ตลาดตะวันตกของเมืองจงไห่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา ขณะรถวิ่งผ่านฝูงชนในยามสนธยา อาหารหลากหลายวางเรียงราย พร้อมหยดน้ำสกปรกเจิ่งนองทุกหนแห่ง สินค้าในตลาดแห่งนี้เดินทางมาจากหลายสถานที่ แสงไฟกะพริบระยิบระยับจากบ้านเรือน คนทำงานหรือนักเรียนที่เพิ่งกลับมาถึงบ้าน ฝูงชนเดินอย่างหมองหม่นเหน็ดเหนื่อย ยิ่งทำให้ฟ้าดูมืดลงกว่าเดิม
ในเมืองที่มั่งคั่งแห่งนี้ พื้นที่ส่วนนี้ค่อนข้างอดสู ดังนั้นคนรวยบางกลุ่มจึงอยากให้พื้นที่ปลิวหายไปกับสายลม
ใกล้ๆ นั้นมีเงาร่างท่าทางเกียจคร้านให้ความรู้สึกไม่น่ามอง
คนผู้นี้ขายแพะย่าง สวมผ้ากันเปื้อนสีขาว ใส่เสื้อเชิ้ตเปื้อนคราบน้ำมัน สวมกางเกงสีกาแฟและรองเท้าสีน้ำเงิน
เขาค่อนข้างสกปรก แต่ใบหน้าค่อนข้างหล่อเหลาทีเดียว ถ้าสังเกตให้ดีล่ะก็คุณจะพบว่าเขาไม่ใส่ใจสายตาใครทั้งนั้น และแน่นอนว่าสาวๆ ไม่มีทางเหลือบมองคนขายแพะย่างอยู่แล้ว
ชายหนุ่มกำลังจัดวางชิ้นเนื้อแพะที่เพิ่งย่างเสร็จใหม่ มันค่อนข้างร้อนทีเดียว การย่างเนื้อแพะนั้นง่ายมาก แต่การจะขายนี่สิ ถึงจะแค่ชิ้นละ 5 หยวน วันนี้เขาได้เงินมา 12 หยวน ซึ่งเพียงพอกับค่าอาหารสองมื้อ
ถึงจะมีรายได้แค่นี้ แต่ใบหน้าของเขากลับไม่ได้ดูเศร้าหมองแต่อย่างใด ชายหนุ่มค่อนข้างผ่อนคลายสบายใจเสียด้วยซ้ำ เขานั่งลงบนเก้าอี้พับมองดูฝูงชนที่แออัดอย่างยิ้มแย้มราวกับกำลังมองดูทิวทัศน์อันงดงามก็ไม่ปาน
"ตาแก่หลี่! แกสัญญาว่าจะคืนเงินภายในสองวันก่อนไม่ใช่หรือ" เสียงแหบแห้งดังออกมาจากชายหนุ่มสามคนที่รูปร่างหน้าตาการแต่งตัวบอกยี่ห้อนักเลงเต็มตัว
แผงลอยของลุงหลี่อยู่ถัดจากของชายหนุ่มขายแพะย่าง เขาไม่สามารถที่จะขายได้มากนักเพราะสภาพอากาศที่ร้อนมากใน่นี้ เขานั่งลงพร้อมใบหน้าที่หม่นหมอง
"เอ่อ... คือ" ลุงหลี่หน้าเสีย "หลานชาย เข้าใจลุงด้วยเถอะ อากาศ่นี้ร้อนมากลุงขายไม่ได้เลย ลุงจะเอาเงินมาให้ได้ยังไง..."
"จะบอกอะไรนะไอ้แก่ อย่าคิดว่าจะทำอะไรก็ได้นะ แกรู้ไหมถ้าไม่ใช่เพราะลูกพี่เฟิงล่ะก็ ป่านนี้แผงลอยแกไม่ได้เปิดหรอก..."
ระหว่างที่คนหนึ่งในกลุ่มนักเลงกำลังใช้ข่มเหงคนแก่ ผู้ชายที่ถูกเรียกว่าลูกพี่เฟิงก็ปรากฏตัวตรงหน้าลุงหลี่ด้วยความห้าวทันที
"นี่ลุง ข้าไม่สนหรอกนะว่าลุงจะขายได้หรือเปล่า และถ้าข้าไม่ได้อะไรกลับไปเลยล่ะก็ ข้าจะพังแผงลอยนี่ทิ้งซะ"
หลังจากลูกพี่เฟิงพูดจบ เขาก็เอาไส้กรอกสองชิ้นหักกลางแล้วโยนลงพื้นทันใด
ลุงหลี่ตะลึงงันไปในทันทีไม่รู้จะทำอย่างไร เขาต้องนำเงินไปรักษาภรรยาที่ป่วย จะให้เขานำเงินที่หามาอย่างยากลำบากให้พวกกุ๊ยได้อย่างไร บัดซบ!!!... ขณะที่ลุงหลี่คิดอยู่นั้น
"ผมจ่ายแทนเอง"
ชายหนุ่มขายแพะย่างปรากฏตัวต่อหน้าเหล่านักเลงกระจอกพร้อมยื่นเงินร้อยหยวนให้ เขาพูดด้วยเสียงเย็นเยียบว่า
"ผมมีเท่านี้แหละ ลุงหลี่จำเป็ต้องใช้เงิน พวกแกก็ใช้กรรมเถอะ"
เหล่านักเลงหัวเราะลั่น นักเลงเฟิงรีบหยิบเงินแล้วโยนให้ลูกน้องด้านหลัง พร้อมพูดว่า "หยางเฉิน แกจะเป็พระเอกหรือไง อย่าลืมว่าแกเองก็ยังไม่ได้จ่ายค่าคุ้มครองจริงไหม?"
หยางเฉินขมวดคิ้วพร้อมถอนหายใจ เด็กพวกนี้ไม่ยอมไปโรงเรียน วันๆ มีแต่เที่ยวกับเที่ยว หยางเฉินไม่ใช่พ่อพวกมัน เขาจึงไม่อยากพูด เขาไม่อยากก่อปัญหาใดๆ ด้วย ได้แต่ตอบไปว่า
"พรุ่งนี้ผมจะจ่าย"
"ดีมาก! พวกข้าไม่ใช่เป็คนไร้อารมณ์ขัน แน่นอนเราทำธุรกิจกัน พวกแกตั้งแผงลอย ส่วนพวกข้าเก็บค่าคุ้มครอง ก็ได้ประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย เอาล่ะ พวกข้าจะมาเก็บเงินอีกทีพรุ่งนี้... พวกเราไปเว้ย!"
นักเลงเฟิงเดินไปแผงลอยต่อไป พร้อมกับสมุนอีกสองคนในทันที
"หลานชายหยาง ไม่น่าทำเช่นนี้เลย ลุงขอโทษนะ"
"ลุงหลี่ ลุงไม่ต้องพูดอะไรแล้วล่ะ ตอนผมมาที่นี่ใหม่ๆ ลุงช่วยผมไว้หลายอย่างจริงๆ ถ้าไม่มีลุงผมคงไม่รู้จะทำอะไรดี ลุงเป็ทั้งเพื่อนและผู้มีพระคุณ แน่นอนว่าผมจะต้องตอบแทนลุงบ้าง"
"เด็กเอ้ย รู้ไหมว่าพูดอะไรออกมา"
ลุงหลี่ถอนหายใจอย่างปลงตก เขารู้ว่าไม่สามารถห้ามอะไรชายหนุ่มผู้นี้ได้
หยางเฉินหัวเราะออกมาทันที เสียงหัวเราะนั้นทั้งนุ่มนวลและจริงใจยิ่ง
"เอ่อ จริงสิ อาการของป้าหลี่เป็อย่างไรบ้างล่ะลุง"
ลุงหลี่ตอบด้วยน้ำเสียงตื้นตัน
"ลุงขอบคุณมากสำหรับเงินค่าผ่าตัด ตอนนี้ป้าเขาดีขึ้นมากแล้วล่ะ อีกไม่กี่วันก็น่าจะหายเป็ปกติดี"
"โห ลุง! มันดีมาก ขอให้ป้าหายเร็วๆ ครับ" หยางเฉินพอใจกับข่าวดีนี้มาก
ลุงหลี่หัวเราะเสียงเศร้า
"หยางน้อย เงินที่ให้ลุงยืมน่ะ ถ้าลุงยังมีชีวิตอยู่ลุงจะใช้คืนแน่นอน แต่ถ้าลุงตายไปล่ะก็ ลูกสาวลุงจะใช้คืนแทนลุงเอง อ่า... ถ้าไม่ใช่เพราะลุงล่ะก็ ด้วยจำนวนเงินขนาดนั้น หลานสามารถไปเปิดร้านดีๆ ได้สบาย ไม่ต้องมานั่งขายเนื้อย่างพร้อมจ่ายค่าคุ้มครองนี่อีกต่อไปเสียด้วยซ้ำ..."
หยางเฉินเม้มปากพลางตอบว่า
"ผมชอบอยู่แบบนี้มากกว่าน่ะลุง ขายแพะย่างก็ไม่ได้แย่อะไร มันสามารถทำให้ผมอยู่รอดได้"
"เอ็งนี่มัน..." ลุงหลี่ดูเหมือนจะขุ่นมัวเล็กน้อย "ปีนี้เอ็งอายุ 23 ปีแล้วนะ ถึงแม้จะไม่มีใบปริญญา แต่เอ็งยังหนุ่ม แฟนก็ยังไม่มี เอ็งจะขายแพะย่างนี่ตลอดไปเลยหรือไง ถึงเอ็งจะไม่ห่วงเื่อนาคตตัวเอง แต่ข้าห่วงเหลือเกิน"
ดูเหมือนว่าลุงหลี่จะเป็กังวลแทนหยางเฉินเป็อันมาก หยางเฉินสะอึกไปทันใด ไม่ใช่เพราะเขาไม่รีบ เขาแค่พยายามลืมเื่นั้นไป
ค่ำคืนผ่านพ้นไป หยางเฉินทำความสะอาดแผงลอยพร้อมเข็นรถเข็นกลับอะพาร์ตเมนต์ซอมซ่อ
ไม่มีใครรู้ว่าที่นี่สร้างขึ้นั้แ่เมื่อไร แต่ค่าเช่านั้นถูกแสนถูก เพียงสองหยวนต่อเดือน ย่อมไม่มีใครอยากอยู่ในสถานที่เช่นนี้ แต่ไม่ใช่หยางเฉิน เขาไม่สนความสะดวกสบาย แค่ได้ยินราคาค่าเช่าเขาก็รีบมาทันที
ห้องของเขามีของตกแต่งหลายอย่าง เฟอร์นิเจอร์เก่าๆ ที่คนโยนทิ้ง เตียงผุพังหลังหนึ่ง โทรทัศน์จอเล็กๆ ที่ดูได้เพียงช่องธรรมดา
เขานำรถเข็นไปเก็บไว้ด้านหลังอะพาร์ตเมนต์ พร้อมเหลือบมองปฏิทิน ทันใดนั้นดูเหมือนว่าเขาจะลืมเื่สำคัญบางอย่าง เขารีบวิ่งไปห้องอาบน้ำทันที
ห้านาทีต่อมา หยางเฉินเผยเรือนร่างอันหยาบกร้าน ส่วนเว้าโค้ง กล้ามเนื้อหน้าท้องเป็มัดกระชับได้สัดส่วน นับได้ว่าเป็รูปร่างอันสมบูรณ์แบบ แน่นอนว่าหากพิจารณาแล้ว เขาเป็ผู้ชายที่ดูดีมากๆ คนหนึ่งทีเดียว
เขาเดินไปที่ตู้เก่าๆ ข้างเตียง เสยผมที่เปียกขึ้นลวกๆ แล้วคว้าชุดชั้นในสตรีสีเหลืองอ่อน กางเกงยีนส์สีเทาและรองเท้าแตะยางเก่าๆ ที่เขามักสวมใส่อยู่เสมอ
หยางเฉินเดินทางไปยังสถานที่ซึ่งมั่งคั่งที่สุดในเมือง นั่นคือไวน์สตรีท
ชีวิตที่หรูหรามั่งคั่งพร้อมแสงสีหลากหลายสีสัน หญิงสาวชุดเดรสสุดสวยพร้อมหนุ่มหล่อสูทสุดหรู เพียงแค่ก้าวเข้ามาในไวน์สตรีท กลิ่นน้ำหอมก็ฟุ้งโชยเข้าจมูก ตัดขาดจากโลกภายนอกโดยสิ้นเชิง
หยางเฉินต่างจากชายหนุ่มทั่วไปที่สนใจสาวสวยสุดฮอตนุ่งสั้น เขารีบเดินไปในบาร์ที่ชื่อ โรส
ภายในแสงไฟสลัวให้ความรู้สึกไม่ปลอดภัย ภายในประดับด้วยดอกกุหลาบอันเป็สัญลักษณ์
หยางเฉินเดินตรงไปที่มุมหนึ่งด้วยความเคยชิน
"พี่เฉิน ในที่สุดพี่ก็มา"
บาร์เทนเดอร์หนุ่มสังเกตเห็นหยางเฉินเดินเข้ามาพลางยิ้มเล็กน้อย จากนั้นยื่นแก้วน้ำให้
"พี่สาวเฉียงเวยรอพี่มาสักพักแล้ว"
หยางเฉินยิ้มเล็กน้อยขณะจิบของเหลวในแก้ว
"เฉียงเวยโกรธผมหรือเปล่า วันนี้ผมกลับบ้านช้าไปหน่อย เลยรีบมาที่นี่ทันที"
"เธอไม่โกรธหรอกพี่ ไม่เลย" เสี่ยวจ้าวตอบ ตาของเขาเหมือนยิ้มให้หยางเฉิน
"พี่เฉิน สอนผมหน่อยเถอะ ทำยังไงให้พี่สาวเฉียงเวยตกหลุมรักพี่น่ะ คนตามจีบเธอทั้งเมือง แต่เธอไม่เคยสนใจ แต่เดี๋ยวนี้สิ เธอเพิ่งมาถึงก็เรียกหาแต่พี่ห้าหกรอบแล้ว"
"อย่าพูดไร้สาระน่า ฉันกับเฉียงเวยไม่ใช่แบบที่แกคิด"
เสี่ยวจ้าวเม้มปาก
"ให้ตายยังไงผมก็ไม่เชื่อพี่" เสี่ยวจ้าวทำหน้าเหมือนจะร้องไห้
"พี่... พี่รู้ตัวไหมว่าพี่เป็ผู้ชายที่แย่มาก พี่ได้หัวใจนางฟ้าเ้าของบาร์แห่งนี้ของพวกเราไป หญิงสาวซึ่งชายมากหน้าได้แต่ฝันถึง แล้วดูพี่ทำสิ ทุกวันเธอเอาแต่บ่นว่าทำไมพี่ไม่มาอย่างนั้นอย่างนี้ พี่ไม่ควรทำให้เธอเสียใจนะรู้ไหม พี่ต้องทำให้เธอมีความสุข"
ขณะที่เสี่ยวจ้าวกำลังเทศนาหยางเฉินอยู่นั้น เงาร่างทรงเสน่ห์ได้ปรากฏตัวพร้อมเสียงหวานใส "เสี่ยวจ้าว ด้วยภาระหน้าที่ของนาย ดูเหมือนว่าเงินเดือนนายกำลังจะลดนะ"
เสี่ยวจ้าวหน้าซีดรีบยืนขึ้นทันที แสร้งทำท่าทางเสิร์ฟเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นทันที
ร่างในชุดกี่เพ้าสีสันสวยงามภายใต้เรือนร่างอันเย้ายวน ขนาดหน้าอก เอว สะโพกล้วนน่ามองไปทุกอณู ผมยาวปลิวไสวราวกับนางฟ้าร่อนลงจากสรวง์ปรากฏอยู่ตรงหน้าหยางเฉิน
หยางเฉินยิ้มอย่างไม่สะทกสะท้านต่อความงามตรงหน้า กล่าวเสียงนุ่มนวลว่า
"คุณสวยมากเลยเฉียงเวย สุขสันต์วันเกิด"