เสียงด่าทอและความวุ่นวายเมื่อครู่เงียบลงทันตา เหลือเพียงเสียงหอบหายใจของเหล่าบอดี้การ์ดและความกดดันที่แผ่ซ่าน พายุก้าวมายืนเบื้องหน้าเทพทรอย่างมั่นคง แววตาที่ลอดผ่านหน้ากากอนามัยนั้นเย็นเยียบและคมปลาบจนดาราหนุ่มผู้ถือดีถึงกับผงะถอยหลังด้วยความประหม่า
ลิด้ายืนมองเหตุการณ์อยู่ไม่ห่าง ในใจของเธอสับสนวุ่นวาย ภาพของชายหนุ่มลึกลับในชุดฮู้ดที่เข้ามาช่วยเพื่อนอย่างไม่กลัวตายนั้นดูองอาจ แต่เธอกลับไม่ได้เอะใจเลยสักนิดว่าเขาคือ "พายุ" ผู้ชายที่เธอเพิ่งทิ้งััรัญจวนไว้ให้เมื่อคืน เพราะในสายตาของเธอ พายุเป็เพียงชายหนุ่มผู้อ่อนน้อมและเงียบขรึม ไม่ใช่คนะเิอารมณ์ดุดันเช่นนี้ อีกทั้งตอนนี้ลิด้ากำลังร้อนใจ อยากรีบจบงานเพื่อออกไปตามหาเขา... ชายหนุ่มคนขับรถที่ขโมยหัวใจเธอไปในค่ำคืนฝนตก
ก่อนที่สถานการณ์จะบานปลายไปมากกว่านี้ เสียงเฉียบขาดของอาจารย์ที่ปรึกษาดังขึ้นแหวกความเงียบ
"หยุด... หยุดเถอะครับคุณเทพทร!" อาจารย์ก้าวเข้ามาขวางพร้อมดวงตาที่วาวโรจน์ด้วยความขุ่นเคือง "ทางมหาวิทยาลัยให้เกียรติคุณมากแล้วตามคำขอของคุณลิด้า แต่อย่าลืมว่าโดยนิตินัย คุณไม่มีสิทธิ์เข้ามาในพื้นที่สตูดิโอส่วนตัวนี้ด้วยซ้ำ ที่นี่มีไว้สำหรับผู้ที่เราตกลงงานไว้เท่านั้น"
เทพทรทำท่าจะอ้าปากเถียง แต่อาจารย์ชิงพูดขัดขึ้นก่อน "ส่วนเื่โทรศัพท์... ฝ่ายเทคนิคเช็กกล้องวงจรปิดแล้ว มันคืออุบัติเหตุที่เกิดจากการประมาทเลินเล่อของ... 'ใครบางคน' ซึ่งลูกศิษย์ผมไม่ได้มีเจตนาทำลายของมีค่าของคุณเลย ผมจึงอยากขอให้คุณเห็นแก่หน้าอธิการบดี และ... 'ท่านผู้นั้น'"
คำว่า 'ท่านผู้นั้น' ราวกับมนต์สะกดที่ทำให้หน้าของเทพทรเจื่อนลงทันที เขาเม้มปากแน่น พยายามระงับความสั่นเทาในน้ำเสียง "ก็ได้... ผมจะไม่เอาความเื่โทรศัพท์ แต่! มัน..." เทพทรชี้หน้าพายุที่ยืนจ้องเขาอยู่ "มันต้องไหว้ขอโทษผมและคนของผมที่กล้ามาลงมือเดี๋ยวนี้!"
ลิด้าเห็นท่าไม่ดี เธอรู้ดีว่าเทพทรเป็คนเ้าคิดเ้าแค้น หญิงสาวจึงตัดสินใจเดินเข้าไปใกล้ดาราหนุ่มก่อนจะเอ่ยเสียงนุ่มนวลเยี่ยงคนคุ้นเคย "พี่ทิกคะ... จบเื่เถอะค่ะ เดี๋ยวจะเป็ข่าวใหญ่โตกระทบชื่อเสียงพี่เปล่าๆ พี่เป็ผู้ใหญ่แล้วนะคะ"
เธอวาดแขนเรียวเข้าคล้องแขนเทพทรอย่างแนบชิด ทรวงอกอิ่มสวยภายใต้ชุดเบาบางบดเบียดเข้ากับลำแขนของชายหนุ่มจนเขาเคลิบเคลิ้ม พายุเห็นภาพนั้นเต็มสองตา... ภาพผู้หญิงที่เขาเพิ่งกอดจูบเมื่อคืน กำลังออดอ้อนชายคนอื่นอย่างสนิทสนม ชายหนุ่มเบือนหน้าหนีทันที ความเ็ปเสียดแทงเข้ากลางใจจนแทบยืนไม่อยู่
"อาขอบใจหลานลิดามากนะที่มาช่วยงานอา" อาจารย์กล่าวขอบคุณด้วยแววตาอ่อนโยน "ฝากขอบคุณ 'คุณพี่ใหญ่' ด้วยที่เมตตา"
"ไม่เป็ไรค่ะคุณอา แต่อย่าลืมนะคะ ตอนเย็นคุณพ่อเชิญคุณอาไปทานข้าวที่บ้าน" ลิด้ายิ้มบางๆ ก่อนจะหันกลับมาตีหน้าเ็าใส่เทพทรตามเดิม
เธอก้าวเดินผ่านเทพทรไปอย่างไม่ไยดี แต่จังหวะที่เดินผ่านพายุซึ่งยืนก้มหน้านิ่งอยู่ เธอชะงักเพียงครู่ก่อนหันไปสั่งเทพทรเสียงหวานที่แฝงความประชดประชัน "พี่ทิก... พี่ก่อเื่ไว้ ก็ควรแสดงความรับผิดชอบหน่อยไม่ใช่หรือคะ?"
เทพทรมองตามแผ่นหลังของลิด้าด้วยความปรารถนาที่ทวีคูณ เมื่อได้ยินคำของหญิงสาว เขาจึงอยากสำแดงความเป็ 'สปอร์ต' ออกมาบังหน้า ชายหนุ่มล้วงกระเป๋าสูทราคาแพง หยิบปึกธนบัตรสีเทาออกมาแล้วสะบัดข้อมือโยนใส่โย่งที่ยืนเืกบปากอยู่
ฟึ่บ!
ธนบัตรนับหมื่นบาทปลิวว่อนกระจายเต็มพื้นสตูดิโอราวกับใบไม้ร่วง เทพทรยิ้มเยาะพลางปรายตาพราวระยับ "เอาไปซื้อโทรศัพท์ใหม่ซะ... อ้อ แล้วอย่าลืมเอาไปทำแผลด้วยล่ะ เศษเงินแค่นี้คงพอเลี้ยงพวกมึงไปได้ทั้งเดือน!"
พายุมองภาพธนบัตรที่ตกอยู่แทบเท้าเพื่อนด้วยสายตาที่ลุกโชนไปด้วยไฟแค้น... ศักดิ์ศรีของพวกเขากำลังถูกเหยียบย่ำด้วยเงินตราเพียงไม่กี่ใบ
พายุยืนนิ่งราวกับถูกตรึงด้วยความโกรธแค้นที่อัดแน่นอยู่ในอก ภาพธนบัตรที่ปลิวว่อนดูถูกศักดิ์ศรีของเพื่อนเขาอย่างเืเย็น ชายหนุ่มรับรู้ดีว่าการต่อสู้ด้วยกำลังหรือคำพูดอาจไม่นำไปสู่สิ่งใด นอกจากความเ็ปที่มากขึ้น เขาสูดลมหายใจลึกๆ พยายามข่มอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน แล้วค่อยๆ ก้าวเท้าเดินตรงไปยังเบื้องหน้าเทพทรและลิด้าที่บัดนี้เทพทรถือวิสาสะจับมือเธอไว้เตรียมเดินจากไป
"คุณทั้งสองโปรดกรุณาหยุดก่อนครับ" เสียงของพายุดังขึ้นแ่เบา แต่กลับกังวานไปทั่วทั้งสตูดิโอที่เงียบกริบ "โปรดเถอะครับ กรุณาเก็บเงินของพวกคุณไปเถอะครับ เขาเว้นจังหวะเล็กน้อยก่อนเอ่ยต่อ “ใช่ครับ... เงินที่คุณกำลังโปรย... ทาน ลงมากองบนพื้นนี้ มันมีมูลค่าค่อนข้างเยอะมากจริงๆ เพื่อนผมคงใช้เป็ค่าเทอมเรียนต่อได้เลย"
ดวงตาคมกริบเหลือบมองไปที่เทพทร ก่อนจะหยุดอยู่ที่ดวงตาของลิด้าที่บัดนี้เต็มไปด้วยความสับสน "แต่... คุณกรุณาถามเขาหน่อยได้ไหมครับว่าเขาเต็มใจที่จะรับเงินของพวกคุณไหม?"
โย่งที่ยืนอยู่ข้างๆ พายุ ท่าทางเ็า ใบหน้ายังคงมีรอยเืซึม เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เด็ดเดี่ยว "ผมไม่้าเงินพวกนี้ของคุณ!"
พายุเดินไปก้มเก็บธนบัตรที่หล่นเกลื่อนกลาดบนพื้นอย่างช้าๆ ทีละใบด้วยท่าทีสงบนิ่ง มือของเขาค่อยๆ กวาดเก็บเงินเ่าั้ราวกับกำลังเก็บขยะ ใบสุดท้ายบังเอิญมันหล่นอยู่ใกล้เท้าของลิด้าพอดี ชายหนุ่มก้มหน้าเดินเข้าไปหยิบธนบัตรใบนั้น
หญิงสาวเห็นดังนั้น เธอถอยหลังไปหนึ่งก้าว พลางย่อตัวลงเล็กน้อยด้วยท่าทางประหม่า "นี่... นี่ค่ะ คุณ ไม่ต้อง..."
ท่าทีเหมือนจะรังเกียจของหญิงสาว ทำให้ความอาดูร น้อยเนื้อต่ำใจ และความอดทนของพายุพังทลายลง ชายหนุ่มหยัดกายขึ้นเต็มตัว ดวงตาเฉยเมย แดงก่ำจับจ้องไปที่ลิด้าด้วยแววตัดพ้อ น้อยใจ หัวใจแทบแหลกสลาย ชายหนุ่ม โพล่งขึ้นมา
"ใช่ ใช่สิ ครับ... พวกคุณวิเศษสูงส่ง มองเห็นพวกผมเป็แค่คนจนๆ หาเช้ากินค่ำ หางานทำเพื่อส่งตัวเอง ต้องทำงานพาร์ทไทม์ทำ เพื่อให้ได้เรียนต่อไปวันๆ ไม่มีสักครั้งที่จะกินอิ่มนอนอุ่น พวกเราเห็นพวกคุณเป็เหมือนเทวดา นางฟ้า... อิจฉาพวกคุณ จะเนรมิตบันดาลสิ่งใดก็ได้ อยากทำอะไรก็ทำ" เขาสะอื้นในลำคอเล็กน้อย
เสียงของพายุขาดห้วงไปครู่หนึ่ง น้ำตาคลอเบ้า เขาเงยหน้ามองหญิงสาว ดวงตาประสานกัน "ขอโทษครับ... คุณ คุณผู้หญิง ผมมิได้มีเจตนาที่จะเข้าใกล้คุณเลย คุณคงรังเกียจ ขยะแขยง ผม..."
ลิด้ายืนนิ่ง ตัวแข็งทื่อ ดวงตาของเธอทอแววสับสนและเ็ป เพราะไม่คิดว่าท่าทีของเธอจะทำให้นักศึกษาคนหนึ่งเข้าใจผิดและเสียใจได้ถึงเพียงนี้ เธอรู้สึกเหมือนมีบางอย่างบีบรัดหัวใจจนหายใจติดขัด
พายุยังคงจ้องมองเธอ ดวงตาที่เต็มไปด้วยความรวดร้าว ก่อนจะเหลือบมองเพื่อนๆ ที่ยืนอยู่ในห้องแวบหนึ่ง แล้วเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือแต่ชัดเจน
"ผมธาวิน ในนามกลุ่มเพื่อนๆ นักศึกษาปริญญาโทนิเทศศาสตร์ ขอขอบคุณพวกคุณที่กรุณาเสียสละเศษเวลาอันมีค่า มาเป็วิทยาทานให้พวกเราได้ศึกษา และ..." เขาเงยหน้ามองลิด้าอีกครั้ง ราวกับพยายามเพ่งพินิจหญิงสาวที่เขาเฝ้าใฝ่ฝันถึงตรงหน้า ไม่ใช่ภาพจากสื่อหรือในทีวีที่เคยเห็น
"ผม... ขอขอบคุณ...ทุกสิ่ง (คำว่า’ทุกสิ่ง’แทบจักลืนหายเข้าไปในลำคอ) ผมจะไม่ลืมเลย... แม้ว่า... คุณจะไม่เคยจำมันเลยก็ตาม" ชายหนุ่มคิดในใจ “หัวใจดวงนี้ของผม คุณรู้มั่ยมันแตกสลายั้แ่วินาทีที่คุณขึ้นรถจากไป”
คำพูดสุดท้ายของพายุแทงลึกเข้าสู่กลางใจของลิด้า เขาโค้งศีรษะให้เธอเล็กน้อย ก่อนจะหมุนตัวเดินหันหลังออกจากห้องสตูดิโอไปอย่างช้าๆ ทิ้งไว้เพียงความตะลึง งงงวย และความเงียบงันที่แผ่ไปทั่วทุกคน เพื่อนๆ ของพายุเริ่มทยอยเดินตามเขาออกไปอย่างเงียบเชียบ เหลือเพียงอาจารย์ที่ยืนทำหน้าไม่ถูก เทพทรที่ยังคงยืนยิ้มเยาะอยู่มุมห้อง และลิด้าที่บัดนี้อารมณ์หลากหลายชนิดประเดประดังเข้ามาจนใจเหมือนจะขาด ความรู้สึกเศร้าโศกบางอย่างที่เธอไม่อาจเข้าใจถ่าโถมเข้าใส่ แววตาที่เ็ปของชายหนุ่มในชุดฮู้ดยังคงฉายชัดอยู่ในมโนสำนึก...
หญิงสาวสะบัดมือหลุดจากมือเทพทรและสะบัดหน้าไล่ความคิดที่ฟุ้งซ่าน ก่อนจะหันไปบอกผู้จัดการส่วนตัวด้วยน้ำเสียงที่เ็าดังเดิมว่า "บีดี้คะ... ลิด้าจะกลับบ้านค่ะ" แล้วเธอก็ผลุนผลันเดินออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว โดยไม่หันกลับมามองใครอีกเลย
กาลเวลาผันผ่านไปกว่าหนึ่งเดือนนับจากเหตุการณ์วุ่นวายในสตูดิโอคราวนั้น เื่ราวที่เกือบจะเป็ข่าวฉาวถูกทางมหาวิทยาลัยใช้อำนาจมืดและความสัมพันธ์ส่วนตัวปิดข่าวเงียบกริบราวกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น
พายุ กลับไปใช้ชีวิตที่เรียบง่ายและสมถะเช่นเดิม เขาได้งานพาร์ทไทม์ใหม่จากการแนะนำของอาจารย์บรรณารักษ์ห้องสมุดผู้เมตตา นั่นคือการแปลวรรณกรรมภาษาจีนโบราณเป็ภาษาไทย งานนี้แม้จะยากและต้องใช้สมาธิสูง แต่มันก็ทำรายได้ให้เขาพอเลี้ยงชีพและมีเงินเก็บอยู่บ้าง ยิ่งไปกว่านั้น เขายังเบาใจเื่ค่าเล่าเรียนเพราะได้รับทุนการศึกษาประเภทเรียนดีเด่นมาโดยตลอดั้แ่วันแรกที่ก้าวเข้าสู่การเป็นักศึกษาปริญญาโท คณะนิเทศศาสตร์
ทว่า... ในเช้าวันที่ดูเหมือนจะปกติวันหนึ่ง ขณะที่พายุกำลังก้มหน้าก้มตาอ่านตำราอยู่หน้าตึกเรียน เสียงะโที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นพร้อมกับร่างของเพื่อนรักทั้งสองที่วิ่งหน้าตั้งมาแต่ไกล
"เฮ้ย! ไอ้ยุ! เกิดเื่ใหญ่แล้วมึง!" โย่ง ร้องเรียกพลางหอบหายใจถี่ "มึงรีบไปที่ตึกอำนวยการ... ห้องอธิการบดี เดี๋ยวนี้เลย!" ไต่ เสริมด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ใบหน้าของเขาซีดเผือดจนพายุรู้สึกได้ถึงลางสังหรณ์บางอย่างที่ไม่สู้ดี
ชายหนุ่มขมวดคิ้วแน่น พยายามรวบรวมสติแล้วรีบก้าวยาวๆ มุ่งตรงไปยังตึกอำนวยการ โดยมีโย่งและไต่เดินตามหลังมาติดๆ ด้วยท่าทีที่กระสับกระส่าย
เมื่อถึงหน้าห้องอธิการบดี พายุสูดลมหายใจลึกก่อนจะเคาะประตูเบาๆ
"ใคร?" เสียงทุ้มต่ำและเปี่ยมด้วยอำนาจดังมาจากด้านใน "ผม... ธาวินครับ" พายุตอบกลับไป
"เข้ามา"
ชายหนุ่มผลักประตูเข้าไปอย่างช้าๆ ภายในห้องกว้างขวางและเย็นฉ่ำด้วยแอร์คอนดิชันเนอร์ อธิการบดี ชายวัยกลางคนรูปร่างท้วมในวัยประมาณ 50 ปี กำลังนั่งขยับแว่นสายตาอ่านเอกสารกองโตในมืออย่างเคร่งเครียด เขาเงยหน้าขึ้นมองพายุด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความลำบากใจและเห็นใจอย่างปิดไม่มิด
"นั่งลงก่อนสิ ธาวิน" อธิการบดีพยักพเยิดไปที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม
พายุนั่งลงด้วยความสงบ แม้ในใจจะเริ่มสั่นไหว อธิการบดีถอนหายใจยาวพลางวางเอกสารแผ่นหนึ่งลงเบื้องหน้าของชายหนุ่ม
"ทางมหาวิทยาลัยมีความจำเป็ต้องแจ้งเื่สำคัญกับเธอ... เื่ทุนการศึกษาประเภทเรียนดีที่สนับสนุนเธออยู่ บัดนี้คณะกรรมการมีมติเห็นควรให้ยุติการสนับสนุน และนำทุนส่วนนี้ไปมอบให้นักศึกษาคนอื่นที่มีความจำเป็และประสบปัญหามากกว่า"
พายุเหมือนถูกค้อนขนาดใหญ่ทุบเข้าที่หัวจนหูอื้อไปชั่วขณะ "แต่มหาลัยทราบดีนี่ครับว่าฐานะทางบ้านผมเป็อย่างไร และผลการเรียนผมก็ไม่เคยตก..."
อธิการบดีสบตาพายุด้วยสายตาที่เ็ปและจนใจยิ่งกว่าเดิม "ธาวิน... ฉันเสียใจจริงๆ นะ เธอเป็เด็กดี เป็เพชรเม็ดงามของคณะ" เขาเว้นจังหวะก่อนจะลดเสียงลงกึ่งกระซิบ "แต่เธอไม่น่าไปมีเื่ในวันนั้นเลย... อำนาจของ 'คนบางกลุ่ม' มันใหญ่เกินกว่าที่มหาวิทยาลัยจะแบกรับความเสี่ยงได้จริงๆ"
พายุนิ่งอึ้ง... เขาเข้าใจแจ่มแจ้งในทันที นี่ไม่ใช่เื่ความจำเป็ทางการเงินของใครอื่น แต่มันคือการแก้แค้นที่เย็นเฉียบและเงียบเชียบของใครบางคนที่เขาเคยล่วงเกินไว้ในวันนั้น
