เมื่อไป๋เซี่ยเหอเดินมาถึงสุดทางของทางเดินยาวเก้าโค้ง
นางกำนัลคนเมื่อครู่ก็พาฝูเอ๋อร์เดินตามมา
ทั้งสองคนมีท่าทีกระหืดกระหอบ ดูเหมือนรีบเล็กน้อย
ไป๋เซี่ยเหอถอนหายใจเล็กน้อยด้วยความโล่งอก
สุดทางเดินยาว มีโคมไฟสองดวงแขวนอยู่
เมื่อเห็นโคมไฟสองดวงนั้น ฝูเอ๋อร์ก็หน้าซีดเล็กน้อย
“ฝูเอ๋อร์ เ้าเป็อะไรไป?”
ฝูเอ๋อร์ชะงัก เมื่อเห็นว่าไป๋เซี่ยเหอกำลังมองหน้านาง ก็ยกมือขึ้นมาจับหน้าทันที ก่อนจะกล่าวว่า “บ่าวไม่เป็อะไรเ้าค่ะ อาจเพราะอาหารเป็พิษ บ่าวจึงรู้สึกไม่สบายตัวเล็กน้อยเ้าค่ะ”
ไป๋เซี่ยเหอพยักหน้า นางไม่ได้พูดอะไรต่อ ทั้งสามคนเดินไปที่เรือนของไป๋หว่านหนิง
“คนเล่า? คนที่ข้าให้พวกเ้าเชิญมาเล่า?”
เสียงเพล้งดังขึ้น เป็เสียงของเครื่องลายครามที่ร่วงลงพื้น ทั้งยังมีเสียงฮึดฮัดอย่างคนที่พยายามกลั้นโมโห
ตามมาด้วยเสียงนางกำนัลที่กล่าวอย่างระมัดระวัง
“ไป๋เช่อเฟยโปรดระงับโทสะ บ่าวได้ส่งคนไปเชิญมาแล้ว คาดว่าอีกไม่นานก็จะมาถึงเพคะ”
“เช่อเฟย? เศษสวะอย่างเ้าบอกว่าผู้ใดเป็เช่อเฟย? รอข้าให้กำเนิดพระโอรสก่อนเกิด ข้าก็จะได้เป็พระชายา เข้าใจหรือไม่?”
เสียงเพล้งดังขึ้นอีกครา ตามมาด้วยเสียงโขกศีรษะ
“บ่าวสำนึกผิดแล้ว บ่าวสำนึกผิดแล้วเพคะ”
เมื่อเดินมาถึงหน้าประตูเรือน ไป๋เซี่ยเหอก็เห็นนางกำนัลสองนางเดินออกมาด้วยกัน
จะบอกว่าเดินด้วยกันก็มิใช่ มิสู้บอกว่านางกำนัลคนหนึ่งประคองนางกำนัลอีกคนจะดีกว่า
นางกำนัลที่ถูกประคองมีเือาบหน้า เห็นได้ชัดว่าถูกเครื่องลายครามหล่นใส่ศีรษะ
นางกำนัลสองนางเดินผ่านไป๋เซี่ยเหอไป พลางส่งเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้น
นางกำนัลที่เดินนำไป๋เซี่ยเหออดไม่ได้ที่จะตัวสั่น นางเอ่ยอย่างระมัดระวัง “คุณหนูไป๋ เช่อเฟยอยู่ด้านใน ท่านเข้าไปเถิดเ้าค่ะ”
ไป๋เซี่ยเหอผงกศีรษะ ก่อนจะสั่งให้ฝูเอ๋อร์ยืนเฝ้าอยู่นอกประตู ส่วนตนเองก็ก้าวเข้าไปด้านใน
น้ำเสียงของนางเฉยเมยและแฝงด้วยความเ็าเล็กน้อย “ข้ายังคิดว่าเมื่อเ้าได้เป็มารดาแล้ว จะเปลี่ยนแปลงตนเองเพื่อลูกบ้าง ดูเหมือนว่าในสายตาของเ้า ลูกคนนี้จะไม่ได้มีความสำคัญใดๆ เลย!”
ไป๋หว่านหนิงหมุนกายมาทันที นางมองไป๋เซี่ยเหอราวกับมองฟางช่วยชีวิต ดวงตาพลันเป็ประกาย ทว่าหม่นแสงลงอย่างรวดเร็ว
“เหลวไหล ลูกของข้าก็คือชีวิตของข้า จะไม่สำคัญได้อย่างไร?”
ไป๋เซี่ยเหอมองหาเก้าอี้ ก่อนหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดแล้วนั่งลง “สตรีมีครรภ์ห้ามเกิดโทสะ ห้ามอารมณ์แปรปรวน เ้าไม่รู้หรือ?”
ไป๋หว่านหนิงหลบสายตาเล็กน้อย จากนั้นก็นั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ข้างๆ ไป๋เซี่ยเหอโดยไม่สนใจว่ามันจะมีคราบน้ำ จากนั้นก็ยื่นมือให้นาง
“เ้าช่วยตรวจชีพจรให้ข้าที”
ไป๋เซี่ยเหอทาบมือลงไป คิ้วขมวดมุ่นเล็กน้อย
“เ้ากินอะไรเข้าไป?”
ครรภ์อ่อนแอ มีโอกาสที่จะแท้งบุตร
ทารกในครรภ์ของไป๋หว่านหนิงเพิ่งจะสองเดือนกว่าเท่านั้น
“เป็อย่างที่คิด เป็อย่างที่คิดไม่มีผิด พวกนางโเี้จริงๆ!”
เมื่อไป๋เซี่ยเหอได้ยินเช่นนั้นก็สับสนไปชั่วครู่ ก่อนจะทำความเข้าใจได้อย่างรวดเร็ว
“สิ่งที่เ้าต้องทำในตอนนี้คือนอนอยู่บนเตียง และบำรุงครรภ์”
เมื่อกล่าวจบ...
เหลียงเอ๋อร์ก็เดินเข้ามาในห้องด้วยฝีเท้าที่ไม่เร็วไม่ช้า นางแสร้งทำเป็มองไม่เห็นความเละเทะภายในเรือน ท่าทีเหมือนเคยชินกับเื่เช่นนี้แล้ว
นางถือถ้วยยาไว้ในมือ ก่อนจะเดินมาที่ข้างกายไป๋หว่านหนิง “เช่อเฟย ดื่มยาบำรุงครรภ์ได้แล้วเพคะ”
เมื่อเหลียงเอ๋อร์เห็นไป๋เซี่ยเหอนั่งอยู่ข้างไป๋หว่านหนิง นางก็หัวเราะเสียงเบาทีหนึ่ง “คารวะคุณหนูใหญ่เ้าค่ะ ให้คุณหนูใหญ่มาดึกดื่นปานนี้ ลำบากท่านแล้วเ้าค่ะ”
ไป๋เซี่ยเหอจ้องมองใบหน้าของเหลียงเอ๋อร์
เหมือนกับใบหน้าที่ได้เห็นในวันนั้นทุกประการ!
สิ่งเดียวที่ไม่เหมือนคือบุคลิก
เหลียงเอ๋อร์ที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้านางในวันนั้น แผ่ความขลาดกลัวและต่ำต้อยออกมาจากกระดูก ทว่าเหลียงเอ๋อร์ที่อยู่ตรงหน้านางผู้นี้ ไม่มีสิ่งเ่าั้แม้แต่น้อย!
“ข้าไม่ลำบาก”
จากนั้นไป๋หว่านหนิงก็กล่าวขึ้น
“ข้าต้องดื่มยาที่ขมปานนี้ทุกวัน ข้ารู้สึกว่าทั้งตัวข้ามีแต่กลิ่นยา เหม็นจะตายอยู่แล้ว”
“แม้แต่ตัวข้าเองยังรังเกียจ มิน่าไท่จื่อถึงไม่มาที่เรือนข้านานแล้ว”
“ไสหัวไป ยกยานี้ออกไปด้วย ข้าไม่อยากเห็นมัน”
จู่ๆ ไป๋หว่านหนิงก็หงุดหงิดขึ้นมา นางทั้งผลักทั้งตีเหลียงเอ๋อร์
เหลียงเอ๋อร์ยกถ้วยยาขึ้นเพื่อหลบไป๋หว่านหนิง ระหว่างนั้นก็ปลอบโยนอย่างอดทน “เช่อเฟย ยานี้ดีกับท่านนะเพคะ ท่านอย่าแง่งอนไปเลย”
ไป๋หว่านหนิงทำเป็ไม่ได้ยิน นางถึงขั้นใช้เท้าถีบเหลียงเอ๋อร์ด้วย
ไป๋เซี่ยเหอเห็นแล้วก็หนังตากระตุก
“อา...”
จู่ๆ เท้าของไป๋เซี่ยเหอก็รู้สึกอุ่นๆ ปรากฏว่ายาสีน้ำตาลนั้นหกใส่เท้าของนาง จนทำให้ชุดกระโปรงกลายเป็คราบวงใหญ่
ทุกคนเงียบเสียงลงทันที
“เ้าสมองหมูหรือไม่? ข้าบอกว่าไม่ดื่มก็คือไม่ดื่ม เ้ามัวทำอะไรอยู่? ดูสิ เ้าก่อเื่ยุ่งยากแล้ว ถึงขั้นทำกระโปรงของพี่ใหญ่เปรอะเปื้อน ยังไม่รีบไสหัวไปอีก!”
หลังจากเหลียงเอ๋อร์กล่าวขอโทษก็รีบออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว โดยที่สีหน้าของนางยังเต็มไปด้วยความใ
ไป๋เซี่ยเหอรับผ้าเช็ดหน้าที่ไป๋หว่านหนิงส่งมาแล้วนำมาเช็ดคราบน้ำบนชุดกระโปรง คิ้วของนางขมวดมุ่นเล็กน้อยจนแทบมองไม่เห็น
หลังจากนั้นชั่วครู่ ฝูเอ๋อร์ก็เข้ามา
“คุณหนู เหตุใดถึงตัวเปียกได้เล่าเ้าคะ? บ่าวเช็ดให้ท่านเองเ้าค่ะ”
เนื่องจากอยู่ในตำหนักของไท่จื่อ ย่อมไม่มีชุดที่พอดีกับนางให้เปลี่ยน กอปรกับนางไม่เต็มใจที่จะเดินไปทั่วตำหนัก ดังนั้นจึงทำได้เพียงเช็ดให้แห้ง แล้วปล่อยเลยตามเลย
“เหตุใดเ้าถึงได้มาช้านัก?”
โดยปกติแล้วสาวใช้คนสนิทมักยืนเฝ้าอยู่หน้าประตู เพื่อจะได้รีบมาทันทียามที่เ้านาย้า
ฝูเอ๋อร์ไม่หลบสายตา นางหัวเราะออกมาทีหนึ่ง “บ่าวปวดท้อง จึงนั่งอยู่ตรงมุม ไม่ได้ยินว่ามีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้นบ้างเ้าค่ะ”
ไป๋เซี่ยเหอไม่สงสัยในคำพูดของฝูเอ๋อร์
สักพักชุดกระโปรงของนางก็แห้ง
ไป๋เซี่ยเหอมองไป๋หว่านหนิง ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ข้าแนะนำเ้า หากอยากให้เด็กในครรภ์ปลอดภัย ก็บำรุงครรภ์ดีๆ และโมโหให้มันน้อยๆ หน่อย”
ดวงตาของไป๋หว่านหนิงแดงก่ำ นางยิ้มเย็น “ถึงแม้ข้าจะอยากให้เด็กปลอดภัย แต่จะมีประโยชน์อะไรในเมื่อทุกคนล้วนอยากให้เด็กตายทั้งนั้น?”
ไป๋เซี่ยเหอมุ่นคิ้ว “หากเ้ายังมีท่าทีเช่นนี้ เ้าก็ไม่ต้องมีลูกแล้ว”
นอกจากนี้ เด็กอาจไม่มีชีวิตรอดด้วยซ้ำ
ครรภ์ของไป๋หว่านหนิงอ่อนแอ อีกทั้งโดยปกติแล้วสตรีมีครรภ์ล้วนไม่อาจโมโหหรือเศร้าโศกมากมายเช่นนี้ได้
“เป็อย่างที่คิด ภายนอกเ้าแสร้งหวังดีกับลูกของข้า ทว่าลับหลังเ้าก็เหมือนกับพวกนาง เ้าเองก็หวังให้ลูกของข้าตายใช่หรือไม่?”
ไป๋หว่านหนิงะเิอารมณ์ออกมาอย่างฉับพลัน นางลุกขึ้นชี้หน้าไป๋เซี่ยเหอ และะโใส่ทันที
“พวกเ้าล้วนเหมือนกันทั้งหมด พวกเ้าล้วน้าทำร้ายลูกของข้า!”
ท่าทีของไป๋หว่านหนิงทำให้ไป๋เซี่ยเหอไม่สบายใจขึ้นมาอย่างกะทันหัน
จู่ๆ ก็เปลี่ยนเป็เช่นนี้ได้อย่างไร?
ยามที่ไป๋หว่านหนิงแต่งออกจากจวนตระกูลไป๋ นางยังคงมีความมั่นใจเต็มเปี่ยม ปรารถนาที่จะสังหารศัตรูอยู่เลย
ทว่าตอนนี้...
ราวกับคนบ้าก็ไม่ปาน!
หลายวันมานี้นางพบเจออะไรมาบ้าง?
บรรยากาศเช่นนี้ทำให้ไป๋เซี่ยเหอเกิดลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นมาในใจ
“ฝูเอ๋อร์ พวกเราไปกันเถอะ”
“...”
ไม่มีเสียงตอบ
ไป๋หว่านหนิงหัวเราะอย่างสิ้นหวังและโดดเดี่ยว เสียงหัวเราะของนางฟังดูแหบแห้ง “ไป๋เซี่ยเหอ เ้าคงนึกไม่ถึงว่าตนเองจะมีวันนี้ด้วยกระมัง”
“ฝูเอ๋อร์ของเ้าได้ทรยศเ้าแล้ว!”
“ฮ่าๆๆๆ สาวใช้ที่เ้ารักและเชื่อใจมากที่สุด ทรยศเ้าแล้ว!”
สายตาของไป๋เซี่ยเหอที่กำลังมองไป๋หว่านหนิงพลันนิ่งค้าง รูม่านตาหดลงทันที
วันนี้ไป๋หว่านหนิงสวมชุดกระโปรงยาวสีม่วง หากมองตอนกลางคืนจะไม่เห็นความผิดปกติใดๆ
ทว่าตอนนี้นางยืนอยู่ใต้แสงไฟพอดี
ดังนั้น...
ไป๋เซี่ยเหอมองปราดเดียวก็รู้ว่า ด้านหลังชุดกระโปรงของนาง มีรอยเปื้อนสีเข้มวงใหญ่อยู่
ตำแหน่งนั้นคือ...
“ไป๋หว่านหนิง หยุดเดี๋ยวนี้ เ้าเลิกหัวเราะ เลิกะโได้แล้ว!”
ไป๋หว่านหนิงทำเป็ไม่ได้ยิน ปากยังคงพร่ำบอกว่า “เ้าเองก็มีวันนี้ด้วย ไป๋เซี่ยเหอเองก็มีวันนี้ด้วย”
------------------------