ชายชราผมหงอกนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่มีอยู่ตัวเดียวในลานบ้าน มือทั้งสองข้างประสานกันอยู่ในแขนเสื้อ
เมื่อได้ยินว่าฉือหางและหลินกู๋หยู่เข้ามา ฉือเป่าก็ยกเปลือกตาตกขึ้นเล็กน้อย มองไปที่หลินกู๋หยู่ แล้วลดระดับสายตาลง
“ภรรยาของเ้าสามารถตรวจรักษาคนได้ เ้าไปตรวจดูอาการของท่านแม่ของเ้าสิว่าเกิดอะไรขึ้น” ฉือเป่าขมวดคิ้ว สีหน้าซีดขาว คล้ายอ่อนแอไม่มีเรี่ยวแรงนัก
หลินกู๋หยู่เห็นว่าการแสดงออกทางสีหน้าของท่านปู่ฉือแปลกพิกลเล็กน้อย แต่กระนั้นนางก็ไม่พูดไม่จา เดินตามฉือหางเข้าไปในบ้าน
ขนาดห้องของโจวซื่อนับว่าใหญ่ที่สุด ภายในห้องสะอาด มองออกว่านางเป็คนเรียบร้อย
หลินกู๋หยู่เดินไปที่เตียงโดยมีซ่งซื่อยืนอยู่ข้างๆ กำลังปาดน้ำตาบนใบหน้า
เมื่อเห็นหลินกู๋หยู่เข้ามา ฟางซื่อก็รีบหลีกทางให้พลางร้องห่มร้องไห้ "น้องสะใภ้สาม เ้ารีบตรวจดูว่าท่านแม่ของพวกเราเป็อะไร?"
“ขอข้าตรวจดูหน่อย” หลินกู๋หยู่พูดจับแขนของโจวซื่อออกมา ค่อยๆ จับชีพจร
เมื่อวานนี้โจวซื่อแกล้งทำเป็เวียนศีรษะและเป็ลมหมดสติ ทว่าตอนนี้นางเวียนศีรษะและหมดสติจริงๆ
หลินกู๋หยู่ทอดถอนหายใจ หยิบเข็มเงินที่นางพกติดตัวออกมา ฝังเข้าที่ิัอย่างระมัดระวังสองสามจุด เมื่อเข็มเงินถูกดึงออก โจวซื่อก็ตื่นขึ้นอย่างวิงเวียน
“สุขภาพของท่านแม่ไม่ค่อยดีนัก ท่านจะโกรธมากไม่ได้” หลินกู๋หยู่ลุกขึ้นยืนอยู่ข้างเตียง
ฉือหางยืนอยู่ข้างๆ หลินกู๋หยู่ เขาขมวดคิ้วพูดเสียงเบา "เกิดอะไรขึ้นหรือ?"
“ตราบใดที่ไม่โกรธมาก ก็จะไม่เป็ไร” ใบหน้าหลินกู๋หยู่ปราศจากอารมณ์ความรู้สึก
“ภรรยาเ้าสาม มาช่วยประคองข้าที!” โจวซื่อพูดอย่างเหนื่อยอ่อน นางกวักมือเรียกหลินกู๋หยู่
จากก้นบึ้งของหัวใจ นางไม่ได้มีความประทับใจที่ดีต่อโจวซื่อ ทั้งยังรู้สึกอึดอัดอยู่หลายส่วน
แต่อย่างไรโจวซื่อก็มีศักดิ์เป็มารดาของฉือหาง ถ้าโจวซื่อเรียกให้นางไป นางย่อมต้องไป
หลินกู๋หยู่ลดศีรษะลง และค่อยๆ ช่วยโจวซื่อประคองให้ลุกขึ้น
"พาข้าออกไป ข้ามีอะไรจะพูด" ครั้งนี้โจวซื่อโกรธมาก นางสูญเสียพลังงานเดิมของนางแล้ว ร่างกายของนางหนักอึ้งสุดจะทน นางเงยหน้าขึ้นมองหลินกู๋หยู่
"เ้าค่ะ" หลินกู๋หยู่ก้มศีรษะรับคำ ช่วยประคองโจวซื่อเดินออกมาอย่างเชื่อฟัง
ท่านปู่ฉือขมวดคิ้วทันทีที่เห็นโจวซื่อเดินออกมา "เ้าออกมาทำไม เ้าไม่สบาย นอนอยู่ข้างในก็ได้แล้ว"
"เ้าสี่อยู่ที่ไหนหรือ?" โจวซื่อไม่ตอบคำพูดของท่านปู่ฉือ แววตามองไปรอบๆ
โจวซื่อพยายามอย่างเต็มที่ที่จะยืนตัวตรง แต่ร่างกายของนางไม่ได้กระฉับกระเฉงเท่าเมื่อก่อน สาเหตุหลักเป็เพราะว่าจิตใจของนางอ่อนล้า
"ท่านแม่" ฉือเย่เดินไปหาโจวซื่อ มองหน้าโจวซื่อที่อ่อนล้าหมดเรี่ยวแรงอย่างเป็ห่วง "ร่างกายของท่านเป็อย่างไรบ้าง?"
“ไม่เป็ไร” โจวซื่อถอนหายใจเบาๆ ผมของนางไม่เรียบร้อย ดวงตาของนางสูญเสียความมีชีวิตชีวาที่เคยมี “ในเมื่อเ้าก็มาแล้ว เวลาประจวบเหมาะที่ข้าจะพูดเื่การแยกครอบครัว”
แยกครอบครัว
หลินกู๋หยู่คิดคำนวณด้วยความเร็วเป็พิเศษ นางเงยหน้าขึ้นมองโจวซื่อแวบหนึ่งแล้วหลุบสายตาลง
ท่านปู่ฉือนั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างๆ เมื่อได้ยินคำพูดของโจวซื่อ ใบหน้าของเขาก็น่าเกลียดมากถึงกับพรวดลุกขึ้นทันที "มีปัญหาอะไรกัน แยกครอบครัวออกจากกันทำไม?"
"ท่านพ่อ!" เมื่อเห็นการแสดงออกของท่านปู่ฉือ โจวซื่อเปล่งเสียงต่ำ "ข้าไม่สามารถจัดการลูกเหล่านี้ได้ สามีไม่อยู่แล้ว พวกเขาแต่ละคนโตๆ กันแล้ว อีกทั้งมีความคิดเป็ของตัวเองแล้ว"
เมื่อได้ยินถ้อยคำของโจวซื่อ ท่านปู่ฉือก็ขมวดคิ้วแน่น เขาจับไม้เท้าเดินไปหาโจวซื่อด้วยใบหน้าบูดบึ้ง "ข้าไม่เชื่อว่าคนพวกนี้แต่ละคนจะมีความสามารถ คิดไม่ถึงว่าจะแยกกันอยู่ด้วยตัวเอง?”
เมื่อได้ยินสิ่งที่ท่านปู่ฉือพูด โจวซื่อส่ายศีรษะเบาๆ "ก่อนหน้านี้ข้าจ่ายภาษีประชากรเป็จำนวนมาก เวลาใกล้ที่จะมาถึงนี้ก็ต้องจ่ายภาษีที่นาและอื่นๆ พวกเขาแต่ละคนไม่มีใครยอมเสียเปรียบเลยแม้แต่คนเดียว!"
ครอบครัวเ้าใหญ่ไม่้าเลี้ยงครอบครัวเ้ารองโดยเปล่าประโยชน์
ครอบครัวเ้ารองก็ไม่ยอมทำงาน แต่กระนั้นก็ยิ่งไม่อยากแยกครอบครัว ถ้าแยกครอบครัว ชีวิตดีๆ ของพวกเขาก็คงหมดไป แต่ถ้าไม่แยกครอบครัว มองดูลูกสองคนของครอบครัวเ้าใหญ่ก็รู้สึกว่า จะต้องจ่ายภาษีประชากรให้ลูกเ้าใหญ่สองคนด้วย จึงไม่พอใจ
“ในตอนแรกครอบครัวเ้าสาม ถัดจากนั้นถ้าไม่ใช่เพราะครอบครัวเ้ารองก่อปัญหา แม้กระทั่งครอบครัวเ้าใหญ่ก็ทำตามครอบครัวเ้าสามไปด้วยแล้ว ข้าก็จะไม่ปล่อยให้ครอบครัวเ้าสามแยกออกไปตามลำพังเช่นกัน”
สิ่งที่โจวซื่อพูดนั้นสวยงาม แต่ความจริงอาจไม่ใช่สิ่งที่โจวซื่อพูดเลยก็ได้
ถ้าโจวซื่อหวังดีต่อฉือหางจริงๆ คงเป็ไปไม่ได้ที่นางจะให้เงินฉือหางเพียงเล็กน้อยเช่นนั้น
หรืออาจเป็เพราะพวกเขากังวลว่าหลินกู๋หยู่จะนำเงินไปใช้จ่าย แต่กระนั้นพวกเขาก็ไม่เคยช่วยซื้อยาหรือหาหมอมาตรวจรักษาฉือหาง
แต่พวกเขาไม่ได้ทำอะไรเลย พวกเขาเพียงแค่รอให้ฉือหางเสียชีวิต
เมื่อได้ยินคำพูดของโจวซื่อ ใบหน้าของเฝิงซื่อก็น่าเกลียด นางพูดด้วยความโกรธว่า "สะใภ้รอง เ้าหยุดพูดเถอะ หลายปีมานี้พวกเ้าลำบากแล้ว ในเมื่อ้าแยกครอบครัว เช่นนั้นก็ปล่อยให้พวกเขาไปใช้ชีวิตด้วยตัวเองเถอะ”
ท่านปู่ฉือขมวดคิ้วมุ่นทันทีที่ได้ยินสิ่งที่เฝิงซื่อพูด "เ้าพูดอะไร?"
"ข้าพูดอะไรผิดหรือ?" เดิมทีเฝิงซื่อก็เป็คนเผด็จการหลายส่วน ั้แ่แต่งงานกับท่านปู่ฉือซึ่งเป็คนอารมณ์เย็น ความเผด็จการของนางก็พุ่งสูง "ข้าพูดผิดหรือ ลูกชายหลายคนก็แยกครอบครัวกันก็ด้วยเหตุนี้เช่นกันไม่ใช่หรือ?"
เมื่อก่อนลูกชายหลายคนของนางแยกครอบครัวกันเพราะไม่้าทำงานมากเกินไป พอคนอื่นๆ ทำงานน้อยกว่าก็ไม่พอใจ
เฝิงซื่อดึงฉือเป่ามานั่งข้างๆ นางพูดตรงๆ ว่า "เื่นี้เ้าก็อย่าถามมากนักเลย ปล่อยให้พวกเขาแก้ปัญหากันเอง ลูกสะใภ้รอง ข้าจะช่วยเ้าดูให้ ถ้าข้าเห็นว่าหลานชายคนไหนไม่เชื่อฟัง ข้าก็จะปัดพวกเขาออกไป!"
เื่การแยกครอบครัวลงตัวแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็คือจะแยกครอบครัวกันอย่างไร
แน่นอนว่าโจวซื่อ้าอยู่กับครอบครัวเ้าใหญ่
“ที่ดินในครอบครัวยังไม่ได้แบ่งอย่างสมบูรณ์” โจวซื่อยืนอยู่ที่เดิม กวาดสายตามองทุกคนด้วยน้ำตาคลอเบ้า พูดอย่างไม่เต็มใจว่า “ข้ามีหนึ่งส่วน เ้าใหญ่ เ้ารอง เ้าสาม และเ้าสี่คนละหนึ่งส่วน สิ่งเหล่านี้พวกเ้าคงจะไม่มีปัญหา!”
ซ่งซื่อยืนอยู่ข้างๆ ก้มศีรษะลงไม่พูดไม่จา
ฟางซื่อมองโจวซื่อด้วยความใ นางร้องไห้ ทิ้งตัวคุกเข่าลงต่อหน้าโจวซื่อ "ท่านแม่ ข้าและสามีของข้าไม่้าแยกครอบครัว พวกเราไม่ยอมแยกครอบครัว!"
โจวซื่อดึงมือของตัวเองออกจากมือของฟางซื่อด้วยความรำคาญ มองไปที่เด็กหนุ่มคนหนึ่งที่กำลังขีดเขียนคำนวณบางอย่างด้วยพู่กันบนกระดาษ แล้วพูดต่อว่า "ในเมื่อข้าอยู่กับครอบครัวเ้าใหญ่ เช่นนั้นเ้าสี่ก็อยู่กับครอบครัวเ้าใหญ่ไม่ได้แล้ว เ้าสี่จะอยู่กับครอบครัวเ้ารองหรือครอบครัวเ้าสาม?
หลินกู๋หยู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ในพริบตาเดียวนางก็สงบลง
ฟางซื่อได้ฟังดังนั้น เดิมทีนางอยู่เคียงข้างโจวซื่อและไม่ยอมที่จะจากไป แต่ตอนนี้นางพรวดลุกขึ้นและซ่อนตัวอยู่ข้างหลังด้วยความว่องไว
โจวซื่อเห็นทุกอย่างที่ฟางซื่อทำ นางมองฟางซื่อด้วยความรังเกียจ จากนั้นมองไปที่หลินกู๋หยู่ที่อยู่ข้างๆ "สะใภ้สาม เ้าสี่มอบให้เ้าและสามีของเ้า เ้ายินดีหรือไม่?"
ที่นี่มีคนจำนวนมาก หลินกู๋หยู่จะเอ่ยคำปฏิเสธได้อย่างไรหรือ?
“ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของท่านแม่ ข้ากับสามีจะดูแลน้องชายสี่อย่างดี” หลินกู๋หยู่เอ่ยตอบด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน
มือของโจวซื่อตบแขนของหลินกู๋หยู่ที่พยุงนางอย่างแรงพลางเอ่ย "บ้านเรามีเงินสองร้อยตำลึง ตอนนี้เราจะเริ่มแบ่งเงินกัน"
มีเงินสองร้อยตำลึง
โอ้์
หลินกู๋หยู่ลดศีรษะลง ซ่อนใบหน้าน่าเกลียดไว้ไม่ให้ใครเห็น
เมื่อนางแต่งงานเข้ามาในตอนนั้น โจวซื่อมอบเงินในส่วนของฉือหางเพียงสิบตำลึงเท่านั้น
หลินกู๋หยู่หันศีรษะไปมองฉือหางที่อยู่ข้างๆ เห็นว่าไม่มีสีหน้าใดบนใบหน้าของเขา
เงินแบ่งออกเป็สี่ส่วน โจวซื่อ ครอบครัวพี่ชายใหญ่ ครอบครัวพี่ชายรอง และน้องชายสี่แบ่งเงินคนละห้าสิบตำลึง
ครอบครัวมีที่ดินทั้งหมดสิบหมู่[1] ซึ่งแบ่งออกเป็ห้าส่วน หนึ่งส่วนสำหรับแต่ละครอบครัว
ที่อยู่อาศัยไม่ได้เปลี่ยน แต่ทุกวันนับจากนี้ไป ฉือเย่จะต้องไปทานอาหารที่บ้านของฉือหาง
ส่วนรายละเอียดเล็กน้อยที่เหลือ หลินกู๋หยู่ไม่ได้ตั้งใจฟังอย่างละเอียดถี่ถ้วนว่าแบ่งกันอย่างไร
ครอบครัวก็ได้แบ่งสันปันส่วน ในที่สุดการแยกครอบครัวก็เสร็จสิ้น
หลินกู๋หยู่ส่งโจวซื่อเข้าไปในห้อง มองไปที่ท่าทางป่วยของนาง หันพูดกับซ่งซื่อที่อยู่ข้างๆ นางว่า "พี่สะใภ้ใหญ่ อีกสักพักข้าจะไปหยิบยามาให้พี่ต้มให้ท่านแม่ทาน”
"อื้ม" ซ่งซื่อซับใบหน้าของตนเอง เงยหน้าขึ้นมองหลินกู๋หยู่แล้วพูดเสียงเบา "ขอบคุณเ้ามากจริงๆ น้องสะใภ้สาม"
“ท่านแม่ไม่สบาย ข้าก็มีหน้าที่ต้องดูแลท่านเช่นกัน” หลินกู๋หยู่พูดด้วยเสียงราบเรียบ “แต่มากกว่านั้นยังต้องรบกวนพี่สะใภ้ใหญ่ที่ต้องดูแลมากกว่าแล้ว”
ซ่งซื่อพยักหน้าตอบรับ จากนั้นหันหลังและเข้าไปในห้อง
หลินกู๋หยู่ชำเลืองมองโจวซื่อซึ่งนอนอยู่บนเตียงแวบหนึ่ง รู้สึกราวกับว่าโจวซื่อชราลงมากจากเหตุการณ์ที่ผ่านมา จึงถอนหายใจจากไป
เดิมทีลานบ้านเต็มไปด้วยผู้คน แต่ตอนนี้ผู้คนเ่าั้แยกย้ายกันกลับไปหมดแล้ว
หลินกู๋หยู่เดินไปหาฉือหาง หันศีรษะไปมอง "ไปซื้อเนื้อมาทำอาหาร แล้วค่อยแบ่งส่งมาให้ท่านแม่แล้วกัน"
พอได้ฟังหลินกู๋หยู่พูดเช่นนั้น ฉือหางก็พยักหน้ารับคำ ก่อนที่จะพูดกับฉือเย่ที่อยู่ข้างๆ ว่า "น้องสี่ อีกเดี๋ยวเ้ามากินข้าวที่บ้าน!"
"อืม" ฉือเย่พยักหน้ารับคำ เผลอมองไปที่หลินกู๋หยู่โดยไม่ได้ตั้งใจ เขาพลันหน้าแดง ละสายตาไปทางอื่นทันที
ฉือหางจับมือของหลินกู๋หยู่เดินออกไปข้างนอก
“ซื้อเนื้อไม่ติดมันกับกระดูกซี่โครงมา ข้าจะต้มน้ำแกง เด็กเล็กจะต้องบำรุงให้มาก” หลินกู๋หยู่กำชับอย่างจริงจัง
ฉือหางพยักหน้า ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม ไม่มีร่องรอยของความไม่เต็มใจเลยแม้แต่น้อย
ฉือเย่มองดูฉือหางก้มลงกระซิบข้างใบหูของหลินกู๋หยู่ ไม่รู้ว่าทั้งสองคนพูดอะไร ถัดจากนั้นก็เห็นหลินกู๋หยู่ยิ้มและยกมือขึ้นตีแขนของฉือหางเบาๆ
เมื่อหลินกู๋หยู่กลับถึงบ้านก็รีบหยิบเงินออกมาจากกระเป๋าส่งให้ฉือหาง "เนื้อไม่ติดมันหนึ่งจิน กระดูกซี่โครงสองจิน"
"ข้าเข้าใจแล้ว" ฉือหางพูดพลางยื่นมือไปหาหลินกู๋หยู่ "ขอเงินเพิ่มอีกสักเล็กน้อย ทำอ่างไม้จะต้องวางเงินมัดจำ"
หลินกู๋หยู่เม้มริมฝีปากยิ้ม หยิบเงินออกมาส่งให้ฉือหาง "ไม่จำเป็ต้องใหญ่เท่าที่เ้าพูดถึงเพียงนั้น"
"เช่นนั้นพวกเราสองคนจะได้อาบน้ำด้วยกัน!" ฉือหางโน้มตัวเข้าไปใกล้ใบหูของหลินกู๋หยู่แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม
“เ้าพูดอะไร ยังไม่รีบไปอีก” หลินกู๋หยู่ผลักฉือหางออกไป “ถ้าเ้าไม่ไปอีก อีกเดี๋ยวจะไม่มีอะไรกินแล้ว!”
หลินกู๋หยู่หยิบยาสมุนไพรมาจัดแจงให้เรียบร้อย จากนั้นเดินตรงไปที่บ้านใหญ่
ซ่งซื่อกำลังทำอาหารอยู่ในครัว นางไม่ได้ยินเสียงเรียกของหลินกู๋หยู่
โจวซื่อนอนป่วยอยู่บนเตียง พูดเสียงอ่อนแรงว่า "ลูกสะใภ้สาม เ้าเข้ามาเถอะ ข้ามีเื่จะพูดกับเ้า"
หลินกู๋หยู่ถือยาเดินเข้าไปในห้อง ถอนหายใจเบาๆ “ท่านแม่”
โจวซื่อที่เคยแข็งแรงกระฉับกระเฉงว่องไวคนนั้น เวลานี้ดูเหมือนจะชราลงนับสิบปี
เมื่อมองดูหลินกู๋หยู่เข้ามา โจวซื่อก็พยายามอย่างสุดแรงเพื่อลุกขึ้นนั่ง
……………………………………………………………………..
[1] หมู่ คือ หนึ่งหมู่มีค่าเท่ากับสองไร่ครึ่ง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้