เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างกะทันหัน ทำให้อู๋ิที่กำลังโจมตีต้องตะลึงงัน
เป็ไปไม่ได้! เขาตรึงร่างของเสิ่นเสวียนเอาไว้ เหตุใดจึงหายตัวไปได้ และยังหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยอีกต่างหาก ราวกับไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลย
ที่เสิ่นเสวียนหายตัวไปได้ก่อนหน้านี้ เขาอ้างอิงตามระยะทางที่ค่อนข้างไกล และตนเองยังไม่ได้ตรึงร่างของเสิ่นเสวียนเอาไว้ด้วย
ตอนนี้เสิ่นเสวียนกลับหายตัวไปได้ทั้งที่ถูกเขาตรึงร่างเอาไว้
ทำให้อู๋ิรู้ได้ทันทีว่า สายเกินไปแล้ว
เขาประมาทเกินไป
และผลลัพธ์ของความประมาทนั้นมิอาจแก้ไขอะไรได้อีก
ทุกอย่างนี้เกิดขึ้นในพริบตาราวกับสายฟ้าฟาด แม้แต่ผีซานที่อยู่ด้านล่างยังเห็นไม่ชัดเลยว่าเกิดอะไรขึ้น
หัวขนาดใหญ่นี้ไม่ใช่ของใครอื่น แต่เป็เสิ่นสืออี หุ่นเชิดที่เสิ่นเสวียนสร้างขึ้น
เสิ่นสืออีมีพลังยุทธ์อยู่ในจุดสูงสุดของขั้นจักรพรรดิระดับกลาง ถูกสร้างขึ้นด้วยองค์ประกอบพลังห้าธาตุ เรียกได้ว่าไร้ศัตรูท่ามกลางขั้นจักรพรรดิระดับกลาง
เื่มาถึงขั้นนี้แล้ว อู๋ิรู้ตัวดีว่าจะล่าถอยไปตอนนี้คงไม่ทันแล้ว ในเมื่อมีตัวตายตัวแทนปรากฏขึ้น อย่างนั้นก็สู้ให้เต็มที่ แม้จะสังหารอีกฝ่ายไม่ได้ก็ต้องทำให้อีกฝ่ายาเ็หนักให้ได้
ฝ่ามือมีดของเขาฟันลงไปที่คอของเสิ่นสืออีเหมือนกับก่อนหน้านี้ ทว่าเสิ่นสืออีไม่ได้ต้านทานไว้ แต่แสดงพลังหมัดโจมตีออกไปรวดเร็วยิ่งกว่าอู๋ิมาก
อาจเพราะได้เปรียบเื่ร่างกาย ทำให้แขนของเสิ่นสืออีแข็งแกร่งกว่าอู๋ิมาก รวมเข้ากับความเร็วของเขาที่เหนือกว่าอีกฝ่าย พลังหมัดของเสิ่นสืออีจึงปะทะเข้าที่หน้าอกของอีกฝ่าย ทั้งที่พลังฝ่ามือของอีกฝ่ายยังไม่ทันได้ััคอของเสิ่นสืออีเลยด้วยซ้ำ
พลั่ก!!!
หมัดของเสิ่นสืออีโจมตีเข้าใส่หัวใจของอู๋ิอย่างแม่นยำเสียงดังก้อง
หัวใจเป็ศูนย์กลางเชื่อมต่ออวัยวะภายใน พลังหมัดของเขามีน้ำหนักสามพันชั่ง ด้วยร่างกายขั้นจักรพรรดิของอู๋ิที่โดนพลังหมัดนี้เข้าไป ยังร่วงหล่นลงจากท้องฟ้าทันทีราวกับว่าวที่เชือกขาด
สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ทำให้ผีซานและขั้นราชันอีกคนหนึ่งตกตะลึง ไม่มีใครเข้าไปช่วยอู๋ิเลย
ล้อเล่นหรือเปล่า อีกฝ่ายเป็ถึงขั้นจักรพรรดิระดับกลาง พวกเขาสองคนเป็เพียงขั้นราชันระดับสูงสุดเท่านั้น แม้จะเป็ผู้แข็งแกร่งเช่นเดียวกัน แต่เมื่อเทียบกับขั้นจักรพรรดิระดับกลางแล้ว พวกเขาสองคนไม่ต่างอะไรกับเด็กน้อยเลย หากพวกเขาสองคนเข้าไปช่วยคงเหมือนเดินเข้าหาความตาย
โดยเฉพาะหัวขนาดใหญ่ที่แสดงพลังหมัดออกมาจนเกือบคร่าชีวิตของอู๋ิไปแล้ว การที่พวกเขายังยืนอยู่ตรงนี้ไม่ใช่ความกล้าหาญ แต่เป็ความโง่เขลา
ทั้งสองคนต่างมีไหวพริบเฉียบแหลม พวกเขาสังเกตเห็นถึงความผิดปกติ จึงวิ่งกลับเข้าไปในเมืองชางฉงทันทีโดยไม่หันมองหน้ากันเลยแม้แต่น้อย
ตอนนี้พวกเขาอยู่ห่างจากเมืองชางฉงราวสี่สิบลี้ ด้วยความเร็วของพวกเขาจะไปถึงเมืองชางฉงได้ในเวลาไม่นาน
ความคิดของพวกเขาไม่เลวเลยทีเดียว ทว่ากลับปฏิบัติได้ค่อนข้างยาก
ตึง!!!
ทั้งสองคนเพิ่งวิ่งออกไปยังไม่ถึงสองก้าวก็ชนเข้ากับม่านพลังที่แข็งแกร่ง แรงสั่นะเืสะท้อนกลับอย่างรุนแรง พวกเขาวิ่งเร็วมากเท่าไร แรงสั่นะเืยิ่งรุนแรงมากเท่านั้น
“ถามความเห็นของข้าแล้วหรือ”
เสียงหนึ่งดังขึ้นเคล้าความเหยียดหยาม
ร่างของเสิ่นเสวียนปรากฏขึ้นเบื้องหน้าม่านพลังอย่างเชื่องช้า พลางกล่าวกับทั้งสองคนเสียงเรียบ
“เอื๊อก!”
ทั้งสองคนนั้นกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก มองเสิ่นเสวียนด้วยสายตาที่ต่างไปจากเดิมมาก
“เ้า... เ้าทำได้อย่างไร”
ผีซานกล่าวออกมาจากใจ เสิ่นเสวียนดูเหมือนเด็กหนุ่มอายุเพียงสิบห้าสิบหกปีเท่านั้น เด็กตัวเล็กแค่นี้กลับแข็งแกร่งได้ถึงขนาดนี้ ยังไม่ต้องกล่าวถึงที่เสิ่นเสวียนขวางทางหนีของพวกเขาเอาไว้เลย แค่ที่เขาสู้กับอู๋ิแล้วยังสามารถรอดชีวิตมาได้อย่างสมบูรณ์ เื่นี้พวกเขาก็ไม่เข้าใจแล้ว
ในทางกลับกัน ทางฝั่งอู๋ิ...
เขาโดนเสิ่นสืออีซัดพลังหมัดโจมตีเข้าใส่หัวใจ คล้ายจะทำให้เขาหายใจไม่ออก ทว่าสถานการณ์ในตอนนี้เขาไม่มีเวลาพักหายใจมากขนาดนั้น เขาพยายามฝืนลุกขึ้น
เขามองเสิ่นสืออีอีกครั้งด้วยแววตาเปี่ยมไปด้วยความสงสัย
การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนี้ทำให้ความเชื่อมั่นของเขาแปรเปลี่ยนเป็ความสงสัยไปแล้ว
“ท่านเป็ใคร ข้ากับท่านไม่มีความแค้นต่อกัน เหตุใดท่านถึงมาที่นี่”
อู๋ิกล่าวกับเสิ่นสืออี แม้จะโดนพลังหมัดโจมตีเข้าไปแล้วแต่ในน้ำเสียงยังคงมีความเคารพ จะไม่เคารพก็คงไม่ได้ ด้วยพลังของอีกฝ่ายแล้วเขาไม่มีทางรับมือได้เลย เมื่อถึงตอนนั้นคนที่ต้องเสียเปรียบก็คือเขา
ทว่าหลังจากอู๋ิถามออกไปแล้ว เสิ่นสืออีกลับไม่ใส่ใจเขาเลย แม้จะกล่าวว่าเสิ่นสืออีสามารถจัดการเื่บางอย่างได้ด้วยตนเอง แต่เนื่องจากถูกสร้างมาได้ไม่นาน ยังไม่มีประสบการณ์การต่อสู้มากพอ ตอนนี้จึงจำเป็ต้องให้เสิ่นเสวียนควบคุมอยู่
“รอข้าอยู่ตรงนี้ก่อน”
เสิ่นเสวียนเหลือบตามองขั้นราชันสองคนนั้นเล็กน้อย แต่ไม่ได้แสดงพลังใดๆ ออกมา จากนั้นเขาก็เดินไปหาเสิ่นสืออี
สิ่งที่น่าอัศจรรย์ก็คือ ขั้นราชันสองคนนั้นนั่งรออยู่ตรงนั้นอย่างว่าง่ายจริงๆ ไม่กล้าทำนอกเหนือคำสั่งเลยแม้แต่น้อย
เสิ่นเสวียนยืนอยู่ตรงนั้นเมื่อครู่ทำให้พวกเขากดดันเป็อย่างมาก แรงกดดันนี้ทำให้พวกเขาไม่เป็ตัวเอง หากพวกเขาหนีไปคงแย่ยิ่งกว่าตายทั้งเป็ พวกเขาอยู่ที่นี่ต่ออาจยังมีทางรอดก็ได้
“จัดการ”
เสิ่นเสวียนบอกเสิ่นสืออีเบาๆ แล้วร่างของเสิ่นสืออีที่หยุดนิ่งไปก่อนหน้านี้ก็กระโจนเข้าใส่อู๋ิในพริบตา
เสิ่นเสวียนยืนอยู่กับที่ ใช้พลังจิติญญาควบคุมค่ายกลภายในร่างหุ่นเชิดเท่านั้น
อู๋ิเห็นเสิ่นสืออีกระโจนเข้ามาก็ไม่กล้าประมาทอีก เขาเรียกหอกยาวออกมาทันทีแล้วแทงใส่เสิ่นสืออี
หอกยาวนี้มีชื่อว่า ‘หอกอัคนีจันทราส่อง’ เป็ศาสตราวิเศษขั้นปฐี และยังเป็ศาสตราวุธขั้นสูงสุดของเขาในตอนนี้อีกด้วย นี่คือศาสตราวุธที่เปรียบเสมือนชีวิตของเขา ปกติแล้วเขาไม่ค่อยได้เอาออกมาใช้ มีเพียงการต่อสู้ถึงชีวิตเท่านั้นที่เขาจะเอามันออกมา
และตอนนี้เขาเอามันออกมาแล้ว แสดงให้เห็นว่าการต่อสู้ครั้งนี้อาจเป็อันตรายถึงชีวิตได้
เสิ่นเสวียนเห็นอีกฝ่ายเรียกศาสตราวิเศษขั้นปฐีออกมาแล้วแต่ไม่ได้หยุดมือ เขาควบคุมให้เสิ่นสืออีเข้าปะทะด้วยพลังหมัดทั้งสองข้าง
“เฮอะ! รนหาที่ตาย”
อู๋ิกล่าวเสียงเย็นขณะที่เห็นเสิ่นสืออียังคงใช้มือเปล่าโจมตีเข้ามา คิดว่าอีกฝ่ายไม่รู้ถึงอานุภาพของหอกอัคนีจันทราส่อง
ตัวหอกยังพุ่งไปไม่ถึงร่างของเสิ่นสืออี ทว่ากลับมีเปลวเพลิงพวยพุ่งออกไปจากตัวหอก กลายเป็ัเพลิงตัวหนึ่งกระโจนเข้าใส่เสิ่นสืออี
ร่างกายที่กระโจนไปด้านหน้าหยุดนิ่งลงทันที
เสิ่นสืออีหรี่ตามองเล็กน้อย สองมือประสานกันตรงหน้าอก เมื่อสองมือแยกออกจากกัน ใจกลางฝ่ามือกลับมีกลุ่มก้อนพลังที่ก่อตัวขึ้นจากพลังห้าธาตุปรากฏขึ้น เมื่อกลุ่มก้อนพลังนี้พุ่งออกไปก่อให้เกิดพายุโหมกระหน่ำ เข้าปะทะกับัเพลิงเบื้องหน้าในฉับพลัน
ตูม!!!
ทั้งสองสิ่งปะทะกันอย่างรุนแรง ก่อให้เกิดเสียงดังสะท้านไปทั่วบริเวณ แม้อยู่ห่างออกไปกว่าร้อยลี้ก็ยังได้ยินอย่างชัดเจน
“แย่ล่ะ”
เสิ่นเสวียนหน้าง้ำลงเล็กน้อย การปะทะครั้งนี้อาจทำให้คนที่อยู่ตรงหนองน้ำสังเกตเห็นได้
แล้วก็เป็อย่างที่คาด กลุ่มคนที่อยู่ตรงหนองน้ำรับรู้ได้ถึงแรงสั่นะเืจากการต่อสู้ จึงส่งคนสามคนเหาะมาทางนี้ในทันที
พลังของสามคนนี้ล้วนเหนือกว่าขั้นจักรพรรดิระดับกลาง
และคนเหล่านี้เป็คนจากราชวงศ์ พลังของพวกเขาต้องไม่ธรรมดาอยู่แล้ว
“จัดการให้เร็วที่สุด”
เสิ่นเสวียนกล่าวกับเสิ่นสืออี แต่ตอนนี้เขาไม่มีศาสตราวุธที่ดีๆ อยู่ในมือเลย หอกเพลิงของอีกฝ่ายเป็ของล้ำค่าชิ้นหนึ่ง เมื่อมีหอกเพลิงอยู่ข้างกายเช่นนี้ เสิ่นเสวียนคงจัดการอีกฝ่ายได้ยากกว่าเดิม
เขาครุ่นคิดเล็กน้อย ผู้แข็งแกร่งเ่าั้จะมาถึงที่นี่ใช้เวลาอย่างมากคือสิบเฟิน [1] หากใช้พลังจิติญญาััดูอาจใช้เวลาอย่างมากเพียงสามเฟิน และเมื่อโดนพลังจิติญญาััเจอเท่ากับว่าเขาถูกเปิดเผยตัวออกไปแล้ว คิดจะซ่อนตัวอยู่ในเมืองชางฉงต่อไปคงเป็เื่ยาก
เขาจำเป็ต้องกำจัดสามคนนี้ให้ได้ภายในสามเฟิน และจัดการลบร่องรอยทุกอย่างที่นี่ก่อนจะออกไป
“ใช่แล้ว! สากวายุอัสนี”
เสิ่นเสวียนคิดไปถึงของล้ำค่าชิ้นหนึ่งขึ้นมาได้
ศาสตราวิเศษขั้นปฐีระดับสูงที่สืบทอดกันในราชวงศ์ ‘สากวายุอัสนี’ นี่คือศาสตราวิเศษที่ดีที่สุดที่เว่ยเฉิงเย่ทิ้งไว้ให้เขา และตอนนี้ก็เหมาะมากที่จะเอาออกมาใช้
“รับไว้”
เสิ่นเสวียนสะบัดมือออกไป ทำให้สากวายุอัสนีทั้งสองอันพุ่งไปตรงหน้าเสิ่นสืออี
เสิ่นสืออีใช้สองมือคว้าสากเอาไว้ แสงอัสนีเปล่งประกายสว่างจ้าออกมา ราวกับเขากลายเป็เทพอัสนีไปแล้ว ไอพลังบนร่างของเสิ่นสืออีเพิ่มขึ้นในพริบตาเมื่อถือครองสากวายุอัสนีเอาไว้ กระทั่งเหนือกว่าอู๋ิ
อู๋ิที่ยังเชื่อมั่นอยู่ก่อนหน้านี้ กลับรู้สึกสิ้นหวังในพริบตาที่เห็นเสิ่นสืออีตอนนี้
แต่เขายังไม่ยอมแพ้ สองมือควบคุมหอกอัคนีจันทราส่องโจมตีใส่เสิ่นสืออีอีกครั้ง
เสิ่นสืออีไม่ได้แสดงพลังโจมตียิ่งใหญ่อะไร เขาแค่กระโจนเข้าหาอู๋ิ เสิ่นสืออีถือสากวายุอัสนีทั้งสองมือ พลันแสดงพลังสายฟ้าฟาดเข้าใส่อีกฝ่าย
และในชั่วพริบตา กาลเวลาคล้ายจะหยุดนิ่งลง
……………………………………………………………..
[1] เฟิน ( 分 ) คือหน่วยเวลาของจีน โดย 1 เฟิน เท่ากับ 1 นาที