ทั้งสามคนยืนอยู่บนหน้าผาสูงริมทะเล รู้สึกได้ถึงแรงลมที่พัดมาจากขอบฟ้าไกลโพ้น แม้จะยังเช้า แต่ดวงอาทิตย์กลับถูกบดบังด้วยเมฆดำ ทำให้บรรยากาศมืดสลัว
คลื่นทะเลซัดกระหน่ำใส่หินข้างล่างหน้าผา ซึ่งทั้งหมดนี้เป็สัญญาณบ่งบอกว่าพายุฝนกำลังมา
หนานฟางเงยหน้ามองเย่เฟิง
“ฉันเรียนรู้มันแล้ว” เขาพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำในลำคอ
หลังจากไตร่ตรองอยู่นาน ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจทำสิ่งที่จะทำให้ตัวเองภาคภูมิใจไปตลอดชีวิต
หากติดตามเย่เฟิงไปจะเป็อย่างไร?
ตอนนี้ไช่เฉ่าหงตายไปแล้ว และลัวเฟิงก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเย่เฟิง ความแค้นของเขาได้รับการสะสางแล้ว ชั่วขณะนั้นเขาไม่รู้จริงๆ ไม่รู้ว่าชีวิตในวันข้างหน้าควรจะไปทางไหน
ณ ตอนนี้ หนานฟางได้รู้แล้วว่าในฐานะลูกผู้ชาย ในเมื่อเกิดมาในโลกใบนี้ทั้งทีจะไม่ทิ้งอะไรไว้ได้อย่างไร? เขาเชื่อว่าเย่เฟิงจะไม่ทำให้ตนต้องผิดหวัง
“อืม ไปชายฝั่งตามหาว่าลัวเฟิงอยู่ที่ไหน” ในที่สุดเย่เฟิงก็ยิ้มออกมาและพยักหน้า เขาฉวยโอกาสตอนที่ลัวเฟิงกำลังเจ็บหนัก ถ้าไม่จัดการอีกฝ่ายให้ตายจะไม่เป็การปล่อยเสือเข้าป่าหรอกหรือ? วิชาเซียนเปลวสุริยะเป็การจู่โจมฉับพลัน ถ้าลัวเฟิงเตรียมพร้อมล่ะก็ มันคงไม่สำเร็จง่ายขนาดนั้น
“อืม แล้วคนนี้คือพี่สะใภ้เหรอ?” หนานฟางชำเลืองมองหลงหว่านเอ๋อร์ที่สวมหน้ากากสีขาวก่อนเอ่ยปากถาม
“ใช่ อย่าเพิ่งพูดเื่นี้กันเลย เก็บคัมภีร์ให้ดีแล้วหาลัวเฟิงให้เจอก่อน” เย่เฟิงพยักหน้าแล้วเหลือบมองข้างล่างหน้าผา แนวชายฝั่งทะเลค่อนข้างคดเคี้ยวแต่ยาวไม่กี่กิโลเมตรเท่านั้น เมืองเซี่ยงซานทั้งหมดอยู่บนคาบสมุทร สถานที่ที่ทั้งสามคนอยู่ตอนนี้เป็ที่ตั้งของแนวเกาะหนึ่งของคาบสมุทรทางใต้
การหาตัวลัวเฟิงไม่น่ายาก
ทั้งสามคนมองหน้ากันพลางคิดว่าต้องเดินอ้อมไปทางชายหาดข้างล่างเพื่อค้นหาร่องรอยของลัวเฟิง แต่หลังจากเย่เฟิงใช้จิตหยั่งรู้ตรวจสอบรอบๆ ก็ตื่นตัวขึ้นมา
ภายในป่า บริเวณถนนที่มาจากทางเหนือ คนกลุ่มหนึ่งปรากฏตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว แล้วค่อยๆ เข้าโอบล้อมหน้าผาตรงที่พวกเขาสามคนอยู่
คนจากสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ!
จิตหยั่งรู้ของเย่เฟิงรับรู้ได้อย่างว่องไว เพียงพริบตาเขาก็สามารถระบุตัวตนของอีกฝ่ายได้แล้ว
“เฮอะ พวกแกสามคนยกมือขึ้น” เสียงผู้ชายทุ้มต่ำแต่ทรงพลังดังมาจากในป่า ทำให้ผู้ฟังรู้สึกราวกับอันตรายจากแมงป่อง!
หน่วยทหารจากสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติกว่ายี่สิบนายพร้อมอาวุธครบมือล้อมทั้งสามคนเป็รูปครึ่งวงกลม คนที่ยืนอยู่ข้างหลังสมาชิกในทีมคือหัวหน้าทีมหนุ่มในชุดสูท สวมแว่นกรอบทอง ร่างกายผอมซูบ มือไขว้หลังด้วยท่าทียียวน
“ส่งของที่อยู่ในมือมาให้ฉัน” เหมือนเป็คำสั่งทั่วไป ดวงตาใต้แว่นกรอบทองของหัวหน้าทีมจับจ้องหนานฟางและเลื่อนไปมองคัมภีร์สองเล่มในมือของเขา
“พวกคุณทำอะไรกัน?” หลงหว่านเอ๋อร์คิดอย่างไรก็คิดไม่ออก จึงถามอย่างสงสัย “หน้าที่ของสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติคือการจับกุมพวกที่ทำผิดกฎหมายในยุทธจักร ซึ่งพวกเราก็ไม่ได้ระรานคนธรรมดาเลย แล้วพวกคุณมีสิทธิ์อะไรมาขวางพวกเรา?”
“เฮอะ” หัวหน้าทีมดันแว่นตากรอบทองบนหน้าแล้วหัวเราะเบาๆ “อ๋อเหรอ? เป็การคุกคามคนธรรมดาหรือไม่ เรามีวิธีตัดสินในแบบของเราเอง ไม่ให้พวกคุณต้องลำบากหรอกครับ พวกชาวยุทธ์ก็ดีแต่กลั่นแกล้งผู้ที่อ่อนแอกว่า ชอบชิงดีชิงเด่น และประเทศของเราก็ทนเพิกเฉยต่อไปไม่ได้แล้ว ถ้าว่าตามที่ฉันพูดก็คือควรกวาดล้างให้สิ้นซาก”
“คุณคือหลี่เฟิง!” หลงหว่านเอ๋อร์ได้ยินอย่างนั้นก็นึกอะไรขึ้นมาได้ ก่อนกอดแขนเย่เฟิงแน่น
หลี่เฟิง?
ตัวละครไหนอีกล่ะเนี่ย?
เย่เฟิงไม่รู้จักผู้ชายคนนี้แน่นอน เขาสังเกตหัวหน้าทีมที่สวมแว่นตากรอบทองอย่างละเอียดแล้วพบว่า อีกฝ่ายกำลังมองพวกเขาด้วยสายตาดูถูกและรังเกียจ คำพูดของเขาเหมือนกับจะดูถูกคนในยุทธจักร?
ขู่ว่าจะกวาดล้างผู้ฝึกวรยุทธ์ทั้งหมด...
“อ่า ฉันเอง ดูเหมือนชื่อเสียงของหลี่เฟิงคนนี้จะโด่งดังมากทีเดียว” หลี่เฟิงอมยิ้มแล้วยกมือขึ้น “ยกมือขึ้นให้หมดทุกคน อย่าขัดขืน ฉันให้เวลาพวกแกตัดสินใจแปดนาที ไม่อย่างนั้นเราจะยิง”
ทันทีที่คำพูดของหลี่เฟิงประกาศออกไป ทหารยี่สิบนายก็ยกปืนขึ้นประทับพร้อมกัน โดยล็อกเป้าหมายที่พวกเย่เฟิงสามคน!
ไม่ควรประมาทอาวุธปืนของสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ จุดนี้เย่เฟิงเข้าใจอย่างลึกซึ้ง เขาพลันระวังตัว ชายหนุ่มแปลกใจเล็กน้อยว่าทำไมอีกฝ่ายถึงให้เวลาคิดเพียงแปดนาทีเท่านั้น
“ลูกไม้เดิมๆ ของหลี่เฟิง” หลงหว่านเอ๋อร์ที่อยู่ข้างๆ เย่เฟิงพูดเสียงเบา “ว่ากันว่าหลี่เฟิงคนนี้มองผู้ฝึกวรยุทธ์เป็ศัตรูมาั้แ่เด็กแล้ว ตอนนี้เขากลายเป็หนึ่งในผู้บริหารระดับสูงของสำนักความมั่นคงแห่งชาติ หากมีผู้ฝึกวรยุทธ์ทำผิดกฎหมายแล้วตกอยู่ในเงื้อมมือของเขามักจบไม่สวยสักราย เขายังสนับสนุนการกวาดล้างผู้ฝึกวรยุทธ์ทั้งหมดในยุทธจักรมาตลอด...”
“อวดดีพอตัว” เย่เฟิงหรี่ตามองหลี่เฟิงผ่านหน้ากาก
หลี่เฟิงดันแว่นตาขึ้น ใบไม้ปลิวตามกระแสลมพัดรอบตัวชายหนุ่มในชุดสูท ดูน่าเกรงขามและทรงพลัง
มีร่องรอยการครุ่นคิดอยู่ในแววตาของเขา
ทุกครั้งที่หลี่เฟิงออกคำสั่งจับกุมผู้ฝึกวรยุทธ์ ล้วนให้เวลาอีกฝ่ายตัดสินใจแปดนาทีเพื่อสังเกตความทะนงตัวั้แ่แรกเริ่มของฝ่ายตรงข้ามอย่างละเอียดจนถึงตอนที่ยอมจำนนให้เขาช้าๆ และสุดท้ายก็คลานอย่างสุนัขตัวหนึ่งมาตรงหน้าเขา...
“แปดนาที...” ่เวลาที่มีความหมายสำหรับหลี่เฟิง!
ในสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ เขาเป็พวกหัวรุนแรงอย่างไม่ต้องสงสัย มุ่งปราบปรามและกวาดล้างผู้ฝึกวรยุทธ์เสมอ เขาจึงมีชื่อเสียงมากในยุทธจักร จะเรียกว่าเป็ชื่อเสียก็ได้
บนหน้าผาสูงตระหง่านริมทะเล ทั้งสองฝ่ายกำลังคุมเชิงกันแล้ว!
“หลี่เฟิงนี่น่าสนใจจริงๆ” เย่เฟิงหัวเราะเบาๆ พลางโอบหลงหว่านเอ๋อร์อย่างสบายใจ และมองหนานฟางที่อยู่ข้างๆ คัมภีร์สองเล่มนั้นไม่ได้ถูดมดแมลงกัดแทะทั้งที่อยู่มานานขนาดนี้ก็ไม่น่าจะกลัวน้ำหรอกใช่ไหม? อืม จะได้ไม่ต้องกังวลถ้าจะะโลงทะเล
ในความคิดของเย่เฟิง หนานฟางเหมาะสำหรับการฝึกฝนวิทยายุทธ์ด้วยอาวุธลับประเภทนี้ เพราะเดิมทีเขาก็เชี่ยวชาญการอำพรางและปลอมตัว เคล็ดอสูรร่ำไห้ถือเป็วิทยายุทธ์ขั้นสูงของสำนักอิ่นเซียน หากฝึกสำเร็จ ผลที่ได้ย่อมไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน
ปัญหาสำคัญตอนนี้คือเขาจะปกป้องหลงหว่านเอ๋อร์กับหนานฟางจากการะโจากที่สูงเช่นนี้ได้อย่างไร?
มีเวลาตัดสินใจแปดนาที
เย่เฟิงนึกขึ้นได้ว่า ในพื้นที่เล็กๆ เช่นนี้ หากอีกฝ่ายสุ่มยิงมาก็สามารถสังหารพวกเขาสามคนได้ ทักษะล่องหนก็ใช้ไม่ได้ผลเช่นกัน ทางเดียวที่จะหนีไปได้คือะโลงทะเล
............
ในเวลาเดียวกันทางด้านลัวเฟิง เขาว่ายน้ำไปถึงฝั่งหมู่บ้านชาวประมงเล็กๆ แล้ว ผู้ฝึกวรยุทธ์จากทุกสารทิศเริ่มมารวมตัวกันที่หมู่บ้านชาวประมง เพราะาาปะการังตัวใหญ่อยู่ใกล้หมู่บ้านชาวประมงเล็กๆ แห่งนี้ และคืนนี้ยังเป็เวลาที่มันจะโตเต็มที่
เมื่อลัวเฟิงในชุดขาดวิ่นและิัไหม้เกรียมปรากฏตัวขึ้นที่หมู่บ้านชาวประมงแห่งนี้ กลุ่มผู้ฝึกวรยุทธ์ที่เห็นก็แตกตื่น!
“ใครทำร้ายนายจนมีสภาพแบบนี้?” ผู้าุโใหญ่สวีเซียวหยู่แห่งสำนักหมัดเทวา บุคคลที่กล้าเอ่ยปากถากถางหลงโม่หรานทีู่เาฉางไป๋ ขณะรออยู่ที่ทางเข้าหมู่บ้านชาวประมงแล้วเห็นลูกศิษย์ที่รักอยู่ในสภาพนี้ ก็โกรธเป็ฟืนเป็ไฟ
สวีเซียวหยู่เป็หนึ่งในสองผู้าุโใหญ่ ตำแหน่งรองจากเ้าสำนักหมัดเทวา เขาเป็ที่รู้จักในนาม ‘หมัดเทพแดนใต้’ วิชาฝ่ามือที่ใช้ความอ่อนช้อยเป็หลัก มีความแยบยลและซับซ้อนมาก ปัจจุบันมีพลังลมปราณระดับแปดสิบปีแล้ว!
ลัวเฟิงคือลูกศิษย์ที่เขาภาคภูมิใจที่สุด ในบรรดาคนรุ่นเดียวกันในยุทธจักร พร์ของลัวเฟิงมีมากพอที่จะถูกจัดอยู่ในสามอันดับแรกเลยด้วยซ้ำ
“ชายสวมหน้ากาก... บนหน้าผา... มันปล่อยลูกไฟได้...” ลัวเฟิงหอบลมหายใจเฮือกสุดท้ายกลับมา ก่อนล้มลงบนหาดทรายในหมู่บ้าน
ปล่อยลูกไฟได้?
สวีเซียวหยู่เดือดดาล ใครที่ทำให้ลูกศิษย์ของเขากลายเป็แบบนี้ แล้วยังทำลายสมองของเขาจนโล่งไปหมด? โลกใบนี้จะมีคนปล่อยลูกไฟได้อย่างไร มันคิดว่าตัวเองเป็แฮร์รี่พอตเตอร์หรือ?
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้