เพลงแนวฟอล์คในฟิตเนสของคุณสมิต...คัมซ่าชอบมาก...เพลงฝรั่งยุค 70-80 กล่อมเบาๆ
I love you….too much to ever start liking you
So don’t expect me to be your friend….
เธอจำได้ว่า...น่าจะเป็เพลงยุคพ่อ ซึ่งเป็คอเพลงรุ่นนี้ ชอบเปิดฟังประจำ วันนี้อากาศค่อนข้างร้อน ไม่อยากอยู่กลางแดด หลังจากเธอบึ่งมอเตอร์ไซค์ไปพบลูกค้าสาวที่ออฟฟิศในเมือง ตกลงปิดการขายสำหรับลูกค้ารายนี้ ทำให้คัมซามีความสุขที่ปิดยอดเดือนนี้ได้พอดี เลยมาเข้าฟิตเนส ยิมวันนี้คนเยอะอยู่ เธอคิดว่า...คงอากาศร้อนอบอ้าว ทำให้ลูกค้าอยากออกกำลังกายในห้องแอร์มากกว่าออกไปวิ่งตามสวนสาธารณะ
วันนี้เธออยู่บนลู่วิ่ง เสื้อผ้าสำหรับวันที่ร้อนจัด...ดูจะเปิดเผยผิวสีเหลืองนวลเกือบสีน้ำผึ้งจางๆ ให้ดูสวย จนฝรั่งสาวทอมข้างๆ มองและแอบยิ้มหันมาที่เธอ... คัมซาตั้งความเร็วไม่มากนักประมาณ 3.0-3.5 และตั้งเวลาไว้ 45 นาที ความชันพอประมาณที่ 3 วันนี้จะอยู่ที่นี่นานหน่อย ไม่ได้เข้ายิมมา 2 วันล่ะ เธอโทรบอกอันยองน้องสาวคนดีที่เ้ากี้เ้าการว่า ไม่กินข้าวบ้าน ให้เธอกินข้าวที่บ้านกับพ่อแม่ไปคนเดียว อันยองก็ยังแอบแซวว่า มายิมคนเดียวหรือมากับใคร คัมซาก็ได้แต่ตอบกลับเสียงเข้ม “ไม่มีใคร ไม่ต้องมาสืบ”
‘เสียงใครนะคุ้นหู...ถามวิธีการยกเวทตรงด้านหลังถัดจากลู่วิ่งเธอไปประมาณ 10 เมตร’ คัมซาสงสัยที่มาของเสียงนี้ เหมือนเคยได้ยินน้ำเสียงห้วนๆ เข้มแกมบังคับ
‘โอย...ตายล่ะ ที่แท้นายหน้าขาวจั๊วนั่นไง...กำลังถามเทรนเนอร์วิธีใช้อุปกรณ์ต่างๆ’
คัมซาเห็นเขาถือดัมเบลขนาดใหญ่น่าจะ 10 กิโลในมือ กำลังถามโน่นนี่นั่น หันขวับมาที่เธอ จังหวะที่คัมซากำลังหันหลังลงจากลู่วิ่งพอดี
‘แววตานายฟ้า...จับจ้องมาที่เรา เขาน่าจะเดินมาทักทาย...หลังจากคุยเื่อุปกรณ์แล้ว’ คัมซามีเซนส์เข้าข้างตนเอง ว่าสักครู่ นายหน้าเฉยชา...คงจะมาทักทาย เพราะเขาได้เห็นเธอแล้ว
คัมซา เดินเข้าห้องน้ำไปเอาผ้าขนหนูที่ล็อคเกอร์ ซับเหงื่อที่ชุ่มที่หน้า คอ และบริเวณแขน วันนี้เธอเหงื่อออกมากเพราะวิ่งนาน สลับวิ่งโซน 3 เร็วปานกลางกับโซน 2 แบบวิ่งเหยาะๆ เบาๆ อัตราการเต้นหัวใจ 70-80% เลยทำให้เหนื่อยและท้องเริ่มหิว ทานข้าวเที่ยงแค่ก๋วยเตี๋ยวหนึ่งชาม เธออยากลดน้ำหนักแต่ใครหลายคนที่ทำงานก็เสียดสีหยอกล้อว่า “ผอมขนาดนี้นะ…ยังจะลดน้ำหนัก”
จังหวะกำลังเดินออกมา ตรงหลังบานเฟี้ยมไม้บังตาหน้าห้องน้ำหญิงกับห้องน้ำชาย ปะทะร่างหนึ่งเข้าให้พอดี คัมซากำลังมองรองเท้าวิ่งว่าเชือกผูกรองเท้าหลุดอยู่ ว่าจะกลับเข้าไปในห้องน้ำ เพื่อนั่งผูกเชือกให้เรียบร้อย กลับต้องเงยหน้าขึ้นทันที เพราะหน้าอวบขาวเรียบเฉย แววตาจับจ้องที่เธออย่างเฉยเมย และไม่พูดขอโทษ แต่คัมซากลับเป็ฝ่ายขอโทษเขาแทน
“ขอโทษค่ะ ที่ไม่เห็นคุณ” คัมซา พึมพำขอโทษไป ...ใจก็คิดอยากถามและทักทายว่ามาคนเดียวหรือ... เธอไม่เห็นคู่รักแฟนสาวคนสวยของเขา…แต่ด้วยสีหน้าเรียบเฉยเมยแบบนี้ทำให้เธอเม้มปาก...ชะงักคำพูด
คัมซาต้องใช้ดัมเบลทุกครั้ง กับอุปกรณ์ยกแขนดันขึ้นให้สุด เพื่อสร้างกล้ามเนื้อให้ท้องแขนกระชับ และช่วยยืดเส้นตรงหัวไหล่ เธอมักจะปวดเพราะเกร็งจากการพิมพ์อยู่หน้าคอมพิวเตอร์เป็เวลานาน
คัมซาก็ไม่เห็นนายฟ้าประทานอีกเลย เธอนั่งตรงบาร์ยกดัมเบลเงียบๆ ลูกค้าในยิมเริ่มทะยอยออกไปบ้าง น่าจะทุ่มเศษแล้ว ...และแล้วเธอก็ใเล็กๆ เมื่อเสียงเข้มด้านหลังเธอเปรยขึ้นเบาๆ
“ขอโทษคุณชื่ออะไรนะ...ผมจำชื่อคุณไม่ได้” คัมซาหันไปมองหน้าเขาทันทีที่ได้ยินคำพูดนี้ เธอเริ่มฉุนกึกขึ้นมาและคิดอยู่ในใจ ‘คนอะไรหว่า เจอกันถึงสามครั้งน่าจะได้แล้ว ยังไม่เคยรู้จักชื่อเราเลย มิน่าล่ะ โรซถึงบอกว่านายนี่แปลกพิลึก’
“คัมค่ะ...ขอโทษนะคะ...เหมือนคุณจะเป็คนไม่ชอบจำชื่อคน” คัมซาอยากแหย่นายหน้าเฉยคนนี้
“ผมถูกตำหนิว่า...เป็คนี้เีจำชื่อคน” นายฟ้าเริ่มเปิดบทสนทนาที่น่าสนใจไม่น้อย ทำให้คัมซาเริ่มอยากคุยด้วย แต่ก็ยังไม่สบายใจอยู่ดี ไม่รู้เขาจะมีอุบายอะไรซ่อนอยู่เกี่ยวกับเื่ภาพปริศนา อยากคาดคั้นอีกหรือเปล่า
“หากไม่รังเกียจ ผมขอเป็เ้าภาพมื้อเย็นนี้” น้ำเสียงของเขาก็ยังดูแข็งๆ เหมือนคำพูดสำเร็จรูปที่ผู้ชายทั่วไปอยาก...ชวนผู้หญิงกินข้าว คัมซาประสานตาเขาเพื่อแน่ใจว่า หูได้ยินประโยคนี้ถูกต้อง สายตาเขาประสานตาเธออย่างจริงจัง ท่าทีเคร่งขรึม และคัมซาเริ่มรู้ได้ถึงความเป็มิตรเล็กๆ ...
‘เราจะปฏิเสธยังไงดีนะ...เขินๆ ชอบกล ที่จู่ๆ นายหน้าขาวเรียบเฉยชักชวนไปกินข้าว อยากจีบเรารึว่า...อยากคุยเื่ภาพนั้นกันแน่’ คัมซารำพันอยู่ในใจเมื่อชายหนุ่มกำชับด้วยสายตา คัมซาเพิ่งสังเกตเห็นดวงตาของเขาจากรูปตาที่เรียวยาวเหมือนหนุ่มเกาหลี สีดวงตาเขาเป็สีน้ำตาลเข้ม ไม่ใช่สีน้ำตาลวาวใสทั้งหมดเหมือนเธอ เห็นแก้วตาสีน้ำตาลอ่อนในวงกลมรอบนอกที่มีขีดรอบๆ เป็เส้นน้ำตาลเข้ม คัมซาชอบแก้วตาสีน้ำตาลอ่อนแบบนี้ ถ้าเป็หญิงจะมีเสน่ห์ดูเย้ายวน
“รถคุณทิ้งไว้ที่นี่ล่ะกัน ไปรถผม...” เขาเริ่มเป็กันเอง และเดินนำหน้าคัมซา แต่ก็ไม่หันมามองด้วยซ้ำว่า เธอตามเขาไปด้วยหรือไม่
“เดี๋ยวค่ะ!…คุณฟ้า...คัมยังไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้า...” คัมซาร้องขึ้นทันที เพราะเธอจำเป็ต้องเปลี่ยนเสื้อผ้า ใส่แบบนี้ไปกินข้าวข้างนอก คนทั่วไปคงมองว่าเธอสวมเสื้อผ้าเปิดเผยเนื้อตัวมากเกินไป
“ไม่ต้อง...ไปเปลี่ยนที่โรงแรม” คัมซาอ้าปากค้าง จะไปกินข้าวที่โรงแรมยิ่งไปกันใหญ่
“ไม่ค่ะ...รอคัม ไม่เกิน 5 นาที...เดี๋ยว...” คัมซาพูดอย่างรวดเร็ว “รับรองว่าแป๊ปเดียวจริงๆ”
“ฟังนะ...ตอนนี้มันจะสองทุ่มแล้ว...ดึกไปไหมครับ” ฟ้าประทานรู้สึกหงุดหงิดทันที สายตาดุเธอ คัมซารีบไปที่ห้องน้ำเพื่อเปิดล็อคเกอร์เอากระเป๋าผ้าสะพายไหล่ แล้วรีบเดินออกมา เห็นเขาหันหลังตรงเคาเตอร์เ้าหน้าที่ของยิม...รอเธออยู่
“คัม…หนาวนะคะ ขอเบาแอร์หน่อยได้ไหมคะ...” คัมซาพยายามมองหน้าด้านข้างเขา รูปหน้าและดวงตาช่างมีเสน่ห์ เธอไม่เคยสังเกตผู้ชายใกล้ๆ ชัดๆ แบบนี้มาก่อน ทำให้รู้สึกถึงคืนวันงานปาร์ตี้ ที่เธอเขินอายไม่อยากมองหน้าเขาตรงๆ ด้วยซ้ำ ความงดงามของมนุษย์เราเกิดจากการชื่นชมความดีงามและคุณค่าของคนอื่นนี่เอง ทำให้เธอกลับมองเห็นว่า เขาก็ดูน่ารักขึ้นมาทันที ...ไม่น่าแปลก ที่ผู้หญิงชอบผู้ชายที่ขรึม ไม่พูดมากเพ้อเจ้อ ...มาดแบบนี้ล่ะนะ...ที่ชวนหลงใหล
‘ไม่นึกว่าเราจะหนาว...มือเย็นเฉียบแล้วนะ...ไม่ได้ยินเขาพูดอะไรออกมา นอกจากชำเลืองมองเราเล็กๆ ...เอ...แล้วเราก็เป็บ้าอะไร ตามขึ้นรถนายคนนี้มาต้อยๆ...น่าจะปฏิเสธไปเลย...เฮ้อ...’ เขาหันมามอง ตอนรถติดไฟแดงและมือกดปุ่มเพื่อเบาแอร์ และพูดแบบเดาใจเธอได้ชัดเจน
“ถอนหายใจ...ไม่อยากมากับผมล่ะสิ...” คัมซาหน้าร้อนผ่าว ทำไมถึงพูดให้เธอได้อาย ถ้าพูดต่อหน้าแบบเฟสทูเฟส ตายเลย คงได้เห็นเธอหน้าแดงระเรื่อ...
“คัม...คงจะ...ไปล่ะมั๊งคะ... คัมซาพูดเสียงเบามากๆ ว่าคำนั้นคือ ... ‘เมา’ แต่นายคนนี้กลับหูดี๊ดี...ได้ยิน
“คงเมา...จริง ทั้งคุณและผม” คัมซาก็แอบขำ...ในห้วงที่ใจมันแว้บแวบชอบกล... ‘ช่างต่อปากต่อคำได้ใจเลย ...นายไม่เบาเหมือนกันนะเนี่ย...’
โรงแรมหรูห้าดาว เดินผ่านอ่างน้ำพุเห็นไฟสีรุ้งสะท้อนอยู่ข้างใต้ ซึ่งมีขนาดเท่าประตูหน้าโรงแรม พอเดินผ่านประตูอัตโนมัติเข้ามา ฟ้าประทานก็ผายมือไปทางซ้ายและพูดเสียงเบาๆ ว่าห้องน้ำอยู่ทางซ้ายมือ คัมซามุ่งหน้าไปทางนั้นทันที แต่ก็นึกขึ้นมาได้...หันหลังกลับมาปะทะเกือบชนหน้าอกอวบๆ ของเขาพอดี เธอยังไม่ได้ถามว่า จะกินข้าวที่ห้องอาหารตรงไหน
“ผมจะนั่งรอที่โซฟาตรงนั้น...” เขาชี้ไปที่โซฟาผ้าสักหลาดสีน้ำตาลเข้มมุมซ้าย ก่อนทางเดินยาวไปถึงห้องน้ำ
‘โล่งอก...ไปที ไม่งั้นฉันออกมาจากห้องน้ำ...เกิดนายคนนี้หายไปไหนให้ตามหา...เบอร์โทรก็ยังไม่ได้ให้กันไว้ด้วย...’
ห้องอาหารที่เขาพาคัมซามาทานมื้อเย็นนี้ ต้องขึ้นบันไดจากบริเวณลอบบี้ อยู่ระหว่างชั้นล่างกับชั้นหนึ่ง เป็ชั้นลอยที่เรียกว่า Mezzanine เป็บริเวณที่ยื่นเป็มุมเล็กๆ จากตัวอาคารออกไปทางปีกซ้าย เขาเดินนำหน้าเหมือนว่า รู้จักสถานที่นี้เป็อย่างดี เมื่อถึงหน้าห้องกระจกเพดานสูงโล่ง มองเข้าไปทั้งห้องขนาดไม่ใหญ่นัก มีโต๊ะอยู่ประมาณ 20 ตัว ไฟสีวอร์มไวท์ซึ่งเป็สีแดงอมส้มของห้องอาหาร...ทำให้เธอรู้สึกดี จะไม่ต้องเห็นหน้าฝ่ายตรงข้ามอย่างชัดเจน เธอกลัวว่าเขาจะเห็นสีหน้าที่เขินอายของเธอ จนเธอเองก็รู้สึกว่าน่าเกลียด...ไม่ดีเอาเลย เขาบอกบริกรชายและชี้ไปที่โต๊ะมุมในสุดเห็นวิวแม่น้ำ มองจากตรงที่นั่งมุมบนผ่านต้นก้ามปูด้านล่าง ตรงริมตลิ่งที่เวิ้งตรงที่ดินด้านวิวแม่น้ำของโรงแรม เป็ฉากแสนสวยโรแมนติก เห็นแม่น้ำยามค่ำคืน วันนี้น่าจะเป็คืนเดือนเพ็ญ เห็นพระจันทร์เต็มดวงบนฟ้าฝั่งตรงข้าม และเงาของดวงจันทร์ที่สะท้อนผืนน้ำเบื้องล่าง เป็ดวงจันทร์ดวงเล็กๆ จมอยู่ในสายน้ำ มีสีเหลืองเป็ริ้วๆ ยามกระแสน้ำกระเพื่อมไหว เธอรู้สึกเหมือนคืนนี้...ทำไมพระจันทร์ถึงงดงามได้เพียงนี้
“เลือกเมนูอาหารซิ...ใจลอยอยู่นั่น...” เขาพูดปลุกภวังค์...จนเธอสะดุ้งเล็กๆ
“แค่นี้ก็สะดุ้ง...” ทำไมถึงได้ทำให้เธอหน้าร้อนผ่าวอีกแล้ว ดูนายคนนี้ช่างเป็คนพูดจา ทำให้ผู้หญิงเขินอายได้นิ
“ขอโทษค่ะ...คิดอะไรเพลินไป...” เธอรีบแก้ตัว แต่ก็ยังคิดเข้าข้างตนเองว่า อย่างน้อยเขาคงจะไม่ทำให้เธอรู้สึกอายอีก
“คุณชอบอาหารอิตาเลี่ยนไหม...ร้านนี้อร่อยครับ” คัมซา ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ นอกจากพาสต้าราดหน้าซอสคาโบนาร่าแล้ว เธอจะไม่ชอบอะไรเลย เพราะอาหารอิตาเลี่ยน เลี่ยนสมชื่อ เคยไปกินกับพวกเพื่อนๆ ก็ถูกแซวว่า ‘ไม่อร่อยรึ เห็นละเลียดยังไงก็ไม่หมด’
“ของผม...Penne Alla Vodka” ฟ้าประทานสั่งของตัวเอง...ไม่สนใจคัมซา...ไม่แนะนำอะไรด้วย
‘แล้วฉันจะสั่งอะไรกันนี่...ดูเมนูอาหารลายตาไปหมด...แล้วนายนี่ก็ไม่แนะนำเลย คงคิดจะแกล้งให้ฉันเปิ่น ฉันก็ไม่ชอบอาหารฝรั่งสักเท่าไหร่ กินได้บ้างถ้าแคลลอรี่ไม่สูงเกินไป คัมซาจะระมัดระวังเื่อาหารที่จะทำให้เธอมีน้ำหนักเพิ่ม
“เอ้า...เงียบเลย...จะสามทุ่มแล้วนะครับ” เขาพูดขัดจังหวะ คัมซาไม่รู้จะบอกยังไง หิวมากแต่ไม่อยากทานอาหารแบบนี้
‘น่าจะบอกก่อนว่ามาทานอาหารอิตาเลี่ยน...จะไม่มาด้วยเลยล่ะ’ คัมซาเขินเมื่อเขาพูดเหมือนคาดเดาว่าเธอคิดอะไรอยู่
“คุณคงไม่ทานอาหารแบบนี้...ไม่สวยสินะ” แทงใจดำเลย เธอกลัวหุ่นไม่เฟิร์ม และจะควบคุมอาหารแต่ละมื้อ
“ถ้าไม่สั่ง...ผมทานก่อน...คุณจะดู...เพื่อเรียกน้ำย่อยก็ได้...”
‘นายคนใจร้าย นอกจากเฉยเมยแล้วยังไม่แคร์ผู้หญิง คงจะยั่วให้เราน้ำลายไหล…แล้วชวนเรามาด้วยทำไม ไอ้เราก็งี่เง่าดันตามมาซะงั้น...’ คัมซาต่อว่าตนเองในใจ
“ผมว่า คุณน่าลอง Pasta Primavera…” เขากวักมือ...เรียกบริกรชายอีกคนหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆ จัดการสั่งเมนูนี้ให้คัมซา และเ้ากี้เ้าการกำชับว่า “ใส่ครีมและชีสพาร์เมซานน้อยๆ” คัมซาซ่อนยิ้มไม่ให้เขาเห็น รู้สึกดีที่เขาแสดงความเป็ห่วงเป็ใยอยู่บ้าง
‘แล้วมันคืออะไรหนอ...เธอทำหน้าเฉย...ดูซิว่า เขาจะจัดการอะไรอีก...’
“คุณทานไวน์ไหม...” เขาถามคัมซาอย่างเรียบง่าย แค่เห็นขยับมุมปากเพื่อให้คำพูดลอยออกมา แววตายังเฉยเมยตามเคย
“ตามสบายเลยค่ะ...คัมไม่ทานแอลกอฮอล์” คัมซาปฏิเสธเสียงเบา และไม่สบตาแค่มองเขาผ่านกระจก...เห็นสายน้ำและพระจันทร์เหลืองริ้วๆ จมน้ำ เธออยากชื่นชมภาพบรรยากาศที่สวยงามนี้นานๆ เขาจะพูดต่อ...หรือไม่ เธอก็ทำเป็ไม่สนใจนัก...
“ผมให้คุณลองไวน์ขาวสักแก้วหนึ่ง...Sauvignon Blanc…” คัมซาไม่ได้ปฏิเสธอะไรต่อ ได้ยินเขาสั่งไวน์ยี่ห้อนี้มาสองแก้ว และก็ต่างคนต่างเงียบรออาหาร คัมซาชำเลืองดู...เขาคงกำลังแชท..คุยกับใครอยู่…
“ผมอยากให้คุณเข้ามาช่วยผม...เื่การโปรโมท...เครื่องฟอกอากาศ...ให้กับลูกค้าที่มาชมคอนโดก่อนตัดสินใจจอง” ฟ้าประทานกล่าวลอยๆ ไม่มีเกริ่นอะไร จนคัมซาประหลาดใจ...คำพูดนี้เหมือนเป็คำสั่ง
“เอ้อ...ค่ะ...ขอปรึกษาหัวหน้าที่ชอปก่อนนะคะ...” คัมซาใเล็กๆ กับข้อเสนอนี้ แล้วเธอจะได้ค่าเสียเวลาอะไรไหมเนี่ย หัวหน้าเธอที่ชอปจะคิดยังไง ผู้จัดการแผนกที่สำนักงานล่ะ
“ผมจะให้โรซประสานกับผู้จัดการแผนกที่สำนักงานคุณเอง...” คัมซา...งง...
“ภู...เป็เพื่อนผม...” เขาพูดขึ้นอย่างไม่เกรงใจว่า... จะได้รับคำตอบแบบไหน แต่ผู้จัดการภูวิทย์เป็เพื่อนกับเขา และคงจะไม่ยากเย็นอยู่แล้ว สำหรับพี่เดียวหัวหน้าที่ชอป เขาคงไม่สนใจ...ข้ามคนคนนี้ซึ่งเป็หัวหน้าของคัมซาไปเลย
“คุณมาทำงาน...ที่สำนักงานคอนโดที่ในเมืองสองวันทำงานเท่านั้น ผมจะจ่ายค่าชั่วโมงให้ต่างหาก...ส่วนชั่วโมงการทำงานของคุณ...ตกลงกับหัวหน้าคุณและภูวิทย์เอง...”
ฟ้าประทานชี้แจงเป็งานเป็การเพียงสั้นๆ สำหรับการทานอาหารมื้อค่ำ ออกจะเป็ทางการเหลือเกิน คัมซาตัวเกร็ง...เหมือนเธอมีบอสใหม่อีกคนทันที...กินอาหารมื้อนี้ไม่สนุกเอาเสียเลย
เมื่ออาหารมาถึง คัมซาดีใจมากที่เมนูของเธอเป็มังสวิรัติ เหมือนรู้ใจเธอเลย... อาหารเย็นแบบเบาๆ ทำให้เธอยิ้มขึ้นมาทันที จนเขาเห็นและพูดขึ้น...ทำให้ดูไม่กระดาก
“ชอบใจสิ...ผมนึกแล้วว่าแบบคุณต้องประมาณนี้” คัมซาชอบพาสต้าที่เป็เส้นใหญ่ขนาดเส้นก๋วยจั๊บ เป็หยักเล็กๆ คล้ายผีเสื้อ เรียกว่า ฟาร์ฟาเล่ และไม่มากแค่ไม่กี่เส้น ส่วนใหญ่ทั้งจานเป็ผัก บรอกโคลี ซูกินี พริกปาปริกา ฟักเหลือง yellow squash มะเขือเทศราชินี เครื่องเทศอิตาเลี่ยน ซึ่งเอาลงไปผัดกับน้ำมันมะกอกพอร้อนไม่ต้องสุกมาก ส่วนเส้นพาสต้าก็เอาลงไปคลุกทีหลังกับผักทั้งหมด คัมซาชิมคำแรก...ลิ้นััถึงความกรอบของผักแต่ละชนิด ได้กลิ่นเครื่องเทศเคล้ากับน้ำมันมะกอก มีชีสบางๆ และพาร์เมซานฝอยโรยหน้าเล็กน้อย
“ชอบมากเลยค่ะ...คิดว่าต้องมาทานอาหารเมนูริชเนส” คัมซาหมายถึงอาหารประเภทเลี่ยน มันและมีเนยเยอะ
“คงไม่ใช่คุณ...” เขายิ้มมุมปาก จนคัมซารู้สึกว่า หน้าขาวเรียบเหมือนกระดาษ A4 คนนี้ ดูดีขึ้นเยอะเลย
“เห็นจานนี้ของคุณแล้ว...รู้สึกน่าอร่อยนะคะ” คัมซามองเห็นเส้นพาสต้าเป็หลอดเล็กยาวเรียว เรียกว่า Penne คลุกกับซอสมะเขือเทศ โรยด้วยพาร์เมซานฝอยเยอะอยู่ ที่สำคัญได้ยินเขาพูดว่า “ต้องใส่ Vodka ด้วยทำให้กลิ่นหอมอร่อย” คัมซามองปลาแซลมอนมากับจานเล็กๆ เขาสั่งมากินคู่กัน...เห็นเขาตักเส้นพาสต้ากับปลาแซลมอนเข้าปาก ดูแล้วน่าเลี่ยนอยู่ตรงเส้นพาสต้า มีชีสกับพาร์เมซานพูนจาน
‘นายหน้าเรียบเฉย ก็พูดแค่ว่า อาหารจานของเราเป็ผักตามฤดูกาล อะไรประมาณนี้ บอกที่มาของชื่อฤดูใบไม้ผลิ แล้วก็พูดเกี่ยวกับอาหารของเขาที่ชื่นชอบว่า ที่ใส่ Vodka มันแปลก...และรสชาติดี พูดอะไรอีกไม่กี่คำก็เงียบไป ก้มหน้าก้มตาคุยแชทในโทรศัพท์อยู่นาน...’
พอถึงสี่ทุ่มเศษร้านใกล้ปิด เหลือลูกค้าอยู่สองโต๊ะคือเขากับเธอ และอีกโต๊ะหนึ่งตรงมุมสุดอีกฝั่งเท่านั้น’
“ผมจะไปส่งคุณที่บ้าน...” เขาเสนออย่างใจดี
‘คงเป็มารยาท...คงเห็นว่าเราเมาไวน์...คนไม่เคยดื่มไวน์นี่นา เป็ประสบการณ์ใหม่ ที่ยอมตามใจนายก็เพราะจะมาเป็บอสคนใหม่ของเราอีกคนหนึ่ง’
“ถึงแล้วค่ะ...บ้านตรงหัวมุมค่ะ ตรงข้างหน้านี่...” เขาเบรคกึกทันที เพราะคัมซาบอกทันควัน คัมซาก็หน้าคะมำหน่อยๆ เขาดูเป็สุภาพบุรุษในเวลานี้ ยื่นแขนพาดมาเพื่อกันไม่ให้เธอหน้าโขกกับคอนโซลหน้ารถ
“ขอโทษ...ผมกลัวว่าหน้าคุณจะโขก” คัมซารู้สึกดี...หรือเป็เพราะแอลกอฮอล์ที่ดื่มไปเป็แน่ ทำให้หัวใจพองและวาบหวิวกับท่าทีของนายหน้าเฉย
คัมซาสะลึมสะลือถึงบ้าน...เมาไวน์ครั้งแรกในชีวิต...หลับไปด้วยใจอันสับสนฟุ้งซ่าน...คิดถึงค่ำคืนอันแสนหวานกับหนุ่มหน้ามน...คนหน้าเรียบเฉย...ซึ่งเธอเปรียบเปรยเหมือนกระดาษ A4
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้