เวลาผ่านไปราวสิบนาทีกว่าๆ ชายชราผมสีเทาแต่ใบหน้ายังเยาว์วัยในชุดคลุมยาวสีขาวคนหนึ่งก็เดินออกมาจากห้องโถงด้านใน เขาขึ้นไปยืนอยู่บนเวทีสูงและกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “ข้าคือหนึ่งในผู้คุมสอบครั้งนี้ พวกเ้าสามารถเรียกข้าว่าผู้าุโหลิว”
“แข็งแกร่ง ผู้าุโหลิวคนนี้มีพลังแข็งแกร่งมากจริงๆ” มองผู้าุโหลิวเพียงปราดเดียว เยี่ยเฉินเฟิงก็ถูกพลังที่แท้จริงของอีกฝ่ายทำให้รู้สึกสั่นคลอนในทันที เขารู้สึกว่าผู้าุโหลิวคนนี้จะต้องมีพลังแข็งแกร่งที่สุดแล้วจากบรรดาผู้คนที่เขาเคยพบเจอมา
“ต่อไป ข้าจะประกาศเนื้อหาการทดสอบของสำนักฝึกยุทธ์อัคคี์ในครั้งนี้ให้ฟัง การทดสอบในครั้งนี้แบ่งออกเป็สามด่าน ประกอบด้วยการทดสอบพลังกาย ทดสอบหุ่นเชิดและการข้ามผ่านหุบเขาจื่ออวิ๋น มีเพียงผู้ที่ผ่านการทดสอบทั้งสามด่านเท่านั้นจึงจะมีคุณสมบัติเข้าร่วมเป็ศิษย์ของสำนักฝึกยุทธ์อัคคี์ หลังจากการทดสอบสิ้นสุดลง พวกเราจะนำคะแนนทั้งสามด่านของแต่ละคนมาเทียบกันเพื่อจัดเรียงผู้ที่ได้รับรางวัลในสิบอันดับแรก”
“รางวัลของผู้ที่ได้อันดับหนึ่ง คือเม็ดยาระดับเก้าหรือที่เรียกว่าเม็ดยาเก้าลำนำ อันดับสองคือเม็ดยาระดับแปด เม็ดยาปฐี อันดับสามคือเม็ดยาระดับแปด เม็ดยาหยกขาวสุริยะชาด อันดับสี่ถึงอันดับที่สิบจะได้รับผลึกิญญาระดับต่ำเป็รางวัล”
เมื่อได้ยินเกี่ยวกับของรางวัลในครั้งนี้ บรรดาอัจฉริยะผู้เย่อหยิ่งจองหองทั้งหลายก็พากันตาวาววับ ตื่นเต้นจนคุมอาการไม่อยู่
อย่างไรเสียเม็ดยาระดับแปด ระดับเก้าแม้แต่ในตระกูลยุทธ์โบราณยังหาได้ยากยิ่ง โดยเฉพาะเม็ดยาเก้าลำนำที่เป็เม็ดยาในตำนานเล่าขาน ถ้าหากพวกเขาได้รับของรางวัลเ่าั้มา ต้องสามารถทะลวงผ่านระดับขั้นได้อย่างน้อยที่สุดหนึ่งขั้นภายในระยะเวลาอันสั้น
ต่อให้เอื้อมไม่ถึงเม็ดยาเก้าลำนำ แต่เม็ดยาปฐีและเม็ดยาหยกขาวสุริยะชาดก็ดึงดูดพวกเขาได้ไม่น้อยไปกว่ากันเลย ทำให้จิติญญาแห่งการต่อสู้ของพวกเขาลุกโชน จนอยากที่จะเข้าร่วมการทดสอบเสียเดี๋ยวนี้
“โง่เง่า มีแต่พวกโง่เขลาทั้งนั้น อย่าคิดจะเอามือสกปรกมาแตะต้องเม็ดยาเก้าลำนำระดับเก้าเชียวนะ” สีหน้าจองหองของซั่งกวนเผิงผู้มีรูปร่างสูงใหญ่กำยำ เผยแววเยาะเย้ยถากถางออกมาเล็กน้อย
ในสายตาของเขา เม็ดยาระดับเก้านี้ถูกเตรียมไว้เพื่อเขาโดยเฉพาะ ไม่มีใครหน้าไหนมีพลังมากพอจะมา่ชิงกับเขาได้หรอก
เซินถูเหยี่ยแม้จะไม่คาดหวังกับเม็ดยาเก้าลำนำ แต่กับเม็ดยาปฐีและหยกขาวสุริยะชาดนั้นเขาสนใจเป็อย่างมาก หากได้หนึ่งในสองของเม็ดยาระดับแปดนั้นมา เขามั่นใจว่าจะสามารถทะลวงผ่านเขตแดนปรมาจารย์อสูรมายาได้ใน่เวลาเพียงสั้นๆ
พอถึงตอนนั้นเขาก็ไม่ต้องหวาดกลัวซั่งกวนเผิงอีกต่อไป เมื่อได้เข้าสู่สำนักฝึกยุทธ์อัคคี์แล้ว ยังสามารถแย่งชิงทรัพยากรสำหรับฝึกฝนได้มากขึ้นด้วย
“สมแล้วที่เป็สำนักฝึกยุทธ์อัคคี์ ช่างร่ำรวยเสียจริงเชียว”
ความทรงจำที่ได้รับสืบทอดมาในห้วงสมองของเยี่ยเฉินเฟิงมีคำอธิบายเกี่ยวกับเม็ดยาทั้งสองชนิดนี้อยู่ จึงรู้ว่ายาทั้งสองเม็ดมีระดับการกลั่นที่ยากมาก โดยเฉพาะเม็ดยาเก้าลำนำหรือเม็ดยาระดับเก้าที่ต้องใช้ของวิเศษหนึ่งร้อยแปดชนิดมากลั่นรวมเป็เม็ดยา ราคาสูงจนประเมินค่าไม่ได้
ทว่าเขารู้ดีว่าการ่ชิงอันดับหนึ่งทำได้ยากมาก หากตนเองอยากจะได้ชัยชนะมาอย่างราบรื่น จำเป็ต้องบำรุงเืลมในร่างกายที่ยังพร่องอยู่ให้เต็ม เพิ่มระดับพลังที่แท้จริงให้สูงขึ้น
“ดูท่าข้าจะต้องรีบชิงโสมโลหิตจักรพรรดิพันปีมาให้ได้โดยเร็ว มิฉะนั้นของรางวัลในสามอันดับแรกจะต้องหลุดมือไปอย่างแน่นอนเลย”
“เอาล่ะ ทุกคนเงียบเสียงกันหน่อย ตอนนี้จะเริ่มทำการทดสอบพลังกายแล้ว ทุกคนจงตามข้าไปที่ศิลาทดสอบพลัง”
กล่าวจบ ผู้าุโหลิวก็พาพวกเยี่ยเฉินเฟิงเดินเข้าไปด้านในเซิงเซียนถังที่โอ่อ่าตระการตา สีสันงดงามแพรวพราว และพบเข้ากับศิลาสีดำสนิททั้งก้อนขนาดสูงใหญ่เกือบสิบเมตรตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้าของพวกเขา
“ศิลาก้อนนี้ก็คือศิลาทดสอบพลัง เมื่อการสอบเริ่มต้นขึ้นพวกเ้าทุกคนจะต้องโจมตีศิลาก้อนนี้ให้สุดแรง ขอเพียงพละกำลังสูงเกินกว่าหนึ่งพันจินขึ้นไปก็จะถือว่าสอบผ่าน จงจำไว้ว่าพวกเ้าทุกคนมีโอกาสเพียงแค่สามครั้งเท่านั้น ถ้าหากล้มเหลวหมดทั้งสามครั้งพวกเ้าจะถูกคัดออกทันที” ผู้าุโหลิวยืนอยู่ด้านหน้าก้อนศิลาทดสอบพลังอันใหญ่โต ประกาศเสียงดังลั่น
“เอาล่ะ พวกเ้าเตรียมตัวกันให้พร้อมละกัน ข้าจะเริ่มเรียกตามรายชื่อแล้ว ลูกศิษย์คนที่ถูกขานชื่อก็ออกมาทำการทดสอบได้เลย”
“เฟิงเซียวเซียว”
เมื่อได้ยินเสียงผู้าุโหลิวขานเรียกชื่อของตนเอง เด็กสาวอายุราวสิบสองปีผู้มีผิวพรรณขาวผ่องดุจหิมะ หน้าตาสวยงามราวกับภาพวาดก็เดินออกมาจากฝูงชน มุ่งตรงไปยังศิลาทดสอบพลัง
เมื่อนางสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ พลังิญญาภายในห้องสมองของนางก็พลั่งพรูออกมา พลังอันแกร่งกล้าขุมหนึ่งแผ่กระจาย จิตอสูรม้าศึกที่แผ่ลำแสงสีฟ้าอันแกร่งกล้าก็ปรากฏออกมาทับซ้อนอยู่กลางร่างกายของนาง
“ม้าสามเนตร” เยี่ยเฉินเฟิงที่เห็นจิตอสูรของเฟิงเซียวเซียวในคราแรกถึงกับตกตะลึงไปเลย เขาพึมพำกับตัวเอง “สมแล้วที่เป็อัจฉริยะของตระกูลยุทธ์โบราณ อายุยังน้อยถึงเพียงนี้ก็ทะลวงผ่านเขตแดนปรมาจารย์อสูรมายาระดับหนึ่งได้แล้ว มิหนำซ้ำยังได้จิตอสูรกลายพันธุ์อีก”
ในบรรดาจิตอสูรระดับเดียวกัน จิตอสูรที่กลายพันธุ์จะมีความน่ากลัวยิ่งกว่า ทว่าจิตอสูรที่เกิดการกลายพันธุ์หาได้ยากมากแม้แต่ในสำนักฝึกยุทธ์อัคคี์ยังแทบไม่ค่อยเห็นเลย
หลังจากผสานร่างกับจิตรอสูรกลายพันธุ์ม้าสามเนตรแล้ว เฟิงเซียวเซียวที่ยืนอยู่จุดเดิมก็พุ่งออกไปข้างหน้าอย่างฉับพลัน กลุ่มก้อนพลังิญญาสีฟ้ารวมตัวอยู่ในกำปั้นขวาของนางก่อนจะออกหมัดชกใส่ศิลาทดสอบพลัง
ครู่ต่อมา ศิลาทดสอบพลังสีดำสนิทดุจน้ำหมึกก็เปล่งแสงสีขาวออกมา แสงนั้นไต่ระดับสูงขึ้นไป้าด้วยความรวดเร็ว
ในที่สุดผลคะแนนของเฟิงเซียวเซียวก็ปรากฏออกมา หนึ่งหมัดของนางทำคะแนนได้สูงถึงสองพันสามร้อยจิน ทำให้คนจำนวนไม่น้อยรู้สึกชื่นชมนับถือ
“ผ่านได้ คนถัดไป”
ผู้าุโหลิวค่อนข้างพอใจกับผลคะแนนของเฟิงเซียวเซียว จึงพยักหน้าให้ผ่านได้ก่อนจะขานชื่อเรียกคนถัดไปขึ้นมาทดสอบพลัง
แม้ว่าจำนวนคนที่สำนักฝึกยุทธ์อัคคี์เปิดรับในแต่ละปีจะน้อยมาก โดยจำกัดไว้ที่ห้าสิบคนเท่านั้น แต่ในบรรดาห้าสิบคนนี้ก็ต้องมีระดับพลังที่เหลื่อมล้ำกันอยู่อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
เนื่องจากมีคนจำนวนไม่น้อยที่ตื่นเต้นกังวลจนไม่สามารถแสดงพลังได้อย่างเต็มที่ เป็เหตุให้ผลคะแนนออกมาไม่ตรงตามหวัง
ศิษย์ห้าคนที่เข้าร่วมการทดสอบพลังต่อจากเฟิงเซียวเซียว มีเพียงสองคนเท่านั้นที่ผ่านการทดสอบไปได้อย่างราบรื่น อีกสามคนที่เหลือถูกคัดออกอย่างโหดร้าย หมดสิทธิ์ในการร่วมทดสอบไปอย่างน่าเสียดาย
“จีชิงเสวี่ย!”
ในตอนที่เยี่ยเฉินเฟิงและคนอื่นๆ กำลังเฝ้ารออย่างมุมานะ ผู้าุโหลิวก็ประกาศรายชื่อของจีชิงเสวี่ยขึ้นมา
“จีชิงเสวี่ย ยอดพธูอันดับหนึ่งของแคว้นจื่อจิน งดงามสมคำร่ำลือจริงๆ ไม่รู้ว่าการได้กดนางเอาไว้ใต้ร่างจะเป็ความรู้สึกเช่นไรกัน” ซั่งกวนเผิงที่เห็นรูปร่างสูงเพรียวและใบหน้างดงามหาตัวจับได้ยากของจีชิงเสวี่ย ดวงตาพลันทอประกายร้อนแรงออกมา ในใจผุดความคิดชั่วร้ายขึ้น
“แกว๊ก!”
เสียงนกร้องดังหวีดขึ้นมาจากร่างกายของจีชิงเสวี่ย นางชกกำปั้นใส่ศิลาทดสอบพลังสีดำสนิทด้วยพลังที่ผสานร่างรวมกับจิตอสูรวิหคน้ำแข็ง
ครู่ต่อมา แสงสว่างวาบที่เปล่งประกายออกมาจากศิลาทดสอบพลังก็รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ผลคะแนนของจีชิงเสวี่ยปรากฏออกมาอยู่ที่หนึ่งพันแปดร้อยจิน ถือว่ามีชัยเหนือกว่าผู้ใช้อสูริญญาระดับหกทั่วไป
“จีชิงเสวี่ยนางก้าวหน้าเร็วมาก อีกไม่นานคงทะลวงผ่านเขตแดนปรมาจารย์อสูรมายาระดับหนึ่งได้แน่” เยี่ยเฉินเฟิงเห็นผลคะแนนของจีชิงเสวี่ย จึงแอบคิดเงียบๆ อยู่ในใจ
หลังจากจีชิงเสวี่ย คนที่ขึ้นไปทดสอบต่อก็คือซั่งกวนเผิง เซินถู เหยี่ยและเซินถูปิง เด็กสาวนิสัยเสียที่มีเื่กับเยี่ยเฉินเฟิงตามลำดับ
ในบรรดาคนเ่าั้ ซั่งกวนเผิงที่อยู่เขตแดนปรมาจารย์อสูรมายาระดับสองและมีพลังแกร่งกล้ามากที่สุด การชกหนึ่งครั้งของเขาทดสอบพลังออกมาได้ถึงสามพันแปดร้อยจิน สร้างความตื่นใไปทั่วทั้งสนามทดสอบ
คะแนนการทดสอบของเซินถูเหยี่ยแม้จะไม่ได้น่าตื่นตะลึงเท่าซั่งกวนเผิง แต่ก็อยู่เหนือกว่าคะแนนของเฟิงเซียวเซียวที่ขึ้นทดสอบเป็คนแรก ได้ผลคะแนนทั้งสิ้นสองพันห้าร้อยจิน มีคะแนนจัดอยู่ในอันดับสอง
เมื่อเซินถูเหยี่ยเห็นผลคะแนนของตัวเอง จึงเผยรอยยิ้มพึงพอใจออกมา จงใจส่งสายตาท้าทายมาทางเยี่ยเฉินเฟิง คาดหวังจะเห็นสายตาหวาดกลัวของเขา
ทว่าเยี่ยเฉินเฟิงกลับเมินเฉยต่อสายตาท้าทายของเขา ในห้วงความคิดกำลังใคร่ครวญถึงผลดีผลร้ายที่จะเปิดเผยระดับพลังกายอย่างไม่หยุดหย่อน
“เยี่ยเฉินเฟิง”
ในขณะที่เยี่ยเฉินเฟิงกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น ในที่สุดผู้าุโหลิวก็เอ่ยเรียกชื่อเขา ทำให้เขาได้สติคืนมาจากการครุ่นคิด
“ในที่สุดก็ถึงลำดับข้าสักที”
เยี่ยเฉินเฟิงเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย สายตาจ้องมองศิลาทดสอบพลังที่สูงขึ้นไปนับสิบเมตร ก้าวเดินอย่างมั่นคงไปทางจุดทดสอบพลัง
เพื่อเม็ดยาเก้าลำนำหรือเม็ดยาระดับเก้าแล้วนั้น เขาตัดสินใจที่จะเปิดเผยพละกำลังสุดแข็งแกร่งของตัวเอง ส่วนผลที่จะตามมาหลังจากการเปิดไพ่ลับใบนี้ออกไป เขาทำใจลืมมันไปจนหมดสิ้นแล้ว
แข็งแกร่ง ตัวตนจะเป็ดั่งความเย่อหยิ่งทระนง อ่อนแอ ตัวตนจะเป็ดั่งความผิดพลาดพ่ายแพ้
ในสำนักฝึกยุทธ์อัคคี์ที่มีผู้แข็งแกร่งดุจเมฆที่ลอยเกลื่อน มีเพียงการทำให้ตัวเองแข็งแกร่งกว่าคนอื่นเท่านั้นถึงจะยืนหยัดอยู่ได้อย่างมั่นคง
