จี๋โม่หานรู้สึกได้ถึงความเงียบของนาง เขาจึงพูดปลอบเสียงเบา “เ้าไม่ต้องพูดก็ได้ เด็กดี แต่ต่อไปหากเกิดอะไรขึ้นจะต้องบอกข้าทันที”
ซูิเยว่ตอบอืมกลับไปคำหนึ่ง จากนั้นก็ขมวดคิ้ว พูดออกมาอีกอย่างลังเล “ไม่ใช่หม่อมฉันไม่อยากพูด แต่เื่ที่เกิดขึ้นกับหม่อมฉัน หากพูดออกไปแล้วคิดว่าคงไม่มีใครเชื่อ ในตอนแรกแม้แต่ตัวหม่อมฉันเองก็ยังไม่เชื่อ เื่นี้ไม่อาจใช้เหตุผลปกติมาอธิบายได้ ท่านเข้าใจหรือไม่?”
จี๋โม่หานขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจความหมายในคำพูดของซูิเยว่เล็กน้อย ไม่รู้ว่าเื่นี้เกี่ยวข้องอะไรกับเหตุผลปกติ แต่ขอแค่ซูิเยว่พูดออกมา เขาก็พร้อมที่จะเชื่อ “ไม่เป็ไร ข้าเชื่อแม่หนู”
“จริงหรือ?”
“จริงสิ”
ซูิเยว่เงียบไปครู่หนึ่ง ต่อไปนางจะต้องใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับจี๋โม่หาน ตัวนางมีหลายเื่ที่อธิบายไม่ได้มากมาย
อย่างเช่น นางที่ไม่มีอาจารย์ แต่กลับไปเรียนวิชาแพทย์มาได้อย่างไร อีกทั้งจี๋โม่หานพูดกับนางขนาดนี้แล้ว นางก็ไม่อยากจะปกปิดเขาอีก เมื่อคิดเช่นนี้แล้ว ซูิเยว่ก็หันหน้าไปมองจี๋โม่หานแล้วถาม “หากหม่อมฉันบอกว่าเคยตายไปแล้วกลับมาเกิดใหม่ ท่านจะเชื่อหม่อมฉันหรือไม่?”
จี๋โม่หานไม่ได้ตอบ เพียงแต่คิ้วค่อยๆ ขมวดเข้าหากัน
ซูิเยว่รออยู่ครู่หนึ่ง เมื่อไม่ได้คำตอบก็ลอบถอนหายใจออกมา “หม่อมฉันพูดแล้ว พวกท่านไม่มีทางเชื่อหรอก ไม่แน่อาจจะคิดว่าหม่อมฉันนั้นพูดจาเลอะเลือน”
จี๋โม่หานถึงได้ตอบ “ไม่ใช่ว่าข้าไม่เชื่อ ข้าแค่กำลังคิดอยู่ เ้าหมายว่าเ้าได้ตายไปแล้ว จากนั้นก็กลับมาเกิดใหม่ใน่อายุหนึ่งใช่หรือไม่”
ซูิเยว่เลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ “ใช่ แปลกมากใช่หรือไม่ เหมือนกำลังฟังเื่แปลกที่พวกนักกวีแต่งนิทานขึ้นมาสักเื่แล้วรู้สึกรับไม่ได้”
จี๋โม่หานยกยิ้ม เื่นี้แปลกเกินกว่าจะคิดได้มากจริงๆ แต่เพราะเป็ซูิเยว่ที่พูดออกมา เขาจึงเชื่ออย่างน่าประหลาด “ไม่ใช่รับไม่ได้ เื่นี้มันเกินกว่าเหตุผลปกติจริงๆ แต่ว่าเื่ราวในโลกใบนี้ ปกติแล้วก็แปลกประหลาด ข้ารู้แค่ว่าเ้าก็คือเ้าก็พอแล้ว”
คราวนี้เป็ซูิเยว่ที่ใบ้าง นางยังคิดอยู่เลยว่า หากพูดออกไปแล้ว จี๋โม่หานจะไม่มีทางเชื่อแน่นอน ทั้งยังอาจจะคิดว่านางเลอะเลือนเสียด้วยซ้ำ คิดไม่ถึงว่าเขาจะรับได้ไวขนาดนี้ “เพียงครู่เดียวท่านก็เชื่อแล้วหรือ? หม่อมฉันไม่ได้ล้อเล่นนะ?”
จี๋โม่หานซุกที่คอของนาง เสียงหัวเราะทุ้มต่ำปนแหบดังออกมาจากช่องว่างระหว่างริมฝีปากของเขา “ข้าเองก็ไม่ได้ล้อเล่น ข้าเชื่อจริงๆ อย่างไรข้าก็เคยส่งคนไปสืบมาก่อน เ้าไม่เคยเรียนวิชาแพทย์ แล้วก็ไม่เคยใกล้ชิดกับคนที่ไม่มีที่มาที่ไปมาก่อน แต่พอได้ฟังที่เ้าพูดเมื่อครู่ก็อธิบายเื่วิชาแพทย์ของเ้าได้แล้ว”
ซูิเยว่ฟังเสียงหัวเราะแหบต่ำนั้น แต่การที่จี๋โม่หานมาพูดตรงคอแบบนี้ก็ทำให้นางสะท้านไปเล็กน้อย ตอนนี้ครึ่งตัวอ่อนปวกเปียกไปหมด
“นั่นเป็ตอนที่หม่อมฉันถูกไล่ฆ่าเมื่อชาติก่อน ผู้าุโคนหนึ่งได้ช่วยหม่อมฉันไว้ ต่อมาเขาก็รับหม่อมฉันเป็ศิษย์ และมอบวิชาแพทย์ของเขาให้กับหม่อมฉัน ถึงแม้ท่านอาจารย์คนนั้นจะไม่มีชื่อเสียงอะไรในยุทธภพ แต่วิชาแพทย์นั้นกลับไม่มีใครเทียบได้ นับว่าโชคดีที่เขาถ่ายทอดวิชาให้หม่อมฉัน หม่อมฉันถึงได้มีวิชาติดตัวอยู่เล็กน้อย”
ตอนที่จี๋โม่หานได้ยินซูิเยว่บอกว่าถูกไล่ฆ่า เขาก็กุมมือของนางแน่น กลิ่นอายบนตัวเย็นลงทันที
แต่เพียงครู่เดียวก็กลับมาเป็ปกติ “ไม่เป็ไรแล้ว ต่อไปมีข้าอยู่ข้างกายเ้า ข้าไม่มีทางปล่อยให้ใครหน้าไหนมาทำร้ายเ้าได้อีก”
หากเป็เมื่อก่อนพอซูิเยว่พูดถึงเื่เมื่อชาติก่อน ในอกจะเต็มไปด้วยความแค้น ในใจคิดแค่อยากจะแก้แค้น แต่ตอนนี้นางพูดเื่พวกนี้ได้อย่างเป็ธรรมชาติ ไม่ได้มีความสั่นไหวในใจ ทั้งสีหน้ายังเรียบเฉย
“หม่อมฉันไม่เป็อะไร ก่อนหน้านี้หม่อมฉันคิดแต่เื่แก้แค้นจริงๆ แต่พอได้มาเจอกับท่าน หม่อมฉันคิดว่าทุกอย่างนั้นคุ้มค่าแล้ว บางทีการที่์ให้หม่อมฉันกลับมาเกิดใหม่อีกครั้งไม่ใช่เพื่อให้แก้แค้นอย่างเดียว หากไม่เกิดเื่พวกนั้น บางทีหม่อมฉันก็ไม่มีทางได้มาเจอกับท่าน”
จี๋โม่หานถอนหายใจเบาๆ “เช่นนั้นตอนนี้แม่หนูบอกข้าได้หรือไม่ว่าเกิดเื่อะไรขึ้นกับเ้ากันแน่?”
ซูิเยว่สูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะตอบ “เมื่อชาติก่อนองค์ชายห้าจงใจเข้าใกล้หม่อมฉันเพื่อให้ได้การสนับสนุนจากท่านพ่อเพื่อแย่งชิงตำแหน่งฮ่องเต้ ตอนนั้นเขาร่วมมือกับคนที่หม่อมฉันเชื่อใจมากที่สุดหรือก็คือจ้าวอวี้ถิงสหายเพียงคนเดียวของหม่อมฉัน ทั้งสองร่วมมือกันวางแผนจัดฉากวีรบุรุษช่วยสาวงาม ทำให้หม่อมฉันตกไปอยู่ในแผนที่วางมาอย่างดีของพวกเขา ตอนนั้นหม่อมฉันเป็แค่คนโง่ จึงได้ชอบองค์ชายห้าจริงๆ และเชื่อเขาสนิทใจโดยไม่สงสัยอะไร ต่อมาองค์ชายห้าก็ยืมอำนาจของท่านพ่อมากำจัดศัตรูได้อย่างราบรื่นจนได้ขึ้นครองบัลลังก์”
ซูิเยว่เงียบไปครู่หนึ่ง มือที่กุมมือจี๋โม่หานกุมแน่นขึ้นอีกหน่อย ถึงแม้ตอนนี้นางจะพูดเื่พวกนี้ได้อย่างเรียบเฉยแล้ว แต่จะบอกว่าในใจไม่ใส่ใจก็คงจะเป็การโกหก
“คำโกหกขององค์ชายห้ากับจ้าวอวี้ถิงมีมาตลอดจนกระทั่งองค์ชายห้าขึ้นครองบัลลังก์ ในเมื่อหม่อมฉันไม่มีคุณค่าให้ใช้งานได้อีกแล้วก็ถูกเขากำจัดทิ้ง แต่พี่น้องที่ดีที่สุดของหม่อมฉันน่ะ จ้าวอวี้ถิง นางไม่ยอมปล่อยหม่อมฉันไป ทั้งยังลงโทษหม่อมฉันด้วยการเอาเหล็กสิบแปดท่อนแทงไปทั่วทั้งตัว พวกเขาทรมานหม่อมฉันจนตาย ท่านว่ามันตลกหรือไม่ ดังนั้นหม่อมฉันจึงกลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง มีความคิดเดียวก็คือแก้แค้น พวกเขาทำกับหม่อมฉันไว้เท่าไหร่ หม่อมฉันก็จะเอาคืนเป็เท่าตัว”
ซูิเยว่พูดจบก็จมอยู่กับความเงียบ ตอนที่นางพูดเื่พวกนี้น้ำเสียงเรียบนิ่งมาก แต่แขนของจี๋โม่หานที่โอบนางอยู่รู้สึกถึงแรงสั่นน้อยๆ จากตัวของนาง
จี๋โม่หานปวดใจมาก แม่หนูที่เขามองเป็ของล้ำค่าเคยถูกคนปฏิบัติเช่นนี้มา อีกทั้งพอกลับมาเกิดใหม่อีกครั้งก็ยังถูกคนคนเดียวกันทำร้ายอีก
ซูิเยว่หัวเราะออกมาเบาๆ น้ำเสียงนั้นราบเรียบมาก
“ตอนที่หม่อมฉันเพิ่งกลับมาเกิดใหม่ก็คิดว่าตัวเองมีความคิดที่หลุดโลกมาก แต่ต่อมาก็ยอมรับได้ว่าเพราะมีประสบการณ์จากชาติก่อน หม่อมฉันจึงหลบเลี่ยงแผนการของจ้าวอวี้ถิงและองค์ชายห้าได้ งานเลี้ยงชมดอกไม้ครั้งนั้น เดิมทีคนที่จะตกลงไปในน้ำควรจะเป็หม่อมฉัน แต่หม่อมฉันวางแผนให้โหวจิงซูตกลงไปในน้ำและทำลายแผนขององค์ชายห้า”
“แล้วก็งานเลี้ยงครบเดือนขององค์หญิงใหญ่ครั้งนั้น เดิมทีจ้าวอวี้ถิง้าวางยาในน้ำชาเพื่อลอบทำลายชื่อเสียงของหม่อมฉัน แต่ก็ถูกหม่อมฉันเปลี่ยนแก้วเสียก่อน แล้วก็เื่ที่หม่อมฉันวางแผนเกี่ยวกับองค์ชายห้านั้นท่านเองก็รู้หมดแล้ว ทั้งยังเป็ประโยชน์ต่อแผนการแก้แค้นของหม่อมฉันมาก แต่ว่า...”
นางพูดแล้วหยุดไป จากนั้นก็หันหน้าไปด้านข้างน้อยๆ เพื่อมองจี๋โม่หานด้วยแววตาอ่อนโยนและลึกซึ้ง “โชคดีที่สุดของหม่อมฉันคือการได้มาคบกับท่าน”
จี๋โม่หานโอบซูิเยว่เข้ามาในอ้อมกอดเบาๆ ลมหายใจเริ่มเร็วขึ้น “ไม่เป็ไรแล้วแม่หนู ต่อไปมีข้าอยู่ พวกเขาติดหนี้เหล็กสิบแปดแท่งกับแส้ฟาดบนตัวเ้า ข้าจะเพิ่มโทษให้พวกเขากลับไปเอง”
ตอนที่จี๋โม่หานพูดไม่กี่คำสุดท้าย น้ำเสียงนั้นเย็นเยียบเต็มไปด้วยจิตสังหาร
ทั้งสองคนพูดคุยกันครู่หนึ่ง ไม่รู้ว่าเทียนดับไปตอนไหน ทั้งห้องก็มืดสนิท
ตลอดทั้งคืนพวกเขาไม่ได้นอนเท่าไร ซูิเยว่นอนมาหนึ่งวันแล้วจึงไม่ง่วง ส่วนจี๋โม่หานนั้นไม่รู้ว่าซบนางแล้วหลับไปั้แ่เมื่อไหร่
นางฟังเสียงลมหายใจของจี๋โม่หานแล้วหลับตานอนอีกครั้งอย่างสบายใจ
ไม่รู้ว่าฟ้าสว่างขึ้นเมื่อไหร่ กระทั่งมีเสียงเคาะประตูซูิเยว่ถึงได้ตื่นขึ้น
นางลืมตาขึ้น จี๋โม่หานยังอยู่ในท่าเดิมยังไม่ตื่น ซูิเยว่ไม่กล้าทำเสียงดังให้เขาตื่น นางจึงดึงแขนของตัวเองออก แล้วขยับไปด้านข้างอย่างระมัดระวัง