“เป็ไปไม่ได้” ซย่าโหวเทียนที่นั่งอยู่ก็ลุกพรวดขึ้นมาพูดเสียงดัง
“ไม่มีอะไรที่เป็ไปไม่ได้ก็แค่คำถามที่คิดต่อจากทฤษฎีของแฟร์มาเองไม่ใช่เหรอ” กัวไฮว่พูดพลางหยิบปากกามาเขียนคำตอบบนกระดานอย่างรวดเร็วอันที่จริงเขาเคยอ่านทฤษฎีแฟร์มาในห้องสมุด แต่คำถามนี้ สำหรับเทพเซียนที่อยู่มาไม่รู้เป็กี่พันปีแล้วจะไปยากอะไร
“ที่พวกคุณรู้น่าจะเป็คำตอบแบบนี้แต่ผมยังสามารถคิดคำตอบแบบที่สองให้อีกได้ด้วย” กัวไฮว่หยิบกระดานแผ่นที่สองออกมาแล้วเขียนอีกครั้ง
“เหล่าหลู่ รบคุณช่วยขึ้นมาดูหน่อยว่าที่ผมเขียนถูกต้องหรือไม่” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ กับหลู่หย่งเซินที่สั่นสะท้านไปทั้งตัว
“อัจฉริยะ อัจฉริยะคณิตศาสตร์ พ่อหนุ่ม ไม่ต้องเรียนมอปลายแล้วมาที่มหาวิทยาลัยอู่เฉิงเลยเถอะ ฉันจะรับเธอเป็ศิษย์คนสุดท้าย ไม่สิฉันจะใช้วันเวลาที่เหลืออยู่ไปกับการถกปัญหาคณิตศาสตร์กับเธอ” หลู่หย่งเซินพูดขึ้นอย่างตื่นเต้น
“เหล่าหลู่ ดูก่อนเถอะว่าถูกไหม” กัวไฮว่พูดเสร็จก็นั่งลงแล้วหลับตา
“คำตอบแบบที่สองเธอคิดได้ยังไงกัน บอกฉันมา ช่วยบอกฉันมาเถอะ” หลู่หย่งเซินเห็นคำตอบแบบที่สองก็พูดด้วยความตื่นเต้น
“รอให้การแข่งขันจบก่อน ผมจะไปพบเหล่าหลู่เองครับ ถ้าคำตอบไม่ผิดงั้นหลู่เหล่าช่วยประกาศหน่อยครับ” กัวไฮว่ปลอบประโลมหลู่หย่งเซินพร้อมกับพูดขึ้นยิ้มๆ
“คำตอบถูกต้อง พ่อหนุ่มกัวไฮว่ตอบถูกหมดเลยจากคำตอบแบบที่สองความรู้ด้านคณิตศาสตร์ของพ่อหนุ่มกัวไฮว่อยู่เหนือกว่าที่พวกเราคิดไว้เยอะนัก” หลู่หย่งเซินสงบสติอารมณ์แล้วหยิบไมค์โครโฟนขึ้นมาพูดเสียงดังฟังชัด
“ซย่าโหวเทียน ไม่ทราบว่าเธอมีอะไรจะแย้งไหม” หานเฟยเฟยมองซย่าโหวเทียนที่มีสีหน้าไม่สบอารมณ์ก่อนจะถามขึ้น
“ไม่มีอะไรจะแย้งครับ พวกเราแพ้รอบแรก” ซย่าโหวเทียนหรี่ตามองกัวไฮว่
“ตอนนี้ทั้งสองฝ่ายได้คะแนนไปหนึ่งพันหกร้อยสามสิบคะแนนลำดับถัดมากัวไฮว่ต้องตอบคำถามไวหนึ่งร้อยข้อขอให้ทุกคนปรบมือให้กำลังใจเขาหน่อยครับ” เหอเถี่ยจุ่ยพูดเสียงดังฟังชัด
“กัวไฮว่ได้โปรดฟังคำถาม” หานเฟยเฟยมองกัวไฮว่ผู้ทำเอาทุกคนตกตะลึงที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ก่อนจะพูดยิ้มๆ
ราวกับว่ากัวไฮว่และหานเฟยเฟยได้คุยเกี่ยวกับคำถามทั้งหมดกันไว้เรียบร้อยแล้วเมื่อหานเฟยเฟยพูดจบ กัวไฮว่ก็พูดคำตอบออกมาทันที
“อาจารย์เถี่ยจุ่ย คุณจะมาเห็นคนตายแต่ไม่ช่วยไม่ได้หรอกมั้งฉันแทบจะหมดลมอยู่แล้ว” กัวไฮว่ตอบถูกไปติดกันห้าสิบข้อหานเฟยเฟยถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะพูดยิ้มๆ กับเถี่ยจุ่ย
“ฮ่าๆ ฉันเห็นว่าพวกเธอเข้ากันได้ดีเลยหาจังหวะขัดไม่ได้ในเมื่อเธอเหนื่อยแล้ว งั้นห้าสิบข้อที่เหลือให้เป็หน้าที่ฉันเถอะหวังว่าระหว่างนี้กัวไฮว่จะตอบผิดสักข้อนะ ผมจะได้เลิกงานไวๆ” เหอเถี่ยจุ่ยพูดยิ้มๆ
ในเวลาไม่ถึงสิบนาที กัวไฮว่ก็ตอบคำถามห้าสิบข้อที่เหลือจนหมดตอบถูกไปทั้งหมดสี่สิบเก้าข้อ ส่วนข้อสุดท้ายเขาตอบผิด
“กัวไฮว่เชิญบอกระยะห่างระหว่างดวงจันทร์กับโลกด้วยครับ” เหอเถี่ยจุ่ยกลั้นลมหายใจเฮือกสุดท้ายเพื่อพูดคำถามสุดท้าย
“วังแห่งจันทราอยู่คนละโลกกับโลกมนุษย์ จะมามีแิระยะห่างได้ยังไงกันคำถามนี้มีปัญหานะ” กัวไฮว่พูดเสียงดังฟังชัดเขาได้ยินคำว่าดวงจันทร์เป็จันทรา
“ฮ่าๆ ในหนึ่งร้อยคำถาม กัวไฮว่ตอบถูกไปเก้าสิบเก้าคำถามไม่คิดเลยว่ากัวไฮว่จะรู้เื่วรรณคดีด้วย” เหอเถี่ยจุ่ยพูดยิ้มๆ “การแข่งขันรอบแรกสิ้นสุดลงแล้วโรงเรียนฟู่จงนำสมาพันธ์เจ็ดโรงเรียนไปเก้าสิบเก้าคะแนนตอนนี้พักเป็เวลาห้านาทีครับ”
“ตาพี่บ้า เหลือไว้อันนึงทำไม ฉันตอบไม่เห็นถูกสักข้อเลย” หนานกงหลิงโม่ยู่ปากพูด
“รอให้การแข่งขันจบก่อน ฉันจะช่วยให้พลังวิเศษควบคุมสิ่งของได้ของเธอเพิ่มเท่าตัวเลยเป็ไงเลิกคุยได้แล้ว รอบสองพยายามอย่ามีปัญหากับซย่าโหวเทียนนั่นนะไม่งั้นฉันช่วยเธอไม่ได้แน่” ่ความฝันงั้นเหรอน่าสนใจนี่ อย่าบอกนะว่าซย่าโหวเทียนจะเป็ลูกหลานของมารฝัน
ห้านาทีผ่านไป ผู้คนทั้งบนและล่างเวทีต่างก็มีท่าทางที่ต่างกันออกไปหลี่สวินอวี้หน้าตาเอิบอิ่มส่วนผอ.เจ็ดโรงเรียนจากสมาพันธ์ต่างก็ไม่ยิ้มแย้มกันตั้งนานแล้วจากศักยภาพที่กัวไฮว่แสดงออกมา ที่หนึ่งของการแข่งวิชาการครั้งนี้นับได้ว่าเข้ากระเป๋าโรงเรียนฟู่จงไปแล้วเก้าส่วน
“ไม่ได้ จะยอมแพ้แบบนี้ไม่ได้ฉันััถึงพลังวิเศษของกัวไฮว่นั่นไม่ได้เลย ถึงเขาจะได้ยินเสียงพูดแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาเป็ผู้มีพลังวิเศษ คงเป็เพราะได้ดิบได้ดีด้านการต่อสู้เดี๋ยวฉันจะพาเขาเข้าสู่โลกแห่งความฝัน ฉันอยากให้มันตาย” ซย่าโหวเทียนมองกัวไฮว่ที่พูดหยอกล้ออยู่กับมู่หรงเวยเวยในใจก็เกิดจิตสังหารที่ไม่อาจจะข่มเอาไว้ได้
“หมดกัน ครั้งนี้ฟู่จงได้ที่หนึ่ง พันร้อยล้านต่อให้เอาทรัพย์สินทั้งหมดของตระกูลฉินมาขายก็ไม่ได้มีเงินเยอะขนาดนั้น” ฉินอวี้หลงเดินอย่างกับศพเดินได้ พร้อมกับลอบคิดขึ้นในใจ
“ฉินป๋อเทียนถ้าจะตัดความสัมพันธ์พ่อลูกกับลูกชายตัวดีของคุณตอนนี้ก็สายไปแล้วล่ะพวกคุณคอยภาวนาไม่ให้ฟู่จงได้ที่หนึ่งเลยนะ ถ้าพวกเขาได้ที่หนึ่งเงินพนันทั้งหมดคุณต้องจ่ายไม่ให้ขาดสักแดงเดียว ไม่งั้นหลังจากนี้ เมืองอู่เฉิงหรือไม่ก็ทั้งหัวซย่า ก็จะไม่ยุ่งกับพวกคุณอีก” ตระกูลมู่หรงติดต่อให้ตระกูลหลิวไปที่บ้านตระกูลฉินด้วยกันถ้าตระกูลมู่หรงกดดันอยู่ฝ่ายเดียว จากอำนาจหลักอยู่ที่เมืองหลวงกับแค่ในเมืองอู่เฉิงตระกูลฉินอาจลอยนวลได้แต่ถ้าตระกูลหลิวที่เป็ตัวแทนฝ่ายทหารเมืองอู่เฉิงมาออกหน้าด้วยกันนั่นก็หมายความว่าพวกเขา้าจะจัดการตระกูลฉินให้สิ้นซาก
“ฉัน ฉินป๋อเทียนให้กำเนิดลูกชายตัวดี ไปแอบฆ่ากัวไฮว่นั่นก็แล้วไปทำไมต้องไปหาเื่ตระกูลหลิวด้วยเนี่ย” หลังจากที่ฉินป๋อเทียนรอให้คนจากตระกูลมู่หรงกับตระกูลหลิวจากไปก็พูดขึ้นกับป้ายบรรพบุรุษอยู่คนเดียว เงินตั้งพันสี่ร้อยร้อยล้านในเมืองอู่เฉิงคงจะไม่มีตระกูลฉินอีกต่อไปแล้ว “เวลาครบห้านาทีแล้วเรามาเริ่มการแข่งขันรอบสองกันได้เลยครับ รอบที่สองง่ายกว่ารอบแรกหน่อยนึงโรงเรียนฟู่จงกับสมาพันธ์เจ็ดโรงเรียนมีทั้งหมดเจ็ดคำถามแต่ละข้อคะแนนไม่เหมือนกัน ระดับความยากก็ไม่เหมือนกัน แต่ละคนได้หนึ่งคำถามตอบกันเอง หรือจะให้อีกฝ่ายตอบก็ได้ ถ้าตอบถูกก็จะได้คะแนนไป แต่ถ้าตอบผิดก็จะหักคะแนน” เหอเถี่ยจุ่ยพูดยิ้มๆ
“ถ้าให้อีกฝ่ายตอบ จะต้องหักคะแนนที่ได้มาแล้วของฝ่ายตนเองก่อนถ้าอีกฝ่ายตอบถูก อีกฝ่ายจะได้คะแนนไป ถ้าอีกฝ่ายตอบไม่ถูก ก็จะหักคะแนนเป็สองเท่า” หานเฟยเฟยพูดยิ้มๆ
“พี่เทียน คะแนนมีทั้งหมดประมาณร้อยถึงเจ็ดร้อยคะแนนคำถามพวกนี้ไม่ถือว่ายากไป พวกเราแพ้แน่” หลินเซี่ยวเซี่ยวพูดอย่างเศร้าใจ
“แพ้ แพ้อะไรกันล่ะ ฉัน ซย่าโหวเทียนไม่รู้จักคำว่าแพ้พวกเธอทำข้อที่ตัวเองทำถูกไป อีกฝ่ายคงไม่ให้พวกเธอตอบคำถามแน่ เชื่อฉันฉันจะทำให้สมาพันธ์เจ็ดโรงเรียนเกมพลิกแน่” ซย่าโหวเทียนมองทั้งเจ็ดคนจากฟู่จงแล้วพูดขึ้นเบาๆ
“คำถามง่ายมากเลย พวกเราทำได้หมดแน่” เมื่อทางฝั่งโรงเรียนฟู่จงได้เห็นคำถามก็พูดยิ้มๆ
“ตอบคำถามของตัวเองไป จำไว้นะว่าอย่าไปขัดแย้งกับซย่าโหวเทียน” กัวไฮว่พูดกำชับถังซีและคนอื่นๆ