หลินเฟิงมองไปที่ต้วนหวู่หยา เขาเป็ถึงองค์ชายแต่กลับเป็คนอ่อนโยน ใจดี ไม่ถือตัวและเข้าถึงได้ง่าย เพียงเอ่ยไม่กี่คำก็ทำให้บรรยากาศตึงเครียดจางหายไป
ต้วนหวู่หยาและต้วนเฟิงมีบางอย่างคล้ายกับต้วนหวู่ต้าว ในทางตรงกันข้าม หลินเฟิงไม่รู้ว่าต้วนหวู่ต้าวเป็ถึงองค์ชายรอง
“คนคนนี้ร้ายกาจนัก”
หลินเฟิงพึมพำ ต้วนหวู่หยาเป็คนที่เข้าถึงง่ายและไม่มีทิฐิเลยแม้แต่น้อย
ต้วนหวู่หยามองเวทีประลองและกล่าวว่า “เอาล่ะ พวกเ้าทั้งสองต่อสู้กันเถิด ข้าจะเป็ประจักษ์พยานให้พวกเ้าเอง”
หลินเฟิงพยักหน้าให้ต้วนหวู่หยาเล็กน้อย ไม่ว่าคนคนนั้นจะร้ายกาจแค่ไหน แต่อย่างไรองค์ชายก็เคยช่วยชีวิตเขาไว้ ครั้งก่อนต้วนหวู่หยาก็เป็พยานให้กับเขาในการประลอง
ั์ตาของหลินเฟิงไปหยุดที่เฮยม่อ เมื่อครู่นี้ดวงตาของเฮยม่อได้ปิดลงเพื่อฟื้นฟูพลัง เื่ราวของโลกภายนอกจึงไม่เกี่ยวข้องกับเขา เป้าหมายของเขาในวันนี้มีเพียงหนึ่งเดียวคือ สังหารหลินเฟิง ทำให้ผู้คนรู้ว่าคนอย่างเฮยม่อไม่อาจมีใครกล้าท้าทายเขาได้อีก
ในขณะนั้นเฮยม่อลืมตาขึ้น ั์ตาของเขาเปล่งประกายเย็นเยือก และเป็อีกครั้งที่หลินเฟิงเห็นเปลวไฟอันมืดมิดกำลังลุกโชนอยู่ในดวงตาคู่นั้น
จากนั้นหลินเฟิงก็ปลดปล่อยอำนาจดาบอีกครั้ง สถานะของเฮยม่อเป็ถึง 1 ใน 10 ผู้ที่แข็งแกร่งของสำนักเทียนอี้ หลินเฟิงจึงไม่อาจประมาทได้
“ทะลวงขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 5 ได้แล้ว อำนาจดาบจึงแข็งแกร่งมาก ไม่สงสัยเลยว่าทำไมถึงสังหารผู้ที่อยู่ขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 6 ได้ แต่เดิมทีแล้วเ้าไม่มีค่าพอที่จะต่อสู้กับข้าได้ แม้แต่จู่หนิงและกงหลุนที่อยู่ขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 6 ก็ยังไม่มีค่าพอ”
เฮยม่อกล่าวอย่างเ็าขณะมองไปที่หลินเฟิง ในน้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความหยิ่งยโสและอวดดี
“หวังว่าเ้าจะแข็งแกร่งอย่างที่เคยว่าเอาไว้”
หลินเฟิงตอบกลับด้วยน้ำเสียงเ็า แต่ละก้าวที่ไปข้างหน้าอำนาจดาบยิ่งทรงพลังขึ้นเรื่อยๆ
“ดี งั้นข้าก็จะทดสอบก่อนว่าเ้ามีคุณสมบัติพอที่จะสู้กับข้าหรือไม่” สิ้นเสียงของเฮยม่อ เพียงชั่วพริบตาก็ได้มาถึงเบื้องหน้าหลินเฟิงแล้ว และปล่อยหมัดเหล็กออกไปทันที
“น้ำแข็ง ดาบ!”
ขณะเดียวกันหลินเฟิงก็ปล่อยหมัดออกไปเช่นกัน หมัดนั้นเต็มไปด้วยกลิ่นอายอันหนาวเหน็บและเจตจำนงดาบที่แหลมคม
“ตูม!”
พลันเกิดเสียงดังก้อง ทำให้หลินเฟิงต้องประหลาดใจถึงกับถอยร่นไปถึงสิบก้าว และเกือบตกจากเวทีประลอง
หลินเฟิงรู้สึกประหลาดใจ หลังจากที่เขาปล่อยหมัดออกไปปะทะกับกลุ่มก้อนกลิ่นอายสีดำ ทำให้เขาเ็ปมาก
“ช่างเป็กลิ่นอายเปลวไฟที่หนาวเหน็บยิ่งนัก” หลินเฟิงพึมพำ เมื่อตอนที่ออกหมัดปะทะอีกฝ่าย หลินเฟิงรู้สึกได้ว่ากลิ่นอายเปลวไฟทำลายล้างนั่นช่างหนาวเหน็บ มันไม่มีกลิ่นอายของความบ้าคลั่ง แต่เป็เปลวไฟที่น่าสะพรึงกลัว เปลวไฟนี้มันช่างน่ากลัวเกินไปแล้ว
“เป็ดั่งที่คาดไว้ ความแข็งแกร่งของเฮยม่อถึงกับทำให้หลินเฟิงต้องถอยร่น”
เมื่อผู้คนได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นต่างต้องตกตะลึง สมแล้วที่เฮยม่อเป็ถึง 1 ใน 10 ศิษย์ที่แข็งแกร่งของสำนักเทียนอี้ ถึงแม้หลินเฟิงจะสามารถสังหารผู้ที่อยู่ขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 6 ได้ แต่กับเฮยม่อแล้ว หลินเฟิงนับว่ายังอ่อนแอกว่ามาก
“ดูเหมือนเ้าจะไม่มีพลังมากพอจะต่อกรกับข้า เพียงแค่การโจมตีเดียวก็ต้านไว้ไม่อยู่ วันนี้เ้าจะต้องตายอย่างแน่นอน”
เฮยม่อกล่าวด้วยน้ำเสียงหยิ่งยโส
“ความแข็งแกร่งของเ้าอยู่ขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 6 แต่ข้าอยู่เพียงขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 5 แน่นอนว่าข้าไม่เหมือนเ้า เ้าเชี่ยวชาญในเื่ไฟ แต่สิ่งที่ข้าเชี่ยวชาญคือดาบ”
หลินเฟิงไม่สนใจการโจมตีเมื่อครู่ แต่กลับเอื้อมมือไปหยิบดาบที่แบกอยู่ด้านหลัง ทันใดนั้นกลิ่นอายของเขาพลันแข็งแกร่งกว่าเดิม
“ใช่แล้ว สิ่งที่หลินเฟิงเชี่ยวชาญคือการใช้ดาบ ขอบเขตของเขาอ่อนแอถึงได้เสียเปรียบไปเมื่อครู่” ผู้คนต่างคิดตามสิ่งที่เกิดขึ้น แม้พวกเขาจะคิดว่าเฮยม่อแข็งแกร่ง แต่หลินเฟิงก็ไม่ได้อ่อนแอเกินไป มิฉะนั้นการต่อสู้ในครั้งนี้จะมีความหมายอะไร
“เข้ามา” เฮยม่อกล่าวอย่างเฉยชาขณะมองหลินเฟิง
ขณะที่หลินเฟิงก้าวไปข้างหน้า อำนาจดาบพลันแผ่กระจายไปทั่วบรรยากาศ ทันใดนั้นลมปราณของเฮยม่อกลับพังทลายลง ทำให้เฮยม่อต้องขมวดคิ้ว จากนั้นเขาก็รู้สึกเ็ปอย่างคาดไม่ถึง
หลินเฟิงไม่ได้พุ่งไปทันที แต่เดินไปข้างหน้าแทน แต่ละก้าวล้วนทำให้อำนาจดาบแข็งแกร่งมากขึ้น และเจตจำนงดาบก็หนาวสะท้านยิ่งขึ้น
“หึ” เฮยม่อยิ้มเยาะ แล้วปล่อยหมัดอันทรงพลังออกไปอีกครั้ง
“ดาบปลิดิญญา”
หลินเฟิงกวัดแกว่งดาบยาวออกไป ดาบส่งเสียงคำรามอย่างบ้าคลั่ง จากนั้นปราณดาบได้รวมอยู่ที่ปลายดาบและพุ่งไปหาเฮยม่อ
“ทำลายสิ้น” เฮยม่อคำราม หยวนชี่สีดำที่ออกมาจากหมัดคู่ได้กลืนกินปราณดาบ ขณะนั้นดาบยาวของหลินเฟิงและหมัดได้ปะทะกัน จึงเกิดเปลวไฟสีดำขึ้น มันลุกลามไปที่ดาบยาวของหลินเฟิงแล้วดับลง
ทว่าสีหน้าของหลินเฟิงยังคงไม่เปลี่ยนไป ขณะนั้นดาบยาวได้เปล่งแสงออกมา ในเวลาเดียวกันร่างของเขาก็แผ่กลิ่นอายอันหนาวเหน็บออกมา เมื่อเปลวไฟสีดำมาถึงหมัดของเขา มันจึงปะทะกับน้ำแข็งจนเกิดเสียงดังก้อง แต่มันไม่มีผลกระทบต่อหลินเฟิงเลยแม้แต่น้อย
“หมัดอัคคี”
เฮยม่อเริ่มการโจมตีละลอกใหม่ด้วยเพลงหมัดของเขา เปลวไฟสีดำ 2 ลูกพุ่งตรงไปยังหลินเฟิง
“ดาบแห่งความตาย”
ยิ่งหลินเฟิงกวัดแกว่งดาบ ปราณดาบจึงแข็งแกร่งมากขึ้น จิตสังหารของเขายิ่งหนาแน่น
ปราณดาบของหลินเฟิงและเปลวไฟสีดำปะทะกันในอากาศ ทำให้เฮยม่อต้องถอยร่นไปหนึ่งก้าว แต่หลินเฟิงยังคงยืนถือดาบอย่างมั่นคงราวกับเทพเซียน
การโจมตีครั้งนี้ หลินเฟิงเหนือกว่าเฮยม่อมาก
เฮยม่อมองไปที่หลินเฟิง พลันความเงียบงันปกคลุมชั่วครู่ จากนั้นเขากล่าวว่า “เ้ามีคุณสมบัติที่จะต่อสู้กับข้า อย่างไรก็ตามเมื่อครู่นี้ มันเป็เพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น”
ขณะที่พูดฝ่ามือของเฮยม่อได้ยกขึ้น ทำให้เปลวไฟสีดำยิ่งเผาไหม้รุนแรงกว่าเดิม มันหมุนเป็เกลียวรอบมือของเขา เปลวไฟนั่นทั้งเยือกเย็นและโเี้
“ตูม!”
จากนั้นเปลวไฟสีดำได้กลายเป็ดอกบัวอัคคีทั้งเก้าดอก ทุกย่างก้าวล้วนเป็สีดำและเต็มไปด้วยกลิ่นอายทำลายล้างอันน่าสะพรึงกลัว
“ดอกบัวดำสังหาร”
ผู้คนต่างตกตะลึง คาดไม่ถึงว่าเฮยม่อจะใช้ท่าดอกบัวดำสังหาร ดูเหมือนว่าหลังจากนี้เขาจะเริ่มเอาจริงแล้ว
“ยอดเยี่ยมมาก เมื่อครู่ข้าก็แค่อุ่นเครื่องเท่านั้น”
หลินเฟิงกล่าวด้วยน้ำเสียงเ็า ทันใดนั้นม่านของเขาได้เปลี่ยนเป็สีเทา มันทั้งเยือกเย็นและเหี้ยมโหด ทุกอย่างรอบตัวปรากฏขึ้นชัดเจนในหัวของหลินเฟิง หลินเฟิงในตอนนี้สามารถรับรู้ได้ถึงปราณแห่งความตายที่อยู่ในดอกบัวเปลวไฟสีดำทั้งเก้า
ในขณะเดียวกัน ดาบที่อยู่ในมือหลินเฟิงได้ปล่อยลมปราณสีเทาออกมา เช่นเดียวกับดอกบัวสีดำนั่น
ถึงแม้ผู้ชมจะยืนอยู่ด้านล่างเวทีประลองก็ยังรู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่งของลมปราณที่ปลดปล่อยออกมา ทำให้พวกเขาต่างสั่นสะท้าน แต่ดวงตาของพวกเขายังคงฉายแววตื่นเต้นออกมา
“เ้าไม่ทำให้ข้าผิดหวังจริงๆ ดีแล้วที่เ้าสามารถต่อกรข้าได้ มิฉะนั้นแล้วการท้าทายในครั้งนี้ มันคงจะน่าเบื่อเกินไป”
“เ้าไม่คิดว่าตัวเองพูดมากไปหน่อยเหรอ?” หลินเฟิงกล่าวด้วยน้ำเสียงเ็า เฮยม่อยังคงถามหาคุณสมบัติของหลินเฟิงที่คู่ควรต่อสู้กับเขา ไม่ว่าเขาจะเป็อย่างไร ตอนนี้หลินเฟิงก็มีคุณสมบัตินั้นแล้ว
“ในเมื่อเ้ารนหาที่ตาย ข้าก็จะสงเคราะห์ให้” เฮยม่อกล่าวเสียงเย็น จากนั้นเขาก็ะโว่า “เปลวไฟดำ แปรเปลี่ยนเป็ดอกบัว”
เมื่อสิ้นเสียงของเฮยม่อแล้ว ทันใดนั้นเปลวไฟสีดำได้กลายเป็ดอกบัวและพุ่งไปที่หลินเฟิงอย่างรวดเร็ว ปราณสังหารจากเปลวไฟสีดำแผ่กระจายไปทั่วบรรยากาศ และอากาศที่อยู่รอบๆ ดอกบัวสีดำได้แปรเปลี่ยนเป็สีเทา
“ช่างน่าหวาดกลัวนัก” เมื่อผู้คนเห็นดอกบัวนั่นแล้ว ต่างก็สั่นสะท้าน ดอกบัวเหล่านี้ราวกับมาจากขุมนรก
หลินเฟิงยังคงจับดาบอย่างสงบนิ่ง ลมปราณสีเทาบนดาบพลันยิ่งแข็งแกร่ง ในขณะนั้นเมื่อดอกบัวสีดำได้มาถึงเบื้องหน้าเขา ในที่สุดหลินเฟิงก็โจมตีออกไป
“ดาบร่วงโรย”
เมื่อดอกบัวสีดำได้ปะทะกับดาบร่วงโรย ดอกบัวสีดำนั่นจึงแตกสลายไปทันที ทว่าดาบร่วงโรยยังคงพุ่งเข้าหาเฮยม่ออย่างต่อเนื่อง
เฮยม่อประหลาดใจ เื้ัของเขาได้มีเปลวไฟสีดำที่รุนแรงทะลักออกมา ในขณะเดียวกันร่างของเฮยม่อได้ถูกห่อหุ้มไปด้วยดอกบัวสีดำ ทำให้บริเวณรอบๆ ต่างเผาไหม้
บริเวณรอบๆ ล้วนถูกเปลวไฟสีดำเผาไหม้
เมื่อดาบร่วงโรยของหลินเฟิงใกล้ถึงตัวเขา เปลวไฟสีดำโหมกระหน่ำและกลายเป็ดอกบัวสีดำขนาดมหึมา เขาใช้มันสกัดกั้นดาบร่วงโรยของหลินเฟิงเอาไว้ได้
“ดอกบัวสีดำของข้าไม่ได้มีเพียงพลังในการทำลาย แต่มันยังป้องกันได้อย่างทรงพลัง เ้าไม่สามารถทะลวงมันได้หรอก” เฮยม่อมองหลินเฟิงและกล่าวต่ออย่างเ็าว่า “ข้าบอกแล้วว่าวันนี้เ้าจะต้องตาย”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้