“หลี่เจิ้ง ข้าไม่ได้บอกว่า้าให้น้องสาวทอดทิ้งสามี ครอบครัวเราพึงพอใจต่อตัวเหรินกุ้ย แต่นางเฒ่าตัวดีนี่อาศัยว่าเป็ผู้ใหญ่ก็รังแกน้องสาวข้าตามใจ น้องสาวผู้น่าสงสารของข้าซื่อตรงมาแต่ไหนแต่ไร เห็นนางถูกรังแกเช่นนี้ ข้าที่เป็พี่ชายจะไม่เ็ปใจได้อย่างไร ฉะนั้นถึงได้เอ่ยเื่แยกบ้าน เดิมทีข้าคิดเพียง้าให้พวกนางสองแม่ลูกอยู่อย่างสงบ เฮอะ หลี่เจิ้ง ท่านอย่าบอกนะว่า ท่านไม่รู้ว่านางเฒ่านี่นิสัยเป็เช่นไร”
ขณะที่เขาพูดก็ชี้มีดเชือดหมูไปทางหลิวฉีซื่อ หากว่ามีคำพูดใดไม่เข้าหูก็จะเตรียมฟันทันที
หลี่เจิ้งเห็นอย่างชัดเจนว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่ซุนต้าเตาคิดขึ้นมาได้ แต่เขาไม่สนใจเื่เหล่านี้ ตราบใดที่มันพอจะผ่านพ้นไปได้ โดยที่ซุนต้าเตาไม่ก่อเื่ในบ้านตระกูลหลิวอีก ถือว่าเขาทำงานเสร็จแล้วสามารถแยกย้าย
“น้องใหญ่ เ้าเองก็ได้ยินแล้ว ต้าเตาไม่ได้รั้นจะให้แยกบ้าน เพียงแต่วิธีการของเ้าทำให้เขาไม่พอใจ”
หัวใจของหลิวฉีซื่อเกลียดหลิวซุนซื่อเข้ากระดูก แล้วยังมีซุนต้าเตาที่เอะอะก็จะฟาดฟันใบมีดมาที่บ้านของนาง ความเกลียดชังถึงขั้นอยากกลืนกินทั้งเนื้อและกระดูกเข้าไป ไหนเลยจะยังเห็นตระกูลซุนเป็ญาติ
“ท่านพี่หวง เช่นนั้นท่านลองชี้แนะข้าหน่อย ข้าที่เป็แม่สามีไม่สามารถให้ลูกสะใภ้ช่วยงานบ้านเลยหรือ ควรให้นางกินแล้วนอน นอนแล้วกินอย่างเดียวหรือ? เฮอะ ข้าเองไม่รู้ว่ามีลูกสะใภ้บ้านใดที่ชีวิตดีเช่นนี้”
หลี่เจิ้งยิ้มเก้ๆ กังๆ คิดว่าคําพูดของหลิวฉีซื่อนั้นไม่ผิดเลย ลูกสะใภ้ไม่อยู่ในกรอบ คนเป็แม่สามีก็สมควรสั่งสอนให้ดี
หลิวซานกุ้ยที่อยู่ด้านข้างสามารถมองออกเื่หนึ่ง การทะเลาะกันครั้งนี้ เห็นทีสุดท้ายงานบ้านคงมาตกอยู่ที่ตัวภรรยาของเขาอีกหน เพียงแต่เมื่อเทียบกับสองเดือนที่แล้ว ตอนนี้ในใจเขานั้นมีเพียงความไม่ยินยอม
ก่อนหน้านี้ภรรยาของเขาคลอดก่อนกำหนด เขาต้องใช้เวลาอยู่นานครึ่งค่อนวันกว่าจะได้ข้าวสารมา แต่ว่า พี่รองกลับแอบกินดีอยู่ดีในห้องปีกทิศตะวันออก แล้วยังไม่ให้ภรรยาออกมาช่วยงานบ้าน
คราวนี้…
ทางด้านของหลี่เจิ้งไม่มีทางทำเื่ให้ผู้อื่นเคืองโกรธ ยิ่งไปกว่านั้นก่อนที่เขาจะมาที่นี่ หลานชายของตนยังวิ่งกระเตงมากำชับว่า อย่าได้ให้ครอบครัวของหลิวเต้าเซียงถูกคนรอบข้างรังแก
เขานึกถึงเื่นี้และเงยหน้าขึ้นมองหลิวซานกุ้ย ก่อนหน้าที่หลิวซุนซื่อจะช่วยทํางาน จางกุ้ยฮัวเป็คนดูแลทุกอย่างทั้งนอกบ้านและในบ้าน พอมาถึงตอนนี้ เขากลับเอ่ยปากไม่ได้
“น้องใหญ่ ข้าเองเป็คนนอก เื่ในบ้านของเ้า พวกเ้าก็แบ่งสรรกันให้ดี เมื่อได้ผลลัพธ์ค่อยมาบอกกล่าวแก่ข้า ข้าเพียงแต่มาเป็ผู้ผดุงความยุติธรรม ไม่้าให้พวกเ้าทะเลาะกันจนสัมพันธ์ขาดสะบั้น แล้วก็อีกอย่าง อย่าให้ใครต้องเสียเปรียบเกินไป”
หลิวฉีซื่อรู้ดีว่าถามเขาไปก็เปล่าประโยชน์ เพียงแต่ตัวนางเองไม่อาจทำงานบ้านได้
“ซุนต้าเตา แม้ว่าเ้าจะไม่พอใจให้น้องสาวของเ้าถูกใช้งานอยู่ในบ้านข้า หรือไม่เช่นนั้น เ้าก็พานางกลับไป”
ซุนต้าเตาเห็นว่านางยังคงยืนกรานหนักแน่น หรือว่าเขาต้องทำเช่นนั้นจริง?
“ท่านพี่ เรากลับไปก่อนแล้วค่อยว่ากัน!” หลิวซุนซื่อกระตุกแขนเสื้อเขาอยู่ข้างๆ
“อะไรกัน? เ้าคิดจะหย่าจริงหรือ?” ซุนต้าเตารู้สึกว่าน้องสาวตนเองไม่น่าจะหย่า
หลิวซุนซื่อส่ายหน้าเล็กน้อยแล้วเลื่อนสายตาไปทางหลิวฉีซื่อ ต่อมาก็หลุบตาลง เอ่ยเสียงค่อย “ข้ากับจูเอ๋อร์อยากไปหาเหรินกุ้ยไปตำบล แต่ท่านย่าไม่อนุญาตให้ข้าส่งจดหมายไป”
“มีเื่เช่นนี้ด้วยหรือ?” ซุนต้าเตาถามไถ่หาบรรพบุรุษสิบแปดชั่วโคตรของหลิวฉีซื่อในใจ
หลิวซุนซื่อรู้ว่าพี่ชายตนเองนิสัยเป็อย่างไร จึงเอ่ย “อะไรกัน ท่านพี่ไม่รู้หรือ? ก่อนหน้านี้ท่านส่งจดหมายมาบอกให้ข้ากลับไปพักที่บ้านพร้อมกับจูเอ๋อร์ ก็ถูกท่านย่าปฏิเสธกลับไปเสียก่อน?”
ซุนต้าเตาเพิ่งนึกได้ว่ามีเื่นี้เกิดขึ้น ตอนนั้นหลิวฉีซื่ออาศัยข้ออ้างว่างานไร่นายุ่ง จึงให้น้องสาวของเขาอยู่ช่วยงานที่บ้านก่อน
เขาไม่เคยคิดเลยว่า นี่คือข้ออ้างของหลิวฉีซื่อ
เมื่อนึกได้เช่นนี้ เขาก็แหกปากะโ “นางเฒ่าไม่ตายดี เห็นว่าตนเองเป็ผู้ใหญ่ แล้วใช้งานลูกสะใภ้เยี่ยงทาส ถุย คิดว่าคนรอบข้างไม่รู้ความคิดโหดร้ายทารุณของเ้าหรือ น้องสาวข้า ข้าจะพากลับไปแน่นอน เฮอะ ข้าจะรอดูสิว่า ด้วยชื่อเสียงแม่สามีจอมโหดของเ้าในบ้านนอกนี้ ใครเล่าจะมาพูดเื่หมั้นหมายกับหลิววั่งกุ้ยและหลิวเสี่ยวหลัน”
เมื่อพูดจบ เขาก็เรียกหลิวซุนซื่อกับหลิวจูเอ๋อร์ให้กลับไปเก็บข้าวของในห้อง
แน่นอนว่า คนตระกูลซุนที่ตามเขามาไม่มีใครได้กินข้าว ซุนต้าเตาเองก็ไม่ได้โง่นัก จึงบอกว่าจะเชิญทุกคนไปดื่มเหล้าที่บ้านเขา
คนตระกูลซุนต่างก็ตกลง แล้วพึมพำว่าหากบ้านตระกูลหลิวไม่มีคำตอบที่ดี พวกเขาก็ไม่เกรงใจที่จะช่วยตระกูลหลิวป่าวประกาศเื่เหล่านี้ออกไป
หลิวฉีซื่อเกือบลมจับเพราะคำพูดเหล่านี้
บุตรชายคนรองมีสะใภ้ไม่ได้เื่ก็หาคนใหม่ได้ แต่บุตรชายคนเล็กยังต้องสอบผลงาน ฉะนั้นชื่อเสียงในตำบลเหลียนซานต้องห้ามเสื่อมเสีย
ไม่ว่าหลิวฉีซื่อจะคิดอย่างไร สุดท้ายซุนต้าเตาก็พาน้องสาวกับหลานสาวสุดที่รักกลับบ้านตระกูลซุนไปแล้ว
หลังจากคนตระกูลซุนจากไป หลี่เจิ้งเห็นว่าหมดหน้าที่เขาแล้ว จึงสะบัดแขนเสื้อพร้อมกับเตรียมกลับบ้านไป ไม่ว่าหลิวฉีซื่อจะออกปากรั้งไว้อย่างไร เขาก็ไม่ยอม บอกแต่ว่าภรรยาทำกับข้าวไว้แล้วรอเขากลับไปกิน
หลิวฉีซื่อเห็นว่ารั้งเขาไว้ไม่อยู่ จึงแสร้งทำทีไปอย่างนั้น เพียงแต่ที่เื่นี้ไม่ได้บานปลายใหญ่โตก็เพราะน้ำใจของเขา ตนเองก็ไม่ได้รับาเ็ด้วย หลังจากรอหลี่เจิ้งออกไป นางก็เข้าไปห้องตะวันออก ไม่นานนักก็หิ้วตะกร้าไม้ไผ่อันเล็กออกจากบ้านไป
หลิวเต้าเซียงเป็คนฉลาดเฉลียว นางแอบพาหลิวชิวเซียงเดินเลียบกำแพงไป เมื่อมองจากที่ไกลๆ จะเห็นหลิวฉีซื่อไปที่บ้านหลี่เจิ้ง จากนั้นพวกนางจึงเดินย้อนกลับมา
“เฮ้อ ท่านย่าขี้เหนียวจะตาย ถึงกับยอมมอบของตอบแทนให้ผู้อื่นด้วยหรือ?” หลิวชิวเซียงเห็นว่าน่าอัศจรรย์ใจ ยามปกติหลิวฉีซื่อจะเป็ผู้รับมากกว่า ไม่ค่อยได้เห็นเวลาที่นางเป็ผู้ให้เท่าไร
หลิวเต้าเซียงครุ่นคิด สุดท้ายตัดสินใจบอกกับหลิวชิวเซียง เกิดอีกหน่อยนางออกเรือนไปแล้วไม่เข้าใจเื่การให้ของกำนัล “อันที่จริงในใจย่ารู้ดี เหตุใดไม่ให้ของตอบแทนผู้อื่น แต่ให้แค่หลี่เจิ้ง?”
“เพราะหลี่เจิ้งช่วยย่าวันนี้ ซุนต้าเตาเหมือนจะเกรงกลัวหลี่เจิ้ง” หลิวชิวเซียงรู้ว่านางกำลังถามตนเอง
หลิวเต้าเซียงพยักหน้าและพูดว่า “นี่เป็เพียงหนึ่งในเหตุผล ยังมีอีกอย่าง ย่าเราเดิมทีเป็คนของจวนตระกูลหวง ท่านย่าชอบบอกไม่ใช่หรือ นายท่านที่นางเคยปรนนิบัติ เป็ถึงฮูหยินของผู้ช่วยผู้ว่าการขั้นห้า แม้ว่าจะไกลไปหน่อย ไม่อาจช่วยเหลือท่านย่าของเราได้ทันการ แต่เพียงแค่จุดนี้ หลี่เจิ้งก็ไม่กล้าปล่อยให้ผู้ใดรังแกย่าเราแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นหลี่เจิ้งตอนนี้เป็ผู้ดูแลหมู่บ้านสามสิบลี้กับหมู่บ้านตระกูลซุน วันนี้จงใจมาถึงนี่ก็เพื่อช่วยย่า ย่าย่อมต้องส่งของตอบแทนไปให้อยู่แล้ว”
มีอีกประเด็นหนึ่งที่นางไม่ได้พูด นั่นคือหลี่เจิ้งกำลังหาโอกาสจัดการนักเลงอย่างซุนต้าเตาอยู่ หลานชายของเขาถูกรังแกได้ง่ายดายเช่นนั้นหรือ?
“น้องเต้าเซียง เอ๋ น้องชิวเซียงก็อยู่หรือ? ไปจับปลาหนีชิว [1] กับพี่หรือไม่ ตงจื่อแอบขโมยเต้าหู้ในบ้านมา เอามาตุ๋นกับปลาหนีชิวอร่อยที่สุดเลยล่ะ”
หวงเสียวหู่คนนี้ไม่รู้ว่าโผล่ออกมาจากที่ไหน เมื่อเห็นสองพี่น้องตื่นใพร้อมกับชำเลืองมองเขาจึงหัวเราะร่า เอื้อมมือไปลูบท้ายทอยแล้วเอ่ย “ข้าเห็นซุนต้าเตาพาคนของเขากับป้ารองและหลิวจูเอ๋อร์จากไปพอดี เฮ้อ เ้าบ้านั่นโง่เขลาเสียจริง พอป้ารองเ้าไปเช่นนี้ เ้าเชื่อหรือไม่ว่า ย่าของเ้าต้องไม่เกรงใจเป็แน่ที่จะหาบ้านเล็กให้ลุงรองของเ้า”
“จริงหรือ?” หลิวเต้าเซียงใกับคำพูดของเขา แต่ก็ยังรู้สึกไม่เชื่อจึงเอ่ย “ลุงรองรักป้ารองข้าเหลือเกิน”
หวงเสียวหู่ได้ยินดังนั้นก็ดูถูกนางมาก พลันยิ้มแล้วเอ่ย “ไม่เช่นนั้นข้าจะบอกว่าเ้าตาบอดหรือ ผู้ชายน่ะ จะไปคุมอยู่ได้อย่างไร…ช่างเถอะ ข้าจะพูดเื่โสมมเช่นนั้นกับเด็กสาวอย่างเ้าไปทำอะไรกัน ไปเถอะ เราไปกินของอร่อยกัน ข้าแอบเอาเนื้อติดมันออกมาด้วยหนึ่งชิ้น หากทอดเสร็จคงหอมน่าดู บวกกับปลาหนีชิวตุ๋นสักหม้อ ฮ่าๆ หิวแล้วสินะ”
หลิวเต้าเซียงอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองเขา “ข้าก็กินไม่อิ่มจริงๆ ใช่สิ พวกเ้าจับปลาหนีชิวได้เท่าไรกัน?””
“คงได้ครึ่งตะกร้า อีกเดี๋ยวพวกเขายังจะครอบปลาไหลนามาต้มกินพร้อมกันด้วย” หวงเสียวหู่ไม่ถือสาหากจะเพิ่มจำนวนอีกสองคน
หลิวเต้าเซียงคิดว่าปลาหนีชิวกับปลาไหลนาล้วนเป็ของที่บำรุงร่างกายดีเยี่ยม จึงเอ่ยอย่างยิ้มแย้ม “ท่านพี่ ท่านไปกับพี่หูจื่อก่อน ข้าจะไปเรียกชุ่ยฮัวด้วย”
เพื่อนฝูงในหมู่บ้านสามสิบลี้ล้วนเติบโตมาด้วยกัน จึงไม่ได้มีการแบ่งชายหญิงอะไรนัก ในบ้านนอกไม่มีอะไรให้กินมากนัก จึงมักจะเห็นเด็กน้อยสรรหาของกินกันไปทั่ว
หลังจากที่หลิวเต้าเซียงกล่าวลากับทั้งสองก็เดินไปทางบ้านหลี่ชุ่ยฮัว
นางรู้ว่าหวงเสียวหู่เอาเนื้อหมูเค็มมาด้วย แต่ไม่กล้าเอาพวกแป้งหรือข้าวสารออกมาเป็แน่ มิเช่นนั้นคงโดนตี
“เ้าสัตว์ปีศาจน้อย”
สิ่งที่ตอบกลับมาคือ “บรึ๋ย!”
สัตว์ปีศาจศูนย์ศูนย์เจ็ดสยองกับเสียงเล็กเสียงน้อยของนาง “ผมว่าเซียงเซียง คุณช่วยพูดให้มันปกติหน่อยได้ไหมครับ แล้วก็โปรดเรียกผมว่าสัตว์ปีศาจศูนย์ศูนย์เจ็ด!”
ไอ้ลูกหมา!
หลิวเต้าเซียงแอบด่าในใจ
อย่างไรก็ตาม คําพูดที่คุยกับสัตว์ปีศาจศูนย์ศูนย์เจ็ดกลับกลายเป็เช่นนี้ “อะไรกัน ฉันก็แค่อยากแลกแป้งกับนายสักหน่อย แลกอย่างไรหรือ?”
“แป้งขาวครึ่งกิโลกรัมแลกด้วยไข่สี่ใบเช่นเดียวกันครับ แป้งข้าวโพดใช้สองใบ คุณ้าเท่าไรครับ?” หลังจากได้บทเรียกจากครั้งก่อน น้ำเสียงของสัตว์ปีศาจศูนย์ศูนย์เจ็ดจึงฟังแล้วไม่ได้ตื่นเต้นมากมายนัก
หลิวเต้าเซียงพยักหน้า ตามที่นางคาดไว้
นางไม่แน่ใจว่ามีกี่คน คิดๆ แล้วจึงขอแลกแป้งขาวครึ่งกิโลกรัม แป้งข้าวโพดหนึ่งกิโลกรัม
แล้วหยิบไข่จากในคลังเก็บของออกมาสี่ใบ เดิมทีของเหล่านี้เตะตานัก แต่คิดว่าแป้งข้าวโพดออกจะหยาบไปนิด หากมีไข่มานวดแป้งด้วยคงนุ่มกว่า
หลิวเต้าเซียงเป็คนที่เคยปล่อยให้ตนเองต้องอดอยาก พอนึกได้ดังนั้นก็หยิบไข่เพิ่มอีก
จากนั้นก็หิ้วตะกร้าไม้ไผ่ที่สัตว์ปีศาจศูนย์ศูนย์เจ็ดมอบให้ด้วยความเป็มิตร แล้วเดินไปทางบ้านของหลี่ชุ่ยฮัว
“เซียงเซียง ่นี้คุณเริ่มี้เีแล้วนะครับ ไก่ออกไข่แล้วก็ควรเก็บไข่ให้มากหน่อย ดูสิว่าพื้นที่สองไร่มีไข่เต็มไปหมด”
หลิวเต้าเซียงเม้มริมฝีปากยิ้ม นางเคยชินกับการบ่นของสัตว์ปีศาจศูนย์ศูนย์เจ็ดแล้ว กลับกันคือรู้สึกสนิทสนม
“เอาเถอะน่า ก็มีนายอยู่ไม่ใช่หรือไง ฉันไม่ได้สะดวกเข้าไปตลอด อีกอย่าง เราสองคนเป็อะไรกัน? เราคือเพื่อนร่วมงานคู่ยาก นายดูสิ เพราะเราเข้าขากันดี นี่เพียงไม่กี่เดือน เราก็เริ่มพลิกตัวได้แล้ว”
เมื่อถูกนางหลอกล่อเช่นนี้ สัตว์ปีศาจศูนย์ศูนย์เจ็ดก็รู้สึกจากส่วนลึกในใจว่าที่นางกล่าวมาก็มีเหตุผล
ทั้งคนและตัวเสมือนต้นถั่วงอกก็พูดคุยเรื่อยเปื่อยอย่างนั้นไป จวบจนใกล้จะถึงบ้านของหลี่ชุ่ยฮัว นางจึงวางตะกร้าไว้ตรงมุมกำแพงที่ลับตาคน แล้วค่อยไปเคาะประตูบ้านหลี่
ไม่นานนักป้าหลี่ก็ออกมาต้อนรับ เมื่อเห็นว่าเป็หลิวเต้าเซียงก็ทั้งกอดทั้งฟัดนางอย่างชอบใจ
สุดท้ายหลี่ชุ่ยฮัวทนดูต่อไม่ไหว จึงเข้าไปช่วยหลิวเต้าเซียงออกมา
-----
เชิงอรรถ
[1] ปลาหนีชิว 泥鳅 มันเป็หนึ่งในสายพันธุ์ของตระกูลปลาโลช มีขนาดเล็กและเรียวเพียงสามหรือสี่นิ้ว และรูปร่างทรงกลมสั้นมีเกล็ดเล็กๆ ผิวมีเขียวค่อนไปทางดำ ร่างกายของมันถูกปกคลุมไปด้วยเมือกของตัวเอง ดังนั้นจึงลื่น รูปภาพประกอบ

