หลัวชิงเยว่เหลือบมองที่ฉินอวี่ นางไม่ค่อยแปลกใจกับท่าทางแปลกใจของฉินอวี่ คนส่วนใหญ่เมื่อเข้าสู่แดนเทียนโหมวชั้นในเป็ครั้งแรกล้วนแต่ใเช่นเดียวกับฉินอวี่ หลังจากไตร่ตรองอยู่นาน หลัวชิงเยว่ก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม และสีหน้าที่ดูเคารพ “นั่นไม่ใช่จอมอสูรโหมวเซี่ยน แต่เป็ศิษย์เพียงคนเดียวของจอมอสูร เขามีนามว่าซวีอู๋! เมืองเทียนโหมวชั้นในแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นโดยปรมาจารย์ซวีอู๋”
“ปรมาจารย์ซวีอู๋! กลยุทธ์มรรคาสูญ” ฉินอวี่พึมพำ ใบหน้าเต็มไปด้วยความตกตะลึง ไม่มีใครรู้ว่าความใที่อยู่ในใจของฉินอวี่นั้นมีมากกว่าความใที่เผยออกมาบนใบหน้าหลายเท่า เรียกว่าใเป็อย่างยิ่ง!
“ปรมาจารย์ซวีอู๋ เป็เ้าไปได้อย่างไรกัน? เป็เช่นนี้ได้อย่างไร? หรือว่า เ้ากับหวังชิงหันหลังให้กันและกัน? หรือว่า ที่หวังชิงต้องควบคุมหยาจื้อสิบสามฝ่ายเอาไว้ ก็เพื่อจะสะกดเ้า?”
“เกิดเื่อะไรขึ้นใน่ที่ผ่านมากันแน่?”
มโนจิตของฉินอวี่ปกคลุมไปทั้งใบหน้าของรูปแกะสลักหิน ในใจของเขาเป็ไปด้วยความซับซ้อนมากมาย แม้ว่าหากเปรียบกับในอดีต โครงร่างของใบหน้าของปรมาจารย์ซวีอู๋จะมีอายุมากขึ้น ผ่านความผันผวนของกาลเวลา แต่ดวงตาที่สดใสของเขา เหมือนกำลังบ่งบอกทุกอย่างกับฉินอวี่
ปรมาจารย์ซวีอู๋ ก็คือคนเดียวกันกับหนึ่งในกลุ่มเด็กที่โตมากับเขาในอดีต นั่นก็คือ ชิงซวี!
ฉินอวี่นึกไม่ถึงเลยว่าชิงซวีจะอยู่ในเมืองต้าโหมวเทียน และยิ่งนึกไม่ถึงเลยว่าชิงซวีจะเป็ศิษย์ของจอมอสูรโหมวเซี่ยน สิ่งนี้ทำให้ฉินอวี่สับสนอย่างยิ่ง แม้ว่าในอดีตชิงซวีจะมีนิสัยเืเย็น มีความเงียบขรึม แต่เขาและหวังชิงก็มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาตลอด และด้วยความรู้สึกลึกๆ จึงไม่น่าจะหันหลังให้กันได้เช่นนี้
แต่ในตอนนี้... ชิงซวีได้กลายเป็ศิษย์ของจอมอสูรโหมวเซี่ยน และหวังชิงก็ได้ก่อตั้งสำนักยุทธ์ว่านจ้ง แต่กลับควบคุมกรรมของหยาจื้อสิบสามฝ่าย อีกทั้งยังคุกคามหยาจื้อสิบสามฝ่ายเพื่อสะกดจอมอสูรโหมวเซี่ยน
ฉินอวี่ไม่เชื่อเลย หวังชิงไม่รู้ว่าชิงซวีอยู่ในต้าโหมวเทียน ยิ่งไปกว่านั้น หากหวังชิงไม่ควบคุมกรรมของหยาจื้อสิบสามฝ่าย หยาจื้อสิบสามฝ่ายก็คงต้องยอมจำนนไปนานแล้ว ในท้ายที่สุด อย่างไรก็ไม่อาจกักขังพวกเขาไว้ตรงนั้นได้ตลอดกาล แต่ด้วยสาเหตุจากหวังชิง พวกเขาจึงต้องอยู่ที่นั่นมาตลอดเพื่อสะกดปรามจอมอสูรโหมวเซี่ยน
เมื่อเป็เช่นนี้ โหมวเซี่ยนจึงถูกขัง ชิงซวีจึงถูกกักไว้ที่นี่ตลอดกาลเช่นกัน จนกระทั่งเขาตายลง
เป็ไปได้หรือไม่ว่า... ที่หวังชิงทำมาทุกอย่าง ก็เพื่อกักขังชิงซวี?
“หลี่โหย่วฉาย? หลี่โหย่วฉาย?” หลัวชิงเยว่ขมวดคิ้วเล็กน้อย และส่งเสียงเรียกอยู่หลายครั้ง แต่ดูเหมือนฉินอวี่ยังอยู่ในอาการตกตะลึง จนทำให้หลัวชิงเยว่ประหลาดใจ
“ชิงซวี... ตายแล้วหรือ?” ฉินอวี่พึมพำ ในใจเต็มไปด้วยความว้าวุ่นอย่างมาก เด็กที่โตมาด้วยกันทั้งสองคนต่างได้เป็ใหญ่เป็โต แต่ฉินอวี่กลับนึกไม่ถึงเลยว่าพวกเขาจะหันหลังให้แก่กันได้เช่นนี้ ยิ่งไปกว่านั้น หากหวังชิงทำการสะกดชิงซวีไว้จริง เช่นนั้นแล้ว เสี่ยเอ๋อและโจวเสวี่ยฉิงก็จะต้องเข้ามายุ่งเกี่ยวด้วยแน่นอน ไม่เช่นนั้น ลำพังเพียงหวังชิง ก็คงยากที่จะรวบรวมผลกรรมของหยาจื้อสิบสามฝ่ายได้
เป็ไปได้หรือไม่ว่า... แม้แต่เสี่ยเอ๋อก็ยัง้าปราบและสะกดชิงซวี? ในอดีต่ที่ผ่านมาชิงซวีทำเื่อะไรให้ไม่พอใจกันแน่?
“หลี่โหย่วฉาย!” หลัวชิงเยว่พูดขึ้นอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่เฉียบขาด
ฉินอวี่ได้สติขึ้นมา เขารีบระงับความสงสัยและความคิดซับซ้อนในใจเอาไว้ และพูดอย่างตกตะลึง “ชิงเยว่หวัง ปรมาจารย์อู๋ซวีเป็ผู้สร้างเมืองเทียนโหมวชั้นในขึ้นมาจริงหรือ? แล้วปรมาจารย์ซวีอู๋ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่?”
“ร่างของอสูรเซียนก็คือสิ่งที่ปรมาจารย์ซวีอู๋ในอดีตได้รับมาจากความว่างเปล่าอันไร้ที่สิ้นสุด จากนั้นปรมาจารย์ซวีอู๋ก็บุกรุกเข้ามายังแดนต้าโหมวเทียน และมอบตัวเป็ศิษย์ของจอมอสูรโหมวเซี่ยน จนกลายมาเป็ศิษย์ต่างยุคของโหมวเซี่ยน! และเมื่อปรมาจารย์ซวีอู๋้าช่วยจอมอสูรโหมวเซี่ยน เขาจึงเข้ามายังส่วนลึกของเหวลึกอย่างไม่หวั่นอันตราย แต่ปรมาจารย์ซวีอู๋กลับทำไม่สำเร็จ และถูกฝังอยู่ใต้ส่วนลึกของเหวลึกแห่งนี้” หลัวชิงเยว่พูดด้วยเสียงแ่เบา ดวงตาเผยให้เห็นความเคารพอย่างเปิดเผย
ตายแล้วหรือ? ชิงซวีตายแล้วหรือ? ตายเพราะ้าช่วยจอมอสูรโหมวเซี่ยน?
เป็ไปได้อย่างไร?
ตามที่หลัวชิงเยว่กล่าวมา พละกำลังของชิงซวีจะต้องอยู่ในระดับสูงมากพอสมควรแล้วจึงจะฝากตัวเป็ศิษย์ของจอมอสูรโหมวเซี่ยน หรือว่า... เขาฝากตัวเป็ศิษย์จอมอสูรโหมวเซียนก็เพื่อให้มีปัจจัยเซียน เพื่อเข้าสู่ขั้นเขตแดนเซียน?
หรืออาจพูดได้ว่า หวังชิงบีบให้ชิงซวีมายังแดนต้าโหมวเทียน ชิงซวีจึงยอมฝากตัวเป็ศิษย์จอมอสูรโหมวเซี่ยน?
แต่ไม่ว่าเื่จะเป็เช่นไร แต่ก็ดูเหมือนจะไม่สมเหตุสมผล
ชิงซวีและหวังชิงต่างเติบโตมากับฉินอวี่ เขาจึงรู้จักทั้งสองคนดีเป็พิเศษ ชิงซวีมีนิสัยที่นิ่งขรึมและเ็า ส่วนหวังชิงนั้นเป็คนเรียบง่าย และตรงไปตรงมา ถกเถียงไม่เก่ง ชอบโต้แย้งแต่จิตใจดี และไม่ค่อยจะเห็นด้วยกับชิงซวีสักเท่าไร แม้ว่าฉินอวี่จะไม่รู้ว่าหลังจากที่ตนเองตายไปในอดีต เกิดเื่อะไรขึ้นบ้าง แต่เขาก็ไม่เชื่อว่าจะเกิดเื่บาดหมางขึ้นระหว่างหวังชิงและชิงซวี!
แต่หากไม่เป็เช่นนี้ ทำไมหวังชิงจะต้อง่ชิงผลกรรมของหยาจื้อสิบสามฝ่ายไปด้วยล่ะ ทั้งยังบีบบังคับให้พวกเขาต้องร่วมปราบจอมอสูรโหมวเซี่ยน? แล้วทำไมชิงซวีจะต้องถึงกับยอมสละชีวิตเพื่อจอมอสูรโหมวเซี่ยนด้วย? จะเป็เพราะ้าปัจจัยเซียนเพื่อเข้าสู่ขั้นเซียนจริงหรือ?
ฉินอวี่สับสนอย่างมาก ยิ่งคิดก็ยิ่งวุ่นวาย แต่เขาก็รู้สึกได้อย่างคลุมเครือว่าเื่ราวนี้ไม่น่าจะเป็อย่างที่เขาคิด และน่าจะมีอะไรบางอย่างอยู่ในนั้น
“ไปกันเถอะ” หลัวชิงเยว่มองดูฉินอวี่อย่างประหลาดใจ นางรู้สึกได้ว่าฉินอวี่มีบางอย่างผิดปกติไป แต่ก็ไม่อาจจะบอกได้อย่างชัดเจน
ฉินอวี่ละความคิดทั้งหมดเอาไว้ ก่อนจะทำใจให้สงบ และค่อยๆ พยักหน้า
“พวกเขาสองคนน่าจะอยู่ที่เชิงเขา และเ้าก็มีสถานะเป็อสูรอารักขาของข้า เ้าจึงสามารถเขาไปฝึกฝนตรงเชิงเขาได้” หลัวชิงเยว่กล่าวอย่างเฉยเมย
ฉินอวี่พยักหน้า ก่อนหันศีรษะกลับไปมองหวังจงและหลิวเจ๋อ พลางพูดขึ้น “ความเร็วในการฝึกฝนในเมืองเทียนโหมวชั้นในเร็วกว่าเมืองชั้นนอกมาก หวังว่าพวกเ้าจะตั้งใจฝึกฝน ที่นี่จะไม่มีใครรบกวนพวกเ้า นี่เป็ของบางส่วนที่ข้าเก็บไว้ หวังจงเ้าเก็บเอาไว้ ถึงเวลาก็แบ่งให้หลิวเจ๋อด้วย จริงสิ ชิงเยว่หวัง พอจะมอบทรัพยากรฝึกฝนให้กับพวกเขาบ้างได้หรือไม่?”
ใบหน้าที่มีาแของหลัวชิงเยว่กระตุกขึ้นทันทีและพูดอย่างเ็า “ได้ พวกเ้านำป้ายคำสั่งนี้ไปรายงานตรงเชิงเขาเถอะ จะมีคนจัดการเื่ที่พักให้พวกเ้า ไปกันเถอะ หลี่โหย่วฉาย” พูดจบหลัวชิงเยว่ก็ก้าวเท้าจากออกไป
หลังจากอธิบายกันเรียบร้อยแล้ว ฉินอวี่ก็บอกลาหวังจงและหลิวเจ๋อ ก่อนจะตามหลัวชิงเยว่ไปทันที
“ที่นี่คือเมืองเทียนโหมวชั้นในจริงหรือ? ข้าไม่ได้ฝันไปใช่หรือไม่?” เมื่อเห็นว่าหลัวชิงเยว่และฉินอวี่ค่อยๆ จากไปแล้ว หลิวเจ๋อก็ะโออกมาด้วยความตื่นเต้นอย่างควบคุมไม่ได้ ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้นเช่นกัน
แม้ว่าหวังจงจะตื่นเต้นมากเช่นกัน แต่เขาก็พยายามระงับไว้อย่างจริงจัง และมองดูฉินอวี่จากออกไป หวังจงก็พูดขึ้นเบาๆ “หลิวเจ๋อ พวกเราจะต้องตั้งใจฝึกฝนกันแล้วล่ะ อย่าให้พี่หลี่ต้องผิดหวัง ข้าหวังว่าสักวันหนึ่ง เมื่อพี่หลี่้าพวกเรา พวกเราก็จะสามารถช่วยเหลือพี่หลี่ได้!” พูดจบ หวังจงก็หยิบวงแหวนมิติที่ฉินอวี่มอบให้ขึ้นมา และใช้มโนจิตส่องดูภายใน และเมื่อมองเห็นกลวิชาเต๋าจำนวนสองเล่ม หวังจงก็ใจเต้นแรงขึ้นมาทันที
ฉินอวี่พูดเลี่ยงๆ ไปตลอดทาง เพื่อหวังจะได้ข้อมูลเกี่ยวกับชิงซวี
“ชิงเยว่หวัง เหวลึกนั่นคือที่ใดกันแน่? เผ่าประหลาดนั่นแข็งแกร่งขนาดนั้นเชียวหรือ? ไม่เพียงแต่จะปราบปรามจอมอสูรโหมวเซี่ยนได้ แต่ยังสังหารปรมาจารย์ซวีอู๋ด้วย เช่นนั้นพวกเราไม่เท่ากับถูกขังอยู่ในแดนต้าโหมวเทียนไปตลอดกาลหรือ?”
“แม้ว่าปรมาจารย์ซวีอู๋จะตายไปแล้ว แต่เขาก็ยังเหลือแดนสมบัติเอาไว้ในเมืองเทียนโหมวชั้นใน ขอเพียงมีเวลาให้พวกเรามากพอ พวกเราก็จะสามารถหลุดพ้นจากพันธนาการนี้ได้ เ้ามีความ้าอะไรอื่นอีกหรือไม่? บอกมาเถอะ อีกไม่กี่วันข้าต้องไปเก็บตัวฝึกบำเพ็ญ” หลัวชิงเยว่กล่าวอย่างเฉยเมย ราวกับว่าไม่อยากพูดมากเกี่ยวกับเื่นี้
“ชิงเยว่หวัง ข้า้าจะอยู่ฝึกฝนที่นี่สักระยะหนึ่ง เพื่อเข้าร่วมทดสอบอสูรอารักขา พูดตามตรง การทดสอบของผู้เฒ่าร้องไห้คือการให้ข้าต้องสำเร็จเป็หนึ่งในสามสิบหกขุนพล์ภายในเวลาสามปี” ฉินอวี่กล่าวอย่างจริงใจ ฉินอวี่พอจะคาดเดาจุดประสงค์ของหลัวชิงเยว่ได้ ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็ต้องปิดบังอะไร
หลัวชิงเยว่เยาะเย้ยอยู่ในใจ การทดสอบของผู้เฒ่าร้องไห้? คือการให้เ้าเป็สามสิบหกขุนพล์? หลังชิงเยว่ไม่อาจเปิดเผยอะไรได้มาก เพียงแต่ เมื่อฉินอวี่พูดขึ้นมาตามตรงว่าคิดจะเป็สามสิบหกขุนพล์ ทำให้นางงุนงงอย่างมาก
“หรือว่า้าเข้าร่วมสามสิบหกขุนพล์ เพื่อให้ได้สิ่งวิเศษ?” หลัวชิงเยว่สงสัยอยู่ในใจ และพูดออกไป “เ้ายังไม่มีสิทธิ์เป็หนึ่งในสามสิบหกขุนพล์ หรือพูดอีกอย่างหนึ่งคือ หากเ้าจะเข้าทดสอบสามสิบหกขุนพล์ จะต้องเป็หนึ่งในเจ็ดสิบสองอสูรธรณีเสียก่อน”
ฉินอวี่นึกไม่ถึงเลยว่าเมื่อตนเองพูดความจริง หลัวชิงเย่วจะไม่เชื่อเขา และเมื่อได้ยินคำพูดของหลัวชิงเยว่ ฉินอวี่ก็แอบถอนหายใจ และพูดว่า “จะเป็หนึ่งในเจ็ดสิบสองอสูรธรณีได้อย่างไร? ในเมื่อข้ามีเวลาเพียงสามปีเท่านั้น?”
“หากในการประลอง สามารถเอาชนะอสูรธรณีได้สักคนหนึ่ง ก็มีสิทธิ์เข้าแทนที่เขาคนนั้น!”
ดวงตาของฉินอวี่เปล่งประกายจ้า และพูดขึ้นอีกครั้ง “เช่นนั้นหากข้าเอาชนะสามสิบหกขุนพล์ได้ ข้าจะได้แทนที่เขาใช่หรือไม่?”
