่นานหรอก สำคัญคือต้องพึ่งยาที่ข้าจัดให้ท่าน”
กวานหยูไท่ “จริงหรือ?”
อ๋าวหรานท่าทางจริงจัง “แน่นอน ข้าจะหลอกท่านได้อย่างไร? หากท่านไม่เชื่อ ก็ลองถามจิ่งฝานดูก็ได้”
พูดจบก็มองไปทางจิ่งฝานทีหนึ่ง และยังไม่ลืมหยิกไปที่ขาของจิ่งฝานอีกทีหนึ่ง
จิ่งฝานกลับให้ความร่วมมือเป็อย่างยิ่ง เขาส่งเสียงอืมออกมาเสียงหนึ่ง จับชีพจรให้กวานหยูไท่ แล้วรับรองคำพูดของอ๋าวหรานอีกรอบ
จิ่งฝานยังพูดอีกว่า “ผู้าุโออกไปก่อนเถิด เมื่อเขียนตำรับยาเสร็จแล้วข้าจะเอาให้หลงจู๊นำไปจัดยาให้ท่าน”
กวานหยูไท่รีบพยักหน้า ขอบคุณครั้งแล้วครั้งเล่า จึงค่อยจากไป
พอกวานหยูไท่จากไป อ๋าวหรานก็รีบกำชับจิ่งฝาน “เ้าห้ามจ่ายยาดีๆ ให้เขาเด็ดขาด ห้ามรักษาโรคให้เขา”
จิ่งฝานมองกลับมาด้วยสายตาล้ำลึก “เพราะอันใด? พวกเราเป็หมอจิตใจเมตตาดั่งบิดามารดา มีที่ใดไม่รักษากลับไปทำร้ายคน”
อ๋าวหรานไม่รู้จะตอบอย่างไร “แน่นอนว่าคนป่วยมาเราก็ต้องรักษา แต่บางคนก็รักษาให้ไม่ได้เด็ดขาด เฮ้อ... เอาเป็ว่าไม่ว่ายังไงเ้าก็ต้องฟังข้า”
จิ่งฝานส่งเสียง อา ออกมาเสียงหนึ่ง
อ๋าวหรานพูดอย่างร้อนรน “เื่นี้ เ้าต้องฟังข้าเท่านั้นนะ”
จิ่งฝานพยักหน้า
กวานหยูไท่ ผู้าุโสามตระกูลกวาน คนผู้นี้มักมากในกาม ไม่อาจหลุดผลจากเื่บนเตียงได้ ก็เหมือนกับที่เขาบอกไปเมื่อครู่ จำนวนครั้งที่เขาทำเื่พวกนี้นั้นมากมายจนทำให้คนใ
แน่นอนเขาทำเื่พวกนี้ แท้จริงแล้วไม่เกี่ยวอันใดกับอ๋าวหราน แต่เขากลับยื่นกรงเล็กปีศาจไปที่จิ่งเซียง
คนคนนี้เป็เพราะทำกิจกรรมบนเตียงมากไปจึงก่อให้เกิดโรคขึ้น หาหมอไปมากมายก็ไม่เห็นผล ตอนหลังมาที่ร้านยาตระกูลจิ่งบ่อยครั้ง และรักษาไปหลายรอบแล้ว แต่พอหายเขาก็กลับไปทำแบบเดิมอีก กินยาชูกำลัง ข่มเหงสตรี เป็เช่นนี้ครั้งแล้วครั้งเล่าบ่อยครั้ง ทำให้แม้แต่หมอของร้านยาตระกูลจิ่งเองก็ช่วยอันใดไม่ได้ แม้ตัวเขาเองจะอยากรักษาให้ขาด ไม่อยากเป็ซ้ำแล้วซ้ำเล่าก็ตาม
เขาจึงสั่งให้คนเฝ้าประตูร้านยาตระกูลจิ่งเอาไว้ รอจนจิ่งฝานออกมา เพราะจิ่งฝานเป็หมอเทวดาผู้มีชื่อเสียงบนแผ่นดินใหญ่ ครั้งนี้เขาอดทนรอจนได้พบกับจิ่งฝาน กวานหยูไท่จึงรีบมาพบ
และจิ่งฝานก็ไม่ทำให้เสียชื่อหมอเทวดาของเขา รักษาโรคของเขาได้หายขาด และนี่ถือเป็จุดเริ่มต้นของเื่น่าเศร้า
เคยพูดไปแล้วว่า จิ่งเซียงในนิยายต้นฉบับนั้นตายอย่างอนาถ
กวานหยูไท่ก็คือตัวการร้ายคนสำคัญ คนตระกูลจิ่งรูปลักษณ์ไม่เลว จิ่งเซียงยิ่งงดงามโดดเด่น สาวน้อยหน้าตาดีเช่นนี้สำหรับตาแก่โรคจิตบ้ากามเช่นกวานหยูไท่แล้วเปรียบเสมือนนางฟ้าก็มิปาน เขาจึงมีความมุ่งมั่นต้องเอาตัวนางมาให้จงได้
ตอนที่จิ่งเซียงประสบกับความโชคร้ายนั้น จิ่งฝานเองก็อยู่ตรงนั้นด้วย แต่กลับไม่มีเรี่ยวแรงใดจะไปช่วยนางได้เลย คนที่ตนเองรักษาหาย ทว่ากลับไปทำร้ายครอบครัวที่ใกล้ชิดที่สุดของตัวเอง แต่ตัวเองกลับทำอันใดไม่ได้เลย ความห่วง ความกังวล การโทษตนเอง ความร้อนรนและทุกข์ระทมเหมือนน้ำพุ่งทะลักเข้าสู่หัวใจ หวังกดให้จิ่งฝานจมลึกลงไป ฉากนี้โหดร้ายเศร้าโศกอย่างยิ่ง จิ่งฝานบ้าคลั่งหมดหนทางครั้งแล้วครั้งเล่า ส่วนจิ่งเซียงนั้นกลับทำให้คนสงสารมากยิ่งกว่า
แค่อ๋าวหรานคิดขึ้นมาก็อดไม่ได้ที่อยากเด็ดชีวิตเ้ากวานหยูไท่นั่นเสีย ไม่ต้องพูดถึงการจะช่วยเขา แค่ไม่ฆ่าเขาก็นับว่าดีมากแล้ว
ในเมื่อเขามาอยู่ที่นี่แล้ว เช่นนั้นเขาก็ต้องใช้แรงทั้งหมดที่มีหยุดเื่นี้ไว้ให้ได้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้