“ข้ามาเอาชีวิตเ้า!”
เมื่อสิ้นเสียงผู้าุโเฉียน จู่ ๆ มีเสียงหนึ่งดังมาจากที่บางแห่ง จากนั้นเงาร่างหนึ่งทะยานมาที่เวทีประลอง เป็ชายหนุ่มคนหนึ่งอายุประมาณ 23-24 ปี
ชายผู้นี้มีนามว่าตู๋กูถิง เป็ลูกหลานสายตรงของตระกูลตู๋กู และเป็ลูกพี่ลูกน้องของตู๋กูหลง เขาอายุ 24 ปี อยู่ขั้นยุทธ์แท้ที่ 3 แต่หยุดอยู่ที่ขั้นนี้มานานสองปีโดยมิอาจทะลวงได้ พอได้ยินเงื่อนไขของผู้าุโเฉียนที่น่าเย้ายวน ตู๋กูถิงจึง้าสังหารเย่เฟิง เพื่อให้ตัวเองได้เข้าสำนักชิงอวิ๋น
แม้พร์ของตู๋กูถิงจะธรรมดา แต่เขาฝึกตนมานาน มีพื้นฐานที่มั่นคงในทุกด้าน ตบะก็ยังถือว่าสูง และไม่แน่ว่าเขาอาจจะแกร่งกว่าจ่านเฉินด้วยซ้ำ
“ที่หนึ่งแห่งงานชุมนุมหวงปั่ง วันนี้ข้าตู๋กูถิงก็อยากดูว่าเ้าจะแน่สักแค่ไหน”
ตู๋กูถิงปลดปล่อยพลังเคล็ดวิชาเข้าสังหารเย่เฟิงโดยไม่พูดพร่ำทำเพลงแต่อย่างใด เขาไม่เพียงแต่ได้แก้แค้นแทนตู๋กูหลง ยังสามารถเข้าสำนักชิงอวิ๋นได้อีกด้วย
“ตาย!” เย่เฟิงแผดเสียงะโ พร้อมหอกัเงินประกายปรากฏในมือ ก่อนจะแทงหอกออกไป แม้เผชิญหน้ากับคนที่้าฆ่าเขา แต่มีหรือเย่เฟิงจะปรานี เพียงลงมือก็ใช้พลังที่แข็งแกร่งที่สุดแล้ว
ตู๋กูถิงชะงักไปเล็กน้อย เผชิญหน้ากับหอกที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ ทำเขาไม่มีความกล้าที่จะเข้าปะทะตรง ๆ เขาจึงรีบเก็บพลังที่เพิ่งปลดปล่อยไป จากนั้นดาบสีเงินเล่มหนึ่งปรากฏในมือเขา ก่อนจะกวัดแกว่งดาบ พร้อมปลดปล่อยพลังแห่งขั้นยุทธ์แท้ที่ 3 และจินตนาการได้เลยว่าดาบนี้มีอานุภาพมากเพียงใด
ทว่าเย่เฟิงกลับเดินหน้าต่อไป แม้จะเผชิญหน้ากับรังสีดาบนั่นก็ตาม เขาใช้ย่างก้าวดาวตกผีเสื้อพร้อมพลังดาราปกคลุมร่าง จากนั้นหอกกลายเป็ลำแสงทำลายล้าง ก่อนจะเข้าปะทะกับรังสีดาบของตู๋กูถิง ตามมาด้วยเสียงโลหะกระทบดังกังวาน ตู๋กูถิงเซถอยหลัง แขนทั้งสองข้างสั่นระริกไม่หยุด ทั้งยังเืไหลออกมุมปาก
“หอกดุจั!” เย่เฟิงเผยสีหน้าเย็นเยียบ พลันรังสีหอกพุ่งเข้าหาตู๋กูถิงโดยไม่ปล่อยให้มีเวลาพักหายใจใด ๆ ทำตู๋กูถิงเผยหน้าเขียว พอเขาประสบความแข็งแกร่งของเย่เฟิงด้วยตัวเอง ก็อดนึกเสียใจไม่ได้ ตู๋กูถิงถูกบีบถอยหลังไปหลายก้าว หน้าผากเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ นี่เป็ความผิดของเขาเองที่โลภและท้าเย่เฟิง แต่ถึงจะเสียใจตอนนี้ก็สายไปแล้ว หลังจากเย่เฟิงแทงหอกที่น่าสะพรึงกลัว ลำคอของตู๋กูถิงก็ถูกทะลวงทันที เืพุ่งกระฉูดราวน้ำพุ กลิ่นคาวเืตลบอบอวล ก่อนร่างตู๋กูถิงจะล้มลงไปกองกับพื้นอย่างไม่เต็มใจ
“ตู๋กูถิงที่อยู่ขั้นยุทธ์แท้ที่ 3 ถูกฆ่าตาย เย่เฟิงผู้นี้แข็งแกร่งขนาดไหนกันแน่?”
ผู้คนเห็นฉากนี้ต่างรูม่านหดแคบลง ไม่กล้าเชื่อสายตาของตัวเอง ตู๋กูถิงคือผู้ฝึกยุทธ์ที่หยุดชะงักอยู่ขั้นยุทธ์แท้ที่ 3 มานานสองปี แต่ไม่นึกว่าจะถูกเย่เฟิงที่อยู่ขั้นรวมชี่ที่ 8 ฆ่าตาย มันช่างเหลือเชื่อยิ่งนัก
ผู้คนของตระกูลตู๋กูต่างเผยหน้าเขียว เดิมทีพวกเขาคิดว่าจะฉวยโอกาสนี้ให้ตู๋กูถิงแก้แค้นคืนตู๋กูหลง แต่ไม่คาดคิดว่าตู๋กูถิงจะตกตายในน้ำมือของเย่เฟิง
ถึงอย่างนั้นการตายของตู๋กูถิงก็ไม่ส่งผลกระทบต่อความอยากของคนเ่าั้ที่้าใช้เย่เฟิงเป็สะพานเชื่อมเข้าสำนักชิงอวิ๋น
ต่อจากนั้นมีผู้ฝึกยุทธ์ท้าดวลกับเย่เฟิงอย่างต่อเนื่อง แต่กลับไม่มีใครรอดจากเงื้อมมือของเย่เฟิงเกินสิบกระบวนท่า ทุกคนต่างถูกเย่เฟิงปลิดชีวิตในหอกเดียว หรือแม้กระทั่งผู้ฝึกยุทธ์จุดสูงสุดของขั้นยุทธ์แท้ที่ 3 สองคนก็ไม่รอด นี่ทำให้ทุกคนใเป็อย่างมาก คนบางส่วนที่จะขึ้นเวทีไปท้าเย่เฟิงถึงกับหยุดชะงัก ไม่กล้าเดินหน้าต่อ แต่เพราะเหตุนี้ทำให้ผู้าุโเฉียนเผยสีหน้าดูไม่ได้ เขา้าคนที่ฆ่าเย่เฟิงได้ แต่กลับไม่มีใครทำสำเร็จ นี่เท่ากับตบหน้าเขาชัด ๆ
“ผู้าุโใจเย็น ในหกอาณาจักรมีอัจฉริยะนับไม่ถ้วนที่สามารถช่วยท่านฆ่าคนจองหองผู้นี้ได้!”
ทางฝั่งอาณาจักรเว่ย จู่ ๆ ชายชราคนหนึ่งลุกขึ้นยืน เขาเป็ผู้บังคับบัญชาของคณะทูตอาณาจักรเว่ย หลังจากเว่ยฉีเทียนและเว่ยซินหย่ากลับอาณาจักร ทางอาณาจักรเว่ยก็ส่งคณะทูตกลุ่มใหม่มาซึ่งนำโดยชายชราผู้นี้
“พูดจริงหรือ?” ผู้าุโเฉียนเอ่ยถาม หลังจากเห็นพลังของเย่เฟิงก็ทำให้เขาคิดได้ว่าผู้ฝึกยุทธ์อายุต่ำกว่า 25 ปีไม่มีใครจัดการเย่เฟิงได้เลยสักคน ด้วยฐานะของเขา มันค่อนข้างน่าอายที่กำลังพยายามกำจัดผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่คนหนึ่ง จึงมิอาจให้ผู้ฝึกยุทธ์อายุเกิน 25 ปีลงมือได้ ไม่เช่นนั้นหากเื่นี้แพร่งพรายออกไป ชื่อเสียงของเขาและสำนักชิงอวิ๋นต้องเสียหายหนักแน่นอน
“ข้าจะโกหกท่านไปไย? ศิษย์ข้าคือหนึ่งในสี่มหาองครักษ์แห่งอาณาจักรเว่ย ไม่ว่าพร์หรือพลังก็ล้วนยอดเยี่ยม เขาจัดการเ้าเด็กคนนั้นได้แน่นอน!” ชายชราผู้นั้นตบหน้าอกตนเบา ๆ ด้วยท่าทีมั่นใจเต็มเปี่ยม
“ข้าเชื่อเ้า หากศิษย์เ้าสังหารคนคนนี้ได้ ข้าจะรับเข้าสำนักชิงอวิ๋น” ผู้าุโเฉียนได้ยินก็ยิ้มจาง ๆ ก่อนจะกล่าวเช่นนั้น
ชายชรายิ้มจาง ๆ จากนั้นหันไปมองชายหนุ่มคนหนึ่งที่ด้านหลังแล้วกล่าวว่า “พลเหล็กกล้า เ้าจงไปฆ่าคนผู้นี้เสีย!”
ชายผู้นั้นที่มีนามว่าพลเหล็กกล้าพยักหน้าตอบรับ “ขอรับ ท่านอาจารย์!”
จากนั้นเห็นพลเหล็กกล้าลุกขึ้นจากที่นั่ง ก่อนจะทะยานร่างไปยังเวทีประลอง
อาณาจักรเว่ยนั้นมีสี่มหาองครักษ์และสี่มหาพล สี่มหาองครักษ์ไม่ต้องเอ่ยถึง เพราะเย่เฟิงเคยประมือกับพวกเขามาแล้วก่อนหน้านี้ ทั้งยังฆ่าชิงหลงเว่ย ทว่าสี่มหาพลมีสถานะสูงกว่าสี่มหาองครักษ์ และพลังก็ยังแกร่งกล้ามากกว่า
สี่มหาพลแบ่งออกเป็ พลเหล็กกล้า พลทองแดง พลเงิน และพลทอง ทุกคนล้วนเป็อัจฉริยะชั้นยอด และอยู่ขั้นยุทธ์แท้ที่ 3 ขึ้นไป ซึ่งพลเหล็กกล้าที่ขึ้นเวทีประลองมีตบะต่ำสุด นั่นคือขั้นยุทธ์แท้ที่ 3 ส่วนพลทองที่แกร่งสุดคือผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้ที่ 6
“ล่วงเกินผู้าุโเฉียน เ้าสำนึกผิดหรือไม่!” พลเหล็กกล้าที่ถือดาบกล่าวเสียงเย็น น้ำเสียงนั้นดูแข็งกร้าวราวกับกำลังตัดสินความผิด
“เ้าเป็ใคร แล้วกล้าดียังไงมาพูดจาเช่นนี้กับข้า?” เย่เฟิงแสยะยิ้มขณะเสื้อคลุมเปียกโชกไปด้วยเืสีแดงฉาน
“เ้าคงจะเคยได้ยินสี่มหาพลแห่งอาณาจักรเว่ย พลเหล็กกล้าหนึ่งในนั้นก็คือข้า หากเ้าเกิดกลัวขึ้นมาก็จงทำลายตบะแล้วยอมรับผิดเสีย!” พลเหล็กกล้ากล่าวด้วยท่าทีหยิ่งผยอง ซึ่งสี่มหาพลมีสถานะสูงส่งมากในอาณาจักรเว่ย แล้วจะสนใจคนอย่างเย่เฟิงที่อยู่ขั้นรวมชี่ไปทำไม?
“ข้าไม่เคยได้ยินสี่มหาพล แต่ข้าเคยฆ่าหนึ่งในสี่มหาองครักษ์ หากเ้าไม่อยากตาย ก็ใช้โอกาสนี้หนีไปซะ!” เย่เฟิงกล่าว เขาไม่คิดว่าอาณาจักรเว่ยจะยังมีสี่มหาพลอยู่ด้วย
“กำเริบเสิบสาน!” ดวงตาของพลเหล็กกล้าวาบประกายเย็นเยือก เขารู้ว่าเย่เฟิงไม่มีทางยอมง่าย ๆ เช่นนั้นเขามีแต่ต้องลงมือฆ่าด้วยตัวเอง
“วูบ!” ทันใดนั้นเจตจำนงดาบปะทุออกจากร่างพลเหล็กกล้า กลายเป็รังสีดาบรายล้อมร่างกาย พร้อมแสงแห่งอำนาจพุ่งสูงเสียดฟ้าซึ่งอยู่ขั้นผันแปร่กลาง
“ตายซะเถอะ!” พลเหล็กกล้ากวัดแกว่งดาบที่มีพลังเกินแสนจินโจมตีเย่เฟิงทันที
“พลเหล็กกล้าคือหนึ่งในสี่มหาพลแห่งอาณาจักรเว่ย รบราฆ่าฟันศัตรูมานับไม่ถ้วน ถูกฝึกมาให้เป็คนเืเย็น ขณะเดียวกันยังได้ชำระล้างในการสู้รบ ทำให้พลเหล็กกล้ามีประสบการณ์โชกโชน พลังของเขาก็ไม่ใช่สิ่งที่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้ที่ 3 ทั่วไปจะทัดเทียม ต่อให้เป็ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้ที่ 4 ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา เพราะฉะนั้นเย่เฟิงต้องตายอย่างแน่นอน!”
ทางฝั่งอาณาจักรเว่ย ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งเอ่ยขึ้นมา โดยเอ่ยถึงพลเหล็กกล้าด้วยสีหน้าเลื่อมใสศรัทธา เมื่อคนอื่น ๆ ได้ยินต่างก็กะพริบตาปริบ ๆ แล้วคิดในใจว่า “อาณาจักรเว่ยสมกับเป็ศูนย์กลางของเจ็ดอาณาจักรแห่งแดนชิงอวิ๋น มีแต่อัจฉริยะชั้นยอดไม่ขาดมือ”
แต่คนของสำนักยุทธ์เทียนเสวียนกลับดูเป็กังวล พลเหล็กกล้าแข็งแกร่งเพียงนี้ เย่เฟิงจะเอาชนะเขาได้หรือ?
ดาบของพลเหล็กกล้าเคลื่อนด้วยความเร็วสูงขณะตรงไปยังลำคอเย่เฟิง แต่เย่เฟิงใช้ย่างก้าวดาวตกผีเสื้อหลบหนีในนาทีที่รังสีดาบเข้ามาใกล้ลำคอตน แต่ขณะเดียวกันรังสีหอกก็พุ่งออกไปด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ
พลเหล็กกล้าแสยะยิ้ม จากนั้นรังสีดาบเข้าปะทะกับรังสีหอกของเย่เฟิง ตามมาด้วยเสียงโลหะกระทบดังกังวาน คลื่นกระแทกทำให้ทั้งสองคนถอยหลังไปหนึ่งก้าว แต่ระหว่างนี้ยังเห็นรอยยิ้มเย้ยหยันในสายตาของอีกฝ่าย
“ตาย!” พลเหล็กกล้าแผดเสียงะโ จากนั้นตวัดดาบโจมตีอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้ผสานท่าร่างด้วย หลังจากเขาสำแดงท่าร่างนี้ ร่างเขาก็ดูใหญ่โตขึ้น ทุกย่างก้าวของเขาค่อนข้างพิเศษ แม้ดูเรียบง่าย แต่หากจะโจมตีเขากลับคงจะไม่ใช่เื่ง่าย
ส่วนรังสีดาบก็ยังเป็หนึ่งเดียวกับจังหวะของย่างก้าว ทั้งหมดนี้ก็เพื่อที่จะสังหารเย่เฟิง
“หอกมรณะ!”
เย่เฟิงสำแดงย่างก้าวดาวตกผีเสื้อ พลังดาราถูกปลดปล่อย แผนที่ดาวแผ่ปกคลุมเวทีประลองพร้อมกับลวดลายโคจรบนนั้น ในขณะที่หลบหนีดาบนั้นของพลเหล็กกล้า เย่เฟิงก็แทงหอกออกไป ซึ่งเป็ทักษะหอกปลิดชีวีที่หนึ่ง หอกมรณะ
“เ้าอยู่แค่ขั้นรวมชี่ แต่สู้กับข้ามาถึงจุดนี้ได้ เ้าน่าจะภูมิใจนะ!” พลเหล็กกล้ากล่าวเสียงเย็น เขามีประสบการณ์ต่อสู้นับไม่ถ้วน รู้ทุกจังหวะและโอกาส และยังมีตบะที่สูงกว่าห้าระดับ ดังนั้นแม้สู้มาถึงจุดนี้ได้ แต่พลเหล็กกล้าก็ไม่รู้สึกกดดันใด ๆ กลับกันยังรู้สึกฮึกเหิมขึ้นเรื่อย ๆ
“วูบ!”
พลเหล็กกล้ากวัดแกว่งดาบโจมตี ส่วนเย่เฟิงแทงหอกต่อเนื่องสามครั้ง
“ปัง ๆ!”
รังสีหอกเข้าปะทะกับดาบของพลเหล็กกล้า ทำให้เกิดประกายไฟขึ้นมา ทั้งสองคนต่อสู้กันไปมา แต่ก็ยังคงตัดสินแพ้ชนะไม่ได้
“พลังของเย่เฟิงกับพลเหล็กกล้าแกร่งมาก ช่างน่าเหลือเชื่อจริง ๆ!”
ผู้คนต่างต้องตกตะลึงขณะชมการต่อสู้อันดุเดือดของเย่เฟิงกับพลเหล็กกล้า
การต่อสู้ระดับนี้น่าตื่นตาตื่นใจยิ่งกว่าการต่อสู้ในงานชุมนุมหวงปั่งเสียอีก นี่สิจึงจะเป็การตัดสินที่แท้จริงระหว่างผู้ฝึกยุทธ์
