นั่นเป็หัวของหนอนตัวหนึ่ง หัวกลมๆ ใสๆ ดูคล้ายๆ ไส้เดือนในโคลนตม ไม่มีตาไม่มีหูไม่มีปาก ทำให้คนรู้สึกคลื่นไส้อย่างยิ่ง
โจวโม่เสวียนมีหนอนที่คล้ายกับไส้เดือนเป็ๆ อยู่ในตัว หากเอ่ยเื่นี้ออกไป ผู้ใดจะเชื่อ!?
มิน่าเล่าหลี่หรูอี้จึงไม่พูดออกมาตรงๆ และต้องให้เจียงชิงอวิ๋นเห็นเองกับตา
ความจริงย่อมดังยิ่งกว่าคำพูด พยาธิในท้องของโจวโม่เสวียนคืบคลานมาจนถึงคอหอยแล้ว เจียงชิงอวิ๋นจึงไม่เชื่อไม่ได้
“ท่านเห็นพวกมันแล้วใช่หรือไม่” หลี่หรูอี้คอยนั่งอยู่ที่ข้างเตียง เมื่อเห็นว่าเจียงชิงอวิ๋นมีสีหน้าตื่นตระหนก แต่กลับไม่มีท่าทีหวาดกลัวใดๆ จึงคิดในใจว่า ท่านเจียงนี่ก็ใจกล้าไม่เบาทีเดียว
“เห็นแล้ว” เจียงชิงอวิ๋นเสียงสั่นอยู่เล็กน้อย กล่าวว่า “แล้วจะทำอย่างไรเล่า” พลางคิดในใจว่า ดึงไอ้เ้าหนอนเวรกรรมนี่ออกมาได้หรือไม่ ไม่สิ เมื่อครู่หลี่หรูอี้บอกว่า พวกมัน ไม่ใช่มัน เช่นนั้นในท้องของโม่เสวียนก็ไม่ได้มีหนอนแค่ตัวเดียว มิน่าเล่าโม่เสวียนจึงเ็ปแทบเป็แทบตาย แล้วจะทำฉันใดดี
“ท่านให้พวกเขาดูด้วยสิ” หลี่หรูอี้ลุกขึ้นแตะที่ไหล่ของเจียงชิงอวิ๋น เขาจึงขยับตัวออกไปและให้โจวซีขยับเข้ามาดูบ้าง
โจวซีเองก็ฉงนยิ่งนัก เป็สิ่งใดกันแน่ที่ทำเอาเจียงชิงอวิ๋นต้องตื่นใเพียงนั้น
โจวตงขยับเข้าไปช่วยยกเชิงเทียนให้โจวซี
โจวซีโน้มตัวไปข้างหน้า ขยับเข้าไปใกล้และจ้องไปที่ปากของโจวโม่เสวียนที่กำลังอ้ากว้างอยู่ แต่เห็นเพียงช่องคอสีชมพูของเขา ไม่พบเห็นสิ่งผิดปกติอื่นใด จึงถามว่า “ข้าน้อยกลับไม่เห็นสิ่งใดเลยขอรับ”
หลี่หรูอี้เอ่ยอย่างคนมีประสบการณ์ว่า “มีสิ เ้าอย่าใจร้อน” ยังไม่ทันสิ้นเสียงของนาง ก็ได้ยินโจวซีร้องขึ้นมาอย่างใว่า “หนอน”
เจียงชิงอวิ๋นเอื้อมมือไปปิดปากโจวซีจากทางด้านหลัง ส่ายหน้าให้โจวซีที่กำลังมีสีหน้าตื่นตระหนกเป็ทีว่าอย่าส่งเสียงดัง
โจวซีทั้งใทั้งเป็ห่วงโจวโม่เสวียนจนน้ำตาเกือบไหลออกมาแล้ว
โจวตงรีบร้อนขยับเข้าไปดูบ้าง หนอนตัวนั้นคลานขึ้นมาที่โคนลิ้นของโจวโม่เสวียนพอดี ตัวใสๆ ของมันค่อยๆ คืบคลานมา มองเห็นได้ชัดเจนและก็น่าคลื่นไส้ในเวลาเดียวกันด้วย ทำให้โจวตงใจนมือไม้อ่อนไปหมด หากมิใช่ว่าหลี่หรูอี้กำชับเอาไว้ก่อนป่านนี้มือของเขาคงจะคลายจนปล่อยเชิงเทียนให้หล่นไปแล้ว
โจวซีร้อนใจแทบตาย เอ่ยเบาๆ ทั้งน้ำตาว่า “มีหนอนอยู่ในปากท่านชายของเรา คราวนี้จะทำเช่นใดดี”
ลุงฝูขยับตามเข้ามาดูบ้าง พยาธิน่าขยะแขยงตัวนั้นมุดกลับเข้าไป เหลือแต่หัวโผล่ออกมา แต่แม้จะเป็เช่นนี้ลุงฝูก็ยังมองเห็นได้ชัดเจนและใเช่นกัน
เจียงชิงอวิ๋นบอกให้หลี่หรูอี้มานั่งข้างๆ ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ในใจของเขายามนี้รู้สึกนับถือวิชาแพทย์ของหลี่หรูอี้ยิ่งนัก น้ำเสียงมีความศรัทธาเพิ่มมากขึ้น “หมอเทวดาน้อย ข้าเห็นว่ามีพยาธิคืบคลานจากท้องของโม่เสวียนขึ้นมาถึงที่ลำคอ นี่มันเป็เื่ใดกัน หรือว่าถูกอริทำพิษกู่[1] ใส่เสียแล้ว!?”
เขาเคยอ่านเจอในหนังสือปกิณกะว่า ทางตอนใต้มีคนแปลกๆ บางจำพวก มีความเชี่ยวชาญในการเพาะเลี้ยงหนอนให้เป็หนอนพิษกู่ จากนั้นก็เอาไปใส่ไว้ในร่างกายของศัตรู หนอนพิษกู่จะดูดเืของคนผู้นั้นจนเกลี้ยง จนอริของตนต้องมีชีวิตอยู่ประหนึ่งตายทั้งเป็
ไม่แปลกที่เขาจะคิดเลยเถิดไปไกล เพราะฐานะของโจวโม่เสวียนก็เห็นอยู่ตรงหน้านี้แล้ว การต่อสู้ของบุตรจากภรรยาเอกและอนุภายในจวนเยี่ยนอ๋องรุนแรงนัก ศัตรูของเยี่ยนอ๋องโจวปิงทั้งในที่ลับและที่แจ้งก็มีอยู่ดาษดื่น
หลี่หรูอี้เห็นว่าเจียงชิงอวิ๋นกำลังจะเข้าใจผิดว่าเป็อริลงมือล้างแค้นเสียแล้ว จึงรีบอธิบายว่า “หนอนนี้ไม่ใช่หนอนพิษกู่เ้าค่ะ มันคือหนอนที่อาศัยอยู่ในร่างกาย มีชื่อเรียกทั่วไปว่า พยาธิ ในตัวคนเราล้วนมีพยาธิกันทั้งนั้น แค่ไม่ได้มีมากเช่นในตัวคนเจ็บผู้นี้ ที่มีมากจนหนอนแทบจะเจาะถุงน้ำดีออกมาแล้วเท่านั้น”
ด้วยระดับความรู้ด้านการแพทย์ในแคว้นต้าโจวเวลานี้ยังไม่มีผู้ใดรู้ว่าในร่างกายคนมีพยาธิ และยิ่งปรุงยาขับพยาธิไม่เป็อีกด้วย
โลกก่อนที่หลี่หรูอี้อยู่นั้นเป็่ที่กำลังเข้าสู่ตอนปลายของศตวรรษที่ยี่สิบแล้ว ย่อมรู้ว่าในตัวคนมีหนอนปรสิตอยู่และเรียกพวกมันรวมๆ ว่า พยาธิ
คนที่มีพยาธิอยู่ในท้องจำนวนมากจะมีอาการเหล่านี้ เช่น คลื่นไส้และอาเจียน ไม่ว่าจะกินอาหารมากน้อยเท่าใดก็จะไม่อ้วน กลางคืนจะนอนกัดฟันและสะดุ้งตื่น เป็ต้น
โรคพยาธิในท่อน้ำดีมีอาการแทรกซ้อนที่รุนแรงที่สุดของโรคพยาธิในล้ำไส้ มักพบในเด็กเล็กอายุหกถึงแปดขวบ เกษตรกร และสตรีตั้งครรภ์ในระยะท้ายๆ ยามที่โรคกำเริบคนเจ็บจะเ็ปทรมานยากที่จะทนไหว ถึงกับต้องร้องเสียงลั่น เ็ปเป็ที่สุด หากรักษาไม่ทันคนเจ็บในระยะสุดท้ายอาจมีอาการขาดน้ำและเืเป็กรด[2] ในระดับที่ต่างกันออกไป เป็อันตรายต่อชีวิตอย่างยิ่ง
ครั้งนั้นมีนักวิจัยทางการแพทย์หลายคนได้ทำการศึกษาอยู่หลายปี และผลิตยาฆ่าพยาธิออกมาได้ ให้เริ่มใช้ั้แ่ในเด็กเล็กและต้องกินยาฆ่าพยาธิเว้นระยะตามเวลาที่กำหนด เพื่อขับพยาธิที่อยู่ในร่างกายออกมา
โรคที่โจวโม่เสวียนเป็ก็คือ โรคพยาธิในท่อน้ำดี ยังดีที่เป็แค่ระยะแรกและอาการเพิ่งกำเริบเป็ครั้งที่สองเท่านั้น เจียงชิงอวิ๋นก็เชิญหลี่หรูอี้มาตรวจรักษาแล้ว
“ในท้องพวกเราทุกคนล้วนมีเ้าหนอนเช่นนี้อาศัยอยู่หรือ” เจียงชิงอวิ๋นพลันรู้สึกทั้งขยะแขยงทั้งหวาดกลัวขึ้นมาทันใด
“เมื่อครู่ข้าเพิ่งบอกว่า พวกเราล้วนมีกันทั้งนั้น แต่ไม่ได้มีมากเหมือนในตัวคนเจ็บผู้นี้ เมื่อครู่ท่านเห็นกี่ตัว”
เจียงชิงอวิ๋นคิดในใจว่า ยังจะถามว่ากี่ตัวอีก แค่ตัวเดียวก็น่าใน่าคลื่นไส้จะตายอยู่แล้ว ก่อนตอบไปว่า “ตัวเดียว”
“พยาธิในท้องคนเจ็บต้องไม่ได้มีแค่ตัวเดียว อย่างน้อยต้องมีหลายสิบตัว มีทั้งตัวใหญ่ตัวเล็ก ตัวใหญ่นั้นอาจยาวได้ถึงหนึ่งหรือสองฉื่อและอาจจะมีหลายชนิด” หลี่หรูอี้ยังทำมือกะขนาดความยาวของพยาธิให้ดูอีกด้วย
เจียงชิงอวิ๋นรู้สึกหวาดกลัวยิ่งนัก ซ้ำยังคลื่นไส้อยากจะอาเจียน จู่ๆ ก็พูดอะไรไม่ออก
โจวตงกับโจวซีอกสั่นขวัญหายเป็เทพหกองค์ไร้ที่สถิต[3] ทรุดตัวลงคุกเข่าโขกหัวให้หลี่หรูอี้
“ท่านหมอเทวดาน้อย โปรดช่วยท่านชายของพวกเราด้วยขอรับ”
“ท่านหมอเทวดาน้อย โปรดเร่งมือช่วยท่านชายของพวกเราด้วยเถิดขอรับ”
โจวโม่เสวียนผู้นี้รักพวกพ้องเป็ที่สุด จึงปฏิบัติต่อคนรอบกายอย่างดียิ่ง ครานี้ทั้งโจวตงและโจวซีจึงแทบอยากจะเป็คนรับเคราะห์แทนเขาเสียเอง
ลุงฝูที่อยู่ข้างๆ ก็เข้ามาขอร้องด้วยว่า “ท่านหมอเทวดาน้อย โปรดสั่งยารักษาท่านชายเดี๋ยวนี้ด้วยเถิด”
หลี่หรูอี้กลับถามอย่างมีนัยยะว่า “พวกท่านวางใจให้พระองค์เสวยยาของข้า แต่ผู้อื่นเล่า?”
หลี่ฝูคังอยู่ข้างๆ จึงเอ่ยเบาๆ ว่า “ฐานะของท่านชายสูงส่งยิ่งนัก”
เจียงชิงอวิ๋นก็พูดในทำนองเดียวกันทันทีว่า “ลุงฝู ท่านกับโจวตงไปเชิญจิ่งวั่งมาที่นี่เถิด จำไว้ว่าอย่ากระโตกกระตากให้ผู้อื่นรู้เล่า”
หลังจากนั้นไม่นาน โจวจิ่งวั่งที่มีสีหน้าตื่นตระหนกและฉงนสงสัยก็มาถึง องครักษ์ข้างกายของเขาล้วนเฝ้าอยู่ด้านนอกไม่ให้ผู้ใดเยื้องกรายเข้ามาใกล้
เจียงชิงอวิ๋นไม่พูดจาให้มากความ บอกตามตรงไปว่า “จิ่งวั่ง สถานการณ์คับขันนัก ต้องเร่งมือช่วยโม่เสวียน เ้าเข้ามาดูก่อน”
เมื่อครู่โจวจิ่งวั่งได้ยินลุงฝูกับโจวตงบอกแล้วว่า ในท้องของโจวโม่เสวียนมีหนอนอยู่และมันยังคลานขึ้นมาเกือบถึงปากด้วย แม้จะรู้สึกว่าเป็เื่ที่เกินจะคาดคิดได้ แต่ทั้งสองคนต่างสาบานอีกว่า เห็นมากับตา หนำซ้ำยังมีเจียงชิงอวิ๋นอยู่ด้วย จึงเชื่อไปกว่าครึ่งแล้ว เมื่อนั้นจึงกวาดตาไปยังคนสกุลหลี่คราวหนึ่ง แล้วรีบนั่งลงข้างเตียง จากนั้นก็โน้มตัวลงใช้เทียนส่อง ขณะที่กำลังจ้องเขม็งเข้าไปในปากของโจวโม่เสวียนที่กำลังอ้ากว้างอยู่
ประเดี๋ยวเดียว โจวจิ่งวั่งก็เห็นหนอนที่เขาไม่อยากจะเห็น ในขณะที่ตื่นใก็รู้สึกขยะแขยงไปด้วย
ผู้ใดจะคาดคิดได้ว่าภายในร่างกายของโจวโม่เสวียน ผู้มีรูปร่างหน้าตาประหนึ่งเทพน้อยกลับมีหนอนที่น่าคลื่นไส้เช่นนี้อาศัยอยู่
เจียงชิงอวิ๋นอธิบายเื่พยาธิให้โจวจิ่งวั่งฟังโดยคร่าวๆ ด้วยท่าทีเคร่งขรึม จากนั้นก็ถามว่า “จิ่งวั่ง ข้าจะให้ท่านหมอเทวดาน้อย สั่งยาให้โม่เสวียนกินเพื่อกำจัดหนอนในท้องของเขา เ้าเห็นว่าดีหรือไม่”
“ท่านอาน้อย ท่านให้ข้าคิดดูก่อน” โจวจิ่งวั่งจ้องมองหลี่หรูอี้อยู่ครู่หนึ่ง เ้าเด็กชายตัวน้อยที่หน้าตาแสนธรรมดา แต่กลับมีดวงตาสุกสว่างยิ่งกว่าดวงไฟ แม้ใบหน้าจะยังเด็ก แต่กลับสุขุมเยือกเย็นผู้นี้ จะเชื่อได้หรือไม่ จึงถามไปทันใดว่า “ยาของเ้าจะมีผลร้ายต่อร่างกายอนุชาของเราหรือไม่”
หลี่หรูอี้ตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ไม่ ยาของข้าส่งผลเสียต่อพยาธิเท่านั้น ไม่ส่งผลเสียใดๆ ต่อตัวคน หากพระองค์ไม่เชื่อ ข้าสามารถกินให้ดูได้”
.............................
คำอธิบายเพิ่มเติม
[1] พิษกู่ เป็คุณไสยอย่างหนึ่ง ด้วยการเอาอสรพิษห้าชนิดมาอยู่ด้วยกันให้กินกันเอง และเอาตัวที่เหลือรอดตัวสุดท้ายไปทำพิธีทำร้ายผู้อื่น
[2] เืเป็กรด (Acidosis) คือ ภาวะความผิดปกติของเืหรือของเหลวในร่างกายไม่สมดุล ทำให้มีความเป็ กรดสูง
[3] เทพหกองค์ไร้ที่สถิต หมายถึง ใจนขวัญหาย (คนจีนโบราณเชื่อว่าในอวัยวะต่างๆ ของร่างกายมีเทพสถิตอยู่ พอใเทพจึงกระเจิดกระเจิงออกไปหมด เหมือนคำว่า “ขวัญ” ในภาษาไทย)
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้