บนทะเลที่ปกคลุมด้วยม่านหมอก มีเรือใหญ่ลำหนึ่งแล่นอยู่
หวังเค่อนั่งอยู่บนดาดฟ้าเรือโดยมีมารฝูงหนึ่งรายล้อม
“พี่ชาย ข้าไม่ได้บอกว่าอยากขึ้นเรือไม่ใช่หรือ?” หวังเค่อเอ่ยด้วยใบหน้าหม่นหมอง
มารกลุ่มนี้จะกระตือรือร้นเกินไปแล้ว ไม่เพียงพามันหนีออกจากเมืองชิงจิง แต่ยังพามันมาถึง ‘ทะเลพิษ’ ด้วยกันอีกต่างหาก!
ทะเลพิษเป็ทะเลที่อยู่ติดกับดินแดนมนุษย์ น้ำทะเลแห่งนี้เต็มไปด้วยหมอกควันไอพิษตลอดทั้งปี ทำให้แทบไม่มีมนุษย์ทั่วไปเข้าใกล้
หวังเค่อเองก็เพิ่งทราบว่าเหล่ามารมีฐานทัพอยู่ในทะเลพิษ มารพวกนี้เล่าว่ามีเกาะแห่งหนึ่งชื่อว่า ‘เกาะเทพั’ เป็สาขาหนึ่งของลัทธิมาร!
มารฝูงนี้เพิ่งหนีมาจากเมืองชิงจิง กังวลฝ่ายธรรมะจะตามล่าสังหารพวกมัน จึงต้องรีบหนีไปยังเกาะเทพัเพื่อพักรักษาตัวก่อน
แต่ข้าไม่ได้อยากไปด้วย!
หวังเค่อทำทุกวิถีทางเพื่อบ่ายเบี่ยงแล้ว แต่สุดท้ายก็ยังถูกจับลากขึ้นเรือแล่นฝ่าทะเลหมอกพิษแห่งนี้ไปอยู่ดี
“เกาะเทพั? มีอะไรวิเศษกัน หรือจะมีพรรคเทพัด้วย?” หวังเค่อนั่งอยู่บนเรือพลางสบถสาบาน
สรุปครั้งนี้มันโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่? แต่ไม่ว่าอย่างไรตอนนี้ก็อันตรายเหลือเกิน จะถูกเปิดโปงว่าเป็ศิษย์ของเฉินเทียนหยวนไม่ได้เด็ดขาด
“หวังเค่อ? ครั้งนี้ต้องขอบคุณเ้า!”
“จริงด้วย หากไม่ใช่เพราะเ้าสังหารเนี่ยเมี่ยเจวี๋ยใน่เวลาวิกฤต พวกเราคงถูกกวาดล้างจนหมด!”
“ตอนเ้าปลีกตัวไป พวกเราคิดว่าเ้าจะไม่กลับมาแล้วเสียอีก นึกไม่ถึงว่าเ้าเป็คนพูดคำไหนคำนั้น!”
“หวังเค่อ ภายภาคหน้าหากมีปัญหาในลัทธิมาร ก็ให้อ้างชื่อข้าได้เลย!”
.........
.........
......
......
...
...
กลุ่มสานุศิษย์ลัทธิมารต่างพากันแสดงน้ำใจให้หวังเค่ออย่างกระตือรือร้น
หวังเค่อ “...!”
หวังเค่อรู้สึกได้ว่าตนตกที่นั่งลำบากแล้ว ตอนแรกที่มันบอกว่า ‘ข้าเป็พวกท่าน’ ก็เพื่อเอาตัวรอดเท่านั้น ทำไมตอนนี้ข้าดูจะกลายเป็พวกมารไปจริงๆ เสียแล้ว? ข้าเป็ของปลอมต่างหาก!
“มันไม่ใช่ศิษย์ลัทธิมาร มันไม่ใช่มารด้วยซ้ำ! แค่กแค่กแค่ก!” เสียงพูดปนไอดังขึ้น
สานุศิษย์ลัทธิมารทั้งหลายหันหน้ากลับไปมอง ที่แท้เป็จูเยี่ยนที่กำลังาเ็สาหัส
“จูเยี่ยน? เ้าว่าอะไร?” ศิษย์ลัทธิมารพากันจ้องตาเขม็ง
“ข้าบอกว่ามันไม่ใช่ศิษย์ลัทธิมาร! มันไม่มีไอมารด้วยซ้ำ! มันโกหกพวกเ้า! จัดการมันเลย!” จูเยี่ยนตอบด้วยใบหน้าเกรี้ยวกราดเคืองแค้น
ถึงจูเยี่ยนจะไม่ทราบว่าหวังเค่อกราบเข้าร่วมพรรคเทพหมาป่า์ แต่ตอนหวังเค่อเอาแส้โบยมันเมื่อไม่กี่วันก่อนก็ไม่มีไอมารอันใดทั้งนั้น! ในเมื่อไม่มีไอมาร ก็ไม่มีทางเป็ศิษย์ลัทธิมารไปได้
ศิษย์ลัทธิมารทั้งหลายพากันมองหน้าหวังเค่อเป็ตาเดียว
หวังเค่อชะงักไป ไอมาร? ข้าก็ไม่มีไอมารจริงๆ! ประเด็นคือไอมารคืออะไร? ข้ายังไม่รู้เื่สักนิด
ขณะหวังเค่อกำลังจะเอ่ยปากแก้ตัว
“เพี๊ยะ!”
กลับมีคนตบหน้าจูเยี่ยนฉาดใหญ่ ที่แท้เป็มารขั้นดวงธาตุทองคำผู้หนึ่ง
“เ้า เ้ากล้าตบข้า?” จูเยี่ยนกุมหน้าถามอย่างใ
“จูเยี่ยน อย่าคิดว่าแค่เ้าเป็หลานท่านเ้าตำหนักแล้วพวกเราจะไม่กล้าทำร้ายเ้า นี่เื่บ้าบออะไร เนี่ยเมี่ยเจวี๋ยอยู่ในตำหนักวังหลวงของเ้า เ้ากลับไม่บอกพวกเราสักคำ? ปล่อยให้นางวางค่ายกลอยู่ในตำหนักแห่งนั้น? พี่น้องพวกเราถูกฆ่าตายไปตั้งเท่าไหร่! เ้ารู้หรือเปล่า? ข้าเองก็เกือบตายเหมือนกัน!” มารตนนั้นจ้องเขม็ง
“ใช่แล้ว! เ้าเองก็เป็มารกินคนไม่ใช่หรือไง? เอาแต่สั่งสมเวรกรรมไม่สนใจราชกิจ ครั้งนี้เ้าเกือบทำข้าตายแล้ว!” มารอีกตนด่าเสริม
“หวังเค่อไม่มีไอมารเรอะ? มันก็ต้องไม่มีไอมารอยู่แล้ว มันบอกเองไม่ใช่หรือไง? ว่ามันเพิ่งเข้าร่วมพรรคมาร ยังไม่ทันได้รู้เื่อะไรเลย มันยังไม่ได้ก่อกรรมทำเข็ญ ไม่ก่อกรรมก็ไม่มีไอมาร แล้วมันจะมีไอมารได้ยังไง? หลังจากมันก่อกรรมแล้วจึงค่อยได้สั่งสมบาปกรรมไอมาร!” มารอสูรอีกตนว่า
“ครั้งก่อน เ้าก็โกหกหลอกให้พรรคของหวังเค่อเดินทางไปยังเมืองจูเซียน สุดท้ายพี่ใหญ่ของหวังเค่อทั้งกลุ่มล้วนต้องเอาชีวิตไปทิ้งไว้ที่นั่น! เ้ายังทำร้ายหวังเค่อไม่พออีกหรือไง ยังคิดใส่ร้ายหวังเค่อเพิ่ม?”
“จูเยี่ยน ครั้งนี้เ้าก่อเื่เลวร้ายเอาไว้ เ้ายังหวังให้พวกข้าทำร้ายผู้มีพระคุณอีก? ต่อให้เ้าเป็หลานของท่านเ้าตำหนักข้าก็ไม่ละเว้นแน่!”
“เดรัจฉานน้อย ท่านเ้าตำหนักให้เ้าได้เสวยสุขเป็าา แต่เ้ากลับหลอกลวงท่านแอบเดินในวิถีมาร? ข้าจะสั่งสอนเ้าแทนท่านเ้าตำหนักเอง!”
“ข้าจะสั่งสอนเ้าแทนท่านเ้าตำหนักเหมือนกัน!”
.........
.........
......
......
...
...
ทันใดนั้นเอง หมัดเท้าเป็ชุดก็ระดมโถมอัดจูเยี่ยนคาดาดฟ้าเรือ มันพยายามร้องขอความเมตตาไม่หยุด จูเยี่ยนเดิมทีก็บอบช้ำสาหัสอยู่แล้ว พอโดนกระทืบยิ่งอาการทรุดหนักลงในพริบตา
“ทุกท่าน ทุกท่าน เห็นแก่หน้าข้าปล่อยมันไปเถอะ เลิกแล้วต่อกัน!” หวังเค่อเอ่ยด้วยสีหน้าพิกล
ความจริงแล้วหวังเค่อกลับไม่ได้โกรธอะไรจูเยี่ยน เพราะจูเยี่ยนคอยเข้ามาช่วยเหลือมันในจังหวะสำคัญทุกครั้ง รอบก่อนก็ช่วยมันจัดการเนี่ยเทียนป้า รอบนี้ก็ยังช่วยมันช่วยองค์หญิงโยวเยว่ เมื่อกี้ข้ายังคิดหาวิธีปิดบังความจริงเื่ที่ข้าไม่มีไอมารอยู่เลย เ้าก็ยังช่วยหาทางออกให้โดยที่ข้าไม่ต้องเอ่ยปากเองอีก? เ้านี่มันดาวนำโชคของข้าโดยแท้!
“เหอะ ดูหวังเค่อแล้วดูเ้าสิ! หวังเค่อมันยังออกหน้าปกป้องเ้าอยู่เลย ส่วนเ้ากลับคิดแทงข้างหลัง สาดน้ำโคลนมั่วซั่ว เพ้ย บัดซบสิ้นดี!” มารตนหนึ่งเตะซ้ำอีกครั้งก่อนพ่นลมหายใจ
มารกลุ่มนั้นหลังกระทืบอยู่พักหนึ่งก็ยอมวางมือก่อนจูเยี่ยนจะได้ตายคาเท้าจริงๆ
“เฮ้อ จูเยี่ยนเอ๊ย พลังฝึกปรือเ้ายังอ่อนด้อย อย่าพยายามทำตัวห้าวเกินจำเป็เลย!” หวังเค่อตบบ่าจูเยี่ยน
“พรูดดด!”
จูเยี่ยนหงุดหงิดจนกระอักเืออกมาอีกรอบ
“เอาละ ลดเสียงลงก่อน ท่านเ้าตำหนักกำลังรักษาตัวอยู่ในห้องพัก อย่าได้รบกวน!” มารตนหนึ่งว่า
ทุกคนต่างพากันเงียบเสียง
หวังเค่อมองไปทางห้องพักพลางกังวลใจ จูหงอีไม่สนใจอาการาเ็ตนเอง ทุ่มเทกำลังรักษาเนี่ยเมี่ยเจวี๋ย ไม่ทราบตอนนี้เนี่ยเมี่ยเจวี๋ยเป็ตายร้ายดีอย่างไร? ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่?
ภายในทะเลพิษ คล้ายว่าไม่ได้มีเพียงม่านหมอก แต่ยังมีเสียงสัตว์อสูรแว่วมาบางเบา เหล่ามารเองก็ดูระแวงอยู่ไม่น้อย หวังเค่อแม้แปลกใจแต่ก็ยอมรอคอยอย่างอดทน
หลังล่องเรือมาสามวันเต็ม ในที่สุดเรือก็จอดเทียบท่าเกาะแห่งหนึ่ง
“ถึงเกาะเทพัแล้ว! เตรียมลงจากเรือ!” มีคนส่งเสียง
หวังเค่อกับฝูงมารพากันลงจากเรือ
บนท่าเรือมีศิษย์ลัทธิมารกลุ่มหนึ่งยืนรออยู่แล้ว นำมาโดยชายวัยกลางคนร่างท้วมที่แสยะยิ้มร่า
“นั่นคือท่านผู้ดูแลสาขาเกาะเทพั ถงอันอัน รับผิดชอบดูแลเื่ทั้งหมดบนเกาะ!” มารตนหนึ่งอธิบายให้หวังเค่อฟัง
“ผู้ดูแลเกาะเทพั?” หวังเค่อสีหน้าแปรเปลี่ยน ขณะเดียวกันก็จดจำรูปร่างหน้าตาอีกฝ่ายไว้
“เกาะเทพั ถงอันอัน น้อมรับท่านเ้าตำหนักจู!” ถงอันอันคารวะมาทางเรือั้แ่ไกล
ตอนนี้เอง ประตูห้องพักก็เปิดออก จูหงอีที่หน้าซีดเผือดอุ้มเนี่ยเมี่ยเจวี๋ยที่หมดสติอยู่เดินออกมาจากห้องพักอย่างแช่มช้า
หลังจากถ่ายทอดพลังรักษามาหลายวัน มันก็รักษาชีวิตเนี่ยเมี่ยเจวี๋ยเอาไว้ได้ ทว่านางกลับยังไม่ฟื้นคืนสติ ทำให้จูหงอีอารมณ์เสียยิ่ง
“ท่านเ้าตำหนัก ข้ามาแล้ว ข้าช่วยเอง!” ถงอันอันะโขึ้นมาบนดาดฟ้าเรือหมายช่วยเหลือจูหงอี
“ไม่จำเป็!” จูหงอีเอ่ยเสียงเย็นพลางหลบเลี่ยงถงอันอัน
“อ้อ ได้ ได้ ผู้น้อยล่วงเกินแล้ว ท่านเ้าตำหนัก ข้าทราบข่าวล่วงหน้าแล้ว ดังนั้นจึงได้เตรียมการไว้ให้ท่าน ท่านเ้าตำหนัก เชิญขึ้นเกาะก่อน!” ถงอันอันกล่าวด้วยรอยยิ้มพลางเชื้อเชิญ
“อืม!” จูหงอีพยักหน้ารับเ็า
ถงอันอันปรบมือ ก่อนที่ฝูงค้างคาวจะบินมาก่อตัวเป็เมฆดำให้จูหงอี ถงอันอัน และคนที่เหลือขึ้นไปยืน
“ไป!” ถงอันอันโบกมือ
“ช้าก่อน!” จูหงอีแค่นเสียงเย็น
ทุกคนต่างชะงักค้าง
ทว่าจูหงอีกลับกวาดตามองเหล่ามารทั้งหมด
หวังเค่อแอบซ่อนอยู่ในเงาของฝูงชน แต่สุดท้ายก็ไม่อาจรอดพ้นสายตาจูหงอี สายตาของมันจ้องหวังเค่อเขม็งดุจคมมีด
“หวังเค่อ? เ้ารู้ผิดแล้วหรือยัง?” จูหงอีถามเสียงเย็น
จูหงอีโทษหวังเค่อว่าเป็คนลงมือสังหารเนี่ยเมี่ยเจวี๋ย ก่อนหน้านี้มันทุ่มเทกำลังทั้งหมดพยายามช่วยชีวิตนางอย่างสิ้นหวัง ดังนั้นจึงไม่มีเวลาคาดโทษล้างแค้นหวังเค่อ ตอนนี้ไหนเลยมันจะยอมปล่อยไป?
“ท่านเ้าตำหนักโทษที่ข้าลอบสังหารเนี่ยเมี่ยเจวี๋ยงั้นหรือ?” หวังเค่อยิ้มขื่น
“เ้าหมายความว่ายังไง?” จูหงอีถามเสียงเย็น
“ท่านเ้าตำหนัก เื่นี้ท่านจะโทษหวังเค่อไม่ได้!”
“จริงด้วย ท่านเ้าตำหนัก หากไม่ใช่เพราะหวังเค่อลงมือ พวกเราคงตายหมดแล้ว!”
“ตัวท่านก็ด้วย หากไม่ใช่เพราะหวังเค่อ ท่านก็คง…!”
“ท่านเ้าตำหนัก หวังเค่อไม่ผิดนะขอรับ!”
.........
......
.........
...
......
...
มารกลุ่มนั้นต่างพากันเอ่ยปากปกป้องหวังเค่อทันที
ถงอันอันยืนอยู่ด้านจูหงอีด้วยสีหน้าสงสัย หวังเค่อผู้นี้เป็ใคร? ทำไมศิษย์ลัทธิมารมากมายถึงออกหน้าแทนมัน? แถมยังกล้าโต้แย้งท่านเ้าตำหนักด้วย? นี่ นี่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ขณะที่ฝูงมารพากันวิงวอนขอความเมตตา จูหงอียังคงนิ่งเฉยไร้อารมณ์ สองตาเปล่งจิตสังหาร
พอหวังเค่อเห็นว่าตนกำลังจะซวย มันก็รีบะโขึ้นมา “ท่านเ้าตำหนัก ข้าช่วยทุกคนไว้ ข้าช่วยท่านเอาไว้ แต่ท่านกลับหมายสังหารข้า! ข้าไม่เห็นด้วย! ข้าทำในสิ่งที่ถูกต้อง! วันนี้ ไม่ว่าใครหน้าไหนที่นี่ก็ไม่มีสิทธิ์ฆ่าข้า! รวมถึงท่านด้วย! ข้าช่วยชีวิตท่านไว้ แต่ท่านกลับจะฆ่าข้า? หลังจากนี้ใครเล่าจะคอยดูแลศิษย์ลัทธิมารด้วยกัน? ใครจะยินดีหลั่งเืเพื่อลัทธิมาร? คนเดียวที่ฆ่าข้าได้คือเนี่ยเมี่ยเจวี๋ยเท่านั้น! เพราะข้าเป็คนลงมือกับนาง! ข้าคิดว่าเมื่อนางได้สติ นางจะต้องออกตามหาข้าอย่างบ้าคลั่งแน่! หากท่านอยากให้ข้าตาย ก็ให้เนี่ยเมี่ยเจวี๋ยเป็คนลงมือเถอะ!”
หวังเค่อไม่กล้าพูดความจริงออกไป ไม่อย่างนั้นคงไม่เหลือใครออกหน้าปกป้องมันแล้ว ดังนั้นจึงทำได้เพียงถ่วงเวลาด้วยการเสนอให้เนี่ยเมี่ยเจวี๋ยเป็คนฆ่ามันเอง!
เป็ดังคาด จูหงอีหรี่ตาเอ่ย “ใช่แล้ว! คนที่เกลียดเ้าที่สุดก็คือชิงเอ๋อร์ หากข้าฆ่าเ้า ใครจะช่วยระบายความแค้นในใจชิงเอ๋อร์ได้? งั้นส่งหวังเค่อเข้าคุกไปรอไว้ก่อน! รอจนกว่าชิงเอ๋อร์จะฟื้น!”
“ท่านเ้าตำหนัก!” มารทั้งหลายเริ่มเกลี้ยกล่อมอีกครั้ง
“เ้ายังจะพูดอีก?” จูหงอีชายตามอง
“ขอรับ! รับคำสั่งท่านเ้าตำหนัก!” เหล่ามารได้แต่ก้มหัวไม่กล้าโต้แย้ง
หวังเค่อชะงักไป จบแล้วเหรอ? ไม่เอ่ยปากขอร้องแทนข้าแล้ว? อย่างน้อยช่วยขอห้องขังเดี่ยวให้ข้าหน่อยไม่ได้รึ?
ไหนบอกถ้ามีปัญหาก็ให้อ้างชื่อเ้าได้เลย? จูหงอีมองมาปราดเดียวพวกเ้าก็ตัวแข็งทื่อ? จะหวังพึ่งอะไรพวกเ้าได้อีก? ผู้ช่วยชีวิตผายลมอะไรล่ะ ก่อนหน้านี้พูดจาเสียดิบดี สุดท้ายก็แค่อยากเกาะชื่อเสียงข้าว่างั้น
“ท่านอาทวด หวังเค่อ หวังเค่อมัน…!” ท่ามกลางฝูงชน จูเยี่ยนที่ตาปูดหน้าบวมยังพยายามขายความลับหวังเค่ออยู่
“จูเยี่ยน? ใครมันเปลี่ยนเ้าเป็มารโดยที่ข้าไม่อนุญาต? ดูสารรูปเ้าตอนนี้คนก็ไม่ใช่ผีก็ไม่เชิง! เหอะ!” จูหงอีแค่นเสียงเย็น
จูเยี่ยนนึกไม่ถึงว่าขณะกำลังจะสาดโคลนใส่หวังเค่อ ตัวเองยังไม่ทันได้พูดกลับรับเผือกร้อนมาถือแทน?
“เอาจูเยี่ยนไปขังคุกเดียวกับหวังเค่อ! เหอะ!” จูหงอี้สั่งเสียงเย็น
“ท่านอาทวด!” จูเยี่ยนอุทาน
ทว่า จูหงอีกลับสะบัดหน้าไม่แยแส ถงอันอันโบกมือก่อนเมฆค้างคาวจะเหาะมุ่งสู่ส่วนลึกของเกาะเทพัพร้อมคนที่เหลือ
หวังเค่อกับจูเยี่ยนถูกมารที่มาจากเกาะล่ามโซ่ตรวนไว้ทันที ไม่มีมารตนไหนออกปากปกป้องอีกแล้ว เป็ไปตามคาด ความภักดีไม่มีจริง หวังเค่อคาดหวังเสียแรงเปล่าแล้ว!
“หวังเค่อ อย่าโทษพวกเราเลยนะ ท่านเ้าตำหนักตัดสินใจไปแล้ว พวกเราเกลี้ยกล่อมต่อก็มีแต่ตาย เ้าไม่รู้ว่าท่านเ้าตำหนักเป็คนคิดเล็กคิดน้อย! อาฆาตมาดร้ายอย่างที่สุด!” มารตนหนึ่งกระซิบข้างหูหวังเค่อ
หวังเค่อ “...!”
หวังเค่อยังไม่ตอบ สายโซ่เส้นหนึ่งพลันตวัดลอยมาจากเมฆดำไกลโพ้นที่จูหงอีใช้เดินทาง โซ่ฟาดเข้าใส่มารตนที่พูดกับหวังเค่อ
“อ๊า ท่านเ้าตำหนัก ไว้ชีวิตข้าด้วย ข้าผิดไปแล้ว!” มารตนนั้นเปล่งเสียง
“ตูม!”
บังเกิดเสียงดังลั่น มารตนนั้นปลิวไปตามแรงโซ่ โลหิตกระอักพร่างพรมกลางอากาศ จมหายไปในทะเลพิษ
โซ่เส้นนั้นหลังกระแทกใส่มารเสร็จ ก็พลันเหาะเหินกลายเป็เส้นสายสีแดงย้อนกลับเข้าไปในแขนเสื้อของจูหงอีก่อนหายวับไป
หวังเค่ออ้าปากค้างมองดูจูหงอีที่เดินทางไปไกลลิบ เ้าจูหงอีนี่คิดเล็กคิดน้อยจริงๆ ด้วย!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้