จ้าวจื่อซินไม่ตอบ เดิมทีใบหน้าของเขาก็มีแต่ความเ็าอยู่แล้ว เวลานี้ดูเหมือนว่ามันแทบจะกลายเป็น้ำแข็ง ในขณะที่เฉินเทียนหยูโผนโฉบลงมา จ้าวจื่อซินได้โอบมู่หรงฉิงพาตัวหายวับดุจแสงและกลับไปที่ห้องของเขา
ภายในห้องมืดครึ้มสลัวๆ แต่เฉินเทียนหยูยังไล่ตามมาติดๆ มิหนำซ้ำดูเหมือนว่าเขาจะมองเห็นสิ่งต่างๆ ในที่มืดเสียอย่างนั้น
หลังจากเข้าไปในห้องพัก จ้าวจื่อซินก็เหวี่ยงตาข่ายในมือและไม่รู้ว่าเขาได้ขยับกลไกอะไร ตาข่ายชิ้นนั้นถึงได้กางออกคลุมร่างของเฉินเทียนหยู เ้าตัวจึงติดอยู่ในตาข่าย ในเวลาเดียวกันอวนสามปากมาจากสามทิศทางก็ปรากฏขึ้น พันเฉินเทียนหยูจนแน่น จ้าวจื่อซินไม่ได้ให้โอกาสเฉินเทียนหยูในการต่อสู้มากเกินไป จากนั้นเขาพยายามอีกหนทำให้เฉินเทียนหยูล้มลงกับพื้นนอนนิ่งในแดนมหัศจรรย์ด้วยฝ่ามือกระบวนท่ามีดสับ
จ้าวจื่อซินเดินออกจากห้อง และมุ่งตรงไปยังห้องที่พวกบ่าวกำลังพักผ่อน นางรู้สึกประหลาดใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะรีบตามไป จ้าวจื่อซินเข้าไปในห้องพร้อมเตะเก้าอี้อย่างดุเดือด เสียงดังสนั่นทำให้มู่หรงฉิงใจนเปลือกตาถึงกับกระตุก แต่พวกบ่าวที่นอนอยู่บนเตียงกลับไม่ตอบสนองต่อการเคลื่อนไหวอันครึกโครมแม้แต่น้อย
ครั้นเข้าไปในห้องของบ่าวทุกคน สภาพการณ์ของทุกห้องก็เหมือนกัน ไม่เว้นแม้กระทั่งห้องของบ่าวระดับหนึ่งอันประกอบด้วยปี้เอ๋อร์ ยวี้เอ๋อร์และชุ่ยเอ๋อร์
“เมื่อเช้านี้ นางไปพบกับหลิงเอ๋อร์ และเปลี่ยนตาข่ายธรรมดาเข้าไปแทนที่ จากนั้นก็นำตาข่ายฟ้าไปทิ้ง ในตอนกลางคืนพวกนางถูกวางยาในอาหาร ทุกคนจึงหลับสนิท ถ้าคืนนี้เ้าตาย เ้าก็จะตายตามรอยคนอื่น แต่ถ้าเ้าวิ่งเข้ามาในห้องเพื่อขอความช่วยเหลือในเวลาดึกดื่น ผลลัพธ์ก็จะเหมือนเดิม บางทีข้าอาจจะไม่ฆ่าเ้า แต่ข้าจะสั่งสอนเ้าอย่างแน่นอน”
จ้าวจื่อซินพูดรวดเดียวจบเพียงลมหายใจเดียว แต่มู่หรงฉิงกลับสงบอย่างผิดปกติราวกับว่านางไม่ได้ยินคำพูดของจ้าวจื่อซิน นอกจากอดกลั้นความเ็ปที่ข้อเท้าพลางเดินทีละก้าวๆ อย่างเชื่องช้าไปที่เตียงของยวี้เอ๋อร์
บ่าวรับใช้ผู้นั้นยังคงมีหน้าตาน่ารักเช่นเดิม และนางยังมองเห็นอุปนิสัยป้ำๆ เป๋อๆ ของยวี้เอ๋อร์ในอดีตได้อีกด้วย
เมื่ออนุหนิงวางแผนทำร้ายนาง ยวี้เอ๋อร์ก็จะบ่นไม่พอใจ และเมื่อมู่หรงยวี่เยาะเย้ยนาง ยวี้เอ๋อร์ก็จะร้องไห้ทั้งน้ำตาด้วยความเสียใจ นางเคยคิดว่ายวี้เอ๋อร์เป็คนบริสุทธิ์ไม่รู้ประสา ยวี้เอ๋อร์เป็คนที่น่าเป็ห่วง แต่ในเวลานี้ นางกลับคิดเพียงว่ายวี้เอ๋อร์คือแมงป่องมีพิษที่น่ากลัว ถูกยวี้เอ๋อร์กัดหนึ่งหน นั่นคือการตายที่ไม่สามารถไปผุดไปเกิดได้อีกต่อไป
เป็ไปตามที่จ้าวจื่อซินกล่าว ถ้าคืนนี้นางถูกเฉินเทียนหยูฆ่า นั่นก็เป็โชคชะตาของนางเอง อย่างไรก็ตาม ยวี้เอ๋อร์จะไม่ยอมให้นางถูกเฉินเทียนหยูฆ่า เนื่องจากนางยังมีประโยชน์สำหรับแผนการของอนุหนิง ส่วนจะใช้นางทำอะไรนั้น นางก็ไม่รู้เช่นเดียวกัน
อนุหนิงจะไม่ปล่อยให้นางตาย แต่ต้องไม่ให้จ้าวจื่อซินปกป้องนาง คนที่มีชื่อว่าหลิงเอ๋อร์คนนั้น อาศัยโอกาสที่อยู่ในจวนเฉินเป็เวลานานหลายปี นางย่อมรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับจวนเฉิน และมากไปกว่านั้นนางย่อมรู้อุปนิสัยของจ้าวจื่อซิน
นางเป็บุตรีของขุนนางย่อมมีเกียรติมากกว่าบุตรสาวของผู้มั่งคั่ง และฮูหยินเฉินย่อมไม่ปล่อยให้นางตายด้วยน้ำมือของเฉินเทียนหยู อย่างน้อยนางไม่อาจสิ้นลมหายใจใน่แต่งงานใหม่ๆ ฉะนั้นต้องให้จ้าวจื่อซินปกป้องโดยธรรมชาติ
เมื่อจ้าวจื่อซินปกป้องนาง ย่อมทำลายแผนของอนุหนิงไปโดยปริยาย ยวี้เอ๋อร์จึงใช้วิธีนี้ ด้วยการวางยาสาวใช้ทั้งหมดในเรือนเพื่อไม่ให้พวกนางรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ครั้นหากนางไปหาจ้าวจื่อซินเพื่อขอความช่วยเหลือ เสื้อผ้าของนางย่อมต้องไม่เรียบร้อย ด้วยสาเหตุดังกล่าวจ้าวจื่อซินย่อมเกลียดนางอย่างแน่นอน
ทว่าอุตส่าห์คิดใคร่ครวญวางแผนเสียแยบยล แต่สิ่งที่ยวี้เอ๋อร์ไม่อาจคาดคิดได้คือ หลังจากยวี้เอ๋อร์ออกจากห้อง นางก็ใส่เสื้อชั้นนอกอย่างเรียบร้อย เนื่องจากนางกลัวว่าเฉินเทียนหยูจะคลุ้มคลั่ง นางจึงเตรียมการไว้ก่อน อีกประการคือนางไม่ได้ฉอเลาะจ้าวจื่อซิน แต่นางพยายามปิดเงียบเอาไว้ จ้าวจื่อซินคนนี้เป็คนหยิ่งยโส ดังนั้นนางจะไม่ไปขอร้องเขา ตราบใดที่นางไปถึงที่พักของจ้าวจื่อซิน นางก็ไม่ต้องกลัวว่าเฉินเทียนหยูจะสามารถฆ่านางได้
แน่นอนว่านั่นเป็เพียงการคาดเดาของนางเท่านั้น และนางก็ไม่อาจรับรองได้ว่าจ้าวจื่อซินจะอยู่ในห้องจริงหรือไม่ ขณะเดียวกันนางไม่อาจรับรองได้ว่าจ้าวจื่อซินจะมาช่วยเหลือหรือไม่
แต่ไม่ว่าในกรณีใด ท้ายที่สุด์ก็สงสารและให้นางรอดพ้นจากหายนะในคราวนี้!