ผ่านมาห้าวัน บนท้องฟ้าสีเทามีเมฆครึ้ม ฝนเม็ดเล็กก็โปรยปรายลงมาเล็กน้อย
“อ้าว นี่ฝนตกแล้วนี่”
หลี่ซื่อรีบเก็บอาการหมักที่ตากแดดอยู่ในลานกลับเข้ามาในห้องโถง
เจินจูที่ได้ยินเสียงก็รีบเดินออกมาช่วย
“ความสามารถในการดูสภาพอากาศของท่านปู่นี่ไม่ต้องกล่าวเลย แม่นยำจริงๆ” สองมือเจินจูยกราวไม้ไผ่สองอันขึ้น แล้วเดินเข้าไปในบ้านแทบไม่สิ้นเปลืองแรงเลยแม้แต่น้อย เมื่อวานท่านปู่ของนางก็กล่าวไว้แล้วว่าวันนี้จะมีฝน
“นี่ เจินจู มันหนักมากนะ อย่าถือมากเกินไป เ้าระวังหน่อย” เห็นเจินจูร่างกายเล็กนิดเดียว ถูกอาการหมักที่หนักหน่วงกดทับไว้ หลี่ซื่อจึงะโอย่างเป็ห่วง
“ไม่เป็ไรเ้าค่ะ ข้าแรงเยอะมาก ท่านแม่ เร็วหน่อย อาหารหมักโดนฝนสาดรสชาติจะเปลี่ยนได้” เจินจูวางราวไม้ไผ่ไว้บนโต๊ะด้วยความคล่องแคล่ว ขณะนี้แม้ร่างกายของนางจะไม่สูง แต่พละกำลังกลับมีไม่น้อย คิดถึงชีวิตก่อนของนาง เรี่ยวแรงจะขยับหม้อผัดข้าวยังขยับไม่ไหว ตอนนี้หิ้วน้ำเข้าบ้านจากหลังูเารวดเดียวล้วนไม่เหนื่อยหอบเลย หึๆ พละกำลังมากไม่ใช่น้อยเลยล่ะ
สองแม่ลูกเคลื่อนย้ายของเข้าห้องโถงด้วยความรวดเร็ว อาหารหมักชุดสุดท้ายเร่งทำออกมาจนเสร็จทั้งหมด คนสกุลหูยุ่งติดต่อกันมาหลายวันถึงสามารถเร่งทำจนเสร็จก่อนฝนฤดูใบไม้ผลิได้
โชคดีที่อากาศทางภาคเหนือ แม้ฝนฤดูใบไม้ผลิจะตกแต่อากาศยังเย็นอยู่ ขอแค่อุณหภูมิไม่สูงขึ้นอย่างฉับพลัน ผลกระทบต่ออาหารหมักก็ไม่มาก
ฝนร่วงลงมาปรอยๆ ได้พามวลอากาศหนาวเข้ามาเล็กน้อย เจินจูนำอาหารหมักที่เพิ่งทำเสร็จเมื่อวานขึ้นแขวนใต้ชายคา ประตูหน้าต่างในห้องโถงล้วนเปิดกว้างรับอากาศปลอดโปร่ง เพื่อให้อาหารหมักที่ยังแห้งไม่ทั่วถึงได้ผึ่งลมให้แห้งเร็วสักหน่อย
“เฮอ” เจินจูนั่งอยู่บนเก้าอี้ใต้ชายคาผ่อนลมหายใจ ในที่สุดก็ทำเสร็จแล้ว ไม่สนใจความมันที่อยู่บนมือ นั่งเอนพิงเก้าอี้พักก่อนชั่วครู่
“เจินจู เหนื่อยแล้วล่ะสิ ยุ่งมาหลายวันแล้ว ไม่กี่วันนี้เ้าก็พักมากหน่อย” หลี่ซื่อยกถ้วยน้ำผสมน้ำตาลแดงออกมาจากห้องครัวแล้วยื่นให้นาง
“ท่านแม่ งานนี่ไม่เหนื่อยเ้าค่ะ ท่านวางไว้ก่อน ข้าจะไปล้างมือ” ขณะกล่าวก็วิ่งไปถึงโอ่งน้ำ ล้วงเอาขี้เถ้าในภาชะเครื่องเคลือบแตกมาหนึ่งกำ ถูความมันในมือออก
หลี่ซื่อเดินเข้ามาตักน้ำราดให้นาง ผ่านไปหนึ่งรอบ เจินจูใช้ป้าหอมล้างอีกหน ความมันของมือจึงนับได้ว่าสะอาด
เจินจูเอามือเข้ามาดมใกล้ๆ ที่จมูกแล้วมุ่ยปาก ยังได้กลิ่นเนื้อหมูหนึ่งสายอยู่จางๆ
หลี่ซื่อมองแล้วอดยิ้มไม่ได้ ส่ายหน้าเดินเข้าห้องครัวไปทำงาน
เจินจูกลับมานั่งบนเก้าอี้ ยกถ้วยน้ำตาลแดงอุ่นขึ้นจิบที่ละนิด
หูฉางหลินกับหูฉางกุ้ยพาหลัวจิ่งไปส่งสินค้าให้สือหลี่เซียงแต่เช้า สามคนสวมเสื้อกันฝน [1] ในตะกร้าไผ่สานใช้กระดาษน้ำมันคลุมไว้ ฝนตกไม่หนักน่าจะไม่เป็อุปสรรคมาก
สภาพอาการาเ็ของหลัวจิ่งดีขึ้นมากแล้ว ครั้งนี้เลยติดตามพวกหูฉางกุ้ยไปด้วย เป็การไปตรวจร่างกายอีกครั้ง แม้ในหมู่บ้านมีท่านหมอหลิน แต่ถึงอย่างไรเขาก็ไม่ใช่หมอเฉพาะทาง ให้ท่านหมอที่เข้ากระดูกของโรงหมอเฉินจี้ดูอาการเสียหน่อยจะดีกว่า
ไปส่งสินค้าในเมืองครั้งนี้ หนึ่งคือนำอาหารหมักไปส่งให้สือหลี่เซียง สองคือนำกระต่ายไปส่งให้จวนของกู้อู่ ตลอดทั้งเดือนสองล้วนยุ่งอยู่กับคำสั่งสินค้าของสือหลี่เซียง ไปส่งกระต่ายให้กู้อู่เพียงสามครั้งเท่านั้น ทุกครั้งก็ให้สองตัวบ้างสามตัวบ้างไม่แน่นอน คาดว่าเนื้อหมูในอุโมงค์เก็บน้ำแข็งน่าจะยังเหลืออยู่ไม่น้อย ดังนั้นเ้าของร้านหลิวจึงไม่ได้เร่งรัดพวกเขา เพียงกำชับพวกเขาว่าในฤดูใบไม้ผลินี้ให้ปลูกผักกวางตุ้งและหัวไชเท้ามากหน่อย คุณชายของพวกเขาชอบทานผักสด
ร่างกายของกู้ฉีป่วยติดต่อกันอีกสองครั้ง ครั้งก่อนเป็ร่างกายอ่อนแอเพราะต้องลมเย็นจึงป่วยอยู่สองสามวัน ครั้งสุดท้ายก็เป็ไม่กี่วันก่อน กู้ฉีทานของแล้วอาเจียนและท้องเสีย ทำเอาคนที่ปรนนิบัติเขาหนึ่งกลุ่มต่างใกันแทบตาย
ต้องลมเย็นยังดี พอดื่มสมุนไพรนอนอยู่สองสามวันก็ค่อยๆ ดีขึ้น ทานของผิดสำแดงครั้งนี้ กู้ฉีที่กว่าจะบำรุงเนื้อหนังขึ้นมาได้หน่อยกลับทรมานจนผอมเหลือแต่กระดูกอีกครั้ง
ในห้องสำคัญข้างโถงใหญ่ฝั่งตะวันออกของลานที่อยู่หลังร้านฝูอันถัง กู้จงกำลังตีอกชกหัว มือหนึ่งปาดน้ำตามือหนึ่งเช็ดน้ำมูก “คุณชาย… คุณชายที่น่าสงสารของข้า… หากท่านมีอันเป็ไป เหล่าหนี่ว์ [2] ก็จะไม่ขอมีชีวิตอยู่อีก!…”
“…พ่อบ้านกู้ ท่านอย่าเป็เช่นนี้ กว่าคุณชายจะนอนหลับได้ไม่ง่ายเลย ต้องให้เขาได้พักเสียหน่อย” เหวยจื่อยวนกำชับเสียงเบา สีหน้ากลับหมองคล้ำ
ก่อนปีใหม่กู้จงกับเฉินเผิงเฟยกลับเมืองหลวงไปรายงานแก่อันซื่อ ตอนกลับมาถึงที่นี่ อันซื่อให้พวกเขานำเครื่องสมุนไพรบำรุงร่างกายล้ำค่าหาได้ยากกลับมาไม่น้อย โสมคนและเห็ดหลินจือร้อยปี เขาอ่อนของกวางป่าตัวผู้ [3] ถั่งเช่าค่อนข้างใหญ่อิ่มเอิบ บัวหิมะเทือกเขาเทียนซาน [4] ที่ล้ำค่าหาได้ยาก... ขอแค่เป็สมุนไพรที่บำรุงร่างกาย อันซื่อล้วนให้พวกเขานำติดตัวกลับมาด้วย
วันเวลาเหล่านี้การเจริญอาหารของกู้ฉีคงที่ไม่เลว นานมากแล้วที่ไม่มีเหตุการณ์ทานอาหารแล้วอาเจียนออกมา แม้อัตราการเต้นของชีพจรจะช้าแต่ค่อนข้างสงบ เหวยจื่อยวนจึงเติมส่วนประกอบสมุนไพรหนึ่งอย่างหรือสองอย่างในอาหารของกู้ฉี
ตอนแรกยังดี ผสมเข้ากับวัตถุดิบที่ปรุงอาหารซดลงไปไม่มีความผิดปกติ แต่พอถึงวันที่สาม กู้ฉีซดลงไปไม่นานก็เริ่มอาเจียนออกมา หลังขย้อนออกมาจนหมดอาการเ็ปตรงท้องดั่งถูกบิดก็มากขึ้นอีก
อาเจียนและถ่ายท้องหนึ่งรอบ กู้ฉีอาการทรุดจนอีกนิดจะเป็ลมไปแล้ว
ที่เกิดเหตุค่อนข้างวุ่นวายโกลาหล ทุกคนต่างถูกสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกะทันหันทำให้ใจนใบหน้าเปลี่ยนสี ความกล้าหาญของเหวยจื่อยวนยิ่งสั่นระริกไปทั้งหมด กว่าอาการป่วยของกู้ฉีจะทุเลาลงได้เพียงนิดไม่ง่ายเลย จะให้กลับไปล้มหมอนนอนเสื่ออีกไม่ได้เด็ดขาด
ต้มสมุนไพรป้อนเข้าไปแล้วอาเจียนออกวนไปวนมาอยู่อย่างนี้ อาเจียนเสร็จก็ท้องเสียอีก ไม่ถึงสองวัน กู้ฉีล้วนท้องเสียจนเดินไม่ไหว ความอิ่มเอิบบนใบหน้าที่กว่าจะมีเนื้อหนังขึ้นมาได้ค่อยๆ หายไป กลับมาซูบตอบลงไปอีกครั้งทันที
จนกระทั่งถึงวันที่สาม อาการท้องเสียและอาเจียนจึงกลับมาดีขึ้นได้หน่อย กู้ฉีในยามนี้ท้องเสียจนดวงตาสองข้างลึกลงไป สีหน้าหมองคล้ำ
“ฮือ... คุณชาย คุณชายที่น่าสงสารของข้า…” กู้จงปิดริมฝีปากร้องไห้สะอึกสะอื้น กู้ฉีป่วยหนักมาสามวัน กู้จงก็ร้องไห้มาสามวัน
“…ท่านอากู้ ท่านอย่าร้องไห้อีกเลย หากท่านป่วย คุณชายจะอาศัยผู้ใดคอยปรนนิบัติเล่า?” เฉินเผิงเฟยถอนหายใจอย่างจนปัญญา กล่าวโน้มน้าวเบาๆ
“ฮือ... ข้าก็ไม่อยากร้อง… ข้ากลั้นไว้ไม่ได้ ฮือ... เดิมทีอาการป่วยของคุณชายกว่าจะดีขึ้นได้ไม่ง่ายเลย ป่วยรอบนี้อันตรายนัก วนกลับมาผอมมากอีกแล้ว ปีก่อนตอนพวกเรากลับไป ยังกล่าวกับฟู่เหรินอยู่เลยว่าอาการป่วยของคุณชายทุเลาลงแล้ว นี่เพิ่งนานเท่าไรเอง หากคุณชายเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้น พวกเราจะอธิบายกับฟู่เหรินอย่างไร?” กู้จงควักผ้าเช็ดหน้าสีขาวออกมาเช็ดหน้า สะอึกสะอื้นไปด้วยมองเหวยจื่อยวนที่อยู่ด้านข้างไปด้วย
สีหน้าของเหวยจื่อยวนเขียวคล้ำ มองกู้ฉีที่นอนอยู่บนเตียงด้วยความกระสับกระส่ายแวบหนึ่ง
“เดิมทีทานวัตถุดิบของสกุลหูก็ดีอย่างมากมาตลอด สองเดือนนี้อาการป่วยของคุณชายยังนับได้ว่ามั่นคง พอสองวันก่อนเติมส่วนผสมสมุนไพรบำรุงร่างกายไม่กี่อย่างที่ฟู่เหรินให้มาลงในอาหาร แล้วก็กลายเป็สภาพเช่นนี้” เหวยจื่อยวนก้มศีรษะครุ่นคิด เฝ้าดูแลไม่พักมาหลายวัน ทั่วทั้งใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนเพลีย “น่าจะเป็… ร่างกายของคุณชายตอนนี้ต่อต้านพวกวัตถุดิบสมุนไพร ดังนั้นเลยเป็สภาพแบบที่เห็น”
“ใช่ ข้าก็คิดว่าเป็เช่นนี้เหมือนกัน ไม่กี่วันก่อนยังดีอยู่เลย โดยเฉพาะหลังทานเนื้อกระต่ายตุ๋นหม้อนั้น ข้าออกไปเดินเล่นข้างนอกเป็เพื่อนคุณชายอยู่สองสามรอบ ตอนกลับมาจิตใจของคุณชายก็ดีมากด้วย” วันนั้นกู้ฉีดูมีชีวิตชีวามากจริงๆ เดินอยู่บริเวณถนนตะวันออกอยู่สองรอบ กลับมาในห้องก็ไม่ได้รู้สึกเหน็ดเหนื่อย ตอนนั้นเฉินเผิงเฟยยังคิดด้วยความดีใจอยู่เลยว่า อาการป่วยของคุณชายหากบำรุงไปอีกสักระยะ น่าจะหายเป็ปกติได้กระมัง
“เช่นนั้นความหมายก็คือ คุณชายทานได้เพียงวัตถุดิบของสกุลหูเท่านั้น ของสิ่งอื่นล้วนไม่สามารถทานได้หรือ?” กู้จงหยุดร้องได้สะอึกสะอื้น นึกย้อนขึ้นมา “แต่ ไม่ถูกนะ หัวไชเท้าและเห็ดนั่นตุ๋นกับกระต่าย ส่วนใหญ่ไม่ใช่ของสกุลหูเลย คุณชายทานแล้วก็ไม่ได้เป็อะไรนี่?”
“ร่างกายของคุณชายป่วยมานาน แม้่นี้จะดีขึ้นมาหน่อย แต่ถึงอย่างไรก็เป็โรคที่รักษาไม่หายมานานแล้ว สุขภาพร่างกายอ่อนแอเกินไป ทนรับสมุนไพรยาจีนบำรุงร่างกายไม่ไหว ดังนั้นเลยย่อยยาก” โทษที่ตนเองใจร้อนเกินไป อาการป่วยที่ยาวนานของกู้ฉีเลยอ่อนแอ ท้องไส้ปั่นป่วน ควรจะค่อยๆ บำรุงร่างกาย ไม่ควรใจร้อน เหวยจื่อยวนเม้มปากแน่นแอบโทษตนเองเงียบๆ
“ก๊อกๆ” เสียงเคาะนอกประตูเบาๆ
“พ่อบ้านกู้ขอรับ สกุลหูเพิ่งนำกระต่ายสองตัวกับไข่ไก่หนึ่งตะกร้ามาส่งให้ เ้าของร้านหลิวให้ข้าน้อยมาถามว่า้าเชือดมาเคี่ยวน้ำแกงก่อนหนึ่งตัวหรือไม่ขอรับ?” ลูกจ้างถามด้วยความเคารพนบนอบ
“นี่…? รอเดี๋ยวก่อน” กู้จงมองไปทางเหวยจื่อยวน
เหวยจื่อยวนไตร่ตรอง คุณชายนอนมาสามวันแล้ว ทำได้เพียงฝืนใจซดโจ๊กข้าวและน้ำแกงนิดหน่อย ตามหลักแล้วไม่ควรทานอาหารเนื้อที่มันเลี่ยน แต่พอนึกถึงครั้งก่อนที่คุณชายป่วยหนักไอเป็เืป่วยร้ายแรงนัก ตอนนั้นทานของไม่ลงเหมือนกัน สุดท้ายอาศัยน้ำแกงตุ๋นกระต่ายหัวไชเท้าของสกุลหู ถึงค่อยๆ บำรุงร่างกายที่ป่วยหนักกลับมาได้
“ลองเคี่ยวน้ำแกงหนึ่งหม้อก่อน อะไรก็ไม่ต้องใส่ ให้แม่ครัวตักน้ำมันที่ลอยอยู่บนผิวน้ำทิ้งด้วย แล้วเคี่ยวให้อ่อนๆ หน่อย” เหวยจื่อยวนใคร่ครวญครั้งแล้วครั้งเล่า ในที่สุดก็พยักหน้าสั่ง
มีบางเื่ที่ไม่สามารถว่ากันตามหลักการได้ วัตถุดิบของสกุลหู เขาเคยชิมหลายครั้งแล้ว และยังเจาะจงซื้อวัตถุดิบมาเหมือนกันโดยเฉพาะ ใช้วิธีการทำอาหารแบบเดียวกัน เป็น้ำแกงตุ๋นกระต่ายหัวไชเท้าเหมือนกัน ของที่มาจากสกุลหู รสชาติดีกว่าที่ซื้อมาจริงๆ หากให้กล่าวรายละเอียดว่ามีอะไรแตกต่างเป็พิเศษ เหมือนว่าจะกล่าวออกมาไม่ได้
เขายังเคยแอบลอง... โดยนำกระต่ายที่ซื้อมาสับเปลี่ยนเป็ของที่สกุลหูเลี้ยง ให้แม่ครัวตุ๋นน้ำแกงเหมือนกันคนละหนึ่งหม้อ แล้วยกไปให้คุณชายซด
ผลสุดท้าย คุณชายซดเพียงคำเดียวแล้วก็ขมวดคิ้วเพราะพบความแปลกเข้า
เขาเคยถามคุณชายว่าวัตถุดิบและวิธีต้มเหมือนกัน ทำไมเขาถึงแยกแยะได้
“ความรู้สึกตอนซดลงไปไม่เหมือนกัน ให้ความชุ่มชื้น อบอุ่นหัวใจและปอดให้สดชื่น ซดหมดแล้วรู้สึกผ่อนคลายมาก” คุณชายในตอนนั้น ยกน้ำแกงกระต่ายที่เปลี่ยนใหม่ขึ้นจิบเบาๆ หนึ่งอึกกลืนลงไป สุดท้ายยังผ่อนลมหายใจออกมาด้วยความสบายใจ
เหวยจื่อยวนตรวจสอบน้ำแกงสองถ้วยที่เหมือนกัน ซ้ายชิมหนึ่งอึก ขวาชิมหนึ่งอึก สองถ้วยลงท้อง ใบหน้าเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม นอกจากรสชาติในปากของสกุลหูจะค่อนข้างดีแล้ว นอกนั้นเขาััความแตกต่างไม่ได้เลยจริงๆ
บางที… อาจเป็กลิ่นอายวัตถุดิบที่เข้ากันได้ของคุณชายกับผลผลิตจากสกุลหูกระมัง
เขานึกขึ้นมาได้ว่าเมื่อก่อนเคยได้ฟังเื่เล่าหนึ่งเื่ ...รัชสมัยก่อน มีชายชราอายุหกสิบปีที่ป่วยหนัก เชิญท่านหมอมามากมายและต่างก็ส่ายหน้าถอนหายใจทั้งหมด ชายชราตระหนักรู้ได้ว่าตนเองมีเวลาไม่มากแล้ว เลยปล่อยตัวเองให้ทำตามแล้วแต่ใจ้า ทานสิ่งที่ตัวเองชอบทาน ดื่มสิ่งที่ตนเองชอบดื่ม ยามกำลังวังชาดียังออกเที่ยวให้ทั่วสักรอบด้วย
วันหนึ่ง เขาพาคนติดตามไปเที่ยวถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่ง หยุดพักที่บ้านครอบครัวชาวนาหนึ่งหลัง ชาวนาต้อนรับเขาอย่างเป็กันเองด้วยอาหารหนึ่งมื้อ บ้านครอบครัวเกษตรกรยากจนเป็ธรรมดาที่ชาชั้นเลวและอาหารจืดชืด ชายชราเองก็ไม่ได้รังเกียจ ทานอาหารหนึ่งมื้ออย่างเต็มใจ ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าหลังทานอาหารเสร็จ ร่างกายและจิตใจของเขาที่ไม่สบายเพราะอาการป่วยรุมเร้าได้มีความสบายใจขึ้นเล็กน้อย การเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยนี้ทำให้เขาอดดีใจไม่ได้ เขารู้สึกว่าตัวเองถูกชะตากับครอบครัวเกษตรกรนี้ จึงให้เงินไปและวางแผนว่าจะอยู่อาศัยที่นี่สักสองสามวัน ระหว่างที่อาศัยอยู่กลับทำให้เขารู้สึกมีความสุขมากกว่าที่คิดไว้ ร่างกายที่แต่เดิมป่วยเกินจะทานทนไหวไม่คิดเลยว่าจะเปลี่ยนมาดีขึ้นได้ แม้เป็เื่เล็กๆ น้อยๆ แต่ถึงอย่างไรก็มีการเปลี่ยนแปลง ด้วยเหตุนี้เขาจึงให้ผู้ติดตามกลับไปแจ้งข่าว ส่วนตนเองกลับอาศัยอยู่กับครอบครัวเกษตรกรเป็เวลาหนึ่งปี
ผ่านไปหนึ่งปีแล้ว ร่างกายของชายชรากลับมาดีขึ้นมาก หลังท่านหมอตรวจอาการต่างก็ชื่นชมพร้อมกับประหลาดใจ แต่เอ่ยสาเหตุออกมาไม่ได้
หลังจากนั้นชายชราก็ให้เงินกับครอบครัวเกษตรกรนี้ทุกปี โดยเฉพาะเพื่อเพาะปลูกข้าว ธัญพืชและผักต่างๆ
ชายชรามีชีวิตอยู่มาจนถึงอายุแปดสิบถึงเก้าสิบปีเลยทีเดียว
คิดถึงตรงนี้ หนังตาของเหวยจื่อยวนก็กระตุกเล็กน้อย
เชิงอรรถ
[1] เสื้อกันฝน ทำด้วยหญ้าหนวดั
[2] เหล่าหนี่ว์ หมายถึง คำเรียกตัวเองของบ่าวชรา
[3] เขาอ่อนของกวางป่าตัวผู้ ใช้เป็ยาจีนเพื่อบำรุงร่างกายให้แข็งแรง
[4] บัวหิมะเทือกเขาเทียนซาน อาจเรียกว่าบัวหิมะพันปี หรือบัวหิมะหมื่นปี เป็ของล้ำค่าและหากยาก อยู่ในเขตการปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ เป็สมุนไพรที่เติบโตในร่องหิน โขดหิน และูเาสูงที่มีอากาศเย็นจัดหรือบริเวณที่ราบสูงที่มีหิมะปกคลุมตลอดทั้งปี