เมืองหลางเซียน เคหาสน์ตระกูลหวัง
หวังเค่อกับจางเจิ้งเต้าต่างก็จับจ้องจางเสินซวีลากเก้าอี้ไปยังบ้านหลังข้างๆ ทั้งสองสบตากันก่อนพลันเกิดความเข้าใจตรงกันขึ้นมาเฉกเช่นในอดีต
“หวังเค่อ เ้าคันตูดรึไง? เกาอะไรอยู่ได้?” จางเจิ้งเต้าถามอย่างใคร่รู้
ทันทีที่มันเปิดปากก็เรียกความสนใจจากสองศิษย์พรรคอีกาทองคำได้ชะงัด ทั้งคู่เห็นหวังเค่อล้วงมือขวาเข้าไปในกระเป๋ากางเกงราวกับกำลังคันคะเยอ
แต่ทันทีที่จางเจิ้งเต้าทัก มือที่อยู่ในกางเกงของหวังเค่อก็ชะงักไป
ใบหน้าของหวังเค่อแข็งค้าง ราวกับว่ากำลังประหม่ากังวล “ใช่ ข้าคันจะตายอยู่แล้ว!”
ขณะที่พูดมือของหวังเค่อก็ขยับต่อ
“ไม่ถูกต้อง ในกระเป๋ากางเกงเ้าซ่อนอะไรไว้!” ศิษย์พรรคอีกาทองคำคนหนึ่งจ้องเขม็ง
“ไม่มี พวกเ้ามองผิดแล้ว!” หวังเค่อเอ่ยอย่างร้อนรน
“หวังเค่อ เ้าถูกจับแบบนี้ยังจะกล้าเล่นตุกติกอีก? รีบเอาของที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงออกมาเดี๋ยวนี้!” ศิษย์พรรคอีกาทองคำคนนั้นถลึงตาขู่
“ไม่มีสักหน่อย พวกเ้ากังวลกันเกินไปแล้ว ข้าจะซ่อนอะไรได้?” จู่ๆ หวังเค่อก็ยิ้มเยาะ
“ฉัวะ!”
คมมีดที่จ่ออยู่บนลำคอของหวังเค่อบาดเข้าเนื้อในทันที ความเย็นที่แผ่มาทางิัทำให้หวังเค่อต้องหน้าแข็งค้างไปในบัดดล
“เอาของในกระเป๋ากางเกงออกมาเดี๋ยวนี้!” ศิษย์พรรคอีกาทองคำคนนั้นเอ่ยเสียงเย็น
“มะ ไม่ดีกว่ามั้ง?” หวังเค่อทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ความอิดออดไม่ยินยอมของหวังเค่อยิ่งกระตุ้นต่อมอยากรู้อยากเห็นของสองศิษย์พรรคอีกาทองคำ ยิ่งหวังเค่อไม่ยินยอม พวกมันก็ยิ่งอยากรู้
“เร็วสิ! ไม่งั้นข้าจะให้เ้าได้เห็นเืเป็คนแรก!” ศิษย์พรรคอีกาทองคำคนนั้นขู่ฟ่อ
“ขะ ข้า...!” สีหน้าของหวังเค่อแสดงความไม่ยินยอมชัดเจน
แต่หวังเค่อก็ชักมือขวาออกจากกระเป๋ากางเกง แถมยังดูเหมือนว่ากำลังกำของบางอย่างซ่อนเอาไว้ภายในอีกด้วย
“คลายมือออก!” ศิษย์พรรคอีกาทองคำคนนั้นตะคอกสั่งเสียงเย็น
หวังเค่อสีหน้าขื่นขม ไม่ว่ายังไงก็ไม่ยอมทำตาม
เมื่อเห็นว่าหวังเค่อไม่ยินยอม ศิษย์พรรคอีกาทองคำคนนั้นก็ลงมือทันที
“หมับ!”
ศิษย์พรรคอีกาทองคำคนนั้นกดมีดเข้าหาลำคอของหวังเค่อ ส่วนมืออีกข้างก็คว้าหมับเข้าที่ข้อมือหวังเค่ออย่างฉับไว
“ศิษย์พี่ ข้ายึดข้อมือมันไว้แล้ว ท่านมาช่วยข้าแงะนิ้วมือมันที ดูว่าที่แท้มันแอบซ่อนอะไรไว้กันแน่ ดีไม่ดีมันอาจวางแผนลอบทำร้ายพวกเราอยู่ก็ได้?” ศิษย์พรรคอีกาทองคำคนนั้นเอ่ยเสียงต่ำ
สองศิษย์พรรคอีกาทองคำหนึ่งดวงธาตุทองคำ หนึ่งเซียนเทียน แข็งแกร่งกว่าหวังเค่อและจางเจิ้งเต้า หากพวกมันถูกบีบคั้นให้ต้องลงมือ หวังเค่อและจางเจิ้งเต้าย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้
“ได้!” ศิษย์พี่ขั้นดวงธาตุทองคำตอบรับเสียงต่ำ
ศิษย์พี่ขั้นดวงธาตุทองคำมือหนึ่งจ่อมีดไว้ที่ลำคอของจางเจิ้งเต้า อีกมือขยับเข้ามาแกะนิ้วหวังเค่อ
มือของหวังเค่อถูกรัดแน่นจนไม่อาจขยับ เมื่อถูกขอบเขตดวงธาตุทองคำออกแรงงัด นิ้วมันก็คลายออกอย่างไร้ทางสู้
สองศิษย์พรรคอีกาทองคำชะเง้อคอมองเข้าไปในฝ่ามือของหวังเค่อ แต่ในฝ่ามือดูจะไม่มีอะไรอยู่เลยนี่นา? ไม่สิ มีกลุ่มปราณสีเหลืองสว่างอยู่ต่างหาก เป็สัจปราณขุ่นของหวังเค่อ
“นี่มันอะไร?” ศิษย์พรรคอีกาทองรำพึงอย่างเหม่อลอย
แต่แล้วสัจปราณขุ่นที่กำลังโคจรก็ะเิออก ลอยตรงเข้าหาศิษย์พรรคอีกาทองคำทั้งสอง
“ท่าไม่ดีแล้ว!” ศิษย์พรรคอีกาทองคำหน้าเปลี่ยนสี รู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง
ศิษย์พรรคอีกาทองคำคนนั้นใช้ลมปราณเข้ารับมือกับกลุ่มสัจปราณสีเหลืองนั้นตามสัญชาตญาณ แต่กลุ่มปราณสีเหลืองนั้นกลับชำแรกผ่านปราณคุ้มกายตนอย่างพิสดาร พริบตาก็พุ่งเข้าสู่โพรงจมูกของคนทั้งสอง
หรือจะเป็แก๊สพิษ?
สองศิษย์พรรคอีกาทองคำรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล กลุ่มปราณสีเหลืองเมื่อเข้ามาในจมูกก็ถลำลึกเข้าไปในห้วงสมองของพวกมันทันที
“ตูม”
ประดุจอสนี์กระหึ่มฟาดผ่าลงกลางฟ้าแจ้งทั่วห้วงสมองของพวกมันสองคน
ความเหม็นนี้มันอะไร? ทั้งสองไหนเลยจะคาดคิดว่าบนโลกนี้ถึงกับมีกลิ่นเหม็นแสนร้ายกาจขนาดนี้อยู่ด้วย? สีหน้าของพวกมันกลายเป็แข็งทื่อไปในทันใด ดวงิญญาเดือดพล่าน น้ำตาไหลท่วม ขณะเดียวกันก็รู้สึกมวนท้องเหมือนมีมหาสมุทรพลิกตัวอยู่ภายใน
“อุแหวะ!” ทั้งสองแทบสูญเสียความสามารถในการขยับเคลื่อนไหวไปในบัดดล เนื้อตัวสั่นเทิ้มไม่หยุด
ในชั่ววินาทีนั้น ทั้งสองลืมสิ้นทุกสิ่งอย่าง ลืมว่าตัวเองเป็ใคร ลืมว่าตัวเองอยู่ที่ไหน เพียงรับรู้ว่าดวงิญญาของพวกมันกำลังแตกสลาย สำมะหาอะไรกับการกุมมีดดาบ ความรู้สึกเดียวในตอนนั้นคือคล้ายติดอยู่ในขุมนรกพร้อมโลกที่กำลังถล่มลงมา
“ตูม ตูม!”
เกิดเสียงดังสองครั้งติดๆ กัน จางเจิ้งเต้าฟาดฝ่ามือเข้าใส่กระหม่อมของสองศิษย์พรรคอีกาทองคำจนพวกมันสิ้นสติ ในขณะเดียวกันก็เป็การช่วยเหลือพวกมันไว้ด้วย
“หวังเค่อ วิชาของเ้าไร้เทียมทานนัก เ้าต้องสอนข้าบ้างนะ ข้าจะกราบเ้าเป็อาจารย์เลย!” จางเจิ้งเต้าเอ่ยอย่างตื่นเต้น
“ไสหัวไป!” หวังเค่อถลึงตา
“หวังเค่อ ทำไมก่อนหน้านี้เ้าถึงไม่ใช่กระบวนท่านี้เสียเล่า ถ้าเมื่อกี้เ้าใช้มันกับจางเสินซวีจะต้องจัดการอีกฝ่ายได้ในคราเดียวแน่ ทำไมต้องแสร้งทำตัวว่านอนสอนง่ายเป็หลานมาถึงตอนนี้ด้วย?”
“เหลวไหล ก่อนนี้มีดวงธาตุทองคำอยู่แปดคน ต่อให้พวกเราล้มจางเสินซวีได้แล้วจะได้ผายลมอะไรขึ้นมา ถึงตอนนั้นไม่แคล้วถูกแปดดวงธาตุทองคำที่เหลือรุมสับสังหารอยู่ดีหรือไง!” หวังเค่อกลอกตาหลายตลบอย่างดาลเดือด
“จริงด้วยๆ แล้วทีนี้จะทำยังไงกันต่อ? ข้าว่ารีบหนีกันดีกว่า!” จางเจิ้งเต้าเร่ง
“จะออกไปทางประตูหลักไม่ได้ เ้าลูกตะพาบจางเสินซวีนั่นแม้จะมีศิษย์พรรคอีกาทองคำอยู่เพียงยี่สิบคน แต่มันยังมีกระเรียนมงกุฎแดงฝูงหนึ่งคอยจับตาดูลาดเลาอยู่บนฟ้า! เราจะเดินโทงๆ กันออกไปไม่ได้ มีแต่ต้องใช้อุโมงค์ ใต้เก้าอี้โบราณในห้องโถงหลักมีอุโมงค์ลับอยู่สายหนึ่ง พวกเราจะหนีกันจากทางนั้น!” หวังเค่อเอ่ยขึ้นทันที
“ใช่ ใช่แล้ว! ฮ่าฮ่า ข้าก็ว่าทั้งที่เ้าเล่นขนของออกไปจนเกลี้ยง แต่ทำไมถึงได้เหลือเก้าอี้โบราณพวกนั้นไว้ นี่ไม่ตรงกับวิถีไก่ขนเหล็กของเ้าเลยสักนิด ที่แท้ก็เพื่ออำพรางเส้นทางอุโมงค์ไว้ ไหนขอข้าดูหน่อยซิ!” จางเจิ้งเต้าพุ่งตัวไปทางเก้าอี้ไม้โบราณอย่างตื่นเต้น
จริงดังคาด พอเลื่อนเก้าอี้โบราณตัวนั้นออกไป จางเจิ้งเต้าก็พบกลไกที่นำไปสู่เส้นทางอุโมงค์ใต้ดิน
“ตระกูลหวังของเ้าล้วนเป็มุสิกกลับชาติมาเกิดกันหมดหรือไม่? แม้แต่ในเรือนของตัวเองเ้าก็ยังจะขุดอุโมงค์เอาไว้? ไม่เพียงแต่เมืองจูเซียน แม้แต่เมืองหลางเซียนเองก็ด้วย?” จางเจิ้งเต้าหยอกเย้าพอหอมปากหอมคอก่อนหย่อนตัวลงไปในอุโมงค์
แต่จางเจิ้งเต้าที่เข้ามาในอุโมงค์กลับไม่เห็นหวังเค่อตามมันลงมา
“หวังเค่อ ตกลงเ้าจะหนีไหมเนี่ย?” จางเจิ้งเต้าโผล่หน้ามาเร่ง
ขณะที่เร่ง จางเจิ้งเต้าก็ต้องตาโต เพราะมันเห็นหวังเค่อกำลังปลดกำไลมิติออกจากข้อมือของศิษย์พรรคอีกาทองคำคนหนึ่งอยู่อย่างคล่องแคล่ว ในขณะเดียวกันมืออีกข้างก็มุดเข้าไปในอกเสื้อของอีกฝ่าย พอชักกลับออกมาก็มีถุงมิติติดมือมาอีกต่างหาก
จางเจิ้งเต้าตาโตเป็ไข่ห่าน “หวังเค่อ เ้ามันสารเลวนัก!”
แต่ขณะที่พูด จางเจิ้งเต้าก็รีบมุดออกมาจากในอุโมงค์ จากนั้นก็กระชากตัวศิษย์พรรคอีกาทองคำอีกคนที่ยังนอนเป็ผักจนลอยติดมือขึ้นมา แต่หลังจากที่หาอยู่ครึ่งค่อนวันกลับพบว่าเ้าหมอนี่ไม่มีกำไลมิติเลยสักวง มันลืมไปว่านี่เป็แค่ศิษย์ที่อยู่ในขอบเขตเซียนเทียน จะมีก็แค่ถุงมิติอยู่ใบหนึ่ง ของล้ำค่าที่อยู่ด้านในจะมีมากแค่ไหนกัน
“หวังเค่อ เ้าไม่จริงใจกับข้า ในเมื่อข้าเป็คนเล่นงานจนพวกมันสลบ เพราะงั้นก็ต้องแบ่งกันคนละครึ่ง คนละครึ่ง!” จางเจิ้งเต้าะโแว้ดๆ
หวังเค่อไม่สนใจจางเจิ้งเต้า แต่เริ่มที่จะถอดชุดของยอดฝีมือชั้นดวงธาตุทองคำออกมา
“เ้ากำลังทำอะไร? มันเป็บุรุษนะ! เ้าคนวิตถาร ถึงกับ...? ไม่ถูกต้อง การที่เ้าต้องตาต้องใจเสื้อตัวนั้น แปลว่าเสื้อของมันจะต้องเป็ของล้ำค่า สามารถนำไปขายได้? พับผ่าสิ หวังเค่อ แม้แต่เสื้อผ้าเ้าก็ยังจะพรากไปจากมันอีกรึ? ไม่ได้การล่ะ นี่ของข้า นี่ก็ของข้า!” จางเจิ้งเต้ารีบลอกคราบศิษย์พรรคอีกาทองคำชั้นเซียนเทียนในมือมันอย่างไม่อินังขังขอบ
ไม่นาน ทั้งสองก็จัดการทุกอย่างจนเรี่ยมเร้ จากนั้นก็เผ่นแผล็วลงอุโมงค์ไป
หลังจัดการปิดเส้นทางอุโมงค์ไว้ตามเดิม จางเจิ้งเต้าก็บ่นเป็หมีกินผึ้งไปตลอดทาง ขณะเดียวกันก็ใช้ความรู้สึกทำให้ซาบซึ้งประทับใจ ใช้เหตุผลทำให้เข้าใจ หวังว่าหวังเค่อจะพอมีจิตสำนึกที่จะแบ่งสมบัติกันอย่างเท่าเทียม
แต่เมื่อเป็เื่เงินๆ ทองๆ คิดว่าหวังเค่อจะมีจิตสำนึกหรือ? แค่แบ่งส่วนหนึ่งให้เ้าก็ถือว่าไม่เลวแล้ว ใครใช้ให้เ้าชักช้าตามไม่ทันเองล่ะ ตัวเองช้าไปก้าวหนึ่ง จะมาโทษใครได้? หากไม่ใช่เพราะข้าสู้เ้าไม่ได้ หวังเค่อไม่คิดจะเจียดให้เลยสักนิดด้วยซ้ำ
ในสวนบ้านข้างๆ ที่หวังเค่ออยู่!
จางเสินซวีนั่งอยู่บนเก้าอี้โบราณ มือโบกพัดขาว ศิษย์พรรคอีกาทองคำมองกลุ่มคนชุดดำตรงหน้า หากพูดให้ชัดคือเ้าตำหนักชุดแดงที่เป็ผู้นำ
แม้หวังเค่อจะบอกว่าขอเพียงนำเครื่องยืนยันมาด้วย อีกฝ่ายก็จะยกมารที่จับได้มาให้ แต่ว่าถ้าเกิดไม่ให้ขึ้นมาล่ะ?
จางเสินซวีจงใจทำท่าจองหองพองขน เช่นนี้ไม่ว่าฝ่ายตรงข้ามจะถามอะไรออกมาตนก็ยังสามารถแสร้งทำเป็ไม่รู้ไม่ชี้เบลอผ่านไปได้ ประมาณว่าส่งมาแต่ของ ไม่ต้องพูดมากแล้วทอดตามองอย่างเหนือกว่า
กลุ่มคนชุดดำตรงหน้าก็ให้ความร่วมมือเป็อย่างดี แต่ละคนล้วนสงบปากสงบคำ
จางเสินซวีเห็นว่าผลลัพธ์ไม่เลวก็โบกพัดขาวในมือสืบต่อ ผุดยิ้มน้อยๆ จ้องมองกลุ่มคนชุดดำตรงหน้า
กลุ่มคนชุดดำในเวลานั้นต่างก็มองเ้าตำหนักชุดแดงตาไม่กะพริบ เ้าตำหนักชุดแดงเห็นจางเสินซวีทำท่าเหมือนกุมชัยชนะไว้ในมือก็หลงนึกว่าเฉินเทียนหยวนจะต้องจัดกองกำลังดักซุ่มไว้เต็มพิกัด เพลิงโทสะในใจลุกโพลง ขณะเดียวกันก็ยิ่งระวังตัวแจ
แล้วทั้งสองฝ่ายก็มองกันไปมาอยู่อย่างนี้โดยที่ไม่มีใครพูดอะไร จางเสินซวียิ้มกระอักกระอ่วนอยู่ครึ่งวันยังไม่เห็นฝ่ายตรงข้ามแสดงท่าทีอันใดออกมาก็เริ่มมีน้ำโหขึ้นมาเหมือนกัน
“คนกลุ่มนี้เงียบเหมือนขอนไม้ไม่มีผิด พวกมันรอให้ข้าเป็ฝ่ายพูดก่อนงั้นรึ? หรือว่าหวังเค่อยังมีรหัสลับอันใดที่ไม่ได้บอกข้า? เ้าลูกตัวบัดซบหวังเค่อ เอาไว้กลับไปเมื่อไหร่ข้าจะเล่นมันให้น่วมเลยคอยดู!” จางเสินซวีคิดพลางขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
“พวกเ้าน่าจะรู้นะว่าข้ามาทำไม! เพราะงั้นตอนนี้ก็น่าจะส่งมาให้พวกเราได้แล้วกระมัง?” จางเสินซวีเอ่ยเสียงต่ำ
“ส่งให้เ้า? เ้าจะเอาอะไร?” เ้าตำหนักชุดแดงถามเสียงเย็น
ขณะเอ่ยคำ เ้าตำหนักชุดแดงแองก็รู้สึกกินแหนงแคลงใจ อย่างไรเสีย คนกลุ่มนี้ก็โผล่มาอย่างปุบปับเกินไป หรือว่าตนจะเผลอทำพลาด?
“เอาอะไรงั้นหรือ? ก็ต้องเป็กุศลปราบมารอยู่แล้ว! พวกเ้ายังมีอะไรอย่างอื่นอีกรึไง?” จางเสินซวีเอ่ยเสียงต่ำ
เ้าตำหนักชุดแดงหนังตากระตุก นี่ไม่ผิดแน่แล้ว คนพวกนี้จะต้องเป็เฉินเทียนหยวนส่งตัวมา กุศลปราบมารรึ? ฮึ่ม สมัยนี้ฝ่ายธรรมะต่างก็โผงผางตรงไปตรงมากันแบบนี้หมดแล้วหรือไง? ก่อนนี้ยังต้องะโว่าปราบมารผดุงธรรมบังหน้ากันอยู่เลย แต่ตอนนี้ถึงกับไม่ต้องบังหน้า แต่โพล่งว่าอยากได้กุศลออกมาตรงๆ เลยรึ?
“เช่นนั้นพวกเ้าตั้งใจจะเอากุศลปราบมารกันไปมากแค่ไหน?” เ้าตำหนักชุดแดงหยั่งเชิงความมุ่งมั่นของเฉินเทียนหยวนในครั้งนี้อย่างไม่แน่ใจ
“เหลวไหล ก็ต้องเอาหมดอยู่แล้วไม่ใช่รึไง?” จางเสินซวีเปิดปากทันที
คนกลุ่มนี้ถูกข้าข่มจนหงอไปเลยสิเนี่ย? การตอแหลของข้าไม่มีปัญหาจริงๆ ด้วย
“เอาทั้งหมด? ฮ่า ฮ่าฮ่าฮ่า เอาทั้งหมดเนี่ยนะ? พวกเ้าฝันหวานกันเกินไปแล้ว คิดว่าจะรั้งข้าไว้ที่นี่ได้รึไง?” เ้าตำหนักชุดแดงเอ่ยเสียงเย็น
“เ้าก็ต้องอยู่ที่นี่อยู่แล้วไม่ใช่รึไง! เ้าจะตามข้าไปเพื่อ? พวกเรา้าแค่กุศลปราบมาร! วันนี้หากพวกเราไม่ได้ปราบมาร พวกเราจะไม่ขอไปไหนทั้งนั้น! ไม่ว่าพวกเ้าจะอยากหรือไม่อยากก็ต้องส่งมาให้ข้าอยู่ดี! นี่เป็คำพูดของเฉินเทียนหยวนเอง!” จางเสินซวีเอ่ยเสียงเย็น
“ประเสริฐ ประเสริฐ ประเสริฐ!” ในน้ำเสียงของเ้าตำหนักชุดแดงสอดแทรกไอเย็น
“ทำไม? พวกเ้ากล้างัดกับเฉินเทียนหยวนงั้นรึ? พวกเ้าลืมฐานะของตัวเองกันไปแล้วรึไง?” จางเสินซวีถลึงตาลุกขึ้น
ขณะที่จางเสินซวีรวบพัดเก็บ เ้าตำหนักชุดแดงที่อยู่ฝั่งตรงข้ามก็นึกว่าเป็สัญญาณให้ลงมือ มันจึงตอบโต้ทันที
หัตถ์ปราณข้างหนึ่งพุ่งตรงจากเ้าตำหนักชุดแดงเข้าหาจางเสินซวีอย่างดุดัน
“พวกเราแค่จะมาเอาของ เ้าจะมาทำร้ายข้าหาอะไร?” จางเสินซวีอุทานอย่างเหม่อลอย
“ตูม~~~~~~~~~~~~~~!”
เกิดเสียงดังสนั่นไหว จางเสินซวีถูกฟาดจนปลิวลิ่วไปชนกำแพงก่อนทะลุออกไปยังถนนไกลออกไป
“ลงมือ!” เ้าตำหนักชุดแดงสั่งการเสียงเย็น
กลุ่มคนชุดดำเงื้อกระบี่ยาวขึ้นมาฟันใส่ศิษย์พรรคอีกาทองคำ
ศิษย์พรรคอีกาทองคำเองก็นึกไม่ถึงว่าพวกที่จับตาเฝ้ามารกลุ่มนี้จะลงมือต่อพวกตนอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย พวกตนก็เอาเครื่องยืนยันออกมาแล้วนี่นา? ต่อให้พวกเ้าไม่อยากให้ ก็ไม่เห็นจะต้องฆ่าคนปิดปากเลยนี่! พวกเ้าฆ่าผิดฝาผิดตัวแล้ว!
“บึ้ม!”
ทั้งสองฝ่ายพลันก่อศึกใหญ่โตดุดัน ปราณดาบน่าขนลุกกวาดม้วนไปทั่วทิศ ปราณมารเดือดพล่านท่วมฟ้า
“มาร?” ในตรอกลึก จางเสินซวีกุมหน้าอกกระอักเืขณะตะเกียกตะกายมองคนชุดดำกลุ่มนั้นอย่างตกตะลึง
“ตูม!”
เ้าตำหนักชุดแดงกลับไม่ได้ประมือกับศิษย์พรรคอีกาทองคำ แต่พลันทะยานพุ่งตัวขึ้นฟ้าไป
บนฟากฟ้า เ้าตำหนักชุดแดงแผ่ไอดำท่วมฟ้าประดุจเมฆนิลกาฬจนเมืองหลางเซียนมืดหม่นไปทันตา
“เฉินเทียนหยวน? แอบอยู่ในเงามืดคิดว่าเก่งมากรึไง? แน่จริงก็ออกมาซัดกันซึ่งหน้ากับเราเ้าตำหนักสักตั้งเป็ไร กรร~~~~~~~~~~~~~~!” เ้าตำหนักชุดแดงแผดเสียงคำราม
ท่ามกลางเสียงคำราม ตัวตนของมันก็ถูกเผยออก เพลิงร้อนลวกทะลักออกมาท่วมร่าง ใบหน้าอันแสนดุร้ายนั้นสอดส่ายสายตาอย่างระแวดระวังไปรอบด้าน พลังสุดแกร่งกล้ามุ่งหมายคิดทำลายทุกสิ่งรอบทิศ
จางเสินซวีที่ยังคงกระอักเือยู่ในตรอกพลันโง่งมไปแล้ว “ปะ เป็ไปได้อย่างไร?”
ฝูงมารเริงระบำ เปิดศึกใหญ่กับฝ่ายธรรมะกลางเมืองหลางเซียน ไอมารท่วมท้นล้นฟ้า รอบด้านมีแต่เสียงกึกก้องสนั่นหู เรียกสายตาตื่นตะลึงจากผู้ฝึกฌานตลอดทั้งเมืองมาในทันใด
เสียงกู่ของเ้าตำหนักชุดแดงเพียงเสี้ยวพริบตาก็ดังมาถึงพรรคเทพหมาป่า์
ศิษย์พรรคเทพหมาป่า์เห็นไอมารพุ่งขึ้นไปบนฟ้าอยู่ลิบๆ แถมยังมีมารหัวโจกะโท้าเฉินเทียนหยวนอยู่กลางเวหาก็รีบปิดประตูลงกลอนทางขึ้นเขาของพรรคทันที
“เร็วเข้า รีบไปแจ้งศิษย์พี่ใหญ่ มารร้ายกำลังจะบุกเขาแล้ว!”
“เป็มารขั้นทารกแกนิญญา นี่ นี่เป็ไปได้อย่างไร?”
“แถมกำลังท้าสู้กับท่านประมุขอีกด้วย? เร็ว รีบไปเตรียมตัวกันให้พร้อม!”
………
“ไปแจ้งศิษย์พี่ใหญ่!”
……
…
“วู้ม!”
มหากลของพรรคเทพหมาป่า์เริ่มต้นทำงาน แสงอสนีหลากหลายสายส่องสว่างประสานกัน
กลางเวหา เ้าตำหนักชุดแดงหันศีรษะไปรอบด้าน “คนเล่า? เฉินเทียนหยวน? เ้าไปมุดหัวอยู่ที่ไหน? กล้าออกมาสู้กับข้ารึเปล่า? มัวแต่มุดหัวหลบหางคิดว่าเก่งมากงั้นสิ? จะหดหัวอยู่แต่ในกระดองว่างั้นเถอะ?”
ไกลออกไป ภายในพรรคเทพหมาป่า์ มู่หรงลวี่กวงที่ถูกเชิญตัวออกมากำลังเพ่งมองเ้าตำหนักชุดแดงที่อยู่เหนือฟากฟ้าเมืองหลางเซียนไกลออกไป
“ท่านประมุขไม่อยู่ในสำนัก เ้ามารร้าย เ้าช่างขวัญกล้าบังอาจนัก ถึงกับกล้ามาออกอาละวาดถึงถิ่นพรรคเทพหมาป่า์เรา? กลอสนี์ปะามาร เดินหน้าเต็มกำลัง ปราบมารให้สิ้น!” มู่หรงลวี่กวงะโลั่น
เสียงะโถ่ายทอดมาถึงนอกเมืองหลางเซียน เล่นเอาเ้าตำหนักชุดแดงตะลึงไป
อะไรนะ? เมื่อกี้ข้าได้ยินอะไร? เฉินเทียนหยวนไม่อยู่?
นี่เป็ไปได้อย่างไร? ถ้าเฉินเทียนหยวนไม่อยู่แล้วคนกลุ่มเมื่อกี้มันคิดจะทำอะไรกันแน่? พวกนั้นไม่ใช่คนที่เฉินเทียนหยวนส่งมาเพื่อสร้างความอัปยศให้ข้าหรอกหรือ? พวกนั้นวางแผนคิดกางแหฟ้าตาข่ายดินเพื่อรวบหัวรวบหางพวกเราไม่ใช่หรือ? นี่คืออุบายชั่วร้ายของเฉินเทียนหยวนใช่หรือไม่?
“ตูม!”
อสนี์สายหนึ่งพุ่งลงมาจากฟ้า ฟาดตกใส่จุดที่เ้าตำหนักชุดแดงอยู่พอดี เ้าตำหนักชุดแดงกำหมัดต่อยสวนกลับไป
“ตูมม~~~~~~~~!”
อสนี์สายนั้นถึงกับถูกเ้าตำหนักชุดแดงต่อยใส่จนแตกสลายไป
“อย่าหยุด กลอสนี์ปะามาร เดินหน้าต่อ ผ่ามันให้ตายไปข้าง!” เสียงของมู่หรงลวี่กวงดังมาจากในสำนัก
“ตูมมมม!”
เมื่อมีแหล่งพลังจากเขาิญญาพรรคเทพหมาป่า์คอยหนุนต่อเนื่อง อสนี์นี้ก็ดูจะไม่ส่งใบแจ้งชำระตามมาทีหลัง กระหน่ำถาโถมใส่เ้าตำหนักชุดแดงเป็พายุบุแคม
“เฉินเทียนหยวน เ้าไม่กล้าโผล่หน้ามารึไง?” เ้าตำหนักชุดแดงที่อยู่กลางอสนี์คำราม
“ตูมมมม!”
อสนี์ยังคงฟาดกระหน่ำ เ้าตำหนักชุดแดงต้านรับสุดกำลังความสามารถ แต่ถึงแม้ว่าจะต้านไปพลางะโท้าไปพลางก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาหัวของเฉินเทียนหยวนอยู่ตรงไหนเลย
บัดซบ นี่มันสถานการณ์แบบไหนกัน? ไม่ใช่ว่าข้าถูกล้อมไว้ทุกทางแล้วหรอกหรือ? ไม่ใช่ว่าข้าถูกจับได้หรอกหรือ? แล้วทำไมถึงได้กลายเป็ว่าข้าเผยตัวออกมาเองไปเสียได้?
จางเสินซวีที่อยู่ในตรอกมองดูเ้าตำหนักมารอสูรระดมหมัดเข้ารับมือกับห่าอสนีจากบนฟ้าจนปากอ้าตาค้างไปนานแล้ว มารดามันเถอะ เมื่อกี้ข้าเพิ่งจะร้องท้าั์ใหญ่มารทารกแกนิญญาเหยงๆ ให้เข้ามาเอาชีวิตข้าหรือนี่? ไม่ใช่เ้าหวังเค่อบอกว่ามันคือผู้รับหน้าที่ดูแลมารที่ถูกจับตัวมาได้หรือไง? แล้วทำไมตัวมันถึงได้กลายเป็มารเสียเองไปได้?
“ไอ้หวังเค่อหลอกข้า? ไอ้หวังเค่อมันหลอกข้า?” จางเสินซวีพลันรู้แจ้ง ทันใดนั้นเหงื่อเย็นก็ไหลโซมกาย
เ้าตำหนักชุดแดงบนฟ้าที่กำลังต่อยตีอยู่กับอสนีบาต์เองก็รู้แจ้งขึ้นมาเช่นกัน ล้อมเอาไว้หมดทุกทางบ้าบอคอแตกอันใด อันที่จริงไม่เคยมีเฉินเทียนหยวนมาแต่แรกแล้ว ตนคือผู้ปราดเปรื่องแห่งยุค ช่วยลัทธิมารล้มอุบายของฝ่ายธรรมะมาตั้งกี่มากน้อย แต่วันนี้กลับถูกพวกกุ๊ยต้มเสียเปื่อยนี่นะ?
“ไอ้พวกกุ๊ย กล้ามาหลอกข้าจูหงอี พวกเ้าหาที่ตายเสียแล้ว โฮก~~~~~~~~~~~~~~~~!”
ท่ามกลางสายฝนสายอสนีบาต เ้าตำหนักชุดแดงกู่ร้องขึ้นฟ้า มู่หรงลวี่กวงที่อยู่ในพรรคเทพหมาป่า์ตะลึงไป วันนี้มันยังไงกันแน่? จู่ๆ มารร้ายที่แอบซ่อนตัวก็ยอมเผยตัวออกมาให้พวกตนยิงสายฟ้าผ่าเล่น? มารร้ายบุกอาละวาด แต่ตอนนี้กลับเปลี่ยนลูกเล่นแล้ว?
“เพิ่มความแรงกลอสนี์ปะามารอีก ผ่าเข้าไป! นอกจากมารชั้นทารกแกนิญญานั่นแล้วในเมืองหลางเซียนยังมีมารปลายแถวตัวอื่นอยู่อีก ผ่าพวกมันให้ตายให้หมด ไม่ต้องไปกลัวว่าจะเปลืองศิลาิญญา ใช้พลังสูงสุดผ่าไปเลย!” มู่หรงลวี่กวงะโสั่งการ
“ทราบ!”
………
“ตูมมมมม!”
……
…
นอกเมืองหลางเซียน หวังเค่อและจางเจิ้งเต้าเพิ่งคลานออกมานอกอุโมงค์ ทันได้เห็นสายฟ้าแปลบปลาบบนฟากฟ้าเหนือเมืองหลางเซียน
“นี่มันสถานการณ์แบบไหนกัน? ปีใหม่แล้วรึ? ถึงได้มีดอกไม้ไฟเยอะแยะปานนี้?” หวังเค่ออุทาน
“นั่นคือจูหงอี หนึ่งในสี่เ้าตำหนักที่เป็รองเพียงมารอริยะ จูหงอี! ทำไมถึงเป็มารหัวโจกนั่นได้?” จางเจิ้งเต้าครางอย่างหวาดสะพรึง
“เลิกดูได้แล้ว ถึงดูต่อก็ใช่ว่าจะได้เงินได้ทองที่ไหน พวกเรารีบไปกันดีกว่า! องค์หยิงโยวเยว่ยังรอให้พวกเราไปช่วยอยู่นะ!” หวังเค่อลากตัวจางเจิ้งเต้าไปทันที
ทิ้งศึกอลเวงระหว่างธรรมะกับอธรรมไว้ด้านหลัง หวังเค่อและจางเจิ้งเต้าต่างสะบัดก้นจากไปเช่นนั้นแล
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้