ไม่ไม่ไม่ มันไม่น่าขำแม้แต่นิดเดียว!
ไม่น่าขำจริงๆ!
สถานการณ์เช่นตอนนี้ อวี๋มู่รู้สึกว่าหากไม่มีคะแนนความประทับใจต้านไว้ เฟิงอวี้คงต้องสังหารเขาเป็แน่!
หรือไม่ก็จับเขากินแบบเป็ๆ !
“ใต้เท้าเฟิงอวี้ ข้าไม่ได้รักเขาแล้ว” อวี๋มู่กะพริบตา จ้องดวงตาขอบดำคล้ำที่กระดิกไปมาของนักบวชน้อย ก่อนจะเอ่ยกับอีกฝ่าย “ตอนนี้ในใจข้ามีแต่ท่าน”
เฟิงอวี้สำรวจมองท่าทีของเขาอย่างละเอียด มือขวาััด้านข้างลำคอของอวี๋มู่ แววตามืดมนไม่ชัดเจน
ระบบเอ่ยกับเขาด้วยท่าทีตื่นเต้น [โฮสต์ครับ ผมรู้สึกว่าคุณเผยไต๋แล้ว นี่มันปลอมมาก!]
อวี๋มู่: …นายไม่พูดฉันยังไม่รู้สึก พอนายพูดขึ้นฉันก็รู้สึกว่าปลอมไปนิดนึงเหมือนกัน
[…จบกัน ๆ โฮสต์ครับ ครั้งนี้คุณควรสวดมนต์ภาวนาเข้าไว้เถอะครับ]
จริงตามนั้น เฟิงอวี้หัวเราะออกมา ลักยิ้มข้างแก้มสวยงามจนเกินไป
ก่อนจะเอ่ย “โอกาสครั้งสุดท้ายหมดลงแล้ว ข้าโกรธขึ้นมาแล้ว”
เฟิงอวี้บีบคอของอวี๋มู่ แล้วก้มศีรษะลงงับริมฝีปากของเขา พร้อมกับใช้มืออีกข้างเกี่ยวเอวเขาไว้แน่น แรงนั้นแทบจะทำให้ร่างกายของอวี๋มู่หลอมรวมเข้ากับตัวเขาเอง
จูบที่รุนแรงและดูดดื่ม ั์ตาของเฟิงอวี้เปลี่ยนเป็สีแดงมากกว่าเดิม เทียบกับอวี๋มู่ที่ขณะนี้มีแต่กลิ่นอายิญญาทั่วร่าง เขาปล่อยเนื้อปล่อยตัว จนยิ่งดูเหมือนิญญาพิศวาสหนึ่งตน
ผ่านไปเนิ่นนาน เฟิงอวี้ก็ผละออกจากริมฝีปากของอวี๋มู่ แล้วพาเขาไปยังนอกห้องตรงมุมหนึ่งบนชั้นสามของโรงโสเภณี
มีเสียง( )ของคณิกากับแขกดังมาจากในห้อง
เฟิงอวี้ใช้คาถาล่องหน บดบังร่างของตัวเองและอวี๋มู่ เขาใช้เท้าถีบประตูให้เปิดออก ส่งผลให้การกระทำของคนทั้งสองในห้องหยุดชะงักและหันขวับมองไปทางประตู แต่สายตากลับมองไม่เห็นผู้ใด
“นี่มันบ้าอะไรกัน?! ” แขกก่นด่าออกมาหนึ่งคำ จนคณิกาต้องรีบปลอบเขาทันที พอปลอบเสร็จกำลังจะลุกขึ้นไปปิดประตู โดยตอนปิดประตูก็มองออกไปนอกประตูครู่หนึ่ง พบว่าไม่มีใครเลย ในใจจึงเกิดความฉงน พอปิดประตูเสร็จก็ถูแขน พร้อมกับที่ในใจบ่นว่าทั้งๆ ที่เป็ฤดูร้อน แต่ทำไมอากาศกลับหนาวเย็นเช่นนี้
ในขณะนี้เฟิงอวี้นั้นลากอวี๋มู่เข้าประตูมาแล้ว พวกเขาก็ยืนอยู่ตรงริมประตู
อวี๋มู่มองดูคณิกานั่งซุกเข้าหาอ้อมอกแขก ร้องเรียกคุณชาย ให้พวกเรามาต่อกันเถอะ แล้วเริ่มทำงาน
อวี๋มู่ตัวแข็งขณะถูกเฟิงอวี้โอบเกี่ยวไว้ ข้างหูมีแต่เสียงที่ส่งให้คนได้ยินแล้วรู้สึกขนลุกเสียวซ่าน
ผ่านไปเนิ่นนาน ก็ได้ยินเฟิงอวี้พูดเสียงราบเรียบ “ที่แท้ก็เป็เช่นนี้นี่เอง”
“!!!”
อ๊าก!!!
อวี๋มู่แทบจะบ้าไปแล้ว ซึ่งครั้งนี้คือจะบ้าของจริง!
เขาคิดไม่ถึงว่าเฟิงอวี้จะเถรตรงถึงขั้นนี้ บัดซบ!
ตอนนี้เขาไม่กล้าคิดว่าเฟิงอวี้จะทำเช่นไรกับเขา หากว่ามีโอกาสให้เขาได้ย้อนสำนึก เขาจะไม่โกหกเฟิงอวี้เด็ดขาด!
เพียงแต่โลกนี้ไม่มียาที่ช่วยให้สำนึกเสียใจทีหลังได้ แม้นจะมี แต่จากท่าทางของเฟิงอวี้ในตอนนี้ก็คงไม่ปล่อยให้เขาได้มีโอกาสกินยานี้
อวี๋มู่นั้นกลายเป็ขอนไม้แล้วจริงๆ ไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัว ภาพร่วมรักก็เกิดขึ้นหลังจากนั้น
กระนั้น ขณะที่อยู่ในท่วงท่านี้ นักบวชน้อยกลับหัวเราะร่าอย่างใสบริสุทธิ์ แล้วเอ่ยเสียงค่อย “ที่แท้ก็ต้องใช้กับที่ตรงนี้นี่เอง จริงๆ เลย...”
“ฝึกกันได้แล้ว”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ อวี๋มู่ก็รู้สึกิญญาแตกเป็เสี่ยง
เฟิงอวี้กอดอวี๋มู่ไว้ แล้วเอ่ย “ข้าอยากฝึกแบบพวกเขา หรือไม่ก็ทำที่นี่เลยแล้วกัน...”
เขาพูดเองเออเอง “แต่ว่า คาถาล่องหนของข้าใช้ได้ไม่ค่อยดีเท่าไร เมื่อครู่ก็ถูกเ้าบ้าเฟิงฉี่นั่นทำลาย ดังนั้น อวี๋มู่จ๋า เ้าว่าพวกเราจะถูกสองคนนั้นมองเห็นตัวตนในเร็วๆ นี้หรือไม่? ”
น้ำเสียงของเขาชั่วร้ายขั้นสุด แล้วกระตุกเข็มขัดชุดของอวี๋มู่
ส่วนเฟิงอวี้ยืนอยู่ด้านหลังเขา ทำให้อวี๋มู่ต้องหันหน้าเข้าหาคนทั้งสองนั้น หากว่าเขาจงใจคลายคาถาล่องหน อวี๋มู่ก็จะถูกทั้งสองคนนั้นเห็นเข้า
นี่เป็การเล่นงานอวี๋มู่แบบถึงขั้นเอาชีวิต
แม้ว่าเขาจะไม่ได้ยอมรับว่าตัวเองเป็ชายแท้แล้ว แต่จะให้ทำกับเฟิงอวี้ในสถานการณ์เช่นนี้ เขาไม่อาจเสียหน้าได้จริงๆ
“ใต้เท้า ไม่ทำที่นี่ได้หรือไม่? ”
เพื่อศักดิ์ศรีเศษเสี้ยวสุดท้าย อวี๋มู่จึงเอ่ยอ้อนวอน
เฟิงอวี้เพียงแค่ยิ้ม ก่อนจะเอ่ย “ข้าบอกแล้วว่าข้าโกรธแล้วนะ อวี๋มู่”
ฉันรู้อยู่แล้วน่า ว่านายโกรธ!!
“ที่ตรงนี้...ไม่น่าจะดีนัก” อวี๋มู่คว้ามือที่กำลังซุกซนไปทั่ว และยังอยากขัดขืนอีกฝ่าย “ท่านเป็นักบวช หากถูกคนอื่นเห็นเข้าจะไม่งาม...”
เฟิงอวี้หัวเราะออกเสียง “ไม่ใช่เพราะว่าตัวเองรู้สึกเขินอาย แต่เอาสถานะของข้ามาบีบข้าอย่างนั้นหรือ? ”
“เ้าเป็เช่นนี้ตลอด อวี๋มู่”
เขาเอ่ยต่อ “เช่นนั้นข้าพูดว่า ข้าไม่ได้ใส่ใจเื่พวกนี้ จะทำตรงนี้ให้ได้ เ้าจะตบปากรับคำหรืออย่างไร? ”
เฟิงอวี้กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น แฝงไปด้วยน้ำเสียงกัดฟัน ซึ่งพออวี๋มู่ได้ยินก็ถึงกับเสียวสันหลัง
มือเย็นเฉียบของอีกฝ่ายนั้นััริมฝีปากบาง อวี๋มู่ได้ยินนักบวชน้อยถามอีกรอบ “ข้าพูดเช่นนี้ เ้ายินดีหรือไม่? ”
หลุมที่ตัวเองขุดไว้ แม้ร่ำไห้ก็จำต้องยอมะโลงหลุม
อวี๋มู่ได้แต่พยักหน้าอย่างฝืนกล้ำกลืน “ในเมื่อใต้เท้าเฟิงอวี้ไม่ใส่ใจ ข้าย่อมไม่มีอะไรต้องกังวล”
เฟิงอวี้ได้ยินเขาพูดเช่นนี้ ทีแรกคือชะงักไปชั่วขณะ ถัดจากนั้นก็เอ่ย “ฮ่าๆๆๆ อวี๋มู่ เ้านี่จริงๆ เลย ข้าไม่รู้จะพูดเช่นไรต่อดี...”
ทั้งๆ ที่เขาคาดหวังให้อวี๋มู่ยอมประนีประนอม แต่พออีกฝ่ายประนีประนอมขึ้นกลับ เขากลับรู้สึกถึงความโกรธอย่างไม่มีสาเหตุ
ฉันพลันก็จับอีกฝ่ายหันมา เฟิงอวี้บีบคอเขาแล้วดันชิดติดกำแพง ก่อนจะเอ่ยถาม “ข้าไม่เข้าใจ...ทั้งๆ ที่เ้าไม่ได้รักข้า ไยถึงยังคล้อยตามข้า? เพราะกลัวข้าสังหารเ้า หรือกลัวว่าข้าจะสังหารเฟิงฉี่? จุดประสงค์ของเ้าคืออะไรกันแน่? ทำไมถึงเข้าใกล้ข้า และทรมานข้าแบบนี้? ”
ดวงตาของเขาแดงก่ำและกำลังจดจ้องอวี๋มู่ แสงสลัวจากเทียนในห้อง ทั้งสว่างและริบหรี่ ราวกับว่ามีน้ำตาคลออยู่ในนั้น
แต่พอมองให้ดีกลับไม่มีอะไร
เขาเกลียดที่สุด
เกลียดที่ตัวเองไม่เอาไหน
ไม่อาจได้ใจของอวี๋มู่มา
สำหรับอวี๋มู่แล้ว เฟิงฉี่คือคนที่อวี๋มู่รักมาตลอด ส่วนตัวเขานั้นนับว่าเป็อะไร?
ดวงใจของเฟิงอวี้ถูกบีบรัดจนเจ็บ ความรู้สึกแบบนี้ช่างแปลกประหลาด เป็ความรู้สึกที่ไม่เคยหยุดั้แ่เฟิงฉี่ปรากฏตัวออกมาจนถึงตอนนี้
เขาขมวดคิ้วแน่น วางมือลงบนหน้าอกของตัวเอง กดลงไป แต่กลับเ็ปแทบตายแบบหยุดไม่อยู่
เฟิงอวี้มองดูชายหนุ่มตรงหน้า มองดูท่าทีไม่ชัดเจนของอีกฝ่าย และในขณะนั้นก็รู้สึกว่าตัวเองนั้นช่างน่าขำสิ้นดี
เขาปล่อยอวี๋มู่ แล้วคว้ามือของอีกฝ่ายมาวางทาบบนหน้าอกของตัวเอง แล้วเอ่ย “อวี๋มู่ ในใจข้ากำลังบอกกับข้าว่า มันเจ็บมาก เจ็บปางตาย”
“เ้าว่า นี่มัน เป็เพราะอะไรกัน? ”
เหมือนกับสองปีที่แล้ว ที่นักบวชน้อยกุมมืออวี๋มู่วางบนหน้าอกตัวเอง เอ่ยกับเขา
อวี๋มู่ ในใจของข้ามันกำลังพูดคุยกับข้า มันบอกว่ามันชอบเ้า
แต่ตอนนี้ มันรู้สึกเ็ป
เจ็บเป็ที่สุด
แล้วฉันต้องทำอย่างไร?
อวี๋มู่ตกตะลึงเล็กน้อย พลางมองดูเฟิงอวี้ที่เป็เช่นนี้ ขณะนั้นก็รู้สึกแย่สุดๆ
เขาไม่รู้ว่าควรตอบว่าเช่นไร แต่เฟิงอวี้ก็หาคำตอบแทนเขา
นักบวชน้อยใช้มืออีกข้างทาบลงบนตำแหน่งหัวใจของหน้าอกอวี๋มู่ รู้สึกถึงความเยือกเย็นตรงนั้น แล้วเอ่ย “ดูสิข้ากำลังพูดอะไร เ้าหาได้มีหัวใจ แล้วจะรับรู้ความเ็ปในหัวใจข้าได้อย่างไร? ”
ผ่าน่เวลาที่ทั้งระทึกใจและขมขื่นใจ
