แต่ิอวี่ก็ไม่ได้รู้สึกเศร้าหรือว่าเสียใจอะไรมาก
ถึงแม้พวกของฉินฟ่านจะไม่ได้เห็นเขาเป็คนกันเอง แต่ขอแค่ตามพวกเขาไป ช้าเร็วเขาจะต้องรู้รายละเอียดของภารกิจแน่
ครั้งนี้ิอวี่จะปล่อยให้พวกฉินฟ่านไปช่วยคนโดยที่เขาไม่ทำอะไรเลยไม่ได้ เพราะเป้าหมายที่สำคัญที่สุดของิอวี่ไม่ใช่การช่วยคนอย่างเดียว แต่เป็หัวใจเทวะิญญา
ขอแค่ได้หัวใจเทวะิญญามา ิอวี่ก็จะไม่ต้องกังวลเื่ร่างกายแบกรับกำลังอีก สามารถฝึกวิชาได้อย่างบ้าคลั่ง และทำให้พลังฝีมือเพิ่มพูนด้วยความเร็วสามถึงห้าเท่าในการฝึก
หากเป็อย่างนั้นจริง ิอวี่แทบจินตนาการไม่ออกเลยว่า ถึงเวลานั้นเขาจะมีความน่ากลัวมากแค่ไหนกัน
ไม่แน่ว่าเขาอาจจะมีสิทธิเข้าร่วมงานประลองจวินอิงต่อหน้าผู้มีความสามารถนับพันนับหมื่นก็ได้
ต่อให้จะกู้เกียรติยศกลับมาได้แค่นิดเดียว เขาก็จะสู้ให้ถึงที่สุด!
ซึ่งแน่นอนว่า ก่อนจะไปถึงจุดนั้น ิอวี่จะต้องเกลี้ยกล่อมสาวเผ่าิญญาที่ถูกจับให้ได้ก่อน เพื่อให้นางยอมมอบหัวใจเทวะิญญาให้กับเขา ...
“ดูท่าเื่นี้จะไม่ง่ายซะแล้ว”
ิอวี่รู้ดีว่าเื่นี้จะรีบร้อนไม่ได้ ตอนนี้พูดอะไรไปก็ไม่มีประโยชน์ ต้องดูไปทีละก้าว ดังนั้น เขาก็ทำได้แค่เกาะคอวิหคัปีกมืดแล้วรีบบินตามพวกฉินฟ่านไป
ถึงแม้พวกของฉินฟ่านจะบินกันเร็วมาก แต่วิหคัปีกมืดก็ตามได้ทัน ไม่ได้มีอาการเหนื่อยแต่อย่างใด
ทุกคนอาจจะรู้สึกว่ามันคืออสูรระดับาาตัวหนึ่ง แต่หากิอวี่บอกกับพวกเขาว่าเ้าวิหคัปีกมืดมันยังเป็แค่อสูรระดับสิบเท่านั้น คิดว่าพวกเขาคงใอ้าปากค้างแน่
ิอวี่มั่นใจมากว่า อีกไม่นาน เ้าวิหคัปีกมืดนั้นจะต้องกลายเป็อสูรระดับาาได้แน่ จากนั้นมันก็จะทำการลอกคราบที่แท้จริงของมันออกมา
ไม่รู้เหมือนกันว่า ถึงเวลานั้นเ้าวิหคัปีกมืดนั้นมันจะมีหน้าตาอย่างไร
เขาคิดและบินตามพวกของฉินฟ่านไป เวลาผ่านไปเร็วมาก พริบตาเดียวก็ใกล้พลบค่ำแล้ว
จากระยะการบินก่อนหน้านี้บ่งบอกว่า พวกของฉินฟ่านใกล้ถึงเมืองที่เจริญรุ่งเรืองด้านหน้าแล้ว
พระอาทิตย์เริ่มตกดิน ขอบฟ้าประกายสีแดงอยู่บนชั้นเมฆ ดินแดนที่กว้างใหญ่ไพศาลเบื้องล่างเต็มไปด้วยโคมไฟส่องสว่าง ต่อให้อยู่บนท้องฟ้า ิอวี่ก็ยังได้ยินเสียงเอะอะที่แว่วดังมาจากในเมือง มันไม่ใช่เสียงคนทะเลาะกัน แต่เป็ชีวิตยามค่ำคืนในเมืองแห่งนี้ ความสุขสำราญของพวกเขากำลังจะเริ่มต้นขึ้น!
เมืองที่เต็มไปด้วยแสงไฟที่หรูหรา นี่แหละเมืองสุขาวดี!
เมื่อเข้าใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ิอวี่ถึงได้เห็นเมืองแห่งนี้ชัดเจนขึ้น
เมืองสุขาวดีล้อมไปด้วยกำแพงเหล็กที่หนาและสูงห้าสิบเมตร มองจากแดนไกลมันเหมือนป้อมปราการแห่งหนึ่ง เหล็กพวกนั้นเหมือนทำมาจากวัสดุพิเศษ มันทำให้ิอวี่รู้สึกว่าไม่อาจสั่นคลอนกำแพงเมืองนั้นได้เลย
้าของกำแพงเมืองเหมือนมีอะไรบางอย่างสีขาวอยู่อีกชั้น เหมือนเป็เกราะใสๆ ที่คลุมเมืองทั้งเมืองเอาไว้!
ิอวี่ประเมินว่า มันน่าจะเป็ลายเส้นอักขระคุ้มกันเมืองสุขาวดี
มันก็เหมือนเกราะป้องกันของวังหลวงราชวงศ์ต้าิ แค่เมื่อเทียบกับเกราะของเมืองสุขาวดีนี้แล้ว มันเหมือนพ่อมดน้อยเจอพ่อมดใหญ่
สิ่งที่ิอวี่นั้นยังไม่รู้ก็คือ เกราะนี้ไม่ได้มีแค่พลังป้องกันที่น่าทึ่งเท่านั้น แต่มันยังมีพลังในการรับรู้ด้วย หากมีคนคิดจะทำลายมันจากที่สูง เกราะที่ว่านี้ก็จะควบคุมและตรวจจับเป้าหมายทิศทางการโจมตีได้ ทางผู้ดูแลเมืองสุขาวดีก็จะมาที่นี่ได้ในทันที
เพราะเมืองสุขาวดีนั้นไม่ใช่ตลาดนัด ถึงแม้มันจะเป็ดินแดนแห่งความสุข แต่ก็ไม่ใช่ว่าใครที่ไหนจะเข้าหรือออกได้ตามใจ
จะเข้าเมืองก็มีประตูเฉพาะ จะออกจากเมือง ก็มีเส้นทางที่กำหนดเอาไว้เช่นกัน
อย่าเห็นแค่ว่าในเมืองสุขาวดีนั้นเต็มไปด้วยความสกปรก ในความเป็จริงแล้วการดูแลโดยรอบนั้นก็ยังถือว่าสมบูรณ์
เพราะมันเป็สถานที่อาศัยอยู่ของพวกโจรและพวกหลบหนีคดี พวกเขารวมตัวกันเพื่อต่อต้านคนภายนอก หากเจอศัตรูที่แข็งแกร่งกว่าก็ยังสามารถรับมือได้
พวกฉินฟ่านต้องช่วยสาวเผ่าิญญา อย่างไรก็จะต้องทำให้คนในเมืองสุขาวดีนั้นไม่พอใจเป็แน่ แต่หากพวกฉินฟ่านพาคนหนีไป แล้วรู้ว่าเื้ัของพวกเขานั้นคือสำนักเทพอัคคี ทุกคนอาจจะยอมเลิกราได้
แต่ถึงจะรู้ว่าพวกฉินฟ่านเป็ใคร เมืองสุขาวดีเองก็ไม่มีทางยอมมอบสาวเผ่าิญญาที่สามารถขายให้ราคาสูงออกมาแน่นอน
ดังนั้น หนีไม่ใช่ปัญหา ปัญหาคือจะช่วยอย่างไร
ระหว่างที่ิอวี่บินเข้าใกล้เมืองสุขาวดีก็คิดถึงปัญหานี้โดยตลอด และบินลงมาที่เมืองสุขาวดีที่อยู่ไม่ไกลโดยไม่รู้ตัว
“เร็วหน่อย เราจะเข้าเมืองกันแล้ว”
ฉินฟ่านสั่งเหยี่ยวดาวตกให้หยุดลงแล้วจูงมัน จากนั้นก็หันมาพูดกับิอวี่แล้วเดินไปทางประตูเมืองที่กว้างห้าเมตร สูงยี่สิบเมตรที่อยู่ตรงหน้าไปพร้อมกับลู่เจี้ยนแล้วก็หวังฮาน
ิอวี่ได้ยินดังนั้นก็พยักหน้า จากนั้นก็จูงเ้าวิหคัปีกมืดตามพวกเขาไปที่ประตูเมือง
เมื่อเดินถึงประตูเมือง ก็มีชายคนหนึ่งรูปร่างสูงเกือบสองเมตร ผิวสีดำคล้ำ สวมชุดเกราะสีดำยื่นมือมาขวางพวกฉินฟ่านเอาไว้
“ไม่จ่ายค่าผ่านทางก็คิดจะเข้าไปสนุกในเมืองแล้วหรือ?”
ชายคนนั้นััได้ว่าฉินฟ่าน ลู่เจี้ยน และหวังฮานมีพลังฝีมือขอบเขตอมฤตขั้นที่สี่ก็รู้สึกตะลึง เพราะผู้กล้าที่มาที่เมืองนี้ส่วนใหญ่จะมีขอบเขตอมฤตขั้นที่หนึ่งและสองมากกว่า
แต่ว่า ต่อให้เขาจะรู้ว่าพวกเขาอาจจะเป็ยอดฝีมือ น้ำเสียงของเขาก็ไม่ได้อ่อนลง แต่ยิ่งฟังแล้วเสียดหู
ซึ่งความจริงเขาเองก็มีสิทธิจะทำแบบนั้น
ถึงแม้เขาจะเป็แค่ผู้กล้าขอบเขตอมฤตขั้นที่สอง แต่มีเมืองสุขาวดีหนุนหลัง หากใครกล้าทำลายกฎเกณฑ์ ผู้กล้าที่แท้จริงของเมืองสุขาวดีก็จะเล่นงานคนผู้นั้นจนหมดสภาพ ให้ได้จำจดไปชั่วชีวิต
ฉินฟ่านขมวดคิ้ว ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้คิดมาก่อนเลยว่าการจะเข้าเมืองสุขาวดีนั้นต้องจ่ายค่าผ่านทางด้วย
เงินจำนวนนี้เหมือนจะไปเบิกกับสำนักเทพอัคคีไม่ได้ เพราะรางวัลในการช่วยสาวเผ่าิญญานั้นเยอะมาก อีกทั้งพวกเขาก็มาเพื่อหัวใจเทวะิญญาของเผ่าิญญา
แต่ถึงจะอย่างนั้น จู่ๆ ได้ยินแบบนี้ ในใจของพวกเขาสามคนก็รู้สึกไม่ค่อยพอใจเท่าไร
ลู่เจี้ยนเดินก้าวมาข้างหน้าแล้วถามว่า “เท่าไร?”
“ก็ไม่มาก ยาจูหยวนตันคนละห้าร้อยเม็ดก็เข้าเมืองได้แล้ว หากออกจากเมืองแล้วจะเข้าไปใหม่ ก็ต้องจ่ายอีกห้าร้อยเม็ด”
ชายคนนั้นพูดว่า “ดังนั้น หากพวกเ้าเข้าไปแค่ครู่เดียวก็ออกมา แล้วจะเข้าอีกครั้งข้าก็จะต้องเก็บเงินอีก เหตุผลเท่านี้ จะเข้าไม่เข้า พวกเ้าก็เลือกกันเอาเอง”
“แพงขนาดนี้เลย?” ลู่เจี้ยนอารมณ์เสียมาก
ยาจูหยวนตันห้าร้อยเม็ดก็เท่ากับห้าล้านเหรียญหยกดำ ชาวบ้านทั่วไปทั้งชีวิตยังหาไม่ได้เลย!
ถึงแม้ทรัพย์สินในร่างกายของลู่เจี้ยนจะมีมากกว่ายาจูหยวนตันห้าร้อยเม็ด แต่จะให้เขาจ่ายเงินจำนวนนี้ไปเพียงเพราะแค่เข้าเมืองก็รู้สึกว่ารับไม่ได้ เพราะต่อให้เขามีเงินมากพอ แต่จะให้มาจ่ายเงินซื้อลูกอมหนึ่งเม็ดในราคาเป็พัน เขาก็รู้สึกว่ามันขาดทุน
พวกฉินฟ่านกับหวังฮานเองก็รู้สึกว่าพูดไม่ออก คิดไม่ถึงว่ามันจะเป็แบบนี้
ลองคิดดูอีกที แต่ละคนที่จะเข้าเมืองต้องเสียยาจูหยวนตันห้าร้อยเม็ด แค่ค่าเข้าเมืองสุขาวดีวันเดียวก็ฟันกำไรเป็กอบเป็กำ นี่ยังไม่ได้พูดถึงบ่อนพนัน ร้านเหล้า ตลาดมืดที่ทำเงินมากกว่านี้อีก
แิการใช้จ่ายของเมืองสุขาวดีนี่มันเรียกได้ว่าบ้ามาก แต่สำหรับคนรวยแล้ว มันอาจจะเป็แค่เศษเงินที่ทำให้พวกเขารู้สึกว่าประสบความสำเร็จ การมาที่เมืองสุขาวดี สิ่งที่พวกเขา้าคือการใช้จ่าย ้าความรู้สึกที่เพลิดเพลินใจ
วิธีการที่เมืองสุขาวดีใช้จริงๆ คือหลอกใช้จิตใจที่้าใช้จ่ายแบบผิดๆ เพิ่มราคาให้สูงมากๆ จนราคามันสูงผิดปกติ
แต่ว่ายิ่งเป็แบบนี้ คนที่ร่ำรวยก็ยิ่งเข้ามาหาความสุขมากขึ้น เพราะด้วยราคาที่สูงมาก เวลาที่พวกเขาเข้าเมืองก็จะรู้สึกว่าตัวเองนั้นอยู่ในระดับที่สูงส่งกว่าเดิม
พวกลู่เจี้ยนไม่ได้ชอบวิธีการแบบนี้เลย ยาจูหยวนตันคือสมุนไพรที่ช่วยในการฝึกที่ดีที่สุด แล้วจะมาเสียให้เปล่าประโยชน์แบบนี้ได้อย่างไรกัน?
เขาคิดแล้วก็ถามออกไปแบบไม่สบอารมณ์ว่า “ลดราคาหน่อยไม่ได้หรือ?”
“เ้าเลือกที่จะไม่เข้าเมืองได้”
ชายคนนั้นยืนกอดอก ท่าทางดูกวนประสาทมาก
คนมาที่เมืองสุขาวดีในแต่ละวันไม่รู้เท่าไร คนที่มาต่อราคามีเยอะแยะเต็มไปหมด แต่กฎก็คือกฎ เขาี้เีไปพูดกับคนพวกนี้มาก
ความหมายของเขานั้นชัดเจน จะเข้าก็เข้า ไม่เข้าก็ไสหัวไป
เมื่อเห็นว่าไม่มีทางเลือก ฉินฟ่านเองก็ขมวดคิ้ว เตรียมที่จะหยิบเอายาจูหยวนตันห้าร้อยเม็ดออกมาจ่ายให้ ต่อให้ปวดใจแค่ไหน ภารกิจนี้ก็ยังต้องทำ
“เดี๋ยวก่อนนะ”
ลู่เจี้ยนเหมือนจะนึกอะไรออกเลยจับมือขวางฉินฟ่านเอาไว้ แล้วหันหลังกลับมากวักมือเรียกิอวี่ “ศิษย์น้องเ้ามานี่”
“อะไร? ต้องจ่ายยาจูหยวนตันห้าร้อยเม็ดแล้วหรือ?”
ิอวี่ได้ยินพวกเขาคุยกันอยู่ตลอด เขารู้เื่ที่จะต้องจ่ายค่าเข้าเมืองมหาศาลนี้ดี
ตอนที่เดินมา เขาก็กำลังเตรียมยาจูหยวนตันห้าร้อยเม็ดเอาไว้ให้กับชายเฝ้าประตูเมือง
ถึงแม้เขาจะรู้สึกว่ามันเป็ค่าเข้าเมืองที่ขี้โกงมาก แต่มันก็ยังอยู่ในขอบเขตที่เขารับได้ ด้านหลังยังมีคนต่อแถวอีกมาก เขาเองก็ไม่ควรยึกยัก จ่ายไปจะได้จบๆ
“อือ คืออย่างนี้นะ บนตัวของเราศิษย์พี่ไม่ได้มียาจูหยวนตันเลย เราใช้แต่บัตรแก้ว แล้วก็มีแต่ค่าผลงาน เ้าพกเงินมาด้วยหรือเปล่า? หรือว่าศาสตราวุธอะไรที่ค้ำประกันให้เราเข้าเมืองไปได้ไหม” ลู่เจี้ยนตบไปที่ไหล่ของิอวี่ พลางยิ้มแล้วพูด
มือของเขาดูเหมือนวางเบาๆ ที่หัวไหล่ของิอวี่ แต่ในความเป็จริงเขาใช้กำลังภายใน จับหัวไหล่ของิอวี่เอาไว้แน่น ถ้าิอวี่ไม่ยอม เขาก็จะเดินลมปราณให้ิอวี่ได้ลิ้มรสความเ็ป
ฉินฟ่านกับหวังฮานหันไปมองลู่เจี้ยน ถึงแม้จะตะลึง แต่ก็ไม่มีใครห้ามปราม
เพราะิอวี่ยังต้องให้พวกเขาคุ้มครองตลอดการเดินทาง เงินพวกนี้ที่เขาจ่ายออกไป มันก็สมควรแล้ว
