อาหารเช้ากู้ชิงฮั่นไม่ได้เป็คนมาส่งให้ด้วยตัวเอง แต่กลับให้สาวใช้ในจวนเป็คนมาส่งแทน หยางหนิงรู้เพียงว่าเขาไม่ทันระวังตัว ทำให้กู้ชิงฮั่นตระหนักถึงบางอย่างได้ ในใจเขาแอบคิดว่าผู้หญิงคนนี้หาใช่คนเหลาะแหละไม่ เขาจะต้องระวังตัวให้มากกว่านี้
นิสัยและการปฏิบัติตัวของกู้ชิงฮั่น ทำให้หยางหนิงรู้สึกนับถือจากใจจริง แต่ไม่ว่าใครก็ยังคงรักในสิ่งสวยงาม และรูปลักษณ์ที่สวยงามรวมถึงหุ่นที่ดูดีของกู้ชิงฮั่น ทำให้ไม่มีผู้ชายคนไหนที่จะไม่หวั่นไหวกับนาง แต่หยางหนิงก็รู้ดีว่า ถ้าเขายังประมาทเกินไป เกรงว่ากู้ชิงฮั่นจะเว้นระยะห่างระหว่างนางกับเขาในอนาคต
กู้ชิงฮั่นเป็ห่วงเขามาก ราวกับพี่สาวแท้ๆ ในใจของหยางหนิงรู้สึกดีกับความอบอุ่นเช่นนี้ และไม่อยากจะต้องห่างเหินหรือแตกหักกันเพราะเื่เชิงชู้สาวแบบนี้
หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว หยางหนิงก็เดินไปรอบๆ จวนทันที
เขาตัดสินใจแล้วว่า เขาต้องสวมรอยเป็ทายาทองครักษ์เสื้อแพรไปอีกสักระยะหนึ่ง ซึ่งเขาจำเป็จะต้องทำความคุ้นเคยกับจวนองครักษ์เสื้อแพรนี้เสียก่อน
แต่ว่าจวนองครักษ์เสื้อแพรมันใหญ่มากกว่าที่เขาคิดเอาไว้ มีทั้งเรือนด้านหน้า ห้องโถงกลาง เรือนด้านตะวันตกและตะวันออก ทั้งยังมีสวนด้านหลัง นอกจากนี้ยังมีคอกม้าแล้วก็สนามฝึกอีกต่างหาก
องครักษ์เสื้อแพรทั้งสองรุ่นต่างก็เป็นักรบ ในจวนจึงสร้างสนามฝึกขึ้นมา ปกติเอาไว้ฝึกทหาร แถมในจวนยังมีทหารคุ้มกันอีกจำนวนหนึ่งรวมๆ แล้วราวสามสิบคน แต่ละคนล้วนเป็วรยุทธ์ ซึ่งคนเหล่านี้ยังคงฝึกวรยุทธ์กันอยู่ทุกวัน
หยางหนิงที่สวมใส่เสื้อผ้าและเข็มขัดหยกชุดใหม่ ทำให้เขาดูสง่างามมากในตอนนี้
เมื่อเดินไปตามทางด้านตะวันตก ที่สองข้างทางนั้นเต็มไปด้วยต้นหญ้าเขียวชอุ่ม บรรยากาศสวยงาม อีกทั้งร่องน้ำตามทางก็มีน้ำใสสะอาดตายิ่งนัก
“ข้ารอไม่ไหวแล้ว!” ขณะที่หยางหนิงกำลังอารมณ์ดีอยู่นั้น จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงคำรามดังขึ้น เขามองไปตามเสียงนั้น ด้านหน้ากลับเห็นแต่กระถางดอกไม้เรียงเป็แถวอยู่ ถึงแม้จะเป็ปลายฤดูใบไม้ผลิ และไม่รู้ว่าดอกไม้ในกระถางมีพันธุ์อะไรบ้าง แต่มันก็ยังคงมีสีเขียวชอุ่ม หยางหนิงได้ยินเสียงนั้นก็รู้ทันทีว่า นั่นคือเสียงของฉีอวี้
ถึงแม้สองสามวันมานี้จะเจอฉีอวี้บ้างเป็ครั้งคราว แต่ทั้งสองแทบจะไม่คุยกันเลย ส่วนฉีอวี้ก็ชักสีหน้าตลอดเวลา เหมือนกับว่าคนทั้งโลกติดเงินเขาอยู่อย่างนั้นแหละ
หยางหนิงขมวดคิ้ว ค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้ ก็ได้ยินเสียงของฉงอี๋เหนียงพูดขึ้นมาว่า “พ่อคุณของแม่ เ้าเสียงเบาหน่อยได้ไหม หน้าต่างมีหูประตูมีช่องนะ ตอนนี้เขามีสติมากๆ คนในจวนประจบประแจงเขาอย่างกับอะไรดี หากมีใครได้ยินเข้า มันจะเข้าหูของเขาเอาได้นะ”
“เข้าหูเขาแล้วอย่างไร?” ฉีอวี้ยิ้มเย้ยหยันแล้วพูดว่า “สิบกว่าปีมาแล้ว ข้าทนมาพอแล้ว เขามีสิทธิ์อะไรมาเหยียบหัวข้า? ก็เพราะนางแพศยานั่นเป็เมียแต่งแค่นั้นน่ะหรือ?” เสียงเ็าพูดขึ้นมาว่า “จะว่าไป ก็เป็เพราะท่านนั่นแหละ ทำไมท่านจะต้องมาเป็อนุของคนๆ นั้นด้วย? ทำไมท่านต้องคลอดข้าออกมาด้วย? ไม่อย่างนั้นข้าก็ไม่ต้องมาถูกหยาม ต้องมาถูกเ้าปัญญาอ่อนนั่นเหยียบหัวแบบนี้”
หยางหนิงยิ้มเยาะในใจ
เขารู้ว่าฉีอวี้ไม่พอใจที่ตัวเองเกิดมาเป็ลูกอนุอยู่ตลอดเวลา ในใจของฉีอวี้ คิดว่าตัวเขาเหมาะสมที่สุดที่จะเป็ผู้สืบทอดขององครักษ์เสื้อแพร แต่เพราะว่าฐานะของเขา จึงทำได้แค่มองตำแหน่งองครักษ์เสื้อแพรเท่านั้น
“เพี้ยะ!”
เสียงเหมือนมีคนถูกตบดังขึ้น จากนั้นได้ยินเสียงที่พยายามกดให้ต่ำลงของฉงอี๋เหนียงด่าว่า “เ้ามันสวะ ข้าบอกเ้าตั้งกี่ครั้งแล้ว ตัวอักษร้าของคำว่าอดทนก็คือตัวอักษรที่แปลว่ามีด ขอแค่อดทนได้ ก็จะมีวันที่ฟ้าเปิดกว้าง ดูเ้าตอนนี้สิคุมอารมณ์แทบไม่ได้ แล้วจะทำการใหญ่ได้อย่างไรเล่า?”
“ทนทนทน ท่านจะให้ข้าทนอีกนานแค่ไหนกัน?” ฉีอวี้พูดโด้วยความโกรธ “ตอนแรกคิดว่าเขาจะไม่รอดกลับมา อีกอย่าง...หากเขาตายข้างนอก ตำแหน่งองครักษ์เสื้อแพรก็จะเป็ของข้า ตอนนี้ถึงเขาจะปัญญาอ่อน ข้าก็ทำได้แค่ยืนมองเขาสืบทอดตำแหน่งโหวไป”
“เ้าจะใจร้อนไปทำไม?” ฉงอี๋เหนียงยิ้มเย้ยหยันแล้วพูดว่า “ราชสำนักยังไม่มีราชโอการลงมา ซื่อจื่อไม่อาจเทียบตำแหน่งโหวได้ ก่อนที่เขาจะได้รับตำแหน่งองครักษ์เสื้อแพร ใครจะกล้ารับประกันว่าตำแหน่งโหวจะเป็ของเขา ยิ่งในเวลาแบบนี้ เ้าก็ควรจะนิ่งเข้าไว้ จะมาเสียเพราะเื่เล็กๆ แบบนี้ไม่ได้” จากนั้นก็พูดต่อว่า “มีเพียงชัยชนะในครั้งสุดท้ายเท่านั้น ถึงจะเรียกได้ว่าเป็ผู้ชนะที่แท้จริง เื่นี้เ้าเข้าใจหรือไม่?”
หยางหนิงทำสายตาเ้าเล่ห์ขึ้น เขารู้ว่าสองแม่ลูกนี่ไม่ใช่คนดีอะไรนักหนา ก่อนหน้านี้แย่งตำแหน่งทำหน้าที่ลูกกตัญญู ดูแล้วก็คงอยากจะมาแทนที่ คิดจะสืบทอดตำแหน่งองครักษ์เสื้อแพร
พอมาคิดๆ ดูแล้ว หากไม่ใช่ว่าเขาสวมรอยเป็ทายาทองครักษ์เสื้อแพรกลับมายังจวน จากคำให้การของสองแม่ลูก ตำแหน่งขององครักษ์เสื้อแพรดูท่าจะกลายเป็ของฉีอวี้จริงๆ
ฐานันดรศักดิ์องครักษ์เสื้อแพรสืบทอดกันรุ่นสู่รุ่น ตามลำดับแล้ว หากลูกชายของเมียแต่งตายไป ลูกอนุเองก็มีสายเืของฉีหุ้ยจิ่ง ก็ต้องมีสิทธิสืบทอดตำแหน่งแน่นอน
แล้วก็คิดขึ้นมาได้ว่า การที่นักฆ่าสืบหาจนเจอตัวเขาที่เรือนรับรองจงหลิง จะเป็ไปได้ไหมว่าเกี่ยวข้องกับสองแม่ลูกนี่?
หากมองจากเหตุจูงใจ ถ้าเขาถูกสังหารตายจริงๆ คนที่ได้รับประโยชน์มากที่สุดก็น่าจะเป็ฉีอวี้ เห็นพวกเขาทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ตำแหน่งผู้สืบทอดมา นักฆ่าคนนั้นอาจจะเกี่ยวข้องกับพวกเขาก็ได้
หยางหนิงคิดจะหาคนบงการเื้ัอยู่แล้ว เขาเองก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่า ในเมื่ออีกฝ่ายเลือกที่จะลงมือแล้วไม่สำเร็จ ก็จะต้องไม่เงียบไปเฉยๆ แน่ คิดว่าน่าจะลงมืออีกครั้ง ตัวเขาเองก็ไม่จำเป็ต้องออกไปตามสืบ ขอแค่ระวังให้มากก็พอ เพื่อให้อีกฝ่ายเผยพิรุธออกมาเอง
พวกของต้วนชางไห่ถือได้ว่าซื่อสัตย์และภักดีมาก ไม่ว่าจะเป็ต้วนชางไห่ ฉีเฟิงหรือจ้าวอู๋ชาง ทั้งหมดล้วนไว้ใจได้ เขามีคนพวกนี้คอยช่วย จะหาตัวผู้บงการก็ง่าย
แต่ตอนนี้กลับคิดว่า ก่อนหน้าพิธีศพ ฉีอวี้น่าจะไม่เคยมีโอกาสได้ไปที่เรือนรับรองจงหลิง ถึงแม้สองแม่ลูกจะดูมีแผนร้าย แต่หยางหนิงไม่คิดว่าพวกเขาจะวางแผนได้รัดกุมขนาดนี้ ถึงแม้ว่าความเป็ไปได้ว่าฉีอวี้คือผู้อยู่เื้ั แม้ตอนนี้จะไม่มีหลักฐาน แต่ก็ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเื่นี้จะไม่เกี่ยวกับเขา
“เราจะชนะได้อย่างไร?” น้ำเสียงของฉีอวี้ดูร้อนรน “ภายในหนึ่งเดือน ราชสำนักจะต้องมีราชโองการลงมา ถึงตอนนั้นตำแหน่งองครักษ์เสื้อแพรก็จะเป็ของเขา รอถึงตอนนั้นมันก็สายเกินไปแล้ว”
ฉงอี๋เหนียงยิ้มเยาะแล้วพูดว่า “เ้าลูกโง่ สายเกินไปอะไรกัน? ยังเหลือเวลาอีกตั้งหนึ่งเดือนไม่ใช่หรืออย่างไร? เราไม่มีทางให้เขาได้ตำแหน่งโหวไปแน่ๆ ต่อให้เลวร้ายที่สุด เขาได้ตำแหน่งองครักษ์เสื้อแพรไป แต่ตราบใดที่เขาไม่มีทายาท เ้าก็ยังคงเป็สายเืของท่านโหวอยู่ หากไม่มีอะไรผิดพลาด ตำแหน่งก็ต้องเป็ของเ้าอยู่ดี”
หยางหนิงคิดในใจว่า หญิงม่ายคนนี้ร้ายนัก
“ท่านแม่ ท่านคิดออกแล้วใช่หรือไม่ว่าจะทำอย่างไร?” ฉีอวี้ได้ยินดังนั้นก็รีบพูด “ท่านรีบบอกข้ามา พวกเราควรทำอย่างไร?” แล้วพูดต่อไปว่า “ท่านก็รู้ เมื่อข้าได้เป็องครักษ์เสื้อแพร ท่านถึงจะมีโอกาสได้เป็เก้ามิ่งฟูเหริน มิเช่นนั้นแล้ว...ท่านก็เป็ได้แค่ฮูหยินรองเท่านั้น!”
“แม่จะได้เป็เก้ามิ่งฟูเหยินหรือไม่ไม่สำคัญ ทุกอย่างก็เพื่อเ้าทั้งนั้น” ฉงอี๋เหนียงพูดว่า “เราแม่ลูกทนอดสูมานานหลายปี วันไหนที่เ้าได้เป็องครักษ์เสื้อแพร เราก็จะได้ระบายความอัดอั้นนั้นออกมา”
“กู้ชิงฮั่น!” ฉีอวี้พูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความแค้น “สักวัน ข้าจะทำให้ผู้หญิงคนนี้ทรมานยิ่งกว่าตายทั้งเป็ ต่อให้ยากแค่ไหน ข้าก็จะส่งนางไปลงนรกให้ได้ ให้นางได้ถูกทหารนับหมื่นย่ำยี แบบนี้ถึงจะสามารถระบายความคับแค้นใจของข้าได้”
จริงๆ หยางหนิงก็พอมีความอดทนอยู่บ้าง แต่ตอนนี้ เมื่อฉีอวี้ดูถูกเหยียดหยามกู้ชิงฮั่น ในใจของเขาโกรธมาก แล้วพูดว่า “เสียงหมาขี้เรื้อนที่ไหนมาร้องอยู่แถวนี้นี่? ออกมาเดี๋ยวนี้นะ”
เสียงของเขาสำหรับสองแม่ลูกมันเหมือนฟ้าที่ผ่าลงมา ฉีอวี้ะโออกจากสวน เขาไม่ใช่คนอ่อนแอ เห็นได้ชัดว่าเขาพอจะมีวรยุทธ์อยู่บ้าง เมื่อเขาเห็นหยางหนิงยืนไขว้มือไว้ด้านหลังอยู่ไม่ไกล สีหน้าของเขาก็กลายเป็ซีดเซียว อ้าปากค้าง แต่ไม่พูดอะไร
ฉงอี๋หนียงเองก็ออกมาแล้วเช่นกัน นางแต่งหน้าจัด สวมชุดเครื่องประดับทอง พอดูมีสง่าอยู่บ้าง เมื่อเห็นหยางหนิงยืนอยู่ นางเองก็ใจนหน้าซีดเช่นกัน
“เ้ามาแอบฟังหรือ?” ฉีอวี้สงบนิ่งลง สองมือกำหมัดแน่น มองไปที่หยางหนิงด้วยสายตาที่โกรธแค้น ดูไปแล้วเหมือนหมาขี้เรื้อนที่ถูกแหย่ให้โกรธ ที่พร้อมจะพุ่งเข้าใส่ได้ตลอดเวลา
“ที่แท้ก็พวกเ้านี่เอง ข้าก็นึกว่ามีหมาที่ไหนมาเหาแถวนี้” หยางหนิงยิ้มเยาะแล้วพูดว่า “เมื่อกี้เ้าว่าอะไรนะ? แอบฟังหรือ? ที่นี่จวนองครักษ์เสื้อแพร ปู่คือทายาทองครักษ์เสื้อแพร ต้นไม้ทุกดอกทุกต้นทุกกระถางในจวนโหว มันเป็ของปู่ ปู่อยากจะไปที่ไหนก็ไป มีแต่คนอื่นที่ทำอะไรลับๆ ล่อๆ วางแผนคิดร้ายปู่อยู่เท่านั้นแหละ ทำไมปู่ต้องแอบฟังใครด้วย?”
คำก็ ‘ปู่’ สองคำก็ ‘ปู่’ ฉีอวี้กำหมัดแน่น จนเส้นเืปูด สายตาของเขามองหยางหนิงราวกับคมมีด แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
ฉงอี๋เหนียงได้สติกลับมาแล้ว ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก ก่อนจะพูดเสียงเรียบว่า “อวี้เอ๋อร์ เราไปกันเถอะ!” นางหันหลังแล้วเดินออกไป ฉีอวี้จ้องไปที่หยางหนิงด้วยความแค้น จากนั้นก็หันหลังตามไป แต่หยางหนิงกลับพูดด้วยเสียงเรียบๆ ว่า “เดี๋ยวก่อน!”
ฉงอี๋เหนียงหันกลับมาคนแรก ยิ้มแห้งแล้วพูดว่า “ฉีหนิง เ้ายังไม่ได้เป็องครักษ์เสื้อแพรนะ หรือต่อให้เ้าเป็องครักษ์เสื้อแพร ข้าก็เป็แม่เลี้ยงของเ้านะ เ้าไม่มีสิทธิมาออกคำสั่งกับข้าแบบนี้”
“เ้าน่ะ หันหลังกลับมาเดี๋ยวนี้!” หยางหนิงไม่ได้สนใจฉงอี๋เหนียง แล้วชี้ไปที่ฉีอวี้ “ท่านพ่อตายไปแล้ว ตอนนี้ข้าเป็นายของที่นี่ พ่อไม่อยู่ พี่ชายก็เปรียบดั่งพ่อ เ้าเห็นข้า ก็ต้องทำความเคารพไม่ใช่หรือ?”
ฉีอวี้หันตัวกลับมา แล้วพูดด้วยความโกรธว่า “เ้า...!”
“เ้าอะไร?” หยางหนิงยิ้มเยาะแล้วพูดว่า “เ้าไม่พอใจหรือ? ฉีอวี้ เ้าไม่เข้าใจ แม่ของเ้าไม่เคยบอกเ้าหรือว่า ไม่เคารพผู้ใหญ่ มันผิดกฎของจวนโหว ข้าสามารถขับเ้าออกจากจวนได้นะรู้ไหม?”
“เ้ากล้าหรือ!” ฉีอวี้เสียงดังมาก “ฉีหนิง เ้าอย่ามาได้คืบจะเอาศอก ข้ารู้ว่าเ้าเห็นข้าแล้วขัดหูขัดตามานานแล้ว ตอนนี้ท่านพ่อก็ไม่อยู่แล้ว เ้าเลยไม่สนกฎเกณฑ์อะไรอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้เ้าคิดจะไล่ข้าก็ลองทำให้คนในตระกูลฉีดูสิ ว่าเ้ามีปัญญาหรือเปล่า ท่านใหญ่สาม...!”
“ข้ารู้ว่าเ้าจะเอาชื่อของท่านใหญ่สามมาขู่ข้า” หยางหนิงยิ้มเบาๆ “แต่ว่าเ้าลืมไปหรือเปล่า ถึงแม้ท่านใหญ่สามจะแซ่ฉีเหมือนกัน แต่ก็ไม่ใช่คนของจวนโหว ท่านใหญ่สาม สามารถเก็บชื่อเ้าไว้ในสุสานบรรพชนได้ แต่ว่าเขาไม่มีสิทธิเข้ามายุ่งเื่ที่ข้าจะไล่เ้าออกจากจวน” สีหน้าของเขาเ็า “ข้าแค่ไล่เ้าออกจากจวน ไม่ได้ไล่เ้าออกจากตระกูล ออกจากจวนไปแล้ว ด้วยความฉลาดของเ้า ก็น่าจะไม่อดตายหรอก”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้